บทที่ 164 หาซื้อตำราภาษาอังกฤษ

บทที่ 164 หาซื้อตำราภาษาอังกฤษ
โดย

บทที่ 164 หาซื้อตำราภาษาอังกฤษ

ในช่วงเดือนแรกยังเป็นช่วงว่างงานอยู่ ฝ่ายผลิตยังไม่ได้คิดว่าจะปลูกอะไรในฤดูใบไม้ผลินี้ก่อนจะถึงวันที่สิบห้าของเดือนแรก

ยิ่งกว่านั้นในเดือนมกราคมก็ยังไม่มีอะไรต้องทำมากนัก

ในยุคนี้พวกเขาไม่มีแม้กระทั่งทีวีจะดู

กล่าวก็คือ ทีวีในทุกวันนี้มีแค่ในบ้านของผู้นำบางคนในเมืองเท่านั้น และยังเป็นทีวีขาวดำอยู่

หากในบ้านมีวิทยุสักเครื่องก็นับว่าจะดีมาก

แต่หลินชิงเหอไม่สนใจเรื่องพวกนี้เลย มากกว่านั้นในมิติของเธอยังมีโทรศัพท์มือถือล้ำสมัยอยู่

ขณะที่หิมะไม่ตก หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋จะขึ้นไปบนภูเขา

เจ้าเด็กซุกซนทั้งสามอยากตามขึ้นไปด้วยเหมือนกัน ในเมื่อพวกเขาอยากไปด้วยก็ให้ไปด้วยเสียเลย มีเด็ก ๆ อยู่แล้วคงไม่มีเวลาส่วนตัวสำหรับคู่รักหรอก

ทั้งครอบครัววางกับดักบนภูเขาเพื่อดักไก่ฟ้า แม้ตลอดทั้งบ่ายพวกเขาจะจับอะไรไม่ได้เลยก็ตาม แต่ทั้งครอบครัวยังมีความสุขและเสียงหัวเราะตลอดทางที่กลับบ้าน

คนในหมู่บ้านต่างชื่นชมกับวิถีชีวิตของครอบครัวนี้

พวกเขาไม่มีความรู้สึกวิตกกังวลกับปัญหาใด ๆ เลย

โดยเฉพาะหลินชิงเหอ พูดตามตรงก็คือต่อให้ผู้หญิงคนนี้จะไม่รู้จักใช้ชีวิตอย่างเหมาะสม แต่ก็ไม่มีใครเคยเห็นเธอทุบตีดุด่าลูกของเธอเลย ไม่เหมือนกับผู้หญิงบางคนในหมู่บ้าน ที่พอเมื่อเป็นเรื่องนี้พวกหล่อนจะดูร้ายกาจยิ่งกว่าผู้ชายเสียอีก

ผู้ชายในหมู่บ้านต่างอิจฉาโจวชิงไป๋ไม่น้อย

หลินชิงเหอเป็นคนสวยแล้วยังรู้จักทำกับข้าว เธอเป็นคนมือเติบก็จริง แต่เงินที่หามาได้ไม่ใช่ว่าเอาไว้ใช้จ่ายหรอกเหรอ?

และเธอยังเป็นคนที่รู้ว่าการใช้จ่ายเงินถือเป็นเทคนิคอย่างหนึ่ง หากเป็นคนบางคนได้รับเงินมา พวกเขาก็จะไม่รู้จักใช้จ่าย สุดท้ายแล้วก็ได้แต่เก็บมันไว้ทั้งหมด

ดังนั้นชีวิตที่บ้านก็จะไม่มีความหมาย

ในแต่ละวันพวกเขากินอะไรกันล่ะ?

