[NC18+] SS0 – ห้องพัศดีเดือดระอุ
Secret Story 0 [ลูคัส]
Part 4: ห้องพัศดีเดือดระอุ
Warning: NC18+
*****
ยามที่พระจันทร์ส่องแสงเด่นชัด ลอยสูงขึ้นเหนือหัวเมื่อย่างเข้าสู่ช่วงเวลายามรัตติกาล ยามที่ดวงดาวทอแสงส่องประกายจ้ากว่าช่วงเวลาใด ยามที่ทุกชีวิตพากันหลับใหลเพื่อฟื้นฟูร่างกายจากความเหนื่อยล้าและเก็บเอาแรงไว้ใช้ในวันถัดไป ตอนนี้ยังมีร่างกำยำของชายสองคนกำลังร่วมรักอย่างไม่หยุดพัก เสียงโต๊ะทำงานดังลั่นเอี๊ยดอ๊าดพร้อมกับร่างของชายหนุ่มนอนคว่ำหน้า แผ่นหลังเต็มไปด้วยรอยสักสวยงามเกร็งแน่นจนกล้ามเนื้อขึ้น สองมือจิกเข้ากับขอบโต๊ะเพื่อพยุงร่างกายที่สั่นไหวไปมา ส่วนอ่อนไหวที่แนบกลางระหว่างโต๊ะและหน้าท้องแข็งที่ขึ้นเป็นลูกชุ่มฉ่ำไปด้วยมวลน้ำสีขุ่นที่ปลดปล่อยออกมาไม่หยุดยั้ง สองขาถูกกางออกกว้างจนบั้นท้ายแยกออกให้ความเป็นชายของอีกคนได้เสือกไสตัวเข้าไปอย่างง่าย สะโพกถูกคว้าด้วยสองมือหยาบ กระชากร่างที่ราบไปกับโต๊ะให้กระดอนขึ้นลง ส่งช่องทางฉ่ำไปสวมกอดแท่งร้อนที่รอนิ่งอยู่ปลายทาง
ภายในห้องพัศดีอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวของความเป็นชายลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ เม็ดเหงื่อและหยาดน้ำคาวสาดกระเซ็นไปทั่วห้องจากบทกามที่แปรเปลี่ยนสถานที่ไม่หยุดตั้งแต่เข้ามาในห้องช่วงเย็นยาวถึงเที่ยงคืน ร่างที่นอนคว่ำหน้าไม่เหลือท่าทีต่อต้าน ยอมปล่อยให้พัศดีได้เสพสมร่างกายตามแต่ที่ใจต้องการ ใบหน้าดุที่ขมวดคิ้วแทบจะตลอดเวลาในตอนนี้แทบจะไม่เหลือเค้าโครงเดิม ดวงตาหยาดเยิ้ม เหม่อลอย ริมฝีปากอ้ากว้างส่งเสียงร้องครางออกจากลำคอไม่หยุด เมื่อยาที่ได้รับออกฤทธิ์ถึงที่สุด บัลธัสก็หลงลืมตัวตนและเป้าหมายไปเสียสนิท ปล่อยให้จิตใจได้ลุ่มหลงอยู่ในความสุขที่ไม่เคยพบเจอ
พัศดีเออร์วินเลียรอบฝีปากอย่างหื่นกระหาย แม้จะผ่านมาหลายชั่วโมง แต่ช่องทางหวานยังคงบีบรัดไม่มีทีท่าจะผ่อนปรน จิตใจฟูฟ่องเมื่อในที่สุดม้าพยศก็ยอมศิโรราบต่อท่วงทำนองสวาทที่จัดให้โดยไม่ขาดตกบกพร่องสักวินาที ยิ่งเห็นท่าทีของคนตรงหน้าและความคับแน่นของช่องทางด้านหลัง ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ของพัศดีให้ตีขึ้นมาต่อได้เรื่อยๆ
ร่างแกร่งทาบทับลงแผ่นหลังที่ชุ่มฉ่ำ สอดมือเข้าไปใต้วงแขนที่กล้ามขึ้นเป็นมัด ปลายนิ้วสัมผัสเข้ากับหัวไหล่ก่อนจะกุมแน่น สะโพกบทกระแทกเข้าไปอย่างรัวเร็วจนบั้นท้ายที่รองรับอารมณ์กระเด้งกระดอนสร้างเสียงกระทบหวานหูผสานเข้ากับเสียงร้องครางของคนใต้ร่าง เออร์วินซุกหน้าเข้ากับลำคอแกร่งก่อนจะฝังคมเขี้ยวลงไปอย่างแรงจนบัลธัสร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดปนสุขสม ร่างกายกระตุก ปล่อยมวลน้ำเอ่อทะลักเปื้อนหน้าท้องอีกรอบ
เออร์วินยังคงกระหน่ำกระแทกต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ไม่สนว่าคนใต้ร่างจะพร้อมดำเนินงานต่อหรือไม่ แค่ทำหน้าที่กระชับช่องทางให้คับแน่น ส่งเสียงร้องกระตุ้นอารมณ์ก็พอแล้วที่เออร์วินต้องการ ความหื่นกระหายถาโถมเข้าใส่บัลธัสโดยไม่มีวี่แววจะจบสิ้น ส่งเสียงร้องครางออกมาไม่ขาดปาก
ออด!!!
