บทที่ 153 ขอโทษ

บทที่ 153 ขอโทษ
โดย

บทที่ 153 ขอโทษ

โจวเซี่ยเด็กกว่าเจ้าใหญ่และมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้ารอง แต่เขาเตี้ยกว่าเจ้ารองราวหนึ่งช่วงศีรษะและผอมกว่าเจ้ารองมากนัก

“หอมอร่อยมากเลยล่ะ” เจ้าใหญ่เอ่ยตามตรง

“จะไปอร่อยได้ยังไงล่ะ รสชาติก็งั้น ๆ” เจ้ารองมีความชอบแบบเดียวกับเจ้าสาม แต่เขายังพอดื่มมันได้ ไม่เหมือนเจ้าสามที่ต้องถูกแม่บังคับให้ดื่ม

“นมต้องอร่อยอยู่แล้วล่ะ ฉันได้ยินว่ามันแพงมากเลยนะ” โจวเซี่ยเอ่ย

“มันแพงมากเลยเหรอ?” เจ้ารองถาม

“แน่สิว่ามันต้องแพง หนึ่งขวดคิดเป็นเงินมากกว่า 1 เหมาเลยนะ” โจวเซี่ยตอบ

เมื่อวานนี้ตอนที่อาสะใภ้สี่กำลังคุยกับคนส่งนม โจวเซี่ยเองได้ยินบทสนทนาทั้งหมด และย่าของเขาก็คิดว่ามันค่อนข้างแพง

“มันไม่ถูกเลย” เจ้ารองเออออตาม

“มันไม่แพงหรอก เพราะมันอร่อยมาก” เจ้าใหญ่เอ่ย

“เหมาหนึ่งเนี่ยนะไม่แพง? พี่ใหญ่ ตอนนี้เงินเก็บของเรายังไม่ถึง 30 เฟิน* เลย” เจ้ารองแย้ง

*30 เฟิน เท่ากับ 3 เหมา

ครอบครัวของเขาใช้ยาสีฟัน ซึ่งหลอดยาสีฟันสามารถเอาไปแลกเป็นเงินได้ อ๋อ แล้วก็ยังมีกระดาษหนังสือพิมพ์ที่ไม่ใช้แล้วด้วย

แม่ของพวกเขานำกระดาษหนังสือพิมพ์ไม่ใช้แล้วที่ราคาถูกมากมาจากตัวอำเภอ และพวกเขาก็สามารถขายพวกมันได้หลังจากใช้ขีดเขียนแล้ว เธอบอกว่าเงินที่ได้จากการขายพวกมันก็จะให้พวกเขาเก็บไว้

“นั่นก็จริงนะ” เจ้าใหญ่พยักหน้าเมื่อได้ยินดังนี้

เทียบกับเงินที่พวกเขาเก็บสะสมไว้ นมขวดนี้ถือว่าแพงมาก เงินที่พวกเขาเก็บไว้ทั้งหมดซื้อมันได้แค่ 3 ขวดเท่านั้น

โจวเซี่ยได้ฟังก็ยิ่งรู้สึกอิจฉามากขึ้นไปอีก เจ้าใหญ่กับเจ้ารองถึงกับมีเงินเก็บเป็นของตัวเองแล้ว

ในวันต่อ ๆ มาก็เป็นอันรับรู้กันโดยไม่ต้องบอกว่ามีนมมาส่งทุกวัน ตอนแรกมีแค่ครอบครัวของหลินชิงเหอเท่านั้นที่สั่งซื้อนมในหมู่บ้านโจวเจี่ย

แต่หลังจากนั้นลูกสะใภ้ของเลขาธิการสาขาหมู่บ้านก็สั่งซื้อนมวันละขวดเหมือนกัน

เนื่องจากหล่อนมีน้ำนมไม่เพียงพอให้ลูกของตนเองได้ดื่ม และลูกของหล่อนก็ยังเล็กนัก จึงทำได้แค่ต้องสั่งซื้อนม

