บทที่ 487 หัวใจของคนเป็นพ่อ
“คุณลุง จะเกิดอะไรขึ้นมาได้ล่ะคะ? ฉันแค่คิดได้น่ะค่ะแล้วก็รู้สึกว่าการที่ผู้หญิงจะอุทิศตัวเองให้กับสามีและลูกเป็นเรื่องที่ดี ก็เท่านั้นเองค่ะ” ต่อให้หลินชิงเหอรู้สึกประหลาดใจมากเพียงใดที่ชายชราผู้นี้สามารถทำนายเรื่องเหล่านี้ออกมาได้ แต่เธอก็ไม่แสดงอาการตื่นตระหนกออกมาเลย
เธอซื่อตรงและไม่ได้ผิดต่อจิตสำนึก
ชายชราขมวดคิ้ว ตัวเลขดวงชะตาจะสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้โดยง่ายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?
“คุณลุงคะ ตอนนี้พวกเราสามารถมีชีวิตที่ดีได้ นั่นก็เพียงพอแล้วนี่ค่ะ ไม่ต้องกังวลกับเรื่องอื่นให้มากหรอกค่ะ คุณลุงอย่าสงสัยไปเลยนะคะ พวกเราก็แค่คนธรรมดา ๆ ทั่วไปเท่านั้น” หลินชิงเหอบอก
ชายชราผู้นี้ไม่ได้แสดงความเห็นอะไรออกมา กล่าวเพียงว่า “ได้ ในเมื่อเธอไม่อยากบอก ฉันก็จะไม่ถามอะไรอีก นี่สำหรับเธอ” เขาหยิบเครื่องรางออกมาแล้วส่งไปให้หลินชิงเหอ
“นี่เป็นเครื่องรางปลุกเสกหรือคะ?” หลินชิงเหอมองไปที่เขา
“นาน ๆ ทีฉันถึงจะวาดออกมาสักแผ่นหรอกนะ แต่ถ้าเธอไม่อยากได้ ฉันก็จะเอาคืน” ชายชราพูด
โจวชิงไป๋รับมาพลางถามว่า “เท่าไหร่ครับ?”
“ไม่ต้องให้เงินหรอก พวกเธอจะได้ไม่คิดว่าฉันมาหลอกเอาเงิน” ชายชราโบกมือก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับข้าวของของตนเอง
หลินชิงเหอมองตามหลังเขาไปก่อนจะหันมาดูเครื่องรางที่อยู่ในมือโจวชิงไป๋พลางพูดขึ้น “ถ้างั้นจะเก็บไว้หรือคะ?”
“เก็บไว้สิครับ” โจวชิงไป๋ตอบ
ชายชราผู้นี้เป็นคนที่มีความสามารถมากทีเดียว ในเมื่อเขาเต็มใจให้เครื่องรางแบบนี้มา เช่นนั้นเขาก็จะเก็บมันเอาไว้
หลินชิงเหอหยิบมันขึ้นดู “ฝีมือการวาดสวยทีเดียวนะคะ”
ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่า เธอรู้สึกว่าเครื่องรางชิ้นนี้มีผลอะไรบางอย่างจริง ๆ
ดังนั้นหลินชิงเหอจึงเก็บมันเอาไว้
ในแผ่นดินขุมทรัพย์แห่งศาสตร์ฮวงจุ้ยในปักกิ่งแห่งนี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนที่มีความสามารถแตกต่างจากผู้อื่นซ่อนตัวอยู่มากมายเพียงใด มันเป็นเรื่องน่ามหัศจรรย์มากที่จะสามารถบอกชะตากรรมของคนผู้หนึ่งได้โดยการดูโหงวเฮ้งบนใบหน้าของเขา
หลินชิงเหอย่อมไม่รู้ว่ามีคนน้อยมากที่อยู่ในศาสตร์แขนงที่ลึกซึ้งนี้ดังเช่นชายชราผู้นี้ และผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกับเขายิ่งมีน้อยมากลงไปอีก
โจวชิงไป๋ไม่สนใจในเรื่องอื่น ๆ ระหว่างทางกลับเขาเอ่ยขึ้นว่า “คุณลุงคนนั้นพูดว่าในอนาคตพวกเราจะมีลูกสาวครับ”
หลินชิงเหอรู้สึกตกใจมาก “คุณได้ยินจากเขาตอนไหนกันคะ? ฉันไม่เห็นได้ยินเลยค่ะ”
“เขาพูดตอนที่คุณไม่ได้อยู่ตรงนั้นน่ะครับ” โจวชิงไป๋ตอบ
พอหลินชิงเหอเห็นว่าชิงไป๋ของเธอมีความสุขมากขนาดไหน เธอก็อยากจะกลับไปเอาเรื่องชายชราผู้นั้นเสียหน่อย ตอนนี้เธออายุปาเข้าไปเท่าไหร่แล้ว? สามสิบกว่าไปแล้ว นับเป็นการตั้งครรภ์ของหญิงสูงวัยโดยแท้ใช่ไหม? เธอจะยังมีลูกสาวได้อีกหรือ?
อีกทั้งหลินชิงเหอก็ไม่ได้มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะมีลูกอีก ลูกชายของเธอสามารถแต่งงานได้แล้ว หากว่าเขาแต่งงานเร็ว เธอก็จะอยู่ในวัยที่เป็นคุณย่าแล้ว เธอจำเป็นต้องมีลูกอีกหรือ?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เธอก็รู้สึกกลัว
นอกจากนี้เธอยังทำหมันไปแล้วด้วย และในช่วงหลายปีมานี้ก็ไม่มีข่าวคราวเลย ในอนาคตเธอยังจะสามารถตั้งครรภ์ได้จริง ๆ หรือ? หลินชิงเหอรู้สึกว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้
“แค่ฟังเอาไว้เท่านั้นก็พอนะคะ” หลินชิงเหอเอ่ย เมื่อเห็นว่าเขามีความสุขมากขนาดไหน เธอก็ไม่กล้าที่จะราดน้ำเย็นลงไปบนตัวเขา
โจวชิงไป๋กังวลเกี่ยวกับสภาพร่างกายของภรรยาตนก็จริง แต่สิ่งที่ชายชราผู้นั้นกล่าวว่าภรรยาได้ถูกชะตากำหนดมาให้มีลูกสาวกับตนจะต้องไม่ผิดแน่
“ภรรยาครับ คุณอยากมีลูกสาวคนนี้ไหม?” โจวชิงไป๋ถาม
เขาอยากจะมีลูกสาวจริง ๆ ไม่มีข้อสงสัยใด ๆ ในเรื่องนี้เลย แต่ไม่ว่าลูกสาวจะมีความสำคัญมากสักเพียงใดก็ไม่สำคัญเท่ากับภรรยาของเขาไปได้
ภายในใจหลินชิงเหอตอบไปว่าเธอไม่ได้มีแผนเช่นนั้นเลยจริง ๆ ชีวิตในเวลานี้ยอดเยี่ยมมากอยู่แล้ว จะทำให้วุ่นวายไปอีกทำไม?
แต่เธอรู้จักสามีของตัวเองดี เขาอยากจะมีลูกสาวอีกคนจริง ๆ ดังนั้นเธอจะปล่อยให้มันเป็นไปตามโชคชะตา
เธอทำหมันไปแล้ว มีอะไรให้ต้องหลีกเลี่ยงได้อีก? ด้วยเหตุนี้เธอจึงตอบไปว่า “ถ้ามีอีกคน พวกเราก็จะให้กำเนิดเขาออกมา แต่ถ้าไม่ ก็อย่าผิดหวังไปเลยนะคะ”
“ครับ” โจวชิงไป๋เห็นด้วย
ทั้งคู่ออกมาท่องเที่ยวด้วยกันเป็นเวลา 3 วัน และน่าจะเป็นเพราะรู้ว่าพวกเขามีโชคชะตาที่จะมีลูกสาวตัวน้อย หลังจากที่กลับมาบ้านแล้วโจวชิงไป๋จึงทำงานหนักมากเป็นพิเศษ
เขาถึงกับตามตัวหม่าเฉิงหมินให้มาตกแต่งร้านค้าแห่งที่ 7 เพื่อเตรียมจะเปิดร้านใหม่
ร้านค้าแห่งที่ 7 นี้ถูกซื้อไว้พร้อมกับร้านขายอาหารแห้งในครั้งนั้น จนกระทั่งถึงบัดนี้มันยังถูกปล่อยทิ้งไว้ให้ว่างอยู่
โจวชิงไป๋ตั้งใจจะเปิดร้านเสื้อผ้าขึ้นมาอีกร้านหนึ่ง เมื่อพิจารณาดูแล้วร้านเสื้อผ้าทำกำไรได้ดีมาก ตอนนี้ครอบครัวมีรายได้สูงและส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะร้านเสื้อผ้า เช่นนั้นทำไมไม่เปิดเพิ่มขึ้นมาอีกร้านล่ะ?
เขาต้องการจะเก็บเงินก้อนโตไว้สำหรับลูกสาว ดังนั้นตอนนี้ในขณะที่เขายังทำงานไหว หาเงินให้มากขึ้นไว้จะดีกว่า
ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้อยู่ในวัยหนุ่มอีกต่อไปแล้ว จะไม่ให้เขาหาหลักประกันความมั่นคงเพิ่มขึ้นให้กับลูกสาวได้อย่างไร?
โจวกุยหลายกับคนอื่นสัมผัสได้ว่าสภาพจิตใจของป๊าดูเปลี่ยนไป รวมทั้งดูมีแรงผลักดันสูงอีกด้วย
“ม้าครับ ป๊าตื่นเต้นกับเรื่องอะไรเหรอครับ? ทำไมผมถึงรู้สึกว่าป๊ากำลังจะปิดร้านเกี๊ยวแล้วจะไปทำธุรกิจอื่นที่ใหญ่กว่า?” โจวกุยหลายพูดขึ้น
หลินชิงเหอไม่สามารถจะตอบได้ แม้แต่เธอเองก็ไม่เข้าใจกระบวนการทางความคิดของชิงไป๋เช่นกัน ทว่าหลินชิงเหอก็รู้ดีว่าชายผู้นี้เชื่อคำพูดของซินแสเฒ่าผู้นั้น และคิดว่าจะมีลูกสาวอีกคนจริง ๆ ดังนั้นบางทีเขาอาจจะกำลังเริ่มวางแผนตระเตรียมสินเดิมไว้ให้กับลูกสาว?
อันที่จริงแล้ว โจวชิงไป๋ไม่ใช่คนที่เหมาะกับการทำธุรกิจเลย เนื่องจากเขาไม่ได้เป็นคนประเภทสองหน้าสามมีด(1) ซึ่งเจอคนก็พูดคน เจอปีศาจก็พูดกับปีศาจได้(2) เขาไม่เก่งในเรื่องความลื่นไหลหรือความมีเล่ห์กลที่เหมาะกับการเป็นนักธุรกิจเหล่านั้นเลย
แต่ชายที่จริงใจผู้นี้มีหัวใจที่เต็มไปด้วยความรักของคนเป็นพ่อ
เขาทำแม้แต่การวิ่งวุ่นไปทางฝั่งตะวันตกของเมืองเพื่อซื้อที่ดินทรุดโทรมหลายแห่ง ซึ่งไม่ได้มีราคาแพงมากนัก แต่เมื่อซื้อทรัพย์สินเหล่านี้มา ที่ดินก็นับว่าเป็นของเขาแล้ว
เขาเชื่อคำพูดของภรรยา ในอนาคตที่ดินทุกตารางนิ้วในปักกิ่งจะมีค่ามหาศาล ดังนั้นเขาจึงซื้อบ้านและที่ดินมากขึ้นอีก 2-3 แห่ง เช่นนี้แล้วพวกเขาจะมีอนาคตที่ไม่ย่ำแย่แน่
หลินชิงเหอรู้ว่าทุกวันนี้เขามีงานยุ่งมากแต่ก็ไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ ต่อเมื่อเขาเอาโฉนดที่ดินหลายใบออกมาให้เธอเก็บไว้ มุมปากของหลินชงเหอจึงกระตุกขึ้น
“ถึงบ้านพวกนี้จะทรุดโทรมไปบ้าง แต่ที่ดินดีมากครับ ในอนาคตพวกมันจะต้องมีค่ามากแน่ ๆ ซื้อเก็บไว้เพิ่มอีก 2-3 แห่ง ต่อไปในอนาคตพวกเราก็จะไม่ขาดเงินอีกแล้วละครับ” โจวชิงไป๋กล่าว
หลินชิงเหอเงียบไป
“ผมยังไม่เจอที่ทำเลดี ๆ เลยละครับ ที่พวกนั้นค่อนข้างจะหาได้ยากมาก แต่ผมบอกบางคนให้ช่วยหาไว้แล้ว ถ้ามีทำเลดี ๆ พวกเขาจะมาหาผมที่ร้านเกี๊ยว” โจวชิงไป๋จิบชาพลางพูดให้ฟัง
“ตามนั้นก็ดีค่ะ” หลินชิงเหอมีถ้อยคำนับพันที่อยากจะเอ่ย แต่ท้ายที่สุดแล้ว เธอได้แต่ตอบกลับไปเช่นนั้น ตราบใดที่เขามีความสุขก็เป็นเรื่องที่ดีแล้ว
“คุณก็อย่าทำให้ตัวเองต้องเหนื่อยเกินไปนะครับ ต้องใส่ใจเรื่องการพักผ่อนให้มาก” โจวชิงไป๋กล่าวต่อ
“ฉันไม่เหนื่อยหรอกค่ะ งานสอนก็สบายมาก” หลินชิงเหอบอก เธอพบว่าพฤติกรรมของชิงไป๋ในตอนนี้เห็นแล้วรู้สึกขัดหูขัดตาขึ้นมานิดหน่อย
แต่เธอก็ปล่อยเขาไป เมื่ออากาศเริ่มเย็นลงเธอก็เริ่มลงมือทำเนื้อตากแห้ง
เนื้อตากแห้งพวกนี้จะถูกส่งไปให้เจ้าใหญ่ของเธอ เธอจึงซื้อเนื้อกลับมาเป็นจำนวนมาก
“ม้า เนื้อตากแห้งพวกนี้อร่อยและเคี้ยวหนึบมากเลยครับ เก็บไว้ให้พวกเราบ้างนะครับ” โจวกุยหลายพูดขึ้นอย่างตะกละ
“เก็บไว้ให้พวกลูก 3 ชั่งแล้วจ้ะ” หลินชิงเหอตอบ เธอเตรียมเนื้อตากแห้งที่เหลืออีก 10 ชั่งส่งไปให้ลูกชายคนโต
เนื้อตากแห้งทำเสร็จเรียบร้อยในเดือนพฤศจิกายน หลินชิงเหอส่งไปอย่างด่วนโดยไม่ปล่อยให้ล่าช้า
ถึงแม้จะรู้ว่าเจ้าใหญ่ของเธอไม่ได้อดอยากอะไร หลินชิงเหอก็ยังอยากจะส่งของบางอย่างไปให้อยู่ดี พร้อมกับมีจดหมายที่บ้านส่งไปให้อีกด้วย
…………………………………………………………………………………………..
(1) หมายถึง คนตีสองหน้า / คนหน้าไหว้หลังหลอก
(2) หมายถึง พูดกับผู้อื่นในสิ่งที่พวกเขาอยากจะได้ยิน