เสียงกริ่งประตูดึงความสนใจของเออร์วินให้หันมองไปยังทางเข้า คิ้วเริ่มขมวดเป็นปมด้วยความรู้สึกหงุดหงิดที่ถูกขัดจังหวะ ก่อนจะเมินเฉยหันกลับมาให้ความสนใจกับร่างกายตรงหน้า
ตึง! ตึง! ตึง!
เสียงออดประตูแปรเปลี่ยนเป็นเสียงทุบประตูเหล็กดังลั่น ใบหน้าไม่สบอารมณ์หันหน้ามองสิ่งที่ใช้บอกเวลา เข็มสั้นและยาวบนหน้าปัดตัวเลขเพิ่งผ่านพ้นเลขสิบสองมาได้ไม่นาน ช่วงยามวิกาลเวลาเที่ยงคืนที่ไม่ควรมีใครออกมาเดินเพ่นพ่านหรือมารบกวน
“ใครวะแม่ง ขัดจังหวะกูฉิบหาย”
เออร์วินกัดฟันกรอดคำรามต่ำ กระหน่ำกระแทกระบายอารมณ์หงุดหงิดจนบัลธัสเสียวหน้าสะบัด
“พัศดีเออร์วิน”
เสียงคุ้นหูที่ดังขึ้นมากลับทำให้ใบหน้าเย่อหยิ่งขมวดคิ้วขึ้นกว่าเดิม ส่วนอ่อนไหวที่กำลังผสานเข้ากับช่องทางหยุดนิ่งก่อนจะดันตัวออก เสยเส้นผมสีทองที่ลู่ปรกหน้า แล้วเดินไปเปิดประตู
“มีธุระอะไร เบรทท์”
ร่างเปลือยเปล่าที่มีเพียงแค่เสื้อปลดกระดุมสวมไว้เปิดประตูออก เอ่ยถามคนที่โผล่มาในยามวิกาลด้วยอารมณ์หงุดหงิด หากเป็นผู้คุมหรือนักโทษคงโดนไล่ตะเพิด แต่บุคคลที่อยู่ตรงหน้าคือ พันเอกที่ตำแหน่งเทียบเท่ากัน
“ขอโทษที่มาขัดจังหวะกำลังสนุก”
พันเอกเบรทท์เอ่ยเสียงเรียบ ดวงตาเหลือบมองร่างที่นอนคว่ำหน้าอยู่กลางโต๊ะทำงานด้วยใบหน้านิ่ง ก่อนจะหันกลับมายังบุคคลที่มีธุระด้วยโดยไม่สนใจสภาพอันไม่เหมาะสมที่ความเป็นชายยังห้อยโตงเตงตรงหน้า กลิ่นคาวลอยฟุ้งออกมาทันทีที่ประตูถูกเปิดจนรู้สึกอยากจะเบือนหน้าหนี
“เกี่ยวกับเรื่องเมื่อตอนเย็น ผมจะมาขอโทษที่ทำให้คุณไม่พอใจ”
คำพูดทำเอาเออร์วินขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจปนสงสัยกับท่าทีผิดปกติ ตั้งแต่ทำงานร่วมกันมา มีปัญหาชวนให้ทะเลาะทุกครั้งที่เจอหน้า ไม่เคยมีความเห็นที่ลงลอยกันเลยสักครั้ง แต่นี่กลับเป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายเอ่ยปากขอโทษด้วยตัวเอง
“ผมมาคิดดูแล้ว พวกเราสองคนยังจะต้องทำงานร่วมกันไปอีกยาว จะให้มาบาดหมางกันตลอดคงไม่ใช่เรื่องดี”
“แล้วยังไง มึงคิดว่ากูสนใจรึไง”
“คุณไม่สน แต่ผมสน การคุมนักโทษจำนวนเกือบพันคน จะให้ฝ่ายทหารดูแลอย่างเดียวไม่ใช่เรื่องง่าย ผมอยากขอความร่วมมือจากทางฝั่งผู้คุมด้วย ผมมาคิดดูแล้วทางผมเป็นฝ่ายผิดเองที่ยกกระเด็นนั้นขึ้นมา เดินทีพวกนักโทษนั่นก็ไม่สมควรมีชีวิตอยู่ในโลกนี้อยู่แล้ว แค่ขาดอาหารไปสักสัปดาห์ ตายกันไปบ้าง มันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนที่พวกมันเป็นแค่สวะ ไม่สมควรมีชีวิตบนโลกนี้อยู่ดี”
น้ำเสียงเรียบเย็นแฝงด้วยความอำมหิต บวกกับใบหน้าที่เรียบเฉยดูจริงจังตลอดเวลานั่น ทำเอาเออร์วินรู้สึกขนลุกไปแวบหนึ่ง ความเดือดดาลที่พุ่งขึ้นมาถึงกับลดฮวบกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของหัวหน้าทหาร
