[NC18+] SS0 – เรื่องราวบนลานประหาร
Secret Story 0 [ลูคัส]
Part 2: เรื่องราวบนลานประหาร
Warning: NC18+
*****
1 1 0 9 1 4 0 7
ตัวเลขแปดหลักที่แสดงอยู่บนจอทำเอาลูคัสเบิกตากว้าง จับจ้องหมายเลขที่เห็นทุกวันจนชิน ก่อนจะรีบหันหน้าหาเจ้าของหมายเลขผู้โชคร้าย ดวงตาดุเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อเช่นเดียวกัน ฝ่ามือกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดขึ้น กัดฟันกรอด ใบหน้าที่ดูดุอยู่แล้ว ตอนนี้แทบจะแปรเปลี่ยนไปเป็นยักษ์ แผ่รังสีอำมหิตออกมาอย่างรุนแรงจนผู้ที่ใกล้ที่สุดยังต้องขยับหนีด้วยความกลัว
“หมายเลขนี้มัน คิง! แจ็คพอตแล้วโว้ย”
เสียงร้องดังขึ้นจากหนึ่งในชายซอมซ่อคู่เดิมอีกครั้ง พร้อมท่าทีดีใจแสดงออกชัดเจน
“คิง? ใครวะ”
“ก็บัลธัสไง 11091407 พอเอาตัวเลขมาแปลงอักษรจะได้ KING พอดี พวกนักโทษเรียกกันว่า คิง เพราะตอนแรกยังไม่มีใครรู้จักชื่อ แถมไม่มีใครกล้าเข้าไปถาม ใครก็ไม่รู้แม่งก็คิดได้ให้เอาเลขมาแปลงเป็นอักษร เสือกได้ชื่อ คิง พอดี”
“บัลธัส? คิง? อ้อ! ใช่ผู้ชายผมสั้นดูโหดๆน่ากลัวๆ ที่อยู่ห้องเดียวกับผู้ชายหัวฟูๆ ท่าทางหงิมๆ ใช่ไหม”
“เออ คนนั้นนั่นแหละ แม่งเอ๊ยไม่เสียชื่อ คิงฟอร์จูน จริงๆ สุ่มใครไม่ได้ดันสุ่มได้คิง ลาภปากแล้วเว้ยงานนี้”
“แล้วทำไมมึงต้องดีใจขนาดนั้นด้วยวะ”
“หา!? มึงได้ฟังที่กูพูดเมื่อกี้ป้าววะ นั่นของเหลือจากคิงฟอร์จูนนะเว้ย พอคิงใช้งานมันเสร็จแล้วก็จะปล่อยให้พวกนักโทษเล่นกันต่อ อีกอย่างนั่นคิงบัลธัสนะเว้ย! ใครจะไปคิดว่าจะได้มีโอกาสลิ้มลอง ชายที่แทบจะยืนอยู่จุดสุดสูงของนักโทษ ชายที่เป็นที่หวาดกลัวแต่ก็เป็นที่หมายปองของนักโทษทุกคนในเวลาเดียวกัน มึงลองคิดดูว่าบั้นท้ายที่ไม่ได้ใช้งานมาตลอดสองปีตั้งแต่เข้ามานั่นจะแน่นขนาดไหน เผลอๆ ไม่เคยใช้งานมาตลอดชีวิตด้วยซ้ำดูจากความโหดแล้ว”
“ขนาดนั้นเลยเหรอวะ แล้วนี่มันอยู่รอดมาได้ไงตั้งสองปีในคุก อย่างน้อยวันแรกก็น่าจะโยนรุมยับแล้วนะหน้าตาดีขนาดนั้น”
“มึงไม่เคยได้ยินสินะ คืนแรกตอนที่คิงเข้ามา ก็สร้างอีเว้นท์ไว้ยิ่งใหญ่เป็นที่จดจำของทุกคนด้วยการฆ่าเพื่อนร่วมห้อง เรื่องมันมีอยู่ว่า ไอรูมเมทงั่งที่แชร์ห้องร่วมกับคิงมันคิดจะลองของ แอบลงมือตอนที่คิงหลับหวังที่จะได้เปิดซิงสั่งสองเด็กใหม่ให้อยู่ในโอวาท แต่แทนที่จะได้สั่งสอนก็กลายเป็นศพไปแทน หลังจากนั้นมาไม่มีใครกล้ายุ่งกับหมอนั่นอีก ขนาดพวกตัวเบ้งๆ ยังหวาดกลัวกันเลย แค่สายตาที่มองมาก็แทบจะทำมึงช็อกตายได้แล้ว แต่มึงดูตอนนี้สิ สายตาหื่นกระหายของไอ้พวกที่อยากลิ้มลองบั้นท้ายแสนแน่นมาตลอดนั่น ใครมันจะไปคาดคิดว่าจะมีวันนี้ได้ วันที่คิงสุดแข็งแกร่งจะกลายมาเป็นตุ๊กตายางสำหรับคนทั้งคุก แค่คิดก็ฟินแล้วโว้ย ได้เปิดซิงบั้นท้ายนั่นคิงฟอร์จูนจะรู้สึกยังไงวะ”
ลูคัสกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ อยากจะพุ่งเข้าไปต่อยไอผู้ชายปากเสียไม่มีหูรูด แต่ก็ต้องอดทนไว้ หากตกเป็นเป้าสายตา แผนการที่เตรียมไว้คงได้พังหนักกว่าเก่า
ชายหนุ่มคาดการณ์ไว้แล้วว่าจะต้องมีเหตุการณ์ที่สุ่มใครสักคนหนึ่งขึ้นไปบนเวทีเกิดขึ้น จึงวางแผนว่าในระหว่างที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจกับการสาธิตตรงหน้า ทั้งลูคัสและบัลธัสจะแอบเข้าไปห้องพัศดีเพื่อที่จะขโมยชุดฝ่าพายุสำหรับหลบหนี แต่แล้วก็ยังมีสิ่งที่เหนือความคาดหมาย ท่ามกลางคนคุกนับพันชีวิต หมายเลขที่โผล่ออกมากลับเป็นของบัลธัส หนึ่งในผู้ร่วมแผนการ ผลลัพธ์ที่ออกมายิ่งทำให้ลูคัสขมวดคิ้วหนัก การจะแอบเข้าไปในห้องพัศดี จำเป็นต้องพังกำแพงที่พวกเขาเตรียมไว้ โดยอาศัยเสียงเม็ดฝนและพายุในการกลบเสียงถล่ม แต่การจะทลายกำแพงจะต้องใช้แรงเป็นอย่างมาก ทันทีที่ขาดใครคนใดคนหนึ่งไป แผนหลักก็จะไม่สามารถเดินไปต่อได้ บังคับให้ใช้แผนสำรองที่มีความเสี่ยงมากกว่าโดยปริยาย
“เอ้า หมายเลขของสวะตัวไหน รีบขึ้นมาบนเวทีได้แล้ว หากยังไม่โผล่หัวขึ้นมาภายในห้านาที ก็เตรียมบอกลาโลกได้เลย”
เสียงตะโกนเร่งด้วยความชื่นมื่นดังลั่น ดวงตาสีน้ำผึ้งจ้องมองชายที่ถูกเรียกหาด้วยความเป็นห่วง ดวงตาดุจ้องมองกลับก่อนจะส่ายหน้าให้ในเชิงที่รู้ความหมาย คนอย่างลูคัสมักจะมีแผนรับมือสำหรับเรื่องที่ไม่คาดฝันเสมอ เพียงแต่สถานการณ์ในคราวนี้ทำให้จำเป็นต้องใช้แผนสำรองก้นหีบที่ต้องแลกมากับความอัปยศอันหลีกเลี่ยงไม่ได้
บัลธัสรู้ดีว่าจะต้องเผชิญกับอะไร ร่างแกร่งกำหมัดแน่น เดินตรงไปยังลานยกสูงด้านหน้า เหล่านักโทษพร้อมใจกันแหวกทางให้ สายตาจับจ้องชายหนุ่มที่เดินด้วยท่าทางแข็งกร้าว สีหน้าไม่เข้าใจ สีหน้าหวาดกลัว สีหน้าสะใจ สีหน้าสุขสม อารมณ์หลากหลายที่จ้องมองมานั้นยิ่งทำให้บัลธัสรู้สึกหงุดหงิด รวมไปถึงสายตาแรงกล้าที่จ้องลงมาจากบนเวทีอย่างผู้ที่เหนือกว่า ยิ่งจุดความเดือดดาลภายในใจ
“ดูท่าวันนี้เทพีแห่งโชคก็ยิ้มมาให้ คิงฟอร์จูน อีกครั้ง”
เออร์วินเอ่ยทักทันทีที่ชายหนุ่มขึ้นมายืนอยู่บนเวทีเดียวกัน ใบหน้าเย่อหยิ่งฉีกยิ้มกว้างด้วยความพอใจเมื่อเห็นร่างอันบึกบึน บวกกับใบหน้าที่ดูหล่อเหลาแถมดุดันน่าเกรงขามสมกับเป็นลูกผู้ชาย ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปใกล้ สองชายยืนหันหน้าเข้าหากัน ขนาดตัวต่างกันไม่มากนัก เช่นเดียวกับความฟิตของร่างกายที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ดวงตาจ้องลึกเข้าไปด้านใน อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกอยากขยี้ให้ดับดิ้น ฝ่ายหนึ่งด้วยความสะใจ ฝ่ายหนึ่งด้วยความโกรธแค้น ความกดดันแพร่กระจายจนทำเอาลานกว้างเงียบสงัด แต่แล้วเออร์วินเป็นฝ่ายทำลายความเงียบ มือหยาบลูบเข้ากับปลายคางที่มีเคราขึ้นแซมของคนตรงหน้าอย่างไร้ซึ่งความกลัวเกรง
