บทที่ 1 ตอนที่ 8
ชีวิตในป่านั้นไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกสบายๆและสนุกสนาน พวกเรานั้นได้เคลื่อนตัวไปตามเส้นทางที่มีในป่า ดูเหมือนจะมีเส้นทางลับที่เหล่านักล่าหรือพ่อค้าต่างๆใข้อยู่มากมายเลย
มิมิโนะซังที่เป็นเผ่าฮาล์ฟลิงนั้นมีประสาทสัมผัสเรื่องทิศทางเป็นเลิศขนาดที่นำทางในป่าได้โดยไม่ต้องใช้แผนที่ซะด้วยซ้ำ (TL: ต้องขออภัยที่ในตอนก่อนๆผมแปลเผ่าของนางเป็นคนแคระ จริงๆแล้วนางเป็นเผ่าฮาล์ฟลิงหรือก็คือฮอบบิท เวลามีคนแคระ(Dwarf)โพล่มาจะได้ไม่เกิดการสับสนขึ้นนะครับ ต้องขออภัยมานะที่นี้ด้วยครับ)
…นี่พวกเรามาถูกทางจริงๆนะหรอ?
ผมยังรู้สึกสงสัยเล็กน้อย แต่ดูเหมือนคนอื่นๆจะไม่สงสัยอะไร คงทำอะไรไม่ได้นอกจากเชื่อมั่นเข้าไว้ละนะ
อาหารของพวกเราเกือบทั้งหมดนั้นเก็บมาจากป่า และผมจะเป็นคนทำหน้าที่หามัน เป็นเพราะว่าผมสามารถหาทั้งผลไม้ เห็ด และพืชที่กินได้ด้วยความช่วยเหลือของ【World Ruler】ผมก็ยังบอกมิมิโนะซังถึงสมุนไพรป่าที่ขึ้นอยู่รอบๆ เธอจะคอยชมผมทุกๆครั้งที่ผมช่วยดังนั้นมันจึงรู้สึกสนุกมาก ผมยังเก็บพวกพืชที่ตัวมิมิโนะซังไม่รู้จักแต่ตัวผมรู้จักจาก【World Ruler】เพื่อที่จะเอามันไปขายในภายหลังด้วย
ทว่าพวกเครื่องเทศ เกลือ และเหล้านั้นกลับหมดเร็วมาก ดูเหมือนดันเต้ซังจะชอบดื่มเหล้ามากจนถึงขั้นดื่มมันในทุกๆคืนเลย
โชคยังดีที่พวกเรายังสามารถหาซื้อเสบียงเพิ่มเติมที่จำเป็นได้จากเหล่าพ่อค้าที่เจอในเส้นทางตามป่า ทั้งพ่อค้าที่ท่าทางน่าสงสัย พ่อค้ามนุษย์สัตว์เผ่าแมว และพ่อค้าคนอื่นๆที่ไม่ได้ใช้ถนนหลักหรือไม่สามารถใช้ได้ก็มี ส่วนใหญ่คนพวกนั้นจะสะพายกระเป๋าที่ใหญ่กว่าตัวพวกเขาเองและมักจะเดืนทางกันเป็นกลุ่ม มิมิโนะซังกับดันเต้ซังจะเป็นคนเข้าไปเจรจากับคนพวกนั้นเพื่อซื้อเสบียง
อย่างไรก็ตาม ชีวิตสบายๆในป่านั้นก็อยู่ได้ไม่นาน
ตั้งแต่แรกแล้วปาร์ตี้นี้นั้นมีเป้าหมายอยู่ นั่นคือการรักษาคำสาปของดันเต้ซังที่ราชอาณาจักรอัศวินนักบุญ
ปาร์ตี้ซิวเวอร์บาลานซ์เคลื่อนตัวผ่านป่าตรงไปยังเป้าหมายอย่างรวดเร็ว ตอนแรกร่างกายของผมนั้นตามความเร็วไม่ทันจนต้องให้ดันเต้ซังแบกผมไว้ข้างหลังอยู่บ่อยครั้ง แต่ในไม่กี่วันมานี้ผมสามารถตามความเร็วนั้นทันแล้ว
…ฟุฟุ ผมนี้เติบโตมาได้อย่างดีเลยนะ
「เธอไม่ต้องขี่หลังของคุณพ่ออีกแล้วหรอ?」
「ใช่แล้วครับ! ผมโตขึ้นแล้ว」
「อย่างนั้นหรอ…」
ถึงผมจะรู้สึกภูมิใจในตนเอง แต่น็อนซังกลับดูเศร้าสร้อยด้วยเหตุผลบางอย่าง
…ทำไมเธอถึงดูเศร้าหล่ะ? หรือเธอจะมีรสนิยมชอบดูเด็กขี่หลังกัน? — ขณะที่ผมกำลังคิดอะไรโง่ๆแบบนั้นอยู่ น็อนซังก็ให้คำตอบกับผม
「…คำสาปที่ทำให้กลายเป็นหินหน่ะไม่สามารถติดต่อกันได้ แต่ผู้คนกลับตีตัวออกห่างจากคุณพ่อราวกลับว่ามันเป็นโรคระบาด」
พูดอีกอย่างก็คือเธอรู้สึกยินดีที่ผมขี่หลังของดันเต้ซังโดยไม่กังวลถึงเรื่องคำสาปสินะ
และผมก็รู้สึกตัวแล้วว่า นอกจากเผ่ากึ่งมนุษย์อย่าง “มนุษย์สัตว์” กับ “ฮาล์ฟลิง” แล้ว ยังมีดันเต้ซังอีกคนที่ตกเป็นเป้าหมายของการแบ่งแยก
…และจริงๆพวกเขาก็ยังไม่ได้พูดถึงสีผมของผมเลยแม้แต่น้อย
ไม่มีใครในปาร์ตี้ที่พูดเกี่ยวกับสีผมและสีตาของผม – ที่ถูกเกลียดจากทั้งคนในครอบครัวและดยุกนั่น – เลยสักครั้ง เป็นเพราะว่าพวกเขานั้นเข้าใจถึงการถูกแบ่งแยกเป็นอย่างดีนั้นเอง
…พวกเขาเป็นคนดีจริงๆ ผมรู้สึกโชคดีมากๆเลย
…ผมก็ขอภาวนาให้พี่ลาคพบเจอเหล่าคนที่แสนวิเศษแบบนี้ด้วยเหมือนกัน
「ทุกคน วันนี้พวกเราจะเข้าเมืองกันนะ」 มิมิโนะซังพูดขึ้นมาในตอนเช้าขณะที่ควันยังคงลอยออกมาจากกองไฟ
ทุกๆคนพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง ดูเหมือนพวกเขาคงจะต้องเตรียมตัวก่อนจะเข้าสู่เมืองของมนุษย์สินะ
「เรย์จิคุง ถ้าเธอมากับพวกเรา คนอื่นๆก็จะว่าร้ายใส่เธอเหมือนกันนะ… เธออยากจะทำยังไงต่อไปหรอ?」
「แน่นอนว่าก็ต้องไปกับทุกคนด้วยอยู่แล้วครับ」
「อืมม…」
「ผมหมายถึง ผมเองก็ไม่มีจุดหมายในหัวอยู่แล้ว ตอนนี้ผมก็แค่อยากจะตอบแทนสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกคุณทำให้กับผมก็เท่านั้นเองนะครับ」
ผมไม่มีเป้าหมายที่ต้องทำให้เสร็จอยู่แล้วในเวลานี้
ผมคิดว่าผมควรจะต้องไปพบกับหลานสาวของตาแก่ฮินกาและบอกเธอถึงวาระสุดท้ายของเขา หินฟอสฟอรัสที่ได้มาก็ยังคงอยู่ในกระเป๋าของผม
และ… ลาค ผมเองก็อยากจะเจอเธออีกครั้ง ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม
ทว่า ทั้งหมดนั้นก็ยังไม่สามารถทำได้จนกว่าผมจะใช้ชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ได้ด้วยตัวของตัวเอง จนกว่าจะถึงตอนนั้น ผมต้องหาวิถีชีวิตที่มั่นคงให้ได้ก่อนในตอนนี้
「เธอไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับพวกเราหรอกนะ」
「นั้นแหล่ะว่าทำไมผมถึง–」
「แต่ชั้นก็ดีใจนะที่เธอพูดแบบนั้น」มิมิโนะซังพูดด้วยรอยยิ้ม
「โหย มิมิโนะ บอกเจ้านั้นไปตรงๆสิ ว่าคนอย่างพวกเราจะถูกเกลียดโดยชาวเมืองหน่ะ」
「ดะ-เดี๋ยวก่อนสิ ไรเครีย!」
มิมิโนะซังกำลังพยายามหยุดไรเครียซัง แต่ผมก็ตระหนักถึงเรื่องแบบนั้นอยู่ก่อนแล้ว
「ไม่ช้าก็เร็วยังไงเดี๋ยวเจ้านี้ก็รู้ตัวอยู่ดีนั้นแหล่ะ ทำให้มันชัดเจนตั้งแต่แรกก็จบแล้ว อีกอย่างเจ้านี้เองก็คงจะ…」
「ครับ ผมรู้อยู่แล้ว ผมสีดำของผมถูกเกลียดอย่างมากจากชาวเมืองและมันทำให้ผมเกือบจะโดนฆ่าตายมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว ดังนั้นอาจจะเกิดเรื่องแบบเดิมขึ้นในเมืองก็เป็นได้ครับ」
มิมิโนะซังแข็งทื่อจากที่ได้ยินคำตอบของผม ไม่ใช่แค่เธอแต่รวมถึงน็อนซังด้วย ดันเต้ซังดูมืดมนยิ่งกว่าที่เคย และไรเครียซังนั้นทำหน้าบึ้งตึงและมีสีหน้าที่เจ็บปวด
…อย่างที่คิด ถึงไรเครียซังจะปากเสียแต่เขาก็ยังเป็นห่วงผม
ปาร์ตี้นี้นั้นค่อนข้างเป็นจุดเด่น ดังนั้น “ผมสีดำตาสีดำ” ของผมจึงจะยิ่งได้รับความสนใจมากขึ้นถ้าผมไปกับพวกเขา เขาคงจะคิดว่าถ้าผมไปคนเดียว ผมคงจะหลบจากการเป็นจุดสนใจได้
…ผมก็ขอบคุณสำหรับความรู้สึกนะครับ แต่มนุษย์สัตว์ล้ำบึกซึนเดเระนี้ยังไงก็ไม่เอาเด็ดขาดเลย
「ผมไม่เป็นไรหรอกครับ และต้องขอโทษถ้าเกิดว่ามีอะไรเกิดขึ้นเพราะผมด้วยนะครับ」
เมื่อผมก้มหัวลง มีมือขนาดใหญ่ยกใบหน้าของผมขึ้นอย่างอ่อนโยน
「เด็กๆหน่ะไม่ควรคิดมากกับเรื่องแบบนั้นหรอก ให้พวกผู้ใหญ่จัดการเอง」
เป็นดันเต้ซังนั้นเองที่ยกใบหน้าของผมขึ้น
「เรย์จิคุง ชั้น… จะปกป้องเธอเองไม่ว่าจะยังไงก็ตาม」มิมิโนะซังพูด แก้มของเธอนั้นแดงและดวงตาก็เปียกชื้น
「หยุดร้องไห้ได้แล้วหน่า มิมิโนะ ทำหน้าโง่ๆแบบนั้นตั้งแต่เช้าเลยนะ」ไรเครียซังพูด
「นะ-นี่เป็นเพราะควันหรอกหน่า!」เธอตอบกลับไป ขณะที่เช็ดน้ำตาด้วยแขนเสื้อของเธอ 「เอาหล่ะ ไปกันเถอะ!」
ซิวเวอร์บาลานซ์นั้นกำลังมุ่งหน้าไปยัง “ยูเวอร์ไมส์ (Uverminds)” เหมืองหลวงของของดยุกอเคนบาค