“แล้วมึงมาหากูตอนนี้เนี่ยนะ มึงได้ดูเวลามั่งไหม นี่มันเที่ยงคืนแล้วนะโว้ย”
“เรื่องบางเรื่องไม่สามารถรอได้ ต้องรีบจัดการในทันที เช่นเดียวกับคำขอโทษ”
เออร์วินอยากจะเอามือตบหน้าผากกับความจริงจังของเพื่อนร่วมงานตรงหน้า อยากจะรับคำขอโทษให้มันจบๆ ไปจะได้ไปกลับเล่นสนุกต่อ แต่สมองเจ้าเล่ห์กลับทำงานขึ้นมา
“งั้นมึงก็ใช้ปากนั่นมาอมให้กู แล้วกูจะรับคำขอโทษจากมึง”
เออร์วินเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง ยกมือขึ้นกอดอก เด้งสะโพกให้ความเป็นชายที่ฉ่ำเยิ้มไปด้วยน้ำกามโบกสะบัด จะให้เออร์วินรับคำขอโทษง่ายๆ มันก็ได้อยู่หรอก แต่โอกาสดีงามมาถึงตรงหน้า อย่างน้อยเออร์วินก็ขอลองดูหน่อยไม่เสียหาย ถ้าเกิดเบรทท์ตอบตกลงขึ้นมา วันนี้คงเป็นวันที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่ได้จัดการผู้ชายแมนๆ จริงจังสองคน ยิ่งอีกฝ่ายเป็นพันเอกเบรทท์ที่กินกันไม่ลงมาตั้งนาน ก็ถือเป็นฤกษ์ดีที่จะได้สั่งสอนให้รู้ว่าที่นี่ใครคุม เออร์วินจะทำให้ติดใจจนถอนตัวไม่ขึ้น คงได้สนุกไปทั้งคืน
ใบหน้านิ่งจ้องเข้าไปในดวงตาสีฟ้าแข็งกร้าว หาความจริงใจในน้ำเสียง ข้อเสนอทำเอาพันเอกถอนหายใจก่อนจะหลับตาลงเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายหมายความอย่างนั้นจริงๆ จากนั้นจึงเอ่ยปฏิเสธเสียงเรียบ
“ถ้าเป็นเรื่องนี้ผมคงต้องขอปฏิเสธ”
“งั้นมึงก็ไสหัวไป”
เออร์วินหันหลังกลับในทันที เตรียมกระแทกประตูปิดเข้าใส่หน้า ก่อนจะถูกหยุดไว้ต้องมือของอีกคน
“แต่ผมมีของมาเสนอ”
เออร์วินอมยิ้มเมื่ออีกฝ่ายตกแผนชั่วที่วางไว้ จะให้เบรทท์ตอบตกลงน่าจะเป็นไปได้ยาก แต่อย่างน้อยถ้าอีกฝ่ายต้องการความร่วมมือจากเขาจริงๆ มันก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจกันหน่อย
พัศดีเปิดประตูออก หันกลับมาอีกครั้งด้วยความสนใจ แสร้งทำหน้านิ่ง จ้องลึกเข้าไปในดวงตาฟังข้อเสนอ ใบหน้าไร้อารมณ์จ้องตอบแต่ไม่พูดอะไร กลับยกมือขึ้นราวกับให้สัญญาณบางอย่าง เออร์วินขมวดคิ้วหันมองตามทางที่ฝ่ามือยกขึ้นด้วยความสงสัย
ร่างของผู้ชายคนหนึ่งกำลังถูกทหารอีกนายคุมตัวมา สองแขนถูกล่ามด้วยกุญแจมือไขว้หลัง ใบหน้าหล่อเหลาคู่กับผมสั้นดูสะอาดเกลี้ยงเกลาฉายแววหงุดหงิดมีเพียงกางเกงสีขาวสลับดำสวมทับร่างกายที่แข็งแรง แน่นไปด้วยมวลกล้ามเนื้อเหมือนนักกีฬาว่ายน้ำ ยอดอกสีชมพูรับคู่กับผิวขาวดูน่าหลงใหล เดินตรงเข้ามาอย่างไม่เต็มใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นักเมื่อมีปืนจ่ออยู่ด้านหลัง
ชายหนุ่มหยุดยืนจ้องหน้าเบรทท์ด้วยท่าทีไม่พอใจ ก่อนจะหันไปหาเออร์วินด้วยท่าทีโมโหยิ่งกว่า นายทหารที่ทำการคุมตัวนักโทษยื่นเอกสารให้พันเอกเบรทท์ อีกฝ่ายพยักหน้ารับขอบคุณด้วยสีหน้านิ่งเรียบก่อนจะทำการเปิดอ่าน