“ทำหน้าแบบนี้ไปให้ได้ตลอดนะ เวลาที่ได้ขยี้ผู้ชายแบบมึงนี่ของโปรดกูเลยว่ะ โคตรมีความสุข”
“การแสดงเด็กเล่นพักนี้รีบทำให้มันจบๆไปซะ เออร์วิน”
น้ำเสียงขุ่นมัวเจือกด้วยความโกรธเอ่ยตอบ สายตาทิ่มแทงแฝงไปด้วยความอาฆาต แต่กลับยิ่งกระตุ้นความสนุกให้คนตรงหน้า
“รู้จักชื่อจริงกูด้วยแบบนี้ แสดงว่ามาทันเมื่อสี่ปีก่อนสินะ มึงคงรู้ตัวดีว่าจะโดนอะไร”
เออร์วินสรุปเอาเองอย่างรวบรัด จ้องมองเข้าไปในดวงตาที่ไม่หวั่นเกรง ก่อนจะเริ่มเผยยิ้มที่ทำเอาใจคอรู้สึกไม่ดี
“แต่มึงอาจจะลืมอะไรไปบางอย่าง”
เมื่อสิ้นประโยค กระแสไฟฟ้าก็แล่นปราดจากปลอกคอพุ่งไปทั่วร่างทันทีที่ปลายนิ้วของพัศดีสัมผัสเข้ากับปุ่มหนึ่งบนสวิตช์ควบคุมในมือ
“สวะอย่างมึงไม่มีสิทธิ์ออกคำสั่งกับกู”
ลูคัสเบิกตากว้างอย่างตกใจทันทีที่เห็นร่างของคนสนิทกระตุกก่อนเข่าจะทรุดลงกับพื้น เออร์วินพยักหน้าให้สองผู้คุมที่ยืนอยู่ด้วยกัน ชายในชุดดำเดินเข้ามาขนาบข้างร่างแกร่ง หิ้วแขนคนที่ชาไปทั้งตัวคนละข้างตรงไปยังกิโยตีน ศีรษะและสองมือถูกพาดเข้ากับช่องว่างบนแผ่นไม้อย่างไร้การต่อต้าน ก่อนจะถูกประกบล็อกด้วยแผ่นไม้อีกส่วนจากข้างบน สองเท้าของนายพัศดีก้าวไปหยุดยืนอยู่ตรงด้านหน้าเครื่องประหาร ฝ่ามือหยาบกระชากผมอีกฝ่ายขึ้นให้เงยมองด้วยความเจ็บปวดทั้งจากกระแสไฟฟ้าและการกระทำอันรุนแรง
“กูยังจำความรู้สึกครั้งก่อนที่จัดการผู้ชายแบบมึงได้อยู่เลย รูที่ไม่เคยใช้งานมาก่อน แม่งรัดแน่นกว่ารูของพวกผู้หญิงบนเกาะอีก โดนกูซอยจนร้องครางเหมือนหมาตัวเมีย แต่ใบหน้าก็ยังคงบึ้งตึงโกรธเกรี้ยว ยิ่งทำให้กูอยากเห็นว่าหลังจากโดนไอ้พวกสวะที่เหม็นขี้หน้ารุมโทรมแบบไม่ได้หยุดพัก มันจะยังทำใบหน้าเหมือนเดิมได้ไหม กูหวังว่ามึงจะทำให้กูรู้สึกสนุกเหมือนกันมันนะ ไอ้หมาตัวเมีย”
น้ำเสียงแสดงความตื่นเต้น และใบหน้าอันโฉดชั่วที่แสดงความกระหายนั่น ทำเอาบัลธัสรู้สึกขยะแขยงคนตรงหน้า ร่างกายที่ชาจากกระแสไฟฟ้าเริ่มกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ฝ่ามือกำแน่นด้วยความเกลียดชัง
“พวกมึงเตรียมตัวมันซะ อย่าให้มันแน่นจนกูเข้าไม่ได้”
เออร์วินตะโกนบอกสองผู้คุม สองมือปลดตะขอกางเกงขนาดพอดีตัวพร้อมกับรูดซิปลง ความเป็นชายโผล่ออกมาทันทีโดยไร้ซึ่งชั้นในปิดบัง ไม่มีแม้แต่ความเขินอายต่อสายตานับพันที่จับจ้อง
“ถ้ามึงคิดจะกัดละก็เตรียมตัวหัวหลุดได้เลย”
แม้ไม่ต้องบอกว่าอีกฝ่ายต้องการจะให้ทำอะไร แต่ก็เดาได้ไม่ยาก ฝ่ามือหยาบกระชากกลุ่มผมให้เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง จ่อปลายหัวสีแดงเข้ากับริมฝีปาก แม้ความเป็นชายยังสงบแน่นิ่ง แต่ขนาดก็ไม่ได้ชวนให้จิตใจผู้มองเห็นตรงหน้าสงบด้วยเลยแม้แต่น้อย
