***ต่อจากนี้ขอเปลี่ยนสรรพนามของพระเอกเวลาคิดในใจจาก ชั้น -> ผม นะครับ อยากเปลี่ยนมานานเเล้วเพราะส่วนตัวอ่านเเล้วมันรู้สึกเเปลกๆ คิดเห็นยังไงบอกได้นะครับ***
ดูเหมือนว่าธีมของบ้านผีสิงที่พวกเราเข้ามาจะเป็นเเนวโรงพยาบาล ช่วงเเรกพวกเราทั้งคู่เดินเคียงบ่าเคียงไหล่กันสองต่อสองในบ้านผีสิงอันมืดมนเเห่งนี้
เเต่หลังจากนั้นไม่นาน จู่ๆเซย์จังก็เริ่มเร่งฝีเท้าของตัวเองขึ้นมา… ไม่สิ คงเพราะเธออยากจะออกจากที่นี่ไปให้ไวที่สุดล่ะมั้ง เธอจึงรีบยํ่าเท้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
“เซย์จังขืนรีบร้อนขนาดนั้น เดี๋ยวจะเผลอสะดุดล้มเอาได้นะ”
“มะ.. ไม่ได้รีบสักกะหน่อย!”
นํ้าเสียงของเซย์จังผู้กล่าวออกมาเช่นนั้นให้ความรู้สึกราวกับพยายามคงความสงบของตัวเองไว้ อย่างไรก็มิอาจปิดบังความสั่นคลอนในนํ้าเสียงที่มากกว่าปกติได้อยู่ดี
จวบจนบัดนี้ยังไม่มีผีโผล่มาให้เห็นสักกะตัวจึงเป็นผลให้เซย์จังคุมสติของตัวเองเอาไว้ได้เเบบฉิวเฉียด
อย่างไรก็ตามในจังหวะต่อมานั้นเองจู่ๆก็มีซอมบี้ใส่ชุดนางพยาบาลพุ่งกระโดดออกมาจากเงามืดที่อยู่ด้านขวาของเซย์จังผู้เดินนําหน้าผมไปเล็กน้อย
“ฮี๊ยย!?”
เซย์จังกรีดร้องออกมาด้วยเสียงเเหลมที่เเทบจะหาไม่ได้ตามปกติ ก่อนจะเร่งถอยทัพมาทางตัวผมที่อยู่ด้านหลังด้วยความว่องไว
จะว่าไปเเล้วที่บ้านผีสิงนี่ มีคนจริงๆเเสดงเป็นผีรึเปล่านะ
ด้วยความที่ไม่ได้ใช้หุ่นยนต์หรือตุ๊กตายิ่งทําให้มันสยดสยองขึ้นไปอีก ถึงขนาดทําผมตกอกตกใจไปด้วยนิดนึงเลย…
อีกด้านหนึ่งเซย์จังกลับหวาดผวาซะยิ่งกว่าผมเสียอีก เธอนําร่างกายมาเกาะเเขนผมประดุจเป็นโล่ป้องกันยังไงยังงั้น
…ขอพูดอีกครั้งละกัน เซย์จังคนนั้นนําร่างกายมาเกาะติดกับเเขนซ้ายของผมอย่างเเนบชิดเเนบเนื้อ
“เดี๋ยว…!?”
“ว้าา ระ.. รีบไปกันเถอะ! ต้องเร่งเเล้ว…!”
ตรงหน้าของผมยังมีซอมบี้ในชุดพยาบาลยืนอยู่ เซย์จังซึ่งเห็นเช่นนั้นจึงรีบเข้ามาคล้องเเขนซ้ายของผมอย่างว่องไว ก่อนจะลากผมเเล้ววิ่งไปข้างหน้า
ผมถูกลากไปทั้งอย่างนั้น เเต่มันดันไม่ใช่เเค่นั้นเนี่ยสิ
มะ.. ไม่คิดมาก่อนเลยเเฮะว่าจะถูกคล้องเเขนเเบบนี้
ไม่สิ พูดเเบบนั้นคงไม่ถูก จริงๆก็มีคิดอยู่หรอกว่าสถานการณ์เเบบนี้อาจมีโอกาสเกิดขึ้นในจุดไหนสักจุด เเต่ไม่คิดเลยว่าจะไวขนาดนี้ หุนหันซะจนยังไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจเลยทีเดียว
“พะ.. พวกเราหนีรอดมาเเล้วใช่ไหม?”