“จากการที่สอบถามนักโทษคนอื่นๆ มา นอกเหนือจากหมายเลข 11091407 ที่คุณกำลังคุมตัวอยู่ จะมีอีกคนหนึ่งที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกัน จำคุกมาได้เกือบสามปี มีประวัติชกต่อยกับคนในคุกนับครั้งไม่ถ้วน แม้แต่เหล่าทหารและผู้คุมก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยว นักโทษคนอื่นๆ พากันหวาดกลัว เป็นผู้นำกลุ่มนักโทษกลุ่มใหญ่ที่สุดในเขตแดน… ถูกจับกุมข้อหาค้ายาเสพติดยิ่งใหญ่ระดับประเทศ รวมไปถึงค้าอาวุธสงคราม ก่อนโดนจับกุมดิ้นรนจนเฮือกสุดท้ายอย่างไม่ยอมแพ้ ฆ่าทหารและตำรวจไปร่วมสามสิบนาย… มีภรรยาหนึ่งคน และลูกอีกสาม ไม่มีประวัตินอกใจภรรยาเลยสักครั้ง… มีลูกน้องในครอบครองเกือบพันคน ไม่เคยตกเป็นเบี้ยล่างใคร.. นั่นคือรายละเอียดคร่าวๆ ของนักโทษที่ยืนอยู่ตรงหน้าคุณ”
สรรพคุณเพียบพร้อมตรงความสเปคความต้องการของเออร์วินถูกร่ายออกมายาว ยิ่งฟังเนื้อหา ก็ยิ่งรู้สึกถูกใจ เป็นผู้นำกลุ่มนักโทษและไม่เคยตกเป็นเบี้ยล่างใคร ก็หมายความว่าย่อมเป็นพวกหยิ่งในศักดิ์ศรีสูง และคนจำพวกแบบนี้แหละถูกใจพัศดียิ่งนัก
“ผมขอเสนอนักโทษคนนี้แลกเปลี่ยนกับคำขอโทษและความร่วมมือจากคุณ คุณจะว่ายังไง”
“ฮ่าๆๆ รู้ใจกูดีนี่หว่า เออ! ตกลง! เอาตัวมันเข้ามา”
จากคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเปลี่ยนเป็นยิ้มร่า เออร์วินตอบตกลงในทันทีอย่างไม่รีรอ แม้จะไม่ได้อริมาเชยชม แต่ได้ม้าพยศรูแน่นๆ มาอีกคนก็ไม่เลวเหมือนกัน
“เช่นนั้นผมก็ขอตัวก่อน หวังว่าคุณจะสนุกกับของที่ผมเตรียมไว้ให้”
เบรทท์ยกมือขึ้นจับหมวก ก่อนจะเอ่ยบอก ดันตัวนักโทษเข้าไปในห้อง
“เออ! กูจะสนุกจนถึงเช้าเลย”
เออร์วินตะโกนตอบกลับอย่างตื่นเต้น รอยยิ้มฉายชัดอยู่ตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ก่อนจะหันหลังปิดประตูลง
เหยื่อสังเวยหน้าใหม่เดินเข้ามาด้วยอารมณ์มัวหมองราวกับเออร์วินทำการส่งถ่ายความหงุดหงิดในช่วงก่อนจะได้พูดคุยกับเบรทท์ไปให้ สายตากวาดสำรวจ ภายในห้องของพัศดีแตกต่างจากคุกของเหล่านักโทษอย่างเห็นได้ชัด แม้พื้นและกำแพงจะทำมาจากหินเช่นเดียวกัน แต่กลับมีไฟส่องสว่าง พื้นถูกปูด้วยพรมสีแดงสด โซฟาราคาแพงตั้งอยู่ข้างกับประตูทางเข้า ริมกำแพงด้านหนึ่งมีช่องเปิดรับลมจากภายนอกด้วยบานกระจกใส ช่วยให้อากาศถ่ายเทสะดวกยามที่ต้องการ ฝั่งที่เหลือถูกประดับไปด้วยตู้แสดงผลงานอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นตรา เข็มกลัด ถ้วยรางวัล รูปภาพ เยอะแยะมากมายจนน่าสงสัยว่าคนคนเดียวสามารถกอบโกยรางวัลได้เยอะขนาดนี้เชียวหรือ ฝั่งตรงข้ามประตูทางเข้าเป็นประตูปิดสนิทอีกบานหนึ่ง ถัดไปตรงหัวมุมเป็นแผงโซ่เชื่อมติดกับกำแพงไว้สำหรับคุมนักโทษให้อยู่กับที่ สิ่งที่เด่นชัดที่สุดภายในห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้านี้คือส่วนตรงกลาง โต๊ะทำงานสำหรับพัศดีที่ปัจจุบันกลายเป็นฐานบำเรอรักแทนเตียงนอน
