ทว่าจิ่งเหยียนไม่ได้ถาม แต่กดไว้ในก้นบึ้งหัวใจ ครั้นนึกถึงวิดีโอกับคำเล่าลือที่เห็นมาเมื่อวาน แววตาที่มองฟางเจิ้งยิ่งมีความเคารพมากขึ้นเรื่อยๆ แถมยังมีความอยากรู้อยากเห็นหลายส่วนว่าเป็นนักบวชแบบไหนกันแน่ หรือว่าจะเป็นพระพุทธองค์ที่มีชีวิต?
ตอนนี้เองฟางเจิ้งกล่าว “อมิตาพุทธ ถ้าประสกอยากช่วยอาตมาจริงๆ ก็ช่วยวางของให้หน่อย นี่เป็นงานที่ไม่เบานะ”
ชายคนนั้นมองของเล็กน้อยในกล่อง พลันยิ้มออกมา นี่ถือเป็นงานหนักอย่างนั้นเหรอ? ล้อเล่นรึเปล่า! ทว่าก็ยังเดินเข้ามาช่วยอย่างดีอกดีใจ
พวกชาวบ้านเห็นดังนั้นก็สนใจด้วย ทำงานจะได้หยิบของเหรอ ดีเลย!
ฉะนั้นแต่ละคนจึงมองฟางเจิ้งด้วยแววตามีความหวัง ฟางเจิ้งก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง กล่าวกับทุกคนว่า “บนรถยังมีของอีก มีใครอยากช่วยไหม?”
“ฉันๆๆๆ!”
“ฉันเอง!”
“ฉันแรงดี!”
………..
“พี่ชาย ถ้าหนูช่วยยกกล่อง ขอกล่องเครื่องเขียนกล่องหนึ่งได้ไหมคะ? หนูอยากได้สีชมพู…” เด็กหญิงน้อยที่เมื่อครู่จิ่งเหยียนจะให้ของเดินมาข้างฟางเจิ้ง ถามอย่างระมัดระวัง
ฟางเจิ้งมองชาวบ้านที่ล้อมกันเข้ามา ในนั้นยังมีพวกเด็กๆ ด้วย ฟางเจิ้งจึงยิ้มบางๆ พลางตอบ “ทุกคน อย่ารีบร้อน ขอแค่ช่วยงานก็มีค่าตอบแทนทั้งนั้น”
เมื่อสิ้นเสียงลง ชาวบ้านล้อมกันเข้ามา ชาวบ้านหลายคนที่ร่างสูงโปร่งมือยาวขนของทั้งหมดลงมาอย่างกระฉับกระเฉง
ไม่ต้องถึงมือฟางเจิ้งเลย จิ่งเหยียนเตรียมตัวไว้อย่างดีแล้ว จึงแจกจ่ายเสื้อผ้าให้เป็นค่าตอบแทน ชาวบ้านที่ได้ของตอบแทนพลันยิ้มดีใจ คนที่มาช่วยไม่ได้ต่างผิดหวังเล็กน้อย…
โดยเฉพาะเด็กหญิงข้างกายฟางเจิ้ง เธอกะพริบตาโต เพราะตัวเตี้ย ไม่มีแรง จึงไปช่วยไม่ได้ น้ำตาแห่งความคับอกคับใจแทบจะร่วงลงมา เธอยืดคอมองไปในรถ อยากจะหาของเล็กๆ น้อยๆ อีก…น่าเสียดาย ในรถว่างเปล่าแล้ว…
จิ่งเหยียนเห็นดังนั้นก็ทนไม่ไหว ขณะกำลังคิดหาวิธีนั้น
ฟางเจิ้งนั่งยองลงพูดกับเด็กหญิงน้อยว่า “สีกาตัวน้อย อาตมายังมีอีกอย่าง ช่วยไปเอามาให้อาตมาได้ไหม?”
ห่อกระดาษเล็กอันหนึ่งโผล่มาในมือฟางเจิ้งราวกับมายากล
จิ่งเหยียนตะลึงงัน ห่อกระดาษ? อย่างนี้ก็ได้เหรอ?