คนส่วนใหญ่เคยประสบกับการอดอาหารมาแล้วและสามารถทนต่อความยากลำบากได้ แต่เทียบกันแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร

พวกเขาเห็นว่าโจวชิงไป๋กินอยู่อย่างไรโดยที่ไม่ผ่ายผอมลงสักนิด

พวกเขาคิดว่าทันทีที่ลาออกจากกองทัพ เขาจะต้องเป็นเหมือนพวกเขาแน่

แต่ใครจะคิดว่ามันไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ

มันแสดงให้เห็นว่าทักษะการปรุงอาหารของหลินชิงเหอดีแค่ไหน

วันนั้นหลินชิงเหอไม่มีอะไรต้องทำ เธอเลยทำอาหารอร่อย ๆ ขณะที่จดจำเนื้อหาวิชาไปด้วย

เธอแช่ถั่วแดงให้นิ่ม เพื่อวางแผนจะทำหงโต้วเจวี่ยน หรือ โรลถั่วแดง ที่คนทั้งครอบครัวชอบกิน

หลังทำหงโต้วเจวี่ยนแล้ว เธอก็เริ่มปรุงอาหารอย่างโจ๊กแปดขุมทรัพย์หรือโจ๊กล่าปาอีกครั้ง อาหารนี้ทำให้คนในครอบครัวได้ทานธัญพืชและได้รับเส้นใยอาหารมากขึ้น

ทุกครั้งที่เจ้าใหญ่ เจ้ารอง และเจ้าสามออกไปเล่นนอกบ้าน เพื่อนบางคนก็จะถามว่าพวกเขากินอะไรมา

มันเป็นเรื่องปกติที่จะถามไปแล้ว

ในตอนนี้เจ้าใหญ่เบื่อที่จะอวดแล้ว เจ้ารองก็เช่นกัน พวกเขาเลยไม่พูดอะไรมากนักว่ากินอะไรมา ทั้งสองพี่น้องชอบที่เล่นฟุตบอลมากกว่า

ส่วนเจ้าสามยังคงอยากพูดคุยอยู่มาก

เมื่อเพื่อน ๆ ถาม เขาก็ตอบพลางนับนิ้วไปด้วย “แม่ฉันทำหงโต้วเจวี่ยน โจ๊กแปดขุมทรัพย์ ขนมเปี๊ยะงา แล้วก็ถั่วแผ่นทอด แต่ที่ฉันชอบมากที่สุดคือโจ๊กแปดขุมทรัพย์ มันอร่อยมากจนฉันกินไปห้าชามในหนึ่งมื้อเลยล่ะ!”

ไม่รู้เลยว่าเด็กคนนี้รู้จักพูดอวดตั้งแต่เมื่อไหร่

เจ้าใหญ่กับเจ้ารองไม่สนใจเขา เรื่องพวกนี้คือเกมที่น้องชายพอจะเล่นได้

ด้วยความกินจุของเจ้าสามแล้ว มันคงประหลาดมากหากเขากินแค่ 2 ชาม อย่าว่าแต่ 5 ชามเลย

แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้สร้างความอิจฉาให้กับเพื่อนต้วน้อยของเขานัก

ยิ่งกว่านั้น ในใจของพวกเขาก็ไม่ได้คิดว่าเจ้าสามจะกินได้ 5 ชามหรือไม่ โจ๊ก 5 ชามไม่ได้บอกว่าเขาหิว แต่บอกว่าโจ๊กแปดขุมทรัพย์นั้นอร่อยขนาดไหนเสียมากกว่า

ไม่อย่างนั้นแล้วทำไมพวกเขาถึงกินได้มากขนาดนั้น?