ร่างหนาใหญ่ของบัลธัสนอนคว่ำหน้าหมดสภาพ ร่างกายเปียกโปนไปด้วยหยาดเหงื่อและน้ำเหนียว บั้นท้ายแดงช้ำจากการถูกตบตีจากฝ่ามือและต้นขาจนระบม พยัคฆ์ขาวที่อยู่กลางแผ่นหลังแทบจะกลมกลืนไปกับน้ำสีขุ่นที่ชุ่มเต็มแผ่นหลัง สองขาถูกอ้ากว้าง ช่องทางด้านหลังเบิกโพลงเต็มไปด้วยมวลน้ำสีขาวคับคั่ง ไหลเยิ้มออกจากรู ปริมาณที่ไหลออกมาเยอะเสียจนคนที่มาเห็นก็รู้ว่าคงไม่ได้หยุดกิจกามกันเลยตั้งแต่ช่วงเย็นจนถึงปัจจุบัน
เออร์วินดันชายหนุ่มหน้าใหม่ตรงไปยังมุมห้อง ผลักร่างขาวชิดกับกำแพง กระแทกจนชายหนุ่มร้องด้วยความเจ็บปวด ดึงตัวล็อกของแผงโซ่เหล็กเกี่ยวคล้องเข้ากับโซ่ของกุญแจมือที่ถูกไขว้หลัง ตรึงให้อีกฝ่ายอยู่กับที่จนแทบขยับไม่ได้ มือหยาบบีบเข้ากับคางของคนตรงหน้า ยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ห่างเพียงแค่คืบ จ้องลึกเข้าไปในดวงตาด้วยแววเจ้าเล่ห์สนุกสนานปนหื่นกระหาย
“มึงรอไปก่อน ขอกูจัดการกับไอ้ม้าพยศนั่นให้หายอยาก แล้วกูจะมาขยี้ตูดแน่นๆ ของมึงต่อ”
พูดจบเออร์วินก็หันหน้าออก เดินตรงดิ่งไปยังโต๊ะทำงานที่กลายสภาพเป็นสนามรัก หยิบเอาเม็ดยาเพิ่มกำลังที่อยู่ในลิ้นชักยัดเข้าปากก่อนจะจ้องมองร่างเปลือยเปล่าแล้วเลียรอบริมฝีปากพร้อมแววตาโหยหา
“อย่าเพิ่งรีบสลบไป กูพร้อมมาต่อให้ยันเช้าแล้ว”
เออร์วินดึงร่างแกร่งที่คว่ำหน้าแทบไม่เหลือสติให้ขึ้นมาทาบทับกับลำตัว สองมือสอดเข้าใต้วงแขน กอบกุมเข้ากับอกแน่นราวกับอีกฝ่ายเป็นหญิงสาว ปลายนิ้วบีบเข้ากับยอดแหลมที่ตั้งชัน กระตุ้นให้ชายหน้าดุตื่นจากการหลับใหล แท่งร้อนที่แนบเข้ากับล่องบั้นท้ายถูไถไปมาก่อนจะเริ่มดันหัวสีแดงจ่อเข้ากับช่องทางอีกครั้ง
บัลธัสเชิดหน้าขึ้นครางต่ำในลำคอเมื่อช่องทางแน่นค่อยๆ ถูกเติมเต็มอีกครั้ง ฝ่ามือที่ไร้เรี่ยวแรงกอบกุมมืออีกฝ่ายที่เขี่ยเล่นยอดอกสร้างความเสียวไม่หยุด พยายามปัดป่ายให้พ้นจากหน้าอก ท่าทีราวกับพยายามต่อต้านแต่เสียงร้องครางและความคับแน่นไม่ทำให้เออร์วินคิดเช่นนั้น เสียงร้องแหบพร่าราวกับหนุ่มใหญ่แสนมาดแมนดังขึ้นอีกครั้งเมื่อบั้นท้ายแน่นเริ่มถูกกระทุ้งเข้าไปเป็นจังหวะ แผ่นหลังแอ่นขึ้นด้วยความเสียว ใบหน้าเชิดแนบชิดเข้ากับลำคอของชายผมทอง
ท่าทีจากม้าพยศแทบจะกลายเป็นหมาแสนเชื่องที่ตอบรับทุกการกระทำเรียกรอยยิ้มยิ่งกว่าพึงพอใจจากใบหน้าของพัศดี ฝ่ามือข้างหนึ่งเคลื่อนลงต่ำไปตามหน้าท้องที่ยังคงเปียกลื่นจากน้ำคาวหวาน กอบกุมเข้ากับความเป็นชายที่แดงก่ำ รูดรั้งขึ้นลงรัวเร็วเรียกเสียงกระเส่าให้ดังขึ้นข้างหูชวนให้รู้สึกเคลิบเคลิ้ม จังหวะสอดผสานเข้ากับบั้นท้ายจนรู้สึกเสียวซ่าน ปลายเท้ายืนเขย่งให้ก้อนแน่นได้ยกสูงขึ้น รับความเป็นชายให้อัดทะลวงข้ามาในช่องทางได้ลึกมากกว่าเก่า ตอบรับความรู้สึกดีจนตัวลอย
บัลธัสเป็นผู้ชายคนแรกที่ทำให้เออร์วินรู้สึกติดใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ช่องทางที่รัดแน่นไม่ยอมปล่อยราวกับขาดไม่ได้ยิ่งทำเอารู้สึกหลงใหลมากขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายตอบรับดีราวกับโหยหาซึ่งกันและกัน มือที่กอบกุมหน้าอกปล่อยออก คว้าเข้ากับพนักพิงเก้าอี้ที่อยู่ไม่ไกลลากมาไว้ด้านหลัง ก่อนจะทิ้งตัวนั่งพร้อมกับร่างแกร่งที่ยังสวมใส่ความเป็นชายไว้ในร่าง
ทันทีที่น้ำหนักทับลงบนตักดันเอาความเป็นชายพุ่งทะลวงเข้ามายังส่วนลึกของร่างกาย บัลธัสเบิกตากว้างร้องลั่นด้วยความจุก ท่อนสีแดงก่ำที่ถูกกอบกุมปลดปล่อยสายน้ำพุ่งกระจายเต็มฝ่ามือ
“เป็นไงไอ้สวะ ชอบดุ้นกูถึงขนาดเริ่มท่าใหม่ก็น้ำแตกเลยเหรอ”
เออร์วินคลี่ยิ้มชอบใจ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน แต่คำพูดก็ไม่มีผลอะไรกับบัลธัสอีกต่อไป สมองและท่าทีต่อต้านในตอนนี้ถูกฝังกลบด้วยสิ่งที่เรียกว่าตัณหาไปเสียมิด น้ำสดใหม่ที่ยังคงไหลเยิ้มออกมาถูกปาดเข้ากับปลายนิ้วและฝ่ามือ ก่อนจะยกขึ้นลูบริมฝีปากคนที่อยู่ด้านบน สอดใส่ปลายนิ้วให้รสคาวสัมผัสเข้ากับปลายลิ้น ช่างน่าแปลกที่ความข้นนั้นกลับมีรสชาติหอมหวาน น่าดึงดูดชวนให้นึกถึงน้ำผึ้งป่าที่ทั้งข้นและเหนียวจนติดใจ ปลายลิ้นตวัดเลียสิ่งที่แช่นิ่งอยู่ในปากอย่างลืมตัว บวกกับการส่งเสียงร้องติดต่อกันเป็นเวลานานจนลำคอแห้งผากก็ยิ่งให้ริมฝีปากดูดดึงอย่างโหยหาราวกับจะมีน้ำไหลออกมา
ด้วยความแข็งแกร่งของร่างกายที่ไม่เป็นรองใคร เออร์วินเริ่มทำการออกแรงกระดกสะโพก ส่งร่างขนาดพอดีกันที่ทาบทับลอยขึ้นก่อนจะลงมาสวมกอดความเป็นชายรออยู่เบื้องล่าง สองขาของพัศดีสอดเข้าระหว่างกลางขาของอีกฝ่าย ช้อนความแข็งของกล้ามเนื้อให้อยู่ด้านบนด้วยการสอดขาเข้าใต้ข้อพับเข่าก่อนจะดันขึ้นแยกออกจากกันจนฝ่าเท้าของผู้ถูกกระทำลอยเหนือพื้น จากนั้นก็เริ่มโหมโรงดันกระแทกบั้นท้ายเข้าไปอีกครั้ง
จุดกระสันที่ถูกทะลวงเข้ามาทำให้ร่างแกร่งบิดเกร็งด้วยความเสียว ปลายเท้าหงิกงอจิกเข้ากับน่องของคนที่อยู่ใต้ล่าง ฝ่ามือยันพนักแขนเพื่อพยุงร่างที่กำลังถูกสอดใส่ไม่ให้ทิ้งตัวลงไปเพราะกลัวจะรู้สึกดีจนทรมาน แต่ก็ทำได้ไม่นานนัก เออร์วินยกแขนขึ้นโอบกอดร่างแกร่ง ดึงเอาสิ่งที่ใช้ประคองตัวมาแนบชิดกับร่างกายก่อนจะสวมกอดแน่นยิ่งกว่างูรัด เมื่อไร้ที่พยุง ช่องทางแน่นก็ทิ้งตัวลงมาส่งความแข็งชันชอนไชลงเข้าไปลึกถึงด้านในตามเดิม
“อ่ะ…อ่า….”
ความจุกทำเอาบัลธัสพูดไม่ออก อ้าปากค้างจนน้ำลายบางส่วนไหลเยิ้มออกจากริมฝีปาก ดวงตาเหลือกโปนพร้อมกับสติที่แทบจะขาดหายไปอีกครั้ง ถึงอย่างนั้นกลับสร้างความชอบใจให้เออร์วินได้สวนกระแทกเข้าไปอย่างรัวเร็ว คราวนี้เรียกเสียงร้องครางดังลั่น ร่างกายสั่นกระตุกแนบชิดกับคนที่อยู่ใต้ล่าง
ริมฝีปากกัดเข้ากับลำคอแกร่งอีกครั้งเมื่อความเสียวจากการถูกบีบรัดตอบสนอง แช่ค้างความเป็นชายเข้ากับส่วนที่ลึกที่สุดของร่างกาย ปลดปล่อยมวลน้ำที่อัดแน่นเต็มลำเข้าไปเติมเต็มด้านในราวกับต้องการจะขยายช่องทางเพิ่ม ความอบอุ่นที่ทะลักเข้าสู่ร่างกายทำเอาบัลธัสตัวสั่นร้องเสียงหวาน ก่อนร่างที่เกร็งจนเส้นเลือดขึ้นผ่อนคลายลง ทิ้งตัวอย่างเหนื่อยอ่อน
“เห้ยๆ อย่าเพิ่งสลบ มึงดูนั่นก่อน ทำตัวเป็นรุ่นพี่ที่ดีสอนน้องใหม่ก่อนว่าเวลาปรนนิบัติกูต้องทำยังไง”
เออร์วินหมุนเก้าอี้ กระชากหัวให้หันมองคนที่อยู่ตรงมุมห้อง ดวงตาพร่าเรือนจ้องมอง ผสานสายตาแน่นิ่งก่อนจะสะบัดหน้าหนีเมื่อสิ่งคั่งค้างอยู่ภายในเริ่มทำการขยับตัวอีกครั้ง ขาที่อ้ากว้างยิ่งทำให้ชายมาใหม่ได้เห็นสิ่งแปลกปลอมหลุดหายเข้าไปในช่องทางที่ไร้การต่อต้านได้ชัดเจน
“ส่วนมึง ดูไว้ซะ ต่อไปมึงก็จะมีสภาพแบบนี้”
เออร์วินตะโกนบอกเสียงดังลั่น ก่อนจะแสยะยิ้มเมื่ออีกฝ่ายกัดฟันกรอดพร้อมกับส่งสายตาเชือดเฉือนมาให้ ปลายลิ้นเลียเข้ากับลำคอตรงหน้าก่อนจะดูดดึง ดวงตากร้าวกระด้างยังคงประสานกันไม่ผละหนี ทุกการกระทำเพื่อตอกย้ำให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าร่างกายนั้นจะโดนปฏิบัติยังไง ยิ่งกระตุ้นให้ใบหน้าหล่อตรงมุมห้องส่งสายตาแค้นเคือง
สองมือของเออร์วินสอดเข้าที่ใต้พับเข่า ดึงขาของบัลธัสให้ชูชี้ฟ้า แนบร่างกายอีกฝ่ายให้ชิดติดลำตัว ก่อนจะลุกขึ้น สองเท้าก้าวตรงไปยังชายที่อยู่ตรงมุมห้อง สองร่างเปลือยเปล่าหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ก่อนจะเสยกระแทกความเป็นชายเข้าไปในรูแดงก่ำระยะประชิดให้เห็นเต็มสองตา
ชายหนุ่มยิ่งหน้าขึ้นสีด้วยความโกรธ ความเป็นชายที่โบกสะบัดขึ้นลงตามแรงกระแทกแทบจะสัมผัสโดนใบหน้า น้ำเหนียวกระเซ็นจนต้องสะบัดหนี ยิ่งเห็นเออร์วินก็ยิ่งหัวเราะชอบใจ
“นี่แค่เรียกน้ำย่อย เดี๋ยวมึงจะโดนหนักกว่านี้”
ต่อให้เป็นคนตัวขนาดเท่ากัน จะให้ยกตลอดเวลาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้จะเป็นเออร์วินที่มีแรงสำหรับเรื่องไร้สาระเหลือเฟือ แต่การใช้พลังงานมาตลอดหลายชั่วโมงโดยไม่หยุดพักก็ต้องมีเหนื่อยอ่อน พัศดีหอบร่างที่กัดฟันส่งเสียงครางต่ำไม่หยุดกลับไปยังเวทีแสดงสดกลางห้อง วางร่างที่ไร้เรี่ยวแรงลงก่อนจะพลิกตัวอีกฝ่ายให้นอนหงาย
ร่างแกร่งที่เปื้อนไปด้วยน้ำกามรู้สึกเซ็กซี่อย่างบอกไม่ถูกจนเออร์วินขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจที่คิดเช่นนั้น ก่อนจะสลัดความไม่ปกติให้ออกไปจากหัว แท่งร้อนเริ่มทำการขยับอีกครั้ง การสอดใส่ทำเอาบัลธัสเผยอปากขึ้นส่งเสียงแหบพร่าแบบผู้ชาย ดวงตาสีฟ้าจ้องเขม็งอย่างหลงใหลโดยไม่รู้ตัว เริ่มทำการซอยสะโพกจนร่างนั้นกระเพื่อมขึ้นลง ยอดอกที่สั่นไหวช่างดูน่าดูดดึง ใบหน้าค่อยๆ โน้มเข้าไปใกล้ก่อนจะยื่นปลายลิ้นตวัดเลีย เป็นครั้งแรกที่เออร์วินใช้ริมฝีปากให้กับผู้ชาย แม้ส่วนหนึ่งจะเพื่อสนองความอยากของตนเอง แต่เสียงที่ดังตอบรับกลับกระตุ้นริมฝีปากให้ขบกัดดูดดึงหนักขึ้นไปอีก
“เออร์วิน… เออร์วิน….”
บัลธัสครางเสียงกระเส่าเรียกชื่ออีกฝ่าย ยิ่งทำให้ผู้ถูกเอ่ยนามหูผึ่ง หยุดริมฝีปากที่โลมเลีย เงยหน้าขึ้นมองที่มาของเสียง ก่อนจะคืบคลานขึ้นไปจนใบหน้านั้นแทบจะแนบชิดติดกัน
“เรียกกูว่า คิงฟอร์จูน”
น้ำเสียงนิ่งเรียบแต่แฝงไปด้วยความตื่นเต้นและหัวใจที่เต้นรัวเร็วเอ่ยบอก ความรู้สึกแปลกที่เออร์วินไม่เคยเข้าใจกำลังถักทอขึ้นมาเป็นร่าง
“อ่า… คิง… คิงฟอร์จูน…”
บัลธัสยื่นแขนเข้ามากอดรัดร่างคนตรงหน้าให้มาแนบชิด ริมฝีปากเอ่ยเรียกตามที่อีกฝ่ายต้องการ ใบหน้าดุซุกเข้ากับลำคอ เอ่ยเสียงร้องครางหวานกรอกหูจนเออร์วินรู้สึกเสียวซ่าน สอดแขนเข้ากอดรัดคนที่อยู่เบื้องล่าง สอดประสานร่างกายแน่น ดวงตาค่อยๆ ปิดลง พุ่งความสนใจไปที่การบดสะโพกเข้าไปในช่องทางพิศวาสด้วยความรัวเร็วพร้อมกับอารมณ์ที่คุกรุ่นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เสียงครางกระเส่าที่ดังขึ้นทุกการตอกกระแทกยิ่งกระตุ้นให้เออร์วินโถมกระหน่ำเข้าไป ส่งเสียงร้องครางตอบจนแทบจะถึงฝั่งฝัน
คลิก!
เสียงร้องดังของการทำงานอุปกรณ์บางอย่าง และสัมผัสเย็นบริเวณลำคอทำเอาการโถมกระแทกหยุดลง ดวงตาสีฟ้าที่ปิดสนิทเบิกกว้าง ใบหน้าดุที่อยู่ใต้ร่างยิ้มเหี้ยมเกรียมอย่างสะใจ ก่อนจะปล่อยมือที่โอบกอดแน่นลงนาบกับโต๊ะอย่างหมดแรง
“มึง… เตรียมตัวตาย…ได้เลย…ไอ้…สัตว์นรก…”
คำพูดสุดท้ายของบัลธัสก่อนที่จะสลบไปหลังจากเสร็จสิ้นหน้าที่มาพร้อมกับหมัดลุ่นๆ ปะทะเข้ากับใบหน้าของเออร์วินจนกระเด็นตัวลอยไปนอนกับพื้น โชคยังดีที่หมัดของบัลธัสนั้นสูญเสียแรงไปเกือบหมดเลยทำได้แค่รู้สึกเจ็บไม่ถึงกับสลบ เออร์วินลุกขึ้นด้วยความงุนงงก่อนจะเริ่มขนลุกซู่เมื่อนึกขึ้นได้ มือกุมเข้ากับวัตถุแข็งตรงลำคอ ใบหน้าเริ่มซีดเซียวเมื่อพอจะคาดเดาได้ว่าสัมผัสเย็นนี้คืออะไร รีบพาร่างตรงไปหนึ่งในชั้นวางถ้วยรางวัล แต่ก่อนที่จะสัมผัสกับสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ด้านใน ร่างของพัศดีก็ทรุดลงกับพื้นทันทีเมื่อประสบการณ์แบบเดียวกับที่บัลธัสเคยได้รับวิ่งผ่านไปทั่วร่าง กระแสไฟฟ้าจากปลอกคอทำเอาร่างกายชาไปหมด
ดวงตาที่พร่าเลือนจากอาการไฟช็อตจ้องมองร่างของชายหนุ่มสาวเท้าเข้ามาใกล้ จิตใจของพัศดีเริ่มหวาดกลัวหนักขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมือนั้นล้วงเข้าไปด้านในถ้วยรางวัล
“สวิตช์สำหรับควบคุมปลอกคอพร้อมกันทุกอันเป็นแบบนี้นี่เอง”
น้ำเสียงเรียกใบหน้าเย่อหยิ่งให้พยายามแหงนมองคนแปลกหน้าที่บุกรุกเข้ามา ก่อนจะขมวดคิ้วด้วยความสงสัยปนประหลาดใจเมื่อรู้ว่าบุคคลตรงหน้าเป็นใคร
พัศดีหันมองมุมห้อง ทุกอย่างว่างเปล่า มีเพียงกุญแจมือห้อยไปมา ยิ่งเห็นก็ยิ่งขมวดคิ้วสงสัย พาพัศดีให้หันกลับมามอง ใบหน้าฉีกยิ้มกว้างราวกับดูเป็นมิตร แต่เออร์วินกลับกลัวจับใจ
ชายที่เขาจับล็อกกุญแจมือไว้ตรงมุมห้อง ชายที่เขาโชว์การแสดงสดในระยะประชิด
ชายที่เออร์วินวางแผนไว้ว่าจะจัดหนักจัดเต็ม
ชายคนที่เขามั่นใจว่าจะต้องนั่งโง่ๆ รอโดนปราบพยศต่อจากบัลธัสตลอดทั้งคืน
“ลูคัส นักโทษหมายเลข 11092008 ยินดีที่ได้รู้จัก อ๊ะ! โทษทีครับ ตอนนี้หมายเลขนั่นเป็นของคุณแล้ว”
====== END SS 0 Part 4 : ห้องพัศดีเดือดระอุ ======