เด็กหญิงน้อยใสซื่อมาก ถือของวิ่งไปอย่างดีอกดีใจ และนำห่อกระดาษวางไว้บนกล่องอย่างระมัดระวัง จากนั้นยังกลัวว่าลมจะพัดกระดาษปลิวหาย จึงวางห่อกระดาษเข้าไปตรงจุดที่ดีที่สุดตรงระหว่างกล่อง จากนั้นถึงวิ่งกลับมาอย่างชอบใจ
ฟางเจิ้งหยิบกล่องเครื่องเขียนสีชมพูส่งให้เธอ พูดยิ้มๆ ว่า “ขอบคุณนะสีกาน้อย นี่คือสิ่งที่สีกาควรได้รับ ขอแค่สีกาพยายาม จะไม่มีอะไรที่สีกาไม่ได้มา”
เด็กหญิงพยักหน้าเหมือนเข้าใจและเหมือนไม่เข้าใจ ก่อนกอดกล่องเครื่องเขียนสีชมพูวิ่งไปอย่างมีความสุข
ส่วนชาวบ้านเหล่านั้นต่างมีสีหน้าคล้ายขบคิด ภายในใจดังกังวานเป็นคำพูดของฟางเจิ้งไม่หยุด ‘ขอแค่สีกาพยายาม จะไม่มีอะไรที่สีกาไม่ได้มา!’ พวกเขานึกถึงชีวิตของตัวเอง ทันใดนั้นก็มีคนเผยสีหน้าละอายใจ
“ในห่อกระดาษนั่นมีอะไรเหรอ ลึกลับจัง?” จิ่งเหยียนกระซิบถาม
ฟางเจิ้งหัวเราะเหอะๆ “ไม่มีอะไรเลย ก็แค่ห่อกระดาษ”
จิ่งเหยียนมึนงง
“สีกาจะแบ่งของยังไงอาตมาไม่รู้ ที่เหลือสีกาจัดการเถอะ” ฟางเจิ้งกล่าว
จิ่งเหยียนพยักหน้า บอกว่า “หลวงพี่ฟางเจิ้ง ฉันเข้าใจเจตนาของท่านแล้ว สบายใจได้เลย ฉันไม่ให้ของให้ทานพวกเขาแล้ว แต่จะเคารพพวกเขาให้มากพอ”
ฟางเจิ้งได้ยินแบบนั้นจึงประนมสองมือท่องไปบทหนึ่ง “อมิตาพุทธ”
จิ่งเหยียนแย้มยิ้ม เดินเข้าไปเริ่มให้คนช่วยเปิดกล่อง วางของ ให้คนช่วยตะโกนให้คนอื่นเข้ามาเป็นต้น…โดยสรุปจิ่งเหยียนทำงานไม่น้อยเหมือนกัน ทำให้คนมาช่วยได้ จากนั้นส่งของที่อีกฝ่ายต้องการให้ไป
เห็นแบบนี้แล้ว ฟางเจิ้งพยักหน้าเล็กน้อย คิดในใจว่า ‘งานพวกนี้ต้องให้มืออาชีพเขาทำจริงๆ’
ระหว่างที่ฟางเจิ้งกับจิ่งเหยียนกำลังยุ่งกับงานอย่างคึกคัก มีรถตู้สีดำคันหนึ่งแล่นมาจากไกลๆ รถตู้เข้ามาในหมู่บ้านแล้วหยุดลงทันที ประตูรถเปิดออก มีคนหัวทองลงมาห้าคน สวมเสื้อแขนสั้นสีดำ บนเสื้อสกรีนคำว่าถ่ายทอดสดบริจาคด้วยใจเมตตาโดยต้าต้าหนิว ในห้าคนนี้มีสี่คนตัวสูงกำยำ อีกคนไม่ถือว่าสูงมาก แต่หน้าตาไม่ว่ามองยังไงก็ดูไม่เข้าเค้าคนดี
ฟางเจิ้งขมวดคิ้ว หลวงจีนหนึ่งนิ้วเคยบอกว่ารูปโฉมเกิดจากจิตใจ คนชั่วไม่จำเป็นต้องมีหน้าตาอย่างคนชั่ว ทว่าบนใบหน้าต้องแขวนป้ายไว้ว่าฉันเป็นคนชั่วอย่างแน่นอน! อย่างเช่นแววตา เอกลักษณ์ที่แผ่ออกมา และสีหน้าต่างๆ…เว้นแต่จะแสร้งทำเป็นไต้ซือ ไม่อย่างนั้นยากจะซ่อนความในใจไว้ได้ทั้งหมด อีกอย่างห้าคนตรงหน้านี้ไม่ได้คิดจะเก็บซ่อนเลย ความดุร้ายทางสีหน้าของทุกคนแทบจะเชื่อมกันเป็นเส้นยาว เดาว่าถ้ามากันมากกว่านี้ ความดุร้ายที่เชื่อมกันคงล้อมโลกเป็นวงกลมได้หลายรอบแล้ว…