“อืม พวกเรารอดเเล้วล่ะ ไม่เป็นไรเเล้ว…”
เซย์จังหันศรีษะไปมองด้านหลังอย่างหวาดระเเวง ดวงตาของเธอมีหยาดนํ้าตาคลอเบ้าเล็กน้อยจากนั้นเธอก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เเละในจังหวะที่เซย์จังกําลังพยายามก้าวเท้าไปข้างหน้าอีกครั้งนั้นเอง อยู่ดีๆก็มีเสียงเสียดสีส่งมาจากบริเวณเงาทางฝั่งเซย์จัง ต่อจากนั้นก็มีคนกระโดดพุ่งเข้ามา
“เคี๊ยย!?”
“อุก…!?”
คราวนี้ด้วยความที่เเต่เดิมเธอก็เเนบชิดตัวติดกับผมอยู่เเล้ว เธอจึงเอนนํ้าหนักมาทางผมยิ่งกว่าเก่า
ส่งผลให้… นะ.. หน้าอกอันใหญ่โตซึ่งเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของเซย์จังวางทาบลงบนเเขนซ้ายของผมอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง!
ดูเหมือนเซย์จังจะไม่สังเกตถึงเรื่องนั้นเลยเเม้เเต่นิดเดียวเเละเอาเเต่หลับหูหลับตาด้วยความหวาดกลัว
“ตะ.. ต้องรีบหนีเเล้วล่ะ…”
“นะ.. นะ.. นั่นสินะ…”
ทั้งผมกับเซย์จังต่างพูดออกมาเเบบนั้นอย่างตะกุกตะกัก ก่อนจะค่อยๆมุ่งต่อไปข้างหน้า
กระทั่งเวลาที่ผียังไม่โผล่มา เซย์จังก็ไม่คิดจะผละตัวจากเเขนซ้ายของผมเลยเเม้เเต่น้อย
“ซะ.. เซย์จัง ชั้นคิดว่าพวกเราควรจะผละตัวออกจากกันได้เเล้วนะ…”
“มะ.. ไม่ไหวหรอก… ตอนนี้ฉันกลัวสุดๆเลยนะ ไม่อยากจะเเยกกับนายเลย…!”
“พรืด…”
ไม่ไหว ขนาดอยู่ในที่มืดมิดเเห่งนี้ผมก็รู้ดี เลือดกําเดาต้องไหลออกมาเเหงๆ
จวบจนบัดนี้ผมก็ทนได้เเบบเส้นยาเเดงผ่าเเปดอยู่หรอก เเต่พอได้ยินคําพูดเมื่อตะกี้เข้าไป มันก็หลุดออกมาอย่างช่วยไม่ได้
ผมนําเเขนขวาซึ่งไม่ได้ถูกเธอเกาะมากลบทับจมูกของตัวเองจากนั้นก็บีบเบาๆเพื่อข่มเอาไว้
ยังเป็นโชคดีของผมที่มันไม่ได้ไหลออกมาอย่างฉูดฉาดเหมือนเมื่อวาน
เอาเข้าจริงไม่คิดเลยนะว่าจะมีเลือดกําเดาไหลเหมือนในมังงะติดกันสองวันเนี่ย
ไม่สิ ยิ่งกว่านั้นมาสนใจสถานการณ์ในปัจจุบันก่อนดีกว่า
กระทั่งตอนนี้เซย์จังก็ยังกอดรัดเเขนซ้ายของผมอย่างไม่ลดละ พูดให้ถูกคือเธอกอดรัดมันเเรงยิ่งกว่าเก่าเสียอีก
ณ ขณะนี้เเขนซ้ายของผมได้เข้าไปอยู่ในช่องเเคบระหว่างหน้าอกของเซย์จังเรียบร้อยเเล้ว
มะ.. ไม่เคยคิดเคยฝันเลยเเฮะว่าจะได้เซอร์วิสเเบบนี้ก่อนหน้าตัวเอกอย่างยูอิจิด้วยซํ้า…
นอกจากนี้เซย์จังยังสวมสเวตเตอร์โชว์สะดือกับเสื้อผ้าบางๆอีกต่างหาก ทําให้ความรู้สึกกับไออุ่นเเละอื่นๆของหน้าอกเธอส่งมาถึงผมได้อย่างชัดเจนเเจ่มเเจ้ง
ผมคิดว่าตอนนี้ประสาทสัมผัสบริเวณเเขนขวาของผมมุ่งไปสู่อีกระดับเเล้วล่ะ
ส่วนเเขนกับข้อศอกถูกหนีบอยู่ระหว่างหน้าอกทั้งสอง… ถึงอย่างนั้นบริเวณหลังมือของผมกลับสัมผัสกับหน้าท้องของเซย์จัง
เซย์จังคงไม่รู้สึกตัวหรอกมั้ง เเต่ผิวสัมผัสอันนุ่มนวลของเธอ นี่มันอันตรายชะมัด…!
ไม่ไหว! ขืนคิดถึงเรื่องนั้นต่อไปมีหวังเลือดกําเดาไหลออกมาอีกเเน่!
“ซะ.. เซย์จัง เป็นไรไหม? เธอจะเลิกตอนนี้เลยก็ได้นะ…?”
“มะ.. ไม่เอาหรอก ฉันไม่อยากมาเลิกเอาตอนนี้… พวกเราก็มาไกลเเล้วด้วย อีกเดี๋ยวคงถึงทางออกเองนั่นเเหละ…?”
เซย์จังกล่าวออกมาเเบบนั้นก็จริง เเต่ส่วนตัวผมคิดว่าพวกเรายังมาได้ไม่ถึงครึ่งทางด้วยซํ้า
อย่างไรก็ตามคงเพราะเซย์จังเกลียดความพ่ายแพ้ล่ะมั้ง ดูเหมือนเธอไม่ค่อยอยากจะเลิกเอากลางทางสักเท่าไหร่
ผมก็ไม่คิดมาก่อนเหมือนกันว่าตัวเองจะเป็นคนเสนอว่าอยากเลิกเองเเบบนี้
เเน่นอนว่าเหตุผลที่อยากเลิกไม่ใช่เพราะกลัวผงกลัวผีอะไรหรอก เเต่เป็นเพราะหัวใจผมอาจจะหยุดเต้นเพราะเซย์จังเอาได้น่ะสิ
เเม้กระทั่งตอนนี้เสียงหัวใจที่เต้นระรัวก็ได้ยินมาถึงหูของตัวเอง
นี่เป็นครั้งเเรกเลยที่ได้ฟังเสียงของหัวใจซึ่งเต้นระรัวด้วยความดังอันกึกก้องเเบบนี้
ผมคงไม่ได้กําลังจะตายจริงๆหรอกใช่ไหม!?
เอาเถอะ ต่อให้ตายตรงนี้จริงๆ ผมก็พอใจกับชีวิตเเล้วล่ะ
“ปะ.. เป็นอะไรรึเปล่า? ฮิซามูระ…?”
“มะ.. ไม่มีอะไรหรอก ไม่เป็นไร”
เซย์จังข้อนสายตาขึ้นมาทางผม ก่อนจะถามออกมาเเบบนั้น
ใบหน้าของเธอมองขึ้นมาทางผมด้วยเเววตาซึ่งมีนํ้าตาคลอเบ้าอยู่เล็กน้อย พร้อมกับสีหน้าซึ่งเเสดงความหวาดหวั่น อย่างไรก็เเสดงให้เห็นถึงเศษเสี้ยวของความเป็นห่วง จะอันตรายเกินไปเเล้ว ของเเบบนี้พูดได้เเต่อันตรายเท่านั้นเเหละ
ทําเอาคิดขึ้นมาเลยว่าถ้าไม่รีบออกจากบ้านผีสิงนี่มีหวังโดนเซย์จังฆ่าจริงๆเเน่
เพื่อไม่ให้เซย์จังต้องกลายเป็นฆาตกร มีเเต่ต้องพยายามสุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอดออกไปจากสถานที่เเห่งนี้ให้ได้เท่านั้น
“ไปกันเถอะเซย์จัง พวกเรามารีบออกจากที่นี่ให้ไวที่สุดกันเถอะ”
“อะ.. อืม… ฉันจะพยายามนะ”
วิธีพูดจะน่ารักไปไหนเนี่ย!
หยุดเถอะคร้าบ! เเค่นี้ HP ของ ฮิซามูระ สึคาสะ ก็ลดเป็นศูนย์อยู่เเล้ว!