“ไอสัตว์นรก ถ้าออกไปจากที่นี่ได้ กูฆ่ามึงแน่”
คำพูดไม่ได้สร้างความเจ็บปวดหรือความหวาดกลัวให้แก่เออร์วินเลยแม้แต่น้อย ใบหน้ากลับยิ้มกว้างด้วยความสะใจเพิ่มขึ้นอีก
“ปากเก่งดีนี่ มึงจะใช้ปากนั่นทำให้กูดีๆ หรือมึงอยากจะชาไปทั้งตัวอีกรอบ คราวนี้กูจะได้จัดหนักด้วยตัวเองจนกรามมึงค้างเลย”
พัศดีเสนอตัวเลือก หากคิดว่าเออร์วินทำไปเพราะความเห็นใจก็ผิดถนัด การที่ได้กระทำชำเราริมฝีปากนั่นด้วยความรุนแรงอาจจะทำให้รู้สึกดีด้วยความสะใจก็จริง แต่เมื่อเทียบกับสายตาโกรธแค้นที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังมองมาระหว่างที่ริมฝีปากนั่นกำลังปรนเปรอด้วยตนเอง ได้บดขยี้ศักดิ์ศรีและความเป็นชายของคนที่ขัดขืน กลับให้ความรู้สึกดีกว่าเป็นไหนๆ และแน่นอนว่าถ้าให้เลือกระหว่างยอมทิ้งศักดิ์ศรีทำด้วยตัวเอง กับ โดนอีกฝ่ายปู้ยี่ปู้ยำด้วยความรุนแรง มันก็แน่นอนอยู่แล้วว่าร้อยทั้งร้อยจะเลือกวิธีการแรกที่เจ็บปวดน้อยกว่า
เออร์วินแม้ภายนอกอาจจะดูเหมือนผู้ชายระยำไร้ความคิด หวังพึ่งแค่ดวงและยศถาบรรดาศักดิ์ แต่หากว่าได้เข้าไปใกล้ชิดด้วยตนเองจะรู้ว่า เออร์วินแท้จริงแล้วมีสมองที่ฉลาดเป็นกรด แถมหัวไวจนน่ากลัว ไม่เช่นนั้นก็ไม่อาจคว้าตำแหน่งพัศดีมาด้วยระยะเวลาสั้นๆเพียงเท่านี้ เมื่อความปราดเปรื่อง และความแข็งแกร่ง ผสานเข้ากับโชคอันล้นพ้น ยิ่งทำให้กลายเป็นตัวตนที่ไม่ควรเสวนาด้วย
“เอ้า จ้องมากเดี๋ยวก็ท้องหรอก รีบทำหน้าที่ได้แล้ว”
ใบหน้าหยิ่งก้มลองมองชายหน้าดุที่ส่งสายอาฆาตไม่กะพริบ ส่ายสะโพกให้ส่วนที่อ่อนไหวถูกับริมฝีปากไปมา
“มึงจะทำอะไรก็เรื่องของมึง แต่กูจะไม่ลดตัวไปร่วมวงจรอุบาทว์ของมึงด้วยตัวเอง”
คำตอบกลับอย่างคาดไม่ถึงทำเอาเออร์วินตะลึงด้วยความประหลาดใจ ยืนนิ่งจ้องมองร่างที่ไม่สามารถต่อต้านได้ตรงหน้า ช่างเป็นผู้ชายที่เหนือความคาดหมายเสียจริง ดวงตาดุที่จ้องมอง คำพูดที่เต็มไปด้วยศักดิ์ศรี จุดประกายอะไรบางอย่างในจิตใจของเออร์วิน
พัศดีเออร์วินไม่ได้มีรสนิยมชอบผู้ชาย ตลอดช่วงเวลาที่ดำรงตำแหน่งไม่เคยมีสักครั้งที่ต้องมาให้ความสนใจหรืออยากจะเล่นกับพวกนักโทษ ปล่อยภาระหน้าที่ให้เป็นของอีกคนหนึ่งที่มีตำแหน่งเทียบเท่าที่คอยดูแลฝ่ายทหาร คุมให้พวกคนคุกอยู่ในโอวาท ส่วนตัวเออร์วินเองก็ออกไปหาเรื่องสนุกทำตามบนเกาะ ยกพวกผู้คุมบุกหมู่บ้าน จับหญิงสาวมาข่มขืนต่อหน้าสามีโดยไม่สมยอม ก่อนจะข่มขืนสามีต่อหน้าหญิงสาวเพื่อความสะใจล้วนๆที่ได้เห็นใบหน้าสิ้นหวัง โอดครวญและบิดเบี้ยว สร้างเชื่อเสียไว้กับพื้นที่โดยรอบไม่ใช่น้อย ถือว่าเป็นคนเลวโดยสันดาน ความเบื่อหน่ายหญิงสาวที่ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มีรสชาติจำเจเหมือนกันหมด เริ่มเทียบไม่ได้กับความสนุกที่ได้ปราบม้าพยศ ความสะใจที่ได้อยู่เหนือผู้ชายด้วยกันเริ่มลามปามจนติดเป็นนิสัยโดยไม่รู้ตัว แถมยังไปกระตุ้นความหื่นกระหายทุกครั้งที่รู้สึก เหมือนดังเช่นที่ได้เจอบุคคลตรงหน้า
ใบหน้าหยิ่งเริ่มฉีกยิ้มกว้าง ความเป็นชายที่แน่นิ่งเริ่มขยายใหญ่ขึ้นโดยที่ไม่ต้องสัมผัส ร่างแกร่งถอยตัวออกพร้อมกับปล่อยมือที่กุมเส้นผม แม้คราวนี้จะไม่โดนบังคับให้เงยขึ้นมอง แต่นัยน์ตาดุยังคงจับจ้องไม่กะพริบ
“ถ้ามึงชอบความรุนแรงกูก็จัดให้”
สติของบัลธัสถึงกับวูบไปชั่วขณะเมื่อไฟฟ้าวิ่งปราดไปทั่วร่างอีกครั้ง ใบหน้าถูกกระชากให้เงยขึ้น ริมฝีปากถูกบีบ บังคับให้อ้ากว้าง ดวงตาพร่าเลือนมองเห็นเพียงแค่ใบหน้าเบลอที่มีรอยยิ้มโฉดชั่วประดับอยู่ ความหนาใหญ่ของวัตถุสัมผัสอุ่นเริ่มชอนไชเข้าสู่ริมฝีปาก ดันลึกลงไปอย่างเชื่องช้าจนกระทั่งแน่นิ่งจนรู้สึกจุกอยู่ในลำคอ
“อ่า~ หน้าโหดๆของมึงดูดีขึ้นเยอะเลย”
ความชาที่ยังแล่นไปทั่วร่างทำเอาหูรู้สึกอื้ออึงฟังไม่ได้ศัพท์ ความใหญ่โตของความเป็นชายอัดแน่นอยู่ในริมฝีปากจนแทบไม่มีพื้นที่ว่างยิ่งสร้างความทรมาน สองขาที่ทรุดลงอยู่กับพื้นถูกดันขึ้นให้ตั้งตรงเพื่อประคองร่าง ก่อนค่อยๆถูกแยกออกด้วยมือของสองผู้คุม เจลเย็นเยิ้มสัมผัสกับเหนือบั้นท้ายแน่นก่อนจะไหลลงมาตามรอยแยก ก้อนกลมสองลูกถูกแหวกกว้างให้เห็นช่องทางปิดสนิทที่ไม่เคยผ่านการใช้งาน ปลายนิ้วจรดเข้ากับรูสีสวยก่อนจะค่อยๆดันตัวเข้าไปตามคำสั่งของพัศดี
สิ่งแปลกปลอมที่แทรกเข้ามาตรงส่วนล่างของร่างกายดึงเอาสติของบัลธัสให้กลับมาอีกครั้ง ดวงตาพร่าเลือนเมื่อครู่เริ่มจับจ้องอีกฝ่ายด้วยความโกรธ พัศดีทำการยิ้มตอบเมื่อเห็นว่าสติของชายหนุ่มกลับมา แต่รอยยิ้มนั้นสร้างความรู้สึกรังเกียจเข้าจับใจ
อ๊อก! อ๊อก! อ๊อก!
เออร์วินเริ่มทำการกระแทกริมฝีปากทันทีหลังจากส่งยิ้มน่ารังเกียจให้ ความเป็นชายค่อยๆคืบคลานออกอย่างช้าๆก่อนจะใส่เข้าไปจนสุดลำ การเคลื่อนไหวนั้นยังไม่รุนแรงมากนักเมื่อทุกการเข้าออกยังสัมผัสเข้ากับฟันที่อยู่ด้านใน คอยสร้างความหงุดหงิดให้ลงมือได้ไม่เต็มที่
“การที่มึงยอมมาจนถึงตอนนี้ ก็เพราะมึงยังไม่อยากตายใช่ไหมล่ะ ถ้างั้นก็ทำให้กูสนุกหน่อย ยิ่งกูแตกไวเท่าไหร่ก็ยิ่งจบไวเท่านั้น อยากให้กูแตกไวๆก็เก็บฟันมึงซะ”
พัศดีเอ่ยบอกพร้อมกับตบฝ่ามือเข้าที่ใบหน้าคม บัลธัสทำเพียงจ้องเขม็งตอบกลับ ไม่คิดจะให้ความร่วมมือตามที่เคยพูดไว้ ดวงตาสีฟ้าจับจ้องชายหนุ่มที่คิดจะพยศจนถึงท้ายที่สุด การโน้มน้าวไม่เคยจะเป็นผล สุดท้ายก็จบที่ความรุนแรง แต่ก็ถือว่าไม่เลวเหมือนกัน