แต่นมนี้มีสารอาหารมากมายจริง ๆ เพียงหนึ่งเดือนกว่าเจ้าใหญ่ก็ดูเติบโตขึ้นอย่างเห็นความแตกต่าง

แม้เจ้ารองจะไม่ชอบดื่มนม แต่เขาก็ยังดื่มหมดจนไม่เหลือ ส่วนเจ้าสามนั้นถูกหลินชิงเหอบังคับให้ดื่ม

เจ้าเด็กตัวเหม็นมักจะเอานมออกไปดื่มข้างนอก แต่หลินชิงเหอก็ไม่สนใจเขา ได้แต่บอกให้เขาอย่าลืมที่จะดื่ม

และในวันนั้นเองหลินชิงเหอก็รู้แจ้ง เมื่อเธอเห็นเจ้าเด็กคนนี้นำนมออกไปข้างนอก เธอก็แอบตามไปดูเงียบ ๆ

จากนั้นเธอก็เห็นว่าเด็กชายเอานมทั้งหมดให้โจวเซี่ยจากครอบครัวพี่ชายรองดื่ม!

หลินชิงเหอโมโหมาก!

เมื่อเห็นการกระทำลับ ๆ ล่อ ๆ ของผู้เป็นแม่ เจ้าใหญ่กับเจ้ารองก็แอบตามไปดูและเห็นภาพนี้ด้วยเช่นกัน

สองพี่น้องต่างตื่นตระหนก

“กลับเข้าไปซะ แล้วห้ามบอกเจ้าสามเด็ดขาด!” หลินชิงเหอเอ่ยพลางไล่พวกเขา

เธอไม่เปิดโปงพฤติกรรมของเด็กชายตัวเหม็นนี่หรอก แต่เธอไม่รู้เลยว่าเด็กชายตัวเหม็นนี่เริ่มทำแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

“แม่ครับ ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะครับ” เจ้าใหญ่รีบตอบในทันที

“ต้องเป็นโจวเซี่ยที่บอกเจ้าสามว่าเขาไม่เคยดื่มนมมาก่อนแน่ ๆ เลยครับ เจ้าสามที่ไม่ชอบดื่มมันอยู่แล้วก็เลยให้โจวเซี่ยดื่ม” เจ้ารองอนุมาน

เขารู้สึกว่าโจวเซี่ยนิสัยไม่ดีจริง ๆ ที่หลอกดื่มนมของน้องชาย นมนั่นแพงมากเลยนะ!

เจ้ารองรู้ว่านมแพงมากและรู้ว่ามันมีประโยชน์ ดังนั้นต่อให้เขาไม่ชอบดื่ม เขาก็จะดื่มต่อ ในเมื่อมันแพงขนาดนี้แล้วเขาจะกินทิ้งกินขว้างได้อย่างไรล่ะ?

แต่เขาไม่คิดเลยว่าน้องชายจะแบ่งส่วนของตัวเองให้กับโจวเซี่ย

หลินชิงเหอไม่ได้ว่าเด็กชายทั้งสอง แต่นับจากวันนั้นเป็นต้นไป เธอก็ไม่ได้ให้นมกับเจ้าสามที่นั่งรอที่โต๊ะและคอยให้แม่มอบนมส่วนของเขา

เธอให้นมส่วนของเจ้าสามกับโจวชิงไป๋แทน “เจ้าสามไม่ชอบดื่มนม ฉันก็เลยไม่ให้เขาแล้วค่ะ ชิงไป๋ ในฐานะที่คุณเป็นพ่อ คุณช่วยเขาดื่มทีนะคะ”

“แม่ครับ จริง ๆ แล้วผมชอบดื่มนมนะ” เจ้าสามเอ่ยพลางกระพริบตาด้วยท่าทางใสซื่อ

“เสแสร้ง” เจ้าใหญ่กับเจ้ารองเอ่ยอย่างรังเกียจ พวกเขาสองคนเห็นภาพเหตุการณ์นั้นเต็มตา!