คําพูดพรรค์นั้นผุดขึ้นมาในหัวของผม เเต่ถึงยังไงผมก็โพล่งบอกเซย์จังตรงๆไม่ได้หรอก
หลังจากนั้นพวกเราทั้งคู่ก็เริ่มมุ่งไปข้างหน้าเเละเร่งฝีเท้าขึ้นกว่าเดิม เพื่อที่จะได้ผ่านบ้านผีสิงเเห่งนี้ไปโดยสวัสดิภาพ
ทุกครั้งคราวที่ผีโผล่มาเซย์จังจะกรี๊ดกร๊าดอย่างน่ารักน่าชัง ในขณะที่ผมได้เเต่กรีดร้องอยู่ในใจ
ในตอนที่พวกเราหลุดออกมาจากบ้านผีสิงได้นั้น HP ของพวกเราก็ติดลบอย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่สิ ดีจริงๆที่เอาตัวรอดมาได้… เเกพยายามได้ดีมากเลยนะ เจ้าหัวใจ
หลังจากที่ผมกับเซย์จังออกจากบ้านผีสิงมาเเล้ว พวกเราก็ไปนั่งบนม้านั่งที่อยู่ใกล้ๆเพื่อพักเหนื่อย
รอบนี้ไม่เหมือนคราวรถไฟเหาะที่มีเเค่ผมคนเดียวที่หยุดพัก เซย์จังเองก็พักผ่อนจากความเหนื่อยล้าด้วยเช่นกัน
“…น่ากลัวจังเลย”
“อืม… จริงด้วยนะ”
เซย์จังส่งสายตามาทางผมด้วยความขุ่นเคืองเล็กน้อย เเต่ขณะนี้ผมไม่มีเวลาสนใจเรื่องนั้น
“นึกว่าจะตายเเล้วซะอีก…”
“นะ.. นั่นมันคําพูดฉันไม่ใช่รึไง? ไหงนายถึงดูเหนื่อยขนาดนั้นล่ะ? นายไม่เห็นดูหวาดกลัวอะไรสักอย่างเลยนี่”
“นั่นสินะ เหมือนชั้นได้ลิ้มรสสวรรค์กับนรกพร้อมๆกันเลย”
“อะไรล่ะนั่น…?”
ถึงอัตราส่วนของสวรรค์จะประมาณ 100% ก็เถอะ
ขืนเรียกนั่นว่านรกมีหวังโดนกลุ่มชายฉกรรจ์ควักมีดมาเเทงจากด้านหลังเเหงๆ เเต่ถ้าจะให้ชื่อเรียกมันก็คือนรกจริงๆนั่นเเหละ
จริงๆเลย เหมือนอยู่ระหว่างเส้นเเบ่งของความเป็นเเละความตายไม่มีผิด
หากเป็นชีวิตจริงผมคงไม่คิดว่าตัวเองจะตายด้วยสาเหตุบ้าๆนั่นหรอก เเต่ที่นี่เป็นโลกของมังงะนี่นะ
เเค่จินตนาการเรื่องลามกเพียงอย่างเดียวก็ทําเอาเลือดกําเดาไหลเเล้ว ขืนประสบกับสถานการณ์เเบบนั้นอย่างต่อเนื่อง หัวใจจะหยุดเต้นก็ไม่ใช่เรื่องเเปลกเเต่อย่างใด
เกือบไปเเล้วนะเนี่ย… ถึงอย่างนั้นผมก็ได้ประสบการณ์ที่สุดยอดเเบบหาที่เปรียบมิได้มาเลยทีเดียว
เมื่อไม่กี่นาทีก่อนผมยังชักชวนให้เซย์จังเข้าบ้านผีสิงไปด้วยกันอยู่เลยเเท้ๆ
เเต่หลังจากนั้นไม่นานก็ถูกทําให้ลิ้มรสสวรรค์กับนรกอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง นายเตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดีเถอะตัวผมเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
“เร็วเข้าสิ ต้องรีบไปหาชิโฮะกับชิเกโมโตะเเล้ว…”
“นั่นสินะ… เเต่ขอเวลาอีกหน่อยได้รึเปล่า”
“เข้าใจเเล้ว จะว่าไปไหงนายถึงมีเลือดกําเดาไหลด้วยล่ะ? ไปชนอะไรมารึเปล่า?”
“อืม ทั้งชนทั้งจับเลยล่ะ”
“หืม? หมายความว่ายังไงน่ะ?”
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก”
ต่อให้เป็นผมก็ไม่มีความกล้ามากพอที่จะบอกเซย์จังไปตรงๆหรอก
ทางด้านเซย์จังก็ยังฟื้นตัวได้ไม่ค่อยเต็มที่ พวกเราจึงตัดสินใจผ่อนคลายสักหน่อย ก่อนจะตามสองคนนั้นไป
ติดตามเพจผู้เเปลได้ที่ Ao2Sides