ฝ่ามือบีบเข้ากับแก้มอย่างแรงให้ริมฝีปากได้อ้ากว้างยิ่งกว่าเก่า หากเป็นยามปกติแรงเพียงแค่นี้ไม่สามารถทำให้บัลธัสยอมเป็นไปตามที่อีกฝ่ายต้องการ แต่ด้วยกระแสไฟฟ้าที่ทำเอาเรี่ยวแรงหายไปถึงสองครั้งจึงไม่เหลือกำลังไว้ใช้ต่อต้าน ริมฝีปากอ้ากว้างออก ส่งความเป็นชายพุ่งตรงไปยังลำคอโดยไร้ซึ่งการสัมผัสจากความแข็งของฟัน ความเร็วเริ่มเพิ่มขึ้นทีละนิด กระแทกเข้ากับลำคอจนรู้สึกจุกปนเจ็บทำให้ริมฝีปากอ้ากว้างขึ้นเองโดยปริยาย มือที่บีบเข้ากับแก้มเริ่มเปลี่ยนมาเป็นกอบกุมศีรษะให้มั่นคง แล้วเริ่มรัวเร็วกระแทกเข้าสู่ลำคอ ผสานจังหวะเข้ากับปลายนิ้วที่ชอนไชเข้าช่องทางด้านหลัง
เจลเย็นถูกชโลมเข้ากับนิ้วมือของผู้คุมก่อนจะเริ่มดันเข้าสู่ช่องทางที่เริ่มเปิดรับ ไสตัวเข้าออกอย่างช้าๆจนชุ่มฉ่ำ ก่อนผู้คุมอีกคนหนึ่งจะเริ่มสอดใส่นิ้วเข้ามาร่วมด้วย สองนิ้วชี้เริ่มสลับกันเข้าออกช่องทางคับแคบให้ร่างแกร่งได้ปรับตัว ร่างกายสั่นกระตุกทุกครั้งที่ถูกกระแทกจากด้านหน้า แต่ก็ไม่ได้สร้างความลำบากให้กับสองชายที่เตรียมช่องทางด้านหลัง สองผู้คุมมองหน้ากันก่อนจะยิ้มเหี้ยม ชโลมเจลลงช่องทางอีกครั้งก่อนจะแทรกนิ้วที่สองเข้าไปอย่างเชื่องช้า สี่นิ้วที่สอดใส่เข้าไปถูกรัดแน่น ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก จากสองนิ้วที่คับอยู่แล้วถูกข้ามขั้นเพิ่มไปอีกสองนิ้วทันที ขาที่ตั้งตรงเริ่มมีอาการสั่นพร้อมกับช่องทางที่บีบรัดมากขึ้น แต่ก็ไม่อาจหยุดความสนุกของสองผู้คุมได้ สองนิ้วเริ่มสลับกับเคลื่อนตัวเข้าออก สร้างความรู้สึกแปลกให้กับผู้ถูกกระทำ จนกระทั่งความคับแน่นเริ่มขยายตัว นิ้วสองคู่จึงเร่งสอดใส่อย่างรัวเร็วเพื่อผสานเข้ากับการกระทำอันหนักหน่วงของผู้บังคับบัญชา เมื่อเริ่มไร้แรงต่อต้านจากช่องทาง สองผู้คุมมองหน้ากันอีกครั้งก่อนจะพยักหน้า สี่นิ้วดันเข้าไปจนสุดก่อนจะเริ่มดึงรูสวยให้แยกออกจากกัน ร่างแกร่งกำหมัดแน่น สั่นเทาด้วยความเจ็บปวด ขาจิกเข้ากับพื้นไม้ ความทรมานยังไม่มีทีท่าจะหยุดเมื่อสัมผัสบริเวณช่องทางด้านหลังเพิ่มขึ้น สามนิ้วมือสองคู่เริ่มทำการสลับกับสอดใส่อย่างรัวเร็ว เช่นเดียวกับคนตรงหน้าที่ยังคงจับกระแทกริมฝีปากไม่หยุดจนรู้สึกเจ็บลำคอ
“พร้อมแล้วครับคิงฟอร์จูน”
ราวกับเสียงสวรรค์โปรด การกระทำตรงช่องทางด้านหลังหยุดลงก่อนจะตามมาด้วยเสียงตะโกนบอกจากหนึ่งในผู้คุม พัศดียิ้มเหี้ยมอย่างพึงพอใจ ก่อนจะก้มลงมองใบหน้าดุที่ขึ้นสีแดงก่ำ เออร์วินกระแทกอย่างเร็วก่อนจะแช่นิ่งปล่อยรสคาวจำนวนมหาศาลเข้าสู่ลำคอจนบัลธัสถึงกับสำลัก น้ำสีขุ่นไหลเยิ้มเต็มฝีปาก มือหยาบกระชากศีรษะให้เงยมองอีกครั้ง ก่อนจะเสนอทางเลือกอันไม่โสภาให้ในระยะประชิด
“ตอนนี้มึงมีตัวเลือกแค่สองทาง ทำให้กูพอใจแล้วไปเป็นเครื่องบำบัดความใคร่ให้พวกกูทั้งสัปดาห์ หรือมึงจะเป็นของเล่นให้พวกคนคุก”
“เป็นของเล่นให้พวกคนคุก ยังไงก็ดีกว่าเป็นเครื่องบำบัดความใคร่ให้คนแบบมึงล่ะวะ”
คำตอบเสียงแหบพร่าที่ดังมาจากใบหน้าดุ ความตั้งมั่นที่ยังไม่สั่นคลอนเริ่มกระตุ้นต่อมโมโห ชวนให้เออร์วินรู้สึกหงุดหงิด จ้องมองเข้าไปยังดวงตาที่ไม่มีท่าทีสั่นไหว ก่อนจะปล่อยมือที่กระชากผมลง แล้วเดินไปประจำตำแหน่งที่ช่องทางด้านหลัง
“ก็มาดูกันว่ามึงจะทนไปได้สักกี่น้ำ พอกูเอามึงจนพอใจแล้ว ก็เตรียมเป็นของเล่นให้พวกเพื่อนๆ สวะมึงได้เลย”
ลูคัสที่มองดูเหตุการณ์ทุกอย่างกำหมัดแน่น เฝ้าภาวนาให้เหตุการณ์ตรงหน้าจบลงโดยไว หากคนที่อยู่บนเวทีนั่นไม่ใช่บัลธัสล่ะก็ ป่านนี้พวกเขาคงอยู่หน้าห้องพัศดีแล้ว จะให้ปลีกตัวดำเนินตามแผนด้วยตัวคนเดียวก็คงไม่ไหว อีกอย่างจากคำพูดของเออร์วิน ชายหนุ่มก็ยังคาดเดาไม่ได้ว่าหลังจากนี้พัศดีวางแผนจะทำยังไงกับบัลธัสต่อ ถ้าปลีกตัวลองเสี่ยงบุกเข้าห้องพัศดีในตอนนี้ แล้วเกิดเออร์วินปล่อยให้นักโทษจัดการ ลูคัสก็คงเข้าไปช่วยเหลือไม่ทัน และสังเกตจากท่าทีแล้วเออร์วินก็คงไม่คิดจะพาบัลธัสกลับไปห้องพัศดีต่อ คงอยากให้พวกนักโทรมมารุมทึ้งเหมือนฝูงแร้งที่โหยหาอาหารอันโอชาเสียมากกว่า แบบนี้เขายิ่งต้องรออยู่ตรงนี้ เฝ้าดูพรรคพวกถูกขืนใจโดยที่ทำอะไรไม่ได้
“ในที่สุดคิงก็เจอกับคิง วันนี้คิงของเราได้กลายเป็นอีตัวซะแล้ว”
เสียงที่ดังขึ้นทำเอาลูคัสหันขวับด้วยความโมโห หมายจะพุ่งเข้าไปจัดการอย่างหมดความอดทน ก่อนจะหยุดความคิดนั้นลงเมื่อมีอีกเสียงหนึ่งตามขึ้นมาจากคนละทาง
“มึงเห็นหน้าโหดๆที่เต็มไปด้วยน้ำกามนั่นไหม โคตรยั่ว”
“รอก่อนนะคิง กูจะถล่มมึงจนร่าน ขาดดุ้นกูไม่ได้เลย”
“แม่งเอ้ย ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง กูรอที่จะได้กินของเหลือต่อจากคิงฟอร์จูนไม่ไหวแล้ว”
“มึงเห็นไหมตอนที่ผู้คุมยัดนิ้วเข้าไป แม่งสั่นเป็นเจ้าเข้าเลยว่ะ โคตรสะใจ”
“พวกมึงเตรียมกันพื้นที่ไว้ คิงฟอร์จูนไปเมื่อไหร่ กูจะจัดหนักต่อจนคิงร้องเสียงหลงเลย”
“วันนี้แหละที่กูจะยืนเหนือคิง กูจะจับแม่งทำเมีย”
“โอย~ กูอยากฟังเสียงครางของคิงแบบใกล้ๆ”
“คิงฟอร์จูนไม่เคยทำให้ผิดหวังจริงๆ สั่งสอนไอผู้ชายโคตรโหดนั่นให้หลาบจำจนเดินไม่ได้ไปเลย”
สารพัดคำพูดดังขึ้นมาอย่างไร้ซึ่งความกลัวเกรงชายหนุ่มผู้ตกเป็นเหยื่ออย่างที่เคยเป็น ความโกรธแค้นจากการโดนดูถูกเหยียดหยามราวกับหายไปชั่วขณะเมื่อเหล่านักโทษเริ่มคล้อยตามกับการสาธิตอันน่าหลงใหลตรงหน้า จากความเกลียดชังเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความหื่นกระหาย อยากลิ้มลองคนที่ถูกจับไว้ไร้ทางสู้ ยิ่งตอกย้ำว่าเหล่าคนที่อยู่ที่นี่นั้นแทบไม่ได้ต่างอะไรจากคนที่สร้างเหตุการณ์นี้ขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย สุดท้ายแล้วกิเลสและความหยิ่งยโสอยากที่จะเหนือกว่าผู้อื่นย่อมชักนำจิตใจคนได้ง่ายกว่า ลูคัสแหงนหน้าขึ้นมองไปยังลานประหารอีกครั้ง ลานที่ประหารจิตใจอันอ่อนแอของผู้คนให้เป็นเสี่ยง
พัศดีเออร์วินยืนนิ่ง ดวงตาสีฟ้าจับจ้องไปยังช่องทางด้านหลังที่ฉ่ำเยิ้มไปด้วยเจลใส รูที่เคยปิดสนิทตอนนี้ขยายออกจนพอเห็นด้านใน บ่งบอกว่าได้ถูกเตรียมการมาเป็นอย่างดี แต่สิ่งที่ดึงความสนใจที่สุดกลับเป็นสิ่งที่อยู่ต่ำลงไปอีก ความเป็นชายที่ห้อยลงมาแม้จะมีขนาดใหญ่ แต่ก็ยังอ่อนยวบราวกับไม่ได้รู้สึกดีกับช่วงเวลาตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย ยิ่งสร้างความประหลาดใจให้กับคนที่จ้องมองมากขึ้นไปอีก จากประสบการณ์ที่สังเกตมาจากเหล่าชายหนุ่มตามหมู่บ้าน ต่อให้ถูกข่มขืนหรือหยามเกียรติไปยังไง พอเจอกับเทคนิคเตรียมตัวของลูกน้องก็มักจะแข็งแรงชูชันกันทุกคน
“โดนมาขนาดนี้แล้วแต่ยังไม่แข็งเลยก็น่านับถือ ปกติไอสวะตัวผู้ตามหมู่บ้านพวกนั้นโดนไปแป๊บๆก็แข็งกันแล้ว”
เออร์วินกอดอกจ้องมองร่างเปลือยเปล่าตรงหน้า ก่อนจะเริ่มฉีกยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง หันไปออกคำสั่งลูกน้อง
“พวกมึง ไปเอายาตัวใหม่มาลอง”
“เอ๊ะ! แต่ คิงฟอร์จูนครับ ยานั่นมันแรงมากเลยนะครับ”
สองผู้คุมที่ได้ยินถึงกับตกใจ รีบเอ่ยเตือนถึงความอันตรายของสิ่งที่ร้องขอ
“กูบอกให้เอามา!!! หรือพวกมึงอยากจะโดนเอง!!!”
“ครับท่าน!!! ไม่อยากครับท่าน!!!”
สองผู้คุมร้องตอบทันทีด้วยความหวาดกลัว รีบส่งสัญญาณให้พรรคพวกที่อยู่ด้านล่าง เป็นเวลาไม่นาน กระเป๋าสีดำก็ถูกนำขึ้นมา เปิดออกโดยสองผู้คุมที่อยู่ด้านบน จากนั้นจึงยื่นไปให้ผู้บังคับบัญชา หลอดฉีดยาที่มีน้ำสีชมพูอัดแน่นอยู่ด้านในถูกหยิบขึ้นมา เออร์วินจ้องมองด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย ก่อนจะเดินไปหาชายเพียงคนเดียวที่ทำให้รู้สึกตื่นเต้นได้ไม่หยุด
ฝ่ามือกระชากศีรษะให้เงยขึ้นอีกครั้ง สินค้ารุ่นทดลองที่บังคับให้พวกนักวิจัยบนเกาะทำกันมาแบบลับๆถูกฉีดเข้าสู่ลำคอแกร่งของชายหนุ่มที่ไม่สามารถต่อต้านได้ ทันทีที่ของเหลวสีหวานไหลเข้าสู่เส้นเลือด ร่างกายร้อนผ่าวขึ้นมาในทันที รู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นรัวเร็วขึ้นพร้อมกับความรู้สึกบางอย่างที่เริ่มตีขึ้นมา เสียงแหบพร่ารีบทำการเอ่ยถามเมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดกับร่างกาย
“มึงทำอะไรกับกู!!”
เออร์วินไม่ตอบ สองเท้าพาร่างกลับไปประจำด้านหลัง ขนาดที่สามารถสร้างความเพลิดเพลินให้กับเหล่าหญิงสาวจนขาดไม่ได้มานักต่อนักจ่อเข้ากับรอยจีบสีอ่อนที่ไม่เคยได้ใช้งาน ก่อนจะตามมาด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่งที่แฝงไปด้วยความตื่นเต้นอันเป็นเอกลักษณ์
“มาดูกัน ‘มึงจะทนไปได้สักกี่น้ำ’ “
====== END SS 0 Part 2 : เรื่องราวบนลานประหาร ======