โจวชิงไป๋ทำเพียงเหลือบมองภรรยาก่อนจะกระดกนมเข้าปาก

เช้าวันหนึ่งหลินชิงเหอตื่นแต่เช้าตรู่ เมื่อคนส่งนมมาหา เธอก็ซื้อนมเพิ่มจากเขาอีก 2 ขวด

ซื้อเพิ่มทำไมน่ะเหรอ? เพื่อที่จะทำหมั่นโถวรสนมอย่างไรล่ะ!

ทันทีที่หมั่นโถวนมเสร็จสมบูรณ์ มันก็ส่งกลิ่นหอมน่ารับประทานอย่างยิ่ง

เจ้าสามตาโตและจะหยิบหมั่นโถวนมไปกิน แต่หลินชิงเหอก็ปัดมือเขาออก “ลูกทำอะไรน่ะ? ในนี้มีนมอยู่นะ ลูกไม่ชอบกินไม่ใช่เหรอ แม่ก็เลยให้หมั่นโถวที่ไม่มีนมกับลูกแทน กินอันนี้ไปซะ”

เธอหยิบหมั่นโถวข้าวโพดให้เจ้าสาม

เจ้าสามกระพริบตามองทุกคนเคี้ยวหมั่นโถวรสนมตุ้ย ๆ อยู่รอบโต๊ะด้วยสายตาว่างเปล่า แต่เขากลับได้กินแค่หมั่นโถวข้าวโพดเท่านั้น

“แม่รังแกผม” เจ้าสามเอ่ยออกมาด้วยความโกรธ

“แล้วไงล่ะ ถ้าแม่รังแกคนแล้วลูกจะทำอะไรได้?” หลินชิงเหอแค่นเสียงพลางกวาดสายตามองเขา

โจวชิงไป๋กินอาหารส่วนของเขาเงียบ ๆ ขณะที่ภรรยาของเขากินเสร็จแล้ว ต่อให้มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เขาก็ไม่มีทางออกความเห็นในการสั่งสอนเด็ก ๆ เพราะภรรยาของเขามีอำนาจสูงสุดในเรื่องนี้

ท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวเห็นดังนี้ต่างพากันตกใจ

“คุณพ่อคุณแม่กินต่อเถอะค่ะ อย่าสนใจเขาเลย” หลินชิงเหอบอก

“ยังมีหมั่นโถวนมเหลืออีกเยอะเลยนะ” ท่านแม่โจวชี้แนะ

“อย่าห่วงเขาเลยค่ะ เขาไม่ชอบกินหรอก” หลินชิงเหอยืนกราน

ท่านแม่โจวได้ยินก็รับรู้ว่าเธอกำลังสั่งสอนลูกชายอยู่ แม้นางจะไม่รู้ว่าเจ้าสามทำผิดเรื่องอะไร แต่หมั่นโถวข้าวโพดก็รสชาติไม่เลว ท่านแม่โจวเลยไม่ได้พูดอะไรต่อ

โจวชิงไป๋กับท่านพ่อโจวออกไปทำงานหลังกินอาหารเสร็จ

เจ้าใหญ่เก็บจานและตะเกียบไปล้าง ขณะที่เจ้ารองกวาดลานบ้าน จากนั้นทั้งสองก็ไปโรงเรียน

แต่ก่อนจะไปโรงเรียน เจ้ารองก็แอบบอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับเจ้าสาม “เรื่องที่นายให้นมกับเซี่ยเซี่ยถูกแม่เราจับได้แล้วนะ!”

เจ้าสามเบิกตากว้าง แต่ก่อนที่เขาจะถามอะไรต่อ เขาก็ได้ยินเสียงแม่เอ่ยขึ้น “เจ้ารอง ลูกยังไม่ไปโรงเรียนอีกเหรอ?”