‘คนแบบนี้มีใจกุศลด้วยเหรอ ของจริงรึเปล่าเนี่ย?’ ฟางเจิ้งอดพึมพำในใจไม่ได้
จิ่งเหยียนเห็นพวกนี้ก็หยุดมือในฉับพลัน เดินเข้าไปพูดเบาๆ “หลวงพี่ฟางเจิ้ง นี่แหละจุดประสงค์ที่ฉันมาในวันนี้ ตอนแรกคิดว่าเป็นข่าวลือ ดูท่าแล้วคงจะจริง…”
“ความจริงอะไรเหรอ?” ฟางเจิ้งงงงวยเล็กน้อย พอนึกถึงคำพูดของจิ่งเหยียนก่อนหน้าก็เข้าใจอยู่บ้าง จิ่งเหยียนไม่ได้มาทำบุญโดยเฉพาะ แต่มีเป้าหมายอื่น!
“มาๆๆ ทุกคนมาเร็ว คนชีวิตไม่ดีมากันให้หมดเลย ฉันจะแจกเงิน” ชายตัวเตี้ยหยิบเงินมาปึกหนึ่งแล้วตะโกนเสียงดัง
ชายตัวสูงอีกคนหยิบมือถือออกมาบันทึกภาพไว้ทั้งหมด บันทึกพลางพูดว่า “เพื่อนๆ ทุกคนครับ พวกเราองค์กรการกุศลต้าต้าหนิว วันนี้มาที่หมู่บ้านยากจนสะพานบูรพาที่ตอนแรกยากจนที่สุดในมณฑล ตอนนี้ทุกคนมีชีวิตดีขึ้นแล้ว แต่เราก็ไม่ลืมว่ายังมีพี่น้องที่ยังลำบากอยู่ ดังนั้นพวกเราเหล่าพี่น้องจึงก่อตั้งองค์กรการกุศลต้าต้าหนิวขึ้นมา วัตถุประสงค์ก็เพื่อส่งต่อจิตใจเมตตาไปยังชาวโลก! พวกเราไม่มีคำขวัญที่เลิศเลออะไร และก็ไม่ได้เข้าร่วมกับองค์กรการกุศลอื่นด้วย พวกเราก็คือพวกเรา สิ่งที่พวกเราทำไม่พิถีพิถันและง่ายดายมาก แจกเงิน! เพื่อนๆ ที่ชอบพวกเราฝากกดไลก์กดแชร์ด้วย ขอบคุณมาก! ถ้าอยากร่วมกับเราไม่ต้องมาด้วยตัวเอง คุณให้ของขวัญเราเท่าไร เราบริจาคให้เท่านั้น! ที่เหลือเป็นค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ ตอนนี้กำลังไลฟ์สดอยู่นะครับ ให้ของขวัญเท่าไรเราบริจาคเท่านั้น!”
พูดจบชายคนนี้ชูมือถือขึ้นสูง ถ่ายไปรอบๆ ชาวบ้านที่เสื้อผ้าขาดวิ่นแต่ละคนและเด็กๆ ที่ผอมเหมือนโครงกระดูกล้วนถูกถ่ายไว้ ในไลฟ์สดพลันคึกคักขึ้นมา
“น่าสงสารจังเลย”
“เห็นเด็กพวกนั้นแล้วปวดใจจัง”
“ก่อนจะเป็นพ่อแม่คนไม่ค่อยรู้สึกเท่าไร แต่พอมาเป็นพ่อแม่แล้วทนดูไม่ได้จริงๆ ส่งจรวดให้เลย!”
“น่าเศร้าจัง ฉันไม่เข้าใจเลยว่าหมู่บ้านจนขนาดนี้ทำไมถึงไม่เข้าไปรับจ้างทำงานในเมือง? อย่างน้อยๆ ทำงานรับจ้างก็ไม่น่าจะจนขนาดนี้สิ?”
………………………