บทที่ 371 เปิดอย่างเป็นทางการ

บทที่ 371 เปิดอย่างเป็นทางการ

บทที่ 371 เปิดอย่างเป็นทางการ

ไม่ว่าจะเป็นเครื่องซักผ้าหรือตู้แช่แข็ง พวกเขาก็ไม่ได้นำมันออกมาจากมิติในทันทีที่กลับมาถึง

แต่ทั้งคู่อธิบายว่าพวกเขาไปไห่หนานเพื่อซื้อตู้แช่แข็ง และพวกเขาจะจัดส่งมาที่นี่ในภายหลัง

“ตู้แช่แข็ง? คืออะไรเหรอคะ?” โจวเสี่ยวเหมยถามขณะที่พวกเธออาบน้ำกันในโรงอาบน้ำ

“คล้าย ๆ กับตู้เย็นน่ะ แต่แช่เย็นของต่าง ๆ ได้ดีกว่าตู้เย็น” หลินชิงเหอตอบ

“ฉันเองก็อยากซื้อมาไว้ที่ร้านซาลาเปาสักตู้เหมือนกันค่ะ” โจวเสี่ยวเหมยตอบ

หากไม่มีตู้เย็นอยู่ในร้านซาลาเปา มันก็เป็นเรื่องยุ่งยากมาก ถ้ามีมาไว้สักตู้มันจะช่วยลดภาระไปได้เยอะทีเดียว

หล่อนกับซูต้าหลินเคยไปสอบถามที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่แล้ว และทราบมาว่าตู้เย็นตู้หนึ่งมีราคามากกว่า 500 หยวน ถือว่ายังแพงเกินไป

โดยเฉพาะในปีนี้ที่พวกเขาทั้งสองวางแผนกัดฟันซื้อร้านค้าอยู่ พวกเขาจึงไม่กล้าใช้จ่ายเงิน

“ร้านซาลาเปาต้องมีสักตู้จริง ๆ นั่นแหละ” หลินชิงเหอพยักหน้า แต่เธอก็รู้ถึงสภาพคล่องทางการเงินของพวกเขาด้วยเช่นกัน เธอจึงเสนอแนะขึ้นมา “ในเมื่อร้านของพวกเธออยู่ไม่ไกลจากร้านพี่สี่ พวกเธอก็เอาของที่อยากจะแช่เย็นมาฝากแช่แล้วกัน อยากใช้เมื่อไหร่ก็มาเอาที่ร้านเรา”

โจวเสี่ยวเหมยตอบอย่างกระดากใจ “นั่นคงไม่ได้มั้งคะ”

“ตู้เย็นเดี๋ยวค่อยซื้อทีหลัง ตอนนี้สิ่งที่สำคัญคือทำร้านตัวเองให้มั่นคงก่อน” หลินชิงเหอบอก

โจวเสี่ยวเหมยพยักหน้า

สองน้องสามีพี่สะใภ้อาบน้ำอย่างสบายใจและเดินทางกลับหลังอาบเสร็จ

ศูนย์ตัดเย็บเสื้อผ้าเล็ก ๆ ของหลินชิงเหอกับร้านขายเสื้อผ้าเปิดบริการกันหมดแล้ว มีเพียงร้านขายเครื่องดื่มที่ยังไม่เปิดและยังอยู่ในขั้นปรับปรุงร้าน

ถึงอย่างนั้นโจวชิงไป๋ก็ได้ติดต่อผู้ค้าส่งไว้แล้ว

ในฐานะเจ้าของกิจการ เขาสามารถปล่อยให้ลูกจ้างทำสิ่งอื่น ๆ ได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องแหล่งสินค้า พวกเขาต้องติดต่อด้วยตัวเอง

ทันทีที่สินค้ามาส่ง พวกเขาก็จะส่งต่อหน้าที่นี้ให้หม่าเฉิงหมินตรวจสอบจำนวน หากเกิดอะไรขึ้นโจวชิงไป๋จะได้เจรจากับผู้ขายได้