“ไปครับ กำลังไปแล้วครับ” เจ้ารองตอบแล้วก็วิ่งจากไป

หลินชิงเหอเหลือบมองเจ้าสามก่อนจะกระแอมและหันหลังกลับ

จากนั้นเจ้าสามก็มาหาย่าของเขาที่บ้านและเอ่ยอย่างเศร้าสร้อย “คุณย่าครับ ผมทำให้แม่โมโหแล้ว”

“งั้นก็ไปขอโทษแม่ของหนูสิ หลังขอโทษแล้วก็คงดีขึ้น” ท่านแม่โจวตอบเรียบ ๆ

“แม่ผมต้องยังโกรธอยู่แน่เลย” เจ้าสามพูดต่อ

“แล้วหนูทำอะไรล่ะถึงทำให้แม่หนูโกรธขนาดนั้น?” ท่านแม่โจวถาม

เจ้าสามอึกอักไปครู่หนึ่งก่อนจะปริปากบอกเรื่องที่เขาให้นมทั้งหมดกับโจวเซี่ย

ท่านแม่โจวจึงได้รู้เรื่องนี้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสะใภ้สี่ถึงไม่ให้นมหรือหมั่นโถวนมกับเจ้าสามเลย

“ถึงแม่ของหนูจะโกรธอยู่ แต่หล่อนต้องให้อภัยหนูแน่จ้ะหากหนูไปขอโทษและยอมรับความผิด” ท่านแม่โจวพูด

“จริงเหรอครับ?” เจ้าสามลังเล

“จริงสิจ๊ะ ถ้าหนูไม่เชื่อย่า หนูก็ลองไปบอกแม่หนูสิ” ท่านแม่โจวพยักหน้า

เจ้าสามกลับมาที่บ้าน เขากอดเจ้าเฟยอิงสุนัขประจำบ้านก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็เดินเข้าไปหาแม่ของเขาอย่างกล้าหาญ

“แม่ครับ” เจ้าสามเรียกหลังเข้ามาในบ้านแล้ว

หลินชิงเหอที่กำลังนั่งเรียนหนังสืออยู่ก็ขานรับ “แม่อยู่นี่ มีอะไร?”

ฟังจากน้ำเสียงของแม่เขาแล้วมันก็เหมือนจะปกติ เจ้าสามเลยรวบรวมความกล้าเดินเข้ามาหาเธอ

“แม่ อย่าโกรธผมเลยนะครับ ผมรู้ตัวว่าผมผิดไปแล้ว” เจ้าสามมองแม่และเอ่ยเบา ๆ

“ลูกทำอะไรผิดล่ะ?” หลังจากนั้นเองหลินชิงเหอจึงได้เบนสายตามาทางเขา

“ผมปกปิดเรื่องนี้กับแม่ แล้วก็แอบเอานมไปให้คนอื่นกินครับ” เจ้าสามสารภาพ

“ลูกยอมรับผิดก็ดีแล้ว แม่จะให้อภัยลูก แต่ถ้าครั้งหน้าเกิดเรื่องแบบนี้อีก ลูกบอกแม่ตรง ๆ ได้เลยว่าไม่อยากดื่มนม แน่นอนว่าแม่เองก็ผิดด้วยในเรื่องนี้ ลูกไม่ชอบดื่มแต่แม่ก็ยังบังคับให้ลูกดื่ม แม่ต้องขอโทษเรื่องนี้กับลูกด้วยนะ หวังว่าลูกจะให้อภัยแม่” หลินชิงเหอบอก

…………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ของอร่อยมาอีกแล้วค่ะ คิดแล้วก็น่าลองทำหมั่นโถวนมดูบ้างนะคะ

เจ้าสามคราวหลังมีอะไรก็พูดกับแม่ตรง ๆ นะลูก อย่าทำลับ ๆ ล่อ ๆ เลย มันไม่ดี

ไหหม่า (海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset