บทที่ 2 ตอนที่ 44
「มันจะมาแล้ว!」
อูโรโบรอสเห็นกลุ่มคนที่มาใหม่ทั้งสามคนเป็นศัตรูด้วยเช่นกัน มันอ้าปากกว้างและพุ่งโจมตีใส่พวกเขา
「น็อน, มิมิโนะ, ถอยออกมา!」
「ค่ะ!」
「ได้เลย!」
น็อนซังกับมิมิโนะซังถอยไปข้างหลังเพื่อหลบการโจมตี ทว่าดันเต้ซังกลับก้าวไปข้างหน้าอูโรโบรอส ก่อนที่มันจะงับเขา ดันเต้ซังก็ก้าวถอยหลังทันที อูโรโบรอสที่กะระยะผิดพลาดจึงได้แต่งับไปยังความว่างเปล่า
ดันเต้ซังที่ถือคทาด้ามเหล็กหนาๆและลูกตุ้มโลหะคล้ายกับกลีบดอกไม้ที่ปลายหัวของมันเอาไว้ที่มือขวา บวกกับ【เวทย์ซัพพอร์ต】ของน็อนซังที่ช่วยเสริมความสามารถด้านกำลังของดันเต้ซังขึ้นไปหลายระดับ ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าเธอใช้ไปตอนไหนเหมือนกัน เขาได้ตวัดคทาลงไปที่ปลายจมูกของอูโรโบรอส ทำลายเกล็ดที่มีดสั้นของผมทำได้แค่รอยขีดข่วน หัวของงูโค้งงอแล้วกระแทกกับพื้น
《ก๊าซซซซซซซซ!!》
เลือดสาดกระเซ็นจากปลายจมูกของมันในขณะที่มันกลิ้งไปกลิ้งมา ชนเข้ากับบ้านเรือนบนถนน, สร้างความเสียหายให้กับกำแพง
ว้าว ดันเต้ซังเข้าสู่ระยะโจมตีของมอนสเตอร์โดยไม่ลังเลเลย ใช้มันเป็นตัวล่อก่อนจะโจมตีหนักๆ พลังของเขาที่เห็นได้ชัดจากการโจมตีนั้นชัดเจนเลยว่าแข็งแกร่งกว่าเมื่อ 4 ปีก่อน
ดันเต้ซัง แน่ใจนะว่าคุณอายุประมาณ 40 แล้วหน่ะ!? ทำไมถึงแข็งแกร่งกว่าเดิมละ!? ตามปกติ พลังกายจะต้องลดถอยลงตามอายุสิ!?
บางทีดันเต้ซังอาจจะรุบรู้ถึงอาการตกใจของผมก็ได้ เขาเลยยิ้มให้กับผม
「มันก็ 4 ปีแล้ว ข้ามั่นใจว่านายเองก็ต้องแข็งแกร่งขึ้นเหมือนกัน ใช่ไหม?」
「…ครับ」
ใช่แล้ว มันก็ผ่านมา 4 ปีแล้วสำหรับพวกเราทุกคน ผมเองก็เติบโตขึ้นแล้วเหมือนกัน
「ดันเต้ซัง ผมจะสร้างช่องว่างให้ ดังนั้นช่วยดึงความสนใจมันให้หน่อยนะครับ?」
「เชื่อมือได้เลย!」
เขาไม่ถามเลยว่าอะไรหรือทำไมเลย
ทำแค่พยักหน้าและรับมัน
เขาเชื่อใจผมสุดหัวใจเลย—ซึ่งทำให้ผมมีความสุขมาก
「มันเริ่มเคลื่อนไหวอีกแล้ว!」
อูโรโบรอสกำลังโกรธดันเต้ซัง 【World Ruler】ยืนยันว่ามีการรวบรวมมานาเกิดขึ้นที่ดวงตาของมัน
(ไม่ยอมปล่อยให้ลงมือก่อนหรอก!)
ผมรีบยิง【เวทย์ไฟ】ด้วยมือขวาของผมและเพิ่ม【เวทย์ลม】ด้วยมือซ้ายของผมทันที ถึงไฟจะไม่แรงพอที่จะทำดาเมจได้แต่มันก็มีขนาดใหญ่มาก อูโรโบรอสตกใจและดึงตัวถอยหลังไป
「…เรย์จิ ตอนนี้นายสามารถร่ายเวทมนตร์ 2 อันพร้อมกัน—」
「ผมเองก็จะร่วมสู้ด้วยครับ!」
ผมวิ่งไปที่อีกด้านของหัวอูโรโบรอส เนื่องจากมันมี 6 ตา มันจึงเห็นผมอย่างที่คิด ก้อนความมืดบินตรงมาทางผมด้วยความเร็วสูง มันเป็น【เวทย์ความมืด】ผมหลบไปรอบๆ ก้อนความมืดนั้นระเบิดออกเมื่อมันกระทบกับพื้น ส่งผลให้เกิดกลุ่มควันและฝุ่นบดบังทัศนวิสัย หัวอันใหญ่ของอูโรโบรอสได้พุ่งฝ่ากลุ่มควันเข้ามา
「กะแล้วว่าแกต้องเข้ามา!」
อูโรโบรอสนั้นเป็นสัตว์ยักษ์ แต่ในเวลาเดียวกัน มันเองก็มีสติปัญญาด้วย ทั้งกลัวไฟ, จดจำศัตรู, และใช้เวทมนตร์ได้ ด้วยทั้งหมดนั้น ผมมั่นใจเลยว่าอย่างน้อยมันก็สามารถใช้กลยุทธ์ได้แน่ๆ
(【เวทย์น้ำ】!)
ผมใช้มานาเกือบทั้งหมดเพื่อใช้งานเวทย์น้ำ【เวทย์น้ำ】นั้น ก็อย่างที่ชื่อของมันบอก มันเป็นเวทมนตร์ที่ใช้ควบคุมน้ำ—ในทางกลับกัน มันก็สามารถใช้ลดอุณหภูมิซึ่งเป็นด้านตรงข้ามของ【เวทย์ไฟ】ดูเหมือนบางคนจะเรียกมันว่า “เวทย์น้ำแข็ง” ด้วย แต่มันไม่มีหินสกิลที่ชื่อว่า “เวทย์น้ำแข็ง” นี่สิ
กำแพงน้ำแข็ง 3 ชั้นปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าของผมในตอนที่ผมวางมือลงบนพื้น มานาถูกสูบออกไปจากร่างกายของผมอย่างรวดเร็ว
…ผมจะหยุดมันด้วยนี่แหล่ะ
ตามข้อมูลของ【World Ruler】, มันควรจะได้ผล สิ่งนี้จะใช้หยุดอูโรโบรอสได้
「อะ-เอาจริงดิ!?」
อูโรโบรอสนั้นยังเก็บไพ่ของมันเอาไว้อยู่ มันได้ใช้งาน【เวทย์ความมืด】เพื่อคลุมร่างอันใหญ่โตของมัน อูโรโบรอสได้ทำลายกำแพงน้ำแข็งชั้นแรกได้อย่างง่ายดาย, ทำลายกำแพงที่ 2 พร้อมกับความเร็วที่ลดลง, และชนเข้ากับกำแพงที่ 3 จนปรากฏรอยร้าวขึ้นแล้วพังทลายลงมาในเวลาไม่นาน
(ซวยแล้ว! มันกำลังจะชนผมตรงๆเลย!)
จังหวะที่ผมกำลังจะหลบออกมา เหยือกเล็กๆที่ทำจากกระเบื้องเคลือบสีเขียวได้ลอยมาทางนี่ มันแตกออกเมื่อชนเข้ากับกำแพงน้ำแข็งและมีแสงสีม่วงกระจายออกมา
「นั่นมันอะไรหน่ะ?」
และราวกับว่าผมกำลังดูวิดีโอย้อนกลับ กำแพงน้ำแข็ง 3 อันก็ได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง — ล้อมรอบอูโรโบรอส
《กุ๊, โก๊ะโก๊ะ, อาาา…》
เมื่อหัวของมันถูกล้อมรอบไปด้วยกำแพงน้ำแข็งราวกับปลอกคอ อูโรโบรอสก็ขยับไปไหนไม่ได้
「นุฟุฟุฟุฟุ เธอคิดยังไงบ้างละกับโพชั่นลับของชั้น “โพชั่นคัดลอก(Dupe Potion)” หน่ะ?」
มิมิโนะซังที่โยนเหยือกมาจากระยะไกลนั้นมีท่าทางภูมิใจอยู่บนใบหน้าของเธอพร้อมกับเท้าสะเอวไปด้วย สุดยอดไปเลย น่ารักมาก
มันเป็นไอเทมที่ใช้คัดลอกเวทมนตร์ที่ร่ายโจมตีออกไปงั้นหรอ? ผมไม่เห็นเคยได้ยินอะไรแบบนั้นมาก่อนเลย
「เรย์จิ… ดูเหมือนมันจะหยุดเคลื่อนไหวไปแล้วนะ」
「ครับ ผมไม่รู้ว่ามันจะใช้ได้ผลกับอูโรโบรอสไหม แต่สัตว์เลือดเย็นนั้นแพ้ต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิในร่างกายครับ」
「หมายความว่าไงละนั่น?」ดันเต้ซังงุนงง
「อา คือ ไว้ผมจะอธิบายให้ฟังทีหลังแล้วกันครับ」
ผมเองก็ไม่รู้ว่าอูโรโบรอสจะเป็นสัตว์เลือดเย็นหรือเปล่า แต่ดูจากที่มันดูเหมือนกับงูแล้ว มันมีแนวโน้มที่จะสืบทอดลักษณะของงูมาด้วย ดังนั้นผมจึงคิดว่าจุดอ่อนของมันก็คืออุณหถูมิที่ต่ำๆ
「สำหรับตอนนี้ พวกเราควรจะควบคุมไม่ให้มัน–」
「อย่าพึ่งวางใจค่ะ! มันยังขยับได้อยู่!」
ผมตกใจกับเสียงตะโกนของน็อนซัง ผมประมาทไปเพราะหัวของมันที่อยู่ข้างหน้านี้นั้นหมดแรงจากความเย็น
อูโรโบรอสรีบยกลำตัวของมันขึ้นราวกับหอคอย ก่อนจะทุ่มมันลงมาที่พวกเรา
ดันเต้ซังปล่อยคทาของเขา แทรกตัวมาที่ด้านหน้าผม แล้วยกโล่ใหญ่ของเขาขึ้นด้วยสองมือ มีเสียงสะท้อนดังกึกก้องเหมือนกับมีรถชนกัน
「นุโอ้วววววววว!!」ดันเต้ซังคำราม
ลำตัวของมันพลิกไปด้านข้างและสะบัดไปทั่วพื้น พื้นดินสั่นไหวและเกิดกลุ่มควันขึ้น
「เรย์จิ! ปิดฉากเลย!」
「–ครับ!」
ผมกระโดดขึ้นไปบนหัวของอูโรโบรอสเรียบร้อยแล้ว มานาของผมใกล้จะหมดและสายตาก็ส่ายไปมาเล็กน้อย ผมกำดาบสั้นกลับหลังและยกมันสูงขึ้น
「พรจากพระเจ้า!」
น็อนซังร่าย【เวทย์ซัพพอร์ต】ให้กับผม เวทมนตร์ “ประเภทลึกลับ” อย่าง【เวทย์รักษา】กับ【เวทย์ซัพพอร์ต】นั้นจะได้ผลมากที่สุดก็เมื่อสัมผัสกับเป้าหมายโดยตรง และจะลดลงตามระยะทางที่เพิ่มขึ้นด้วย ผมประหลาดใจมากที่เวทมนตร์มาถึงตัวผมได้ ถึงแม้ผมกับน็อนซังจะห่างกันถึงประมาณ 15 เมตร
ราวกับผู้ส่งสารจากพระเจ้าได้ลงมาจากท้องฟ้า แสงสว่างจ้าได้สาดส่องลงมาจากฟากฟ้าโอบล้อมตัวผม เติมเต็มร่างกายของผมให้เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง
(ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ประเภทอื่นผสมอยู่ด้วย!)
ผมไม่เคยจะได้ยินมาก่อนเลยว่า【เวทย์ซัพพอร์ต】จะให้ผลอย่างนี้ ดูเหมือนน็อนซังเองก็เรียนรู้เทคนิคใหม่มาเหมือนกัน
「ฮ้า!!」
ผมปักดาบลงตรงกลางระหว่างดวงตาทั้ง 6 ของอูโรโบรอส ใบดาบหยุดลงเมื่อมันจมลงไปครึ่งหนึ่ง ดังนั้นผมจึงทุ่มแรงทั้งหมดที่มีดันดาบลงไปจนสุด
「ฮ้าาาาาาาาา!」
ขณะที่ดาบค่อยๆจมลงไป ถึงจุดหนึ่ง ผมก็ได้ยินเสียงของบางอย่างแตกออก ต่อมา ร่างกายของอูโรโบรอสก็แข็งค้างไปสักพัก ก่อนจะล้มลงอย่างหมดเรี่ยวแรงที่ตรงนั้นไป
「ฮ่าา…」
ผมกระโดดลงมาจากหัวของอูโรโบรอสและลงจอดที่ข้างๆดันเต้ซัง สีเกล็ดของงูยักษ์ได้จางลงไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกลายเป็นขี้เถ้าล่องลอยไปในอากาศ
「เอ๊ะ มันกำลังหายไป?」
ของเหลวสีดำที่คลุมตัวของผมอยู่นั้นแห้งอย่างรวดเร็วและกลายเป็นสีขาว
「นั่นหมายความว่านายกำจัดมันได้แล้วสินะ?」
「บะ-บางทีนะครับ…」
ขนาด【World Ruler】ก็ยังรายงายว่าอูโรโบรอสนั้นไม่หลงเหลือชีวิตแล้วด้วยเช่นกัน
เมื่อมีสายลมพัดมา การพังทลายของมันก็ยิ่งเร็วขึ้น—กว่าครึ่งของอูโรโบรอสได้สลายหายไปแล้ว ในขณะที่พวกเรามองมันอย่างงุนงงอยู่
อย่างไรก็ตาม มีเพียงแค่โครงกระดูกสีดำเหลืออยู่ราวกับตัวอย่างฟอสซิล มันทอดยาวจากที่ที่พวกเรายืนอยู่ไปจนถึงเขตศักดิ์สิทธิ์ที่ 2 เหมือนกับรางรถไฟสีดำ
ดาบของผมยังคงติดอยู่ที่กระโหลกของอูโรโบรอส และตรงนั้นมีอัญมณีสีแดงที่ถูกผ่าครึ่งอยู่
พวกเราคงพูดได้ว่าตอนนี้ภัยอันตรายของเมืองศักดิ์สิทธิ์ได้หายไปแล้ว คิดว่านะ…