ตอนนี้พวกเขาทำเพียงรอจนกว่าร้านเครื่องดื่มจะตกแต่งเสร็จ จากนั้นพวกเขาจึงค่อยโทรศัพท์เรียกให้ผู้ค้าส่งมาส่งสินค้า ร้านค้าถึงจะเปิดบริการอย่างเป็นทางการได้

ช่วงเวลาหนึ่งพวกเขาจะยังไม่ขายไอศกรีมและหวานเย็น แต่จะขายเพียงเครื่องดื่มเท่านั้น จากนั้นก็ค่อยนำตู้แช่แข็งออกมาใช้ขายไอศกรีมกับหวานเย็นออกสู่ท้องตลาด

หลังเริ่มภาคการศึกษาใหม่อย่างเป็นทางการ หลินชิงเหอก็กลับไปใช้ชีวิตอยู่กับบ้านและไปทำงานเหมือนเดิม

ช่วงต้นภาคการศึกษามีหลายสิ่งหลายอย่างให้ทำ ตอนนี้เธอมีการเรียนการสอนสี่ชั้นเรียน ซึ่งกล่าวได้ว่ายุ่งมากทีเดียว

จะบอกว่าเงินเดือนของเธอในปีนี้เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยเช่นเดียวกันก็ไม่ผิดนัก แต่มันก็ยังไม่อยู่เหนือความคาดหมาย

นับตั้งแต่มีการปฏิรูปและเปิดประเทศ ราคาสินค้าต่าง ๆ ก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งค่าแรงงานก็เพิ่มขึ้นเช่นกันโดยไม่ต้องกล่าว

ร้านเครื่องดื่มเปิดอย่างเป็นทางการตอนปลายเดือนมกราคม

มันยังไม่ได้เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อโจวเฉวี่ยนกับโจวกุยหลายรู้ว่าพ่อแม่ของพวกเขาเปิดร้านค้าใหม่อีกแล้ว!

“เปิดร้านค้าอีกร้าน?” สวี่เชิ่งเหม่ยอึ้งไปเมื่อได้ยินดังนี้

จำนวนร้านค้าในตอนนี้เป็นเท่าไรน่ะเหรอ? นี่เป็นร้านแห่งที่สี่น่ะสิ!

“จะมีคนประจำอยู่ที่ร้านค้านี้หรือยังนะ?” สวี่เชิ่งเหม่ยเอ่ยรัวเร็วหลังตั้งสติได้

ถ้าไม่มีใครเฝ้าดูร้านนี้ หล่อนก็จะพาน้องชายมา มันคงจะเหมาะสมดี

“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน เธอต้องไปถามน้าสะใภ้สี่ดูน่ะ” โจวเอ้อร์นีส่ายหน้า

สวี่เชิ่งเหม่ยไม่กล้าไปถามหลินชิงเหอ หล่อนจึงมาถามกับน้าสี่ของหล่อนก่อน

“ร้านนี้ไม่ขาดคนแล้วล่ะ” โจวชิงไป๋บอก

“ไม่ขาดคนเหรอคะ? แต่หนูได้ยินจากพี่เอ้อร์นีว่ามันเพิ่งเปิดนี่คะ” สวี่เชิ่งเหม่ยตอบ

“เราจ้างคนไปเรียบร้อยแล้วล่ะ” โจวชิงไป๋ตอบ

สวี่เชิ่งเหม่ยเม้มปากก่อนเอ่ยตอบ “น้าสี่คะ สวี่เชิ่งเฉียงน้องชายของหนูอยากมาช่วยงานที่นี่น่ะค่ะ”

“เราไม่ขาดคนแล้วล่ะ” โจวชิงไป๋ยืนยันคำตอบเดิม

โจวเฉวี่ยนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็หัวเราะขึ้นมา “พี่เชิ่งเหม่ย พี่อยากให้เชิ่งเฉียงมาที่นี่เหรอ?”

สวี่เชิ่งเหม่ยฝืนยิ้ม

“เชิ่งเฉียงเป็นคนอารมณ์ร้าย ถ้าเขามาเฝ้าร้านที่นี่เขาต้องทะเลาะกับคนอื่นแน่ ถ้าจะหาคนมาเฝ้าร้าน เราไม่สามารถหาคนอย่างเชิ่งเฉียงมาเฝ้าได้หรอกครับ” โจวเฉวี่ยนตอบ

สวี่เชิ่งเหม่ยรีบอธิบาย “เชิ่งเฉียงก็แค่ซนไปหน่อยตอนที่เขายังเด็ก ตอนนี้เขาโตแล้ว เขาก็มีเหตุผลมากขึ้นนะ”

“เดี๋ยวเราค่อยดูกันต่อไปแล้วกันครับ ตอนนี้ยังไม่ขาดคนที่จะมาทำงาน อาเฉิงหมินเป็นคนแนะนำคนให้แม่ผมตอนที่เริ่มตั้งร้านน่ะครับ”

สวี่เชิ่งเหม่ยได้ยินแล้วก็ไปที่บ้านคุณยายของหล่อน

ในตอนนี้คุณป้าหม่าก็เอ่ยขึ้นมาหลังจากที่หล่อนออกไปแล้ว “ให้เฉิงหยางกับเฉิงเยว่สละที่ให้ดีไหมจ๊ะ?”

“ไม่จำเป็นครับ” โจวเฉวี่ยนตอบ “ทั้งคู่ทำงานดี ตราบใดที่พวกเขาเต็มใจทำงาน เราก็ไม่ไล่พวกเขาออกไม่ว่าเราจะมีญาติเยอะขนาดไหนหรอกครับ ครอบครัวเราไม่เลือกที่รักมักที่ชังเวลาเลือกคนเข้าทำงาน”

คุณป้าหม่ายิ้มกริ่มเมื่อได้ยินดังนี้ “ป้ากลัวว่าครอบครัวฝั่งนั้นจะผิดหวังน่ะจ้ะ”

“ไม่มีปัญหาหรอกครับ” โจวเฉวี่ยนตอบเพียงเท่านี้

ถ้าป้าของเขาที่บ้านเก่าไม่สบายใจก็ให้หล่อนไม่สบายใจไปเถอะ เมื่อครอบครัวของเขาต้องการทำอะไรสักอย่าง จะต้องขึ้นอยู่กับความไม่สบายใจของคนอื่นด้วยเหรอ?

ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย

โจวชิงไป๋ไม่สนใจเรื่องเหล่านี้มากนัก แต่เขาก็มีความคิดหนึ่งอยู่ในใจอยู่แล้ว

จ้างคนที่ทำงานดี ไม่ใช่เพราะพวกเขาเป็นญาติพี่น้อง

สวี่เชิ่งเหม่ยมาถึงบ้านของคุณยายแล้ว ในที่สุดท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวก็รู้ว่าสะใภ้สี่เปิดร้านค้าอีกแห่งหนึ่งแล้ว

“นี่มัน…ร้านนี้ขายอะไรน่ะ?” ท่านแม่โจวถามอย่างใคร่รู้

“เหมือนจะเป็นเครื่องดื่มกับไอศกรีมน่ะค่ะ” สวี่เชิ่งเหม่ยตอบ

“ขายแค่น้ำอัดลมเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ เองเหรอ?” ท่านแม่โจวถาม

“ค่ะ” สวี่เชิ่งเหม่ยพยักหน้า หล่อนเคยดื่มเครื่องดื่มเหล่านั้นมาก่อน โจวเฉวี่ยนกับโจวกุยหลายเป็นคนซื้อพวกมันมาแบ่งกันกินกับทุกคน