“เจ้ารอง ฉันมาทำการบ้านกับนายด้วยได้ไหม?” โจวเซี่ยถามเจ้ารองเป็นการส่วนตัวในครั้งหนึ่ง

ทำไมเจ้ารองจะไม่รู้ว่าเขาตั้งใจจะทำอะไร เด็กชายเลยตอบกลับไปว่า “นายมาทำการบ้านที่บ้านฉันได้นะ แต่ว่าวันนี้ไม่มีโจ๊กแล้วล่ะ มันหมดเกลี้ยงแล้ว”

“หมดแล้วเหรอ?” โจวเซี่ยได้ยินแล้วก็ทำสีหน้า ‘น่าเสียดายจัง’ ออกมา

อาสะใภ้สี่ใจดีมาก ถ้าเขาไปทำการบ้านที่บ้านของเจ้ารอง อาสะใภ้สี่ก็จะตักให้เขากินชามหนึ่ง

“หมดเกลี้ยงเลย คุณปู่กินโจ๊กแปดขุมทรัพย์ที่เหลือจนหมดตั้งแต่เมื่อเช้านี้” เจ้ารองพยักหน้า

“คุณปู่กับคุณย่าเองก็ชอบกินเหมือนกันเหรอ?” โจวเซี่ย

“ใช่สิ นายไม่รู้หรอกว่าคุณปู่ชอบกินมันขนาดไหน ท่านกินไปเยอะมาก ส่วนคุณย่าก็ชอบมันมาก ท่านยังบอกว่ามันอร่อยมากเลยล่ะ” เจ้ารองพยักหน้า

โจวเซี่ยถึงกับน้ำลายสอเมื่อได้ยินดังนี้ “ถ้าครั้งหน้ามีอีกนายช่วยเก็บไว้ให้ฉันได้ไหม?”

“นายบอกให้คุณป้ารองทำให้เถอะ มันไม่ใช่ของทำยากเลย เอาธัญพืชในบ้านมาทำก็ได้แล้ว” เจ้ารองบอก

ที่บ้านไม่มีอาหารพอให้กินหรอก ครอบครัวของเขาต้องดูแลคุณปู่กับคุณย่า แถมพ่อของเขาก็กินจุด้วย จนแม่ของเขาบอกว่าเธอไม่รู้จะหาเลี้ยงพวกเขาอย่างไรแล้วในอนาคต

ตอนนี้พี่ชายคนโตของเขากินโจ๊กสามชามต่อมื้อ แล้วมันจะไปพอให้คนอื่นกินได้อย่างไร?

“แม่ฉันต้องไม่ทำให้แน่ ๆ เลย” โจวเซี่ยพึมพำ

ด้วยเหตุนี้เขาจึงอิจฉาเจ้าใหญ่ เจ้ารอง และเจ้าสามที่ได้กินของอร่อย ๆ มากมาย

หลินชิงเหอที่อยู่ในห้องได้ยินดังนี้ก็รู้สึกละอายเล็กน้อย ความจริงแล้วให้โจวเซี่ยได้กินสักชามก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ในเมื่อเจ้ารองปฏิเสธไปแบบนั้นแล้วก็ช่างเถอะ

เธอมีความสัมพันธ์เลวร้ายกับสะใภ้รองอยู่ แม้เธอจะไม่ได้รู้สึกไม่ดีอะไรกับโจวเซี่ย แต่เธอก็ยังไม่อาจปฏิบัติต่อเขาเหมือนกับซูเฉิงน้อยได้อยู่ดี

พูดถึงซูเฉิงน้อยแล้ว เด็กน้อยคนนี้ก็ถูกพ่อพากลับมาในวันที่เจ็ด

เขาถึงกับมีท่าทางหดหู่ไป 2 วันเต็ม

แต่ด้วยเหตุที่หลินชิงเหอทำอาหารอร่อย ๆ ให้กินประกอบกับมีเจ้าสามมาเล่นกับเขาด้วย เด็กน้อยคนนี้ก็ลืมพ่อแม่ไปอย่างรวดเร็ว

ครั้งนี้ซูต้าหลินนำปลาจำนวนหนึ่งมาให้ หนึ่งในนั้นถูกส่งไปให้สะใภ้สาม

ลูกคนต่อไปของโจวเสี่ยวเม่ยจะต้องรบกวนสะใภ้สามให้เลี้ยงดูอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

สะใภ้สามไม่ติดขัดใด ๆ กับเรื่องนี้ หากช่วยเลี้ยงเด็กแล้วได้ของบำรุงหลังคลอดมากมายขนาดนี้ใครจะกล้าขัดล่ะ?

เป็นเพราะหล่อนได้รับการบำรุงหลังคลอดเป็นอย่างดีในคราวที่แล้ว หล่อนจึงรู้สึกว่าสุขภาพของตนดีขึ้นมาก

แน่นอนว่าการบำรุงหลังคลอดเป็นเรื่องสำคัญมาก

ดังนั้นเมื่อซูต้าหลินนำปลามาให้ สะใภ้สามจึงมีอัธยาศัยดีมาก

โจวชิงไป๋กำลังจะไปเยี่ยมเยียนสหาย หลินชิงเหอจึงให้เขานำเหล้าชั้นดีไปขวดหนึ่ง

สายตาของโจวชิงไป๋อ่อนลงเมื่อเห็นดังนี้ เมื่อเขากลับมาถึงบ้าน เขาก็นำกระต่ายรมควันตัวหนึ่งกับไก่ฟ้ารมควันสองตัวมาให้หลินชิงเหอ

“สหายคุณให้มาเหรอคะ?” หลินชิงเหอเอ่ยด้วยดวงตาเป็นประกาย

“อืม” โจวชิงไป๋รู้ว่าเธอคงชอบมัน ดังนั้นพอสหายของเขาให้มาเขาก็ไม่ปฏิเสธ

คนที่ทำงานในกรมเหล่านั้นได้ของพวกนี้มาง่ายกว่ามาก

“เฉินกังบอกให้ผมพาคุณไปเยี่ยมเยียนบ้างน่ะ” โจวชิงไป๋พูดต่อ

“ได้สิคะ เราจะไปเยี่ยมถ้ามีเวลานะคะ” หลินชิงเหอยิ้ม

จากนั้นเธอก็เริ่มจัดการกับเหล่าสัตว์ป่ารมควันพวกนี้

เนื้อสัตว์ป่ารมควันมีอายุการเก็บรักษายาวนาน

สิ่งแรกที่กินกันคือกระต่ายรมควัน แค่นึ่งมันในหม้อนึ่งและเติมเครื่องปรุงรสลงไป มันก็มีรสชาติดีไม่น้อยแล้ว

กระต่ายตัวหนึ่งสามารถแบ่งกินได้สองมื้อ ทั้งครอบครัวลงมือทานกันอย่างอิ่มหนำสำราญ

ในตอนนี้ท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวไม่สนใจเรื่องนั้นมากแล้ว ตราบใดที่พวกเขายังมีอะไรกินมันก็ดีแล้ว

พวกเขาไม่ควรจู้จี้เวลากินถูกไหมล่ะ?

ไม่นานนักเวลาก็ผ่านไปจนกิจกรรมช่วงฤดูใบไม้ผลิได้มาถึง โจวชิงไป๋กับท่านพ่อโจวต่างเริ่มใช้ชีวิตแบบออกไปทำงานตั้งแต่ตะวันขึ้นและกลับบ้านตอนตะวันตก ขณะที่หลินชิงเหอเข้าไปในตลาดมืดเพื่อแอบซื้อตำราเรียนภาษาอังกฤษอย่างเงียบ ๆ เพราะเธอตั้งใจจะเรียนภาษาอังกฤษเป็นการส่วนตัว

………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เผื่อใครไม่ทราบว่าหน้าตาโรลถั่วแดงของจีนเป็นอย่างไร ผู้แปลลงลิ้งไว้ให้ดูแล้วนะคะ https://www.sohu.com/a/354114384_100293423

แม่จะเรียนภาษาอังกฤษแล้วค่ะ เอาใจช่วยแม่นะคะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset