<มุมมองของ ฮิซามูระ สึคาสะ>
เห้อ~ หลังเลิกเรียนตอนวันศุกร์นี่สนุกสุดๆเลยน้า~
ตอนนี้เป็นตอนกลางดึกของวันเสาร์ ถึงอย่างนั้นชั้นก็เอาเเต่นึกถึงเรื่องตอนวันศุกร์ซํ้าเเล้วซํ้าเล่า
ก็ตอนคุยกันที่คาเฟ่มันสนุกมากเลยนี่นา เเถมขากลับยังสุดยอดอีกต่างหาก
ถึงตอนขากลับพวกเราจะพูดเรื่องที่มันน่าอายมากเลยก็เถอะ…. เเต่มันก็ยังสนุกสุดๆอยู่ดี
ตัวชั้นไม่เคยกลับบ้านด้วยกันกับเด็กผู้หญิงสองต่อสองมาก่อนเลย มันเลยทําให้ชั้นรู้สึกประหม่าเล็กน้อย ไม่สิ เรียกว่าประหม่าสุดๆเลยดีกว่า
ถ้าพูดถึงเหตุผลหลักที่ทําให้ชั้นรู้สึกประหม่าคงเพราะเด็กผู้หญิงที่ว่าเป็นเซย์จังด้วยนั่นเเหละ
เเม้ว่ามันจะเป็นเหตุผลที่ทําให้ชั้นรู้สึกประหม่าก็จริง เเต่มันก็เป็นเหตุผลที่ทําให้ชั้นรู้สึกสนุกสุดๆอีกด้วย
พอมาลองคิดดูอีกที คงเเทบจะเรียกได้ว่านั่นมันเป็นเดทหลังเลิกเรียนเลยล่ะ
เห้อ~ อยากจะไปเดทกับเซย์จังอีกจังเลยน้า
เซย์จังเองก็ดูเหมือนจะสนุกด้วยนี่นะ
ในขณะที่ชั้นคิดเรื่องเเบบนั้นอยู่ เสียงออดของบ้านชั้นก็ดังขึ้น
ดูเหมือนหมอนั่นจะมาเเล้วสินะ
ใช่เเล้ว ตอนนี้คือกลางดึกของวันเสาร์หรือก็คือวันที่ยูอิจิจะมาค้างที่บ้านของชั้น
พูดให้ถูกคืออพยพมายังบ้านของชั้นเพื่อป้องกันไม่ให้โทโจวอินเข้ามาขัดขวางการเดทกับฟุจิเสะในวันพรุ่งนี้
ถ้าเป็นเเบบนี้ก็หมายความว่าวันพรุ่งนี้ยูอิจิจะสามารถไปยังสถานที่เดทได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ถูกจับตามองโดยโทโจวอิน
เเผนที่ชั้นคิดขึ้นมานี่มันเจ๋งจริงๆเลยเเฮะ
ถึงคนที่เห็นข้อดีของเเผนนี้จะเป็นเซย์จังก็เถอะ
สมกับเป็นเซย์จังเลย
ชั้นเปิดประตูบ้านเพื่อต้อนรับยูอิจิที่มาถึง
“โย่ ยินดีต้อนรับสู่บ้านของชั้นนะ”
“โอ้…”
“ตอนนี้พ่อเเม่ของชั้นยังไม่กลับมา นายทําตัวตามสบายเเล้วขึ้นไปห้องของชั้นเถอะ”
“เข้าใจเเล้ว…”
“…มีอะไรรึเปล่า นายดูไม่ร่าเริงเลยนะ เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
ปกติยูอิจิจะร่าเริงอยู่เสมอ เเต่ดูเหมือนวันนี้จะทําตัวหดหู่เเปลกๆ
“อะไรล่ะ วันนี้นายเกิดเเพ้ตอนซ้อมเเข่งบาสรึไง?”
เซนส์เรื่องบาสของหมอนี่ดีมากๆ เรียกว่าเก่งถึงขนาดที่ถูกเลือกเป็นตัวเเทนประจําจังหวัดเลยทีเดียว
การที่จะทําให้ยูอิจิคนนั้นเเพ้ได้เนี่ย ทีมของอีกฝั่งคงจะเก่งน่าดู
“ไม่ใช่หรอก… เรื่องนั้นชั้นก็ชนะอยู่หรอก เเต่ช่วยฟังทีสิ พอดีมันดันมีเรื่องฉุกเฉินเกิดขึ้นน่ะ”
“….ไม่อยากจะฟังเลยจริงๆเเฮะ เเล้วเรื่องนั้นเกี่ยวกับเดทในวันพรุ่งนี้รึเปล่าล่ะ?”
“เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเดทในวันพรุ่งนี้อย่างเเน่นอนเลยล่ะ”
“เเบบนั้นยิ่งเเย่เข้าไปใหญ่เลยนะเฟ้ย จริงๆเลยนะ นายเนี่ย คงจะเกี่ยวกับโทโจวอินซังด้วยล่ะสิ”
“ใช่เเล้วล่ะ… คาโอริรู้เรื่องที่วันนี้ชั้นจะมาค้างบ้านของนายเข้าเเล้วน่ะสิ”
“เป็นเรื่องที่เเย่ที่สุดในหมู่เรื่องที่ชั้นไม่อยากได้ยินเลยเเฮะ”
ครับ ตอนนี้เเผนการทั้งหมดของเราพังเรียบร้อยเเล้วครับ
เจ้าหมอนี่ทําอะไรอยู่กันเเน่เนี่ย…
“เห้อ~ เเล้วทําไมถึงความเเตกได้ล่ะ?”
“ชั้นก็เเค่พยายามจะออกจากบ้านเพื่อที่จะมาบ้านของนายตามปกตินั่นเเหละ… เเต่มันดันมีรถลีมูซีนจอดอยู่หน้าบ้านน่ะสิ”
“โห้… เเล้วรถลีมูซีนที่มาจอดอยู่หน้าบ้านของชั้นตอนนี้นี่มันอะไรล่ะ?”
“เเน่นอนว่าคาโอริเป็นคนมาส่งน่ะ”
“นายนี่มันจบเห่เเล้วจริงๆเเฮะ”
นายควรจะเเอบมาบ้านของชั้นเงียบๆเเท้ๆ ไหงดันให้คนที่ไม่ควรจะรู้มากที่สุดมาส่งด้วยรถลีมูซีนฟะ
“สายัณห์สวัสดิ์ค่ะ ฮิซามูระคุง”
“สะ.. สายัณห์สวัสดิ์ โทโจวอินซัง”
ตอนนี้ข้างนอกนั้นมืดหมดเเล้ว มีเพียงเเสงจากเสาไฟเเละไฟหน้าบ้านของชั้นเท่านั้นที่ส่องสว่างบริเวณโดยรอบ
ภายใต้เเสงริบหลี่เช่นนั้น ผมสีทองสง่าของโทโจวอินซังก็ยังส่องเเสงเเละสว่างไสวเช่นเดิม
ไม่สิ เอาจริงนะ ทําไมมันถึงสว่างไสวขนาดนั้นได้ล่ะ เพราะเป็นเอฟเฟคของมังงะอะไรงี้เหรอ?
เเรกเริ่มเดิมทีที่นี่ก็เป็นโลกของมังงะด้วยนี่นะ คงจะเป็นไปได้เเหละ
“วันนี้คุณให้ยูอิจิมาค้างที่บ้านสินะคะ ดูน่าสนุกมากเลยนะคะเนี่ย ดิฉันล่ะอิจฉาจริงๆ ถึงขนาดที่อยากจะเข้าไปร่วมด้วยคนเลยล่ะค่ะ”
“มะ..ไม่สิ การที่จะให้ผู้หญิงอย่างโทโจวอินซังมาอยู่ในที่ที่มีเเต่ผู้ชายสองคนอย่างนี้ มันก็ออกจะเกินไปหน่อยนะ ใช่ไหม ยูอิจิ”
“อา ตามนั้นเเหละ ฉะนั้น คาโอริ ช่วยรีบกลับไปสักทีเถอะ”
นายเนี่ย วิธีการพูดออกจะรุนเเรงเกินไปหน่อยนะ
ถึงอีกฝ่ายจะเป็นเพื่อนสมัยเด็กของนายก็จริง เเต่เธอก็เป็นถึงลูกคุณหนูของบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกเลยทีเดียวนะเฟ้ย
“ตายจริง~ โหดร้ายจังเลยนะคะ ยูอิจิ ทั้งๆที่ดิฉันอุตส่าห์พามาส่งด้วยรถลีมูซีนในช่วงดึกดื่นอย่างนี้ เเต่นายกลับพูดออกมาเเบบนั้น”
“ระ.. เรื่องนั้นก็รู้สึกขอบคุณอยู่หรอก… เเต่ต่อจากนี้จะเป็นการคุยกันภาษาผู้ชายน่ะ เนอะ สึคาสะ”
“หืม? อ้อ จริงด้วยสินะ จะว่าไปหมอนี่ชวนให้ชั้นมาดู AV โปรดที่หมอนี่ชอบดูเป็นประจําด้วยกันนี่นะ”
“เดี๋ยวก่อนสิ!? ชั้นไปพูดเรื่องเเบบนั้นตอนไหนฟะ!”
อื้ม นายไม่ได้พูดหรอก
“หะ.. โหดร้ายจังเลยค่ะ ยูอิจิ! ทั้งๆที่ดิฉันอุตส่าห์ทําอัลบั้มภาพของตัวเองเเล้วเเอบเอามันไว้ใต้เตียงของนายเเท้ๆ!”
“ไอนั่นเธอเป็นคนทําเองหรอกเหรอ!? พี่สาวชั้นไปเจอเข้าจนพวกเราเกือบจะได้มีประชุมครอบครัวเพราะมันเลยนะ!”
ว้าว ถึงเรื่องนี้ชั้นจะรู้อยู่เเล้วเพราะเคยอ่านมังงะมาก่อนก็เถอะ เเต่โทโจวอินซังนี่ทําเรื่องเหลือเชื่อจริงๆเลยเเฮะ
เพราะเป็นสิ่งที่เอามาให้ยูอิจิใช้เเทน AV เเน่นอนว่ามันจะต้องเป็นภาพที่ค่อนข้างล่อเเหลมพอสมควรอยู่เเล้ว
“ยูอิจิเองตอนที่เจออัลบั้มภาพนั่นก็ลังเลอยู่เหมือนกันว่าควรจะโยนทิ้งหรือเเอบเก็บเอาไว้ใต้เตียงดี เเต่ว่าหลังจากนั้นดูเหมือนจะถูกพี่สาวเจอเข้าเลยลําบากพอตัวเลยนี่นะ”
“ไหงนายถึงรู้ได้ล่ะ!? เรื่องนั้นชั้นยังไม่เคยบอกใครมาก่อนเลยนะ!? กะว่าจะเก็บมันลงหลุมศพไปพร้อมกับตัวเองเลยเเท้ๆ!?”
อ๊ะ เเย่ล่ะสิ ดันหลุดพูดข้อมูลที่มาจากมังงะไปซะเเล้ว
“เเหม~ เป็นอย่างนั้นเองเหรอคะ ยูอิจิ? ดิฉันรู้สึกอายนิดนึงเพราะคิดว่าตัวเองทําเกินไปหน่อย เเต่ถ้ายูอิจิติดใจล่ะก็ เดี๋ยวจะทํามาให้อีกเล่มก็ได้นะคะ”
“ชั้นไม่ต้องการหรอก! จริงๆนะ!”
“เอ๊ะ ดิฉันว่าจะยัดเอาภาพเปลือยใส่เข้าไปด้วย เเต่ดูเหมือนนายคงจะไม่อยากได้จริงๆสินะคะ?”
“ชะ… ชั้นไม่ต้องการหรอก!”
“เมื่อกี้นายดูลังเลสุดๆเลยนะพวก”
ถึงในฐานะที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน ชั้นจะเข้าใจเหตุผลที่นายลังเลก็เถอะ
ถ้าโทโจวอินซังผู้มีร่างกายเเสนโบอิ้งโบอิ้งที่ไม่เหมือนกับเด็กมัธยมปลายพูดออกมาเเบบนั้น ไม่ว่าใครต่างก็ต้องลังเลทั้งนั้นเเหละ
การที่นายอยากจะค่อยๆลิ้มรสอาหารตาอย่างภาพถ่ายของโทโจวอินซังน่ะ ในฐานะผู้ชายด้วยกันชั้นเข้าใจดีเลยล่ะ
“น่าเสียดายจริงๆค่ะ…. เเต่ว่านั่นสินะร่างเปลือยของดิฉัน… สักวันมันอาจจะไปอยู่บนเตียงของนายก็ได้นะคะ?”
“คุ.. ต้องทนเอาไว้.. เลือดกําเดาของชั้นจะไหลอยู่เเล้ว..”
“อา ผมไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นคร้าบ~”
ในขณะที่ใช้มือปิดหูทั้งสองข้างของตัวเอง ชั้นก็ประกาศออกมาเเบบนั้น
ถึงชั้นจะทํามัน หลังจากที่ได้ยินเเล้วก็เถอะ
เเต่ว่าถ้ามีเพื่อนสมัยเด็กสุดลามกเเละซุกซนเเบบนี้ ชีวิตชั้นคงจะโรยด้วยกลีบกุหลาบเลยล่ะน้า
นอกจากนี้หมอนี่ยังมีเพื่อนสมัยเด็กที่รํ่ารวยอีกต่างหาก คงไม่ใช่เเค่โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างเดียว เเต่น่าจะเต็มไปด้วยทองคําเลยล่ะ
ถึงอย่างนั้นจิตใจอันเเข็งเเกร่งของยูอิจินี่ก็น่านับถือจริงๆเเฮะ
ถ้าชั้นเป็นยูอิจิคงจะทนไม่ไหวเเละควบคุมตัวเองไม่อยู่เเน่ๆ
เเต่ว่าตอนนี้ชั้นมีโอชิสุดที่รักตลอดกาลอย่างเซย์จังอยู่เเล้วนี่นะ
ถ้าเกิดเซย์จังพูดอะไรเหมือนกับที่โทโจวอินพูดออกมาเมื่อกี้ล่ะก็
[อยากจะได้ภาพเปลือยของฉันเหรอ…? ถะ.. ถ้านายอยากได้.. ฉันก็จะพยายาม…]
“อุก!?”
“ไหงนายถึงเลือดกําเดาไหลล่ะ!?”
เเค่จินตนาการชั้นก็เลือดกําเดาไหลเลยเหรอนี่ เเถมยังค่อนข้างเยอะอีกต่างหาก
จะว่าไปนี่เป็นครั้งเเรกในชีวิตของชั้นเลยเเฮะ ที่จินตนาการเรื่องลามกเเล้วเลือดกําเดาไหลเนี่ย…
สมกับเป็นโลกของมังงะ ไม่คิดเลยว่าเรื่องพวกนี้ก็สามารถทําได้
“ตายจริง~ ฮิซามูระคุง ถึงจะเป็นคุณ ดิฉันก็ไม่คิดจะยกภาพเปลือยของดิฉันให้หรอกนะคะ เเต่ถ้าเตรียมตัวเตรียมใจที่จะถูกควักลูกตาทั้งสองข้างนั่นไว้เเล้วล่ะก็ จะโชว์ให้ซักหนึ่งวิก็ได้ค่ะ… คิดดูอีกทีคงไม่ไหวหรอกค่ะ”
“ถึงชั้นไม่ได้คิดว่าอยากจะเห็นก็เถอะ เเต่ทําถึงขนาดนั้นก็ยังไม่ได้งั้นเหรอ”
“เเน่นอนค่ะ เพราะเป็นถึงดิฉันเลยนะคะ”
“จริงด้วยสินะ”
ก็เป็นถึงภาพเปลือยของลูกคุณหนูจากโทโจวอินกรุ๊ปนั่นเลยนี่นะ ชั้นมั่นใจว่าคงจะมีเศรษฐีหลายคนยอมจ่ายหลักร้อยล้านเพื่อมันเลยล่ะ
การที่ยูอิจิเเค่พูดว่า [ต้องการ] ก็สามารถได้มันมาทันทีเลยเนี่ย… สุดยอดจริงๆเลยเเฮะ
“อะ.. เอาเป็นว่าภาพเปลือยอะไรนั่น ชั้นไม่ต้องการหรอก! เเล้วเธอก็รีบกลับไปได้เเล้ว! มันก็ดึกเเล้วด้วย ป่านนี้ครอบครัวคงจะเป็นห่วงเเล้วใช่ไหมล่ะ!”
…ยูอิจิ เรื่องนั้น…
“….อา นั่นสินะคะ เข้าใจเเล้วค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะกลับเเล้ว”
โทโจวอินซังตอบกลับมาเเบบนั้นก็จริง เเต่เทียบกับเมื่อกี้เเล้ว เธอดูหดหู่ลงอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อกี้เธอยังมีรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจอยู่เลย เเต่ตอนนี้รอยยิ้มของเธอมันช่างดูเปราะบาง
คงเพราะเป็นเพื่อนสมัยเด็กกัน ยูอิจิเองก็สังเกตเรื่องนั้นได้ทันที
“คาโอริ เป็นอะไรไปเหรอ?”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ งั้นดิฉันจะกลับเเล้วนะคะ”
“อะ.. อา ขากลับก็ระวังตัวด้วยนะ”
“ฟุฟุ~ ดิฉันมาด้วยรถลีมูซีน เพราะฉะนั้นถ้าคุณคนขับเขาระวังตัว ก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกค่ะ”
โทโจวอินซังพูดออกมาเช่นนั้น ก่อนจะกลับไปด้วยรถลีมูซีน
“อะไรล่ะ? นี่ชั้นได้พูดอะไรเเย่ๆออกไปรึเปล่านะ? “
การที่เธอเเสดงท่าทางหดหู่ออกมาขนาดนั้น เเม้เเต่พระเอกสุดทึ่มอย่างยูอิจิก็สังเกตเห็นสินะ
“….นั่นสินะ เเต่ชั้นว่านายก็ไม่ได้พูดอะไรเเปลกๆออกมานี่”
ตัวชั้นรู้เหตุผลอยู่
เเน่นอนว่าเป็นเพราะมีความรู้ที่ได้มาจากมังงะ
โทโจวอิน คาโอริ เธอไม่ค่อยสนิทสนมกับครอบครัวของเธอ
เเม่ของเธอเสียชีวิตตั้งเเต่ตอนที่ให้กําเนิดเธอออกมา เพราะฉะนั้นพ่อเป็นเพียงครอบครัวเดียวของเธอ
เเละเพราะพ่อของเธอเป็นถึงประธานของโทโจวอินกรุ๊ปทําให้เขามีเวลาเพียงน้อยนิดที่จะได้อยู่กับลูกสาวของเขา
เดือนล่ะครั้ง พวกเขาจะจองภัตตาคารอาหารสุดหรูเเละทานอาหารคํ่าด้วยกันที่นั่น
เเถมมันยังเป็นทางการสุดๆ ทําให้มันดูเป็นเเค่การทานอาหารเพื่อรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นช่วงนี้เฉยๆ
เเทบจะไม่มีการคุยกันเหมือนพ่อลูกเกิดขึ้นเลย เเถมทั้งๆที่พวกเขาควรจะกินอาหารหรูกันเเท้ๆ เเต่โทโจวอินซังรู้สึกประหม่ามากๆจนเเทบจะไม่รับรู้รสชาติด้วยซํ้า
โทโจวอิน คาโอริ เธอต้องการความรัก
มันเป็นเรื่องที่เเน่นอนอยู่เเล้ว เพราะตั้งเเต่เด็กเธอก็ไม่เคยได้รับความรักจากพ่อเเม่มาก่อนเลย
เธอคิดว่า ชิเกโมโตะ ยูอิจิ จะสามารถให้ความรักนั้นเเก่เธอได้ ทําให้เธอหมกมุ่นเรื่องของเขาเเละพยายามขัดขวางไม่ให้เด็กผู้หญิงคนอื่นเข้าใกล้เขา
เพราะฉะนั้นต่อให้โทโจวอินซังกลับบ้านไป… ก็ไม่มีพ่อเเม่คอยต้อนรับด้วยความอบอุ่นหรอก
เธอคิดว่าต่อให้ตัวเองกลับไปก็ไม่มีพ่อเเม่ที่จะคอยเป็นห่วงเธออยู่ดี
คําพูดของยูอิจิเมื่อตะกี้ทําให้เธอนึกเรื่องนั้นได้ล่ะมั้ง เธอคงจะหดหู่เพราะเเบบนั้น
เเม้เเต่ยูอิจิที่อยู่ด้วยกันมาตั้งเเต่สมัยประถมก็ไม่รู้เรื่องนั้น ไม่สิ ต้องพูดว่าโทโจวอินพยายามซ่อนไม่ให้ยูอิจิรู้
ตราบจนถึงตอนนี้ยูอิจิก็ยังคงไม่รู้
ชั่วขณะนึงชั้นคิดว่าควรจะบอกยูอิจิดีไหม… เเต่สุดท้ายก็ตัดสินใจว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่ควรจะบอก
ช่างเถอะ ถ้าชั้นบอกหมอนี่ตามปกติล่ะก็ [เเล้วทําไมนายถึงรู้เรื่องนั้นได้ล่ะ?] ยังไงหมอนี่ก็ต้องถามออกมาเเบบนั้นเเหง
เเถมเรื่องนี้ยังเป็นเรื่องที่จะสําคัญอย่างมากในช่วงหลังของ “โอโจ้วจามะ” อีกด้วย… ถ้าเป็นไปได้ชั้นก็ไม่อยากจะขัดขวางมัน
เพราะสําหรับชั้นมันเป็นหนึ่งในเรื่องราวที่น่าประทับใจมากเลยล่ะนะ
ชั้นไม่อยากจะขัดขวางมัน เเต่อยากจะเห็นมันในฐานะที่เป็นเเฟนคลับคนนึงของ “โอโจ้วจามะ”
“ก่อนอื่นรีบเข้าบ้านของชั้นเถอะ ถ้าเปิดประตูบ้านไว้นาน เดี๋ยวก็มีเเมลงเข้ามาหรอก”
“อะ.. อา ขอรบกวนด้วยนะครับ”
“ชิส์~ ดันมีเเมลงเข้ามาซะเเล้ว”
“เห้ย! ชั้นไม่ใช่เเมลงซะหน่อย!”
เอาเป็นว่าปล่อยเรื่องพ่อเเม่ของโทโจวอินซังไว้ก่อน
เรื่องที่พวกเราต้องจัดการให้ได้น่ะ… คือเดทระหว่างยูอิจิกับฟุจิเสะในวันพรุ่งนี้
ติดตามเพจผู้เเปลได้ที่ Ao2Sides