“นั่น…นั่นถือว่าดีทีเดียว” ท่านแม่โจวไม่รู้จะเอ่ยอะไรออกมา

นางดื่มเครื่องดื่มพวกนั้นในช่วงปีใหม่ ซึ่งรสชาติของมันอร่อยเหลือเกิน

แต่นางไม่คิดว่าครอบครัวของพวกเขาจะเปิดร้านขายเครื่องดื่มในตอนนี้ สะใภ้สี่ช่างร่ำรวยจริง ๆ นี่นับว่าเป็นร้านค้าแห่งที่สี่แล้ว

“คุณยาย ที่นั่นมีคนสองคนมาทำงานแล้วด้วยค่ะ” สวี่เชิ่งเหม่ยกลับเข้าประเด็น

“ในเมื่อพวกเขาเปิดร้านแล้ว พวกเขาก็ต้องจ้างคนสิจ๊ะ” ท่านแม่โจวไม่เห็นว่ามันจะแปลกตรงไหน

“คุณยาย น้องชายของหนูอยากมาในปีนี้น่ะค่ะ” สวี่เชิ่งเหม่ยยังคงห่วงเรื่องนี้

หล่อนรู้สึกว่าในเมื่อร้านเครื่องดื่มกำลังจะเปิด พวกเขาก็ต้องวางแผนที่จะจ้างคนเข้าทำงาน แต่น้องชายของหล่อนก็ถูกปฏิเสธ หล่อนจึงรู้ว่าพวกเขาไม่ต้องการน้องชายของหล่อน

“ยายบอกแล้วไม่ใช่เหรอ? ว่าทำตามที่น้าสะใภ้สี่ให้ทำก็พอ อย่าเข้ามายุ่งในเรื่องนี้ น้าสะใภ้สี่จะต้องทำอะไรตามใจหนูด้วยเหรอ?” ท่านแม่โจวบอกหล่อน

สวี่เชิ่งเหม่ยรีบตอบรัวเร็ว “คุณยาย หนูไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะคะ”

“ก็ดีแล้วที่หนูไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ไปล้างจานซะ อย่าเอาแต่ดูทีวีที่นี่ทุกวัน ค่าไฟมันแพง” ท่านแม่โจวพูด “หนูคอยดูแลหย่าหย่ากับเถียนเถียนไว้ด้วยนะ ยายจะไปร้านของน้าสี่”

นางออกจากบ้านมาคนเดียวและให้หลานสาวเฝ้าบ้านไว้

โจวชิงไป๋เอ่ยทักเมื่อเห็นนาง “แม่ ทำไมแม่มาอยู่ที่นี่ล่ะครับ? แล้วนี่กินข้าวหรือยังครับ?”

“กินแล้วล่ะ ฉันได้ยินว่าแกกับเมียแกเปิดร้านเครื่องดื่มแล้ว” ท่านแม่โจวเอ่ย

“ครับ” โจวชิงไป๋พยักหน้า

“แกจัดการทั้งหมดไหวเหรอ? มีร้านตั้งมากมายขนาดนี้” ท่านแม่โจวถาม

“ไหวครับ” โจวชิงไป๋ตอบ

แม้จะมีร้านค้ามากมาย แต่ก็ไม่เป็นปัญหาเลยในเมื่อจ้างคนมาดูแลพวกมันแล้ว

………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

แปลตอนนี้แล้วก็รู้สึกตะหงิดในใจอยากส่งเชิ่งเหม่ยกลับชนบทแทนแม่จังเลยค่ะ พี่สาวใหญ่บ้านโจวนี่ก็เหลือเกิน แม่บอกว่าไม่รับคนแล้วก็พยายามตื๊อจะส่งลูกชายมาให้ได้ อย่าให้แม่องค์ลงแล้วกันค่ะ ทีนี้จะไม่ได้อะไรจากแม่เลยแม้แต่นิดเดียวทั้งแม่ทั้งลูกสาว

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset