เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความสงสัยขององค์หญิงแปด ถาวจวินหลันก็ทำได้แค่หัวเราะขมขื่นและส่ายหน้า “เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่ทราบ” แต่ในใจก็สงสัยเช่นเดียวกัน
อีกอย่างในใจของนางมักจะรู้สึกอยู่เสมอว่าที่องค์หญิงแปดถามเช่นนี้หรือว่าจะไปรู้อะไรมา?
ดังนั้นถาวจวินหลันจึงเหลือบมององค์หญิงแปด รอคำพูดต่อไปขององค์หญิงแปด
องค์หญิงแปดพูดต่ออย่างที่คาดเอาไว้ “ที่จริงแล้วเมื่อวานนี้เสด็จแม่ได้ฝากคำมาบอกข้าเล็กน้อย ไม่แน่ว่าอาจจะมีส่วนช่วยเรื่องนี้”
ถาวจวินหลันตกใจเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยังสงบนิ่งอยู่ นางคิดไม่ถึงว่าอิงผินจะมีเส้นสายเรื่องข่าวสารกว้างขวางถึงเพียงนี้ จะต้องรู้ว่าอิงผินไม่เคยได้รับความโปรดปรานมาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ดังนั้นเกรงว่าอิงผินคงจะปิดบังความสามารถที่แท้จริงเอาไว้อยู่ตลอดเป็นแน่
“น้องแปดลองพูดออกมาดู มิแน่ว่าอาจจะมีส่วนช่วยเรื่องนี้ก็ได้” ถาวจวินหลันอมยิ้มพูดออกมา ในใจกลับคิดว่าถ้าไม่มั่นใจ เกรงว่าองค์หญิงแปดคงไม่เอ่ยปากเรื่องนี้เป็นแน่ใช่หรือไม่?
องค์หญิงแปดพยักหน้า จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ที่จริงแล้วเรื่องนี้ข้าเองก็ไม่ทราบ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าท่านแม่ส่งคนมาบอกข้า ข้าก็ยังคงไม่รู้ว่าเคยเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการแต่งงานของน้องเก้า เสด็จแม่บอกว่าแต่เดิมนั้นฮองเฮาไม่ได้อยากใช้น้องเก้าในการแต่งงานเชื่อความสัมพันธ์ ที่จริงแล้วอยากให้น้องเก้าแต่งงานเข้าตระกูลฝั่งทวดของนาง”
ถาวจวินหลันได้ยินเช่นนั้นก็ประหลาดใจ เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ “ก่อนที่จะแต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์ ไม่ได้พูดถึงคุณชายสามแห่งตระกูลเฉินอย่างนั้นหรือ?”
องค์หญิงแปดเหลือบมองถาวจวินหลันวูบหนึ่ง พลันพูดว่า “เรื่องนี้ที่จริงแล้วรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ ตระกูลเฉินไม่มีทางสู่ขอองค์หญิง แต่เดิมใต้เท้าเฉินก็ไม่เคยคิดหาลูกสะใภ้จากผู้หญิงชั้นสูงมาก่อน ข้าเดาว่าที่ฮองเฮาเสนอความคิดเช่นนี้ ก็เพียงเพื่อลบหลู่น้องเก้าเท่านั้น อย่างไรเสียหากตระกูลเฉินปฏิเสธ น้องเก้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด?”
เมื่อองค์หญิงแปดพูดเช่นนี้ถาวจวินหลันก็คิดว่าสมเหตุสมผลอยู่หลายส่วน อีกทั้งยังคิดถึงความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือพอตระกูลเฉินปฏิเสธองค์หญิงเก้า ถึงตอนนั้นองค์หญิงเก้าก็จะเสียหน้าเป็นอย่างมาก คิดว่าฮ่องเต้ก็คงต้องรู้สึกเสียหน้าเช่นเดียวกัน ถึงตอนนั้นไม่เพียงแค่มีความเห็นต่อตระกูลเฉิน องค์หญิงเก้าก็คงไม่ได้รับความสำคัญไปด้วย และถ้าเสนอสามีที่ไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไรให้องค์หญิงเก้า หรือว่าเอาไปแต่งงานเชื่อความสัมพันธ์ ฮ่องเต้ก็คงจะไม่ปฏิเสธเป็นแน่
ถ้าหากเป็นเช่นนี้ แผนการในใจของฮองเฮาก็ดูจะลึกล้ำเกินไปหน่อยเสียแล้ว อีกอย่างก็ดูจะให้ความสำคัญกับองค์หญิงเก้ามากเกินไปเสียหน่อย
สุดท้ายถาวจวินหลันก็ยิ้มออกมา ในใจไม่ค่อยเชื่อความคาดเดาของตนเองเท่าไรนัก เพียงแค่พูดกับองค์หญิงแปดว่า “ญาติของฮองเฮา? ทำไมข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน?”
“ล่มสลายไปนานแล้ว นานมาแล้วตั้งแต่สมัยของฮ่องเต้องค์ก่อน เคยเกิดเรื่องทุจริตเงินกองทัพมาก่อนทำโทษไปหลายคนนัก ตอนนี้ที่เหลืออยู่ก็มีเพียงคนแก่ ผู้หญิงและเด็กเท่านั้น สมาชิกผู้ชายที่เป็นทหารได้ก็มีเพียงแค่สองสามคนเท่านั้น แต่หลานชายของฮองเฮากลับเป็นประเภทรักร่วมเพศ ชอบนักแสดงคนหนึ่งมากนัก ภายในเมืองหลวงมีชื่อเสียงโด่งดังไปไกล” ตอนที่องค์หญิงแปดพูดถึงหลานของฮองเฮาก็หัวเราะเยาะออกมา แสดงความดูถูกออกมาอย่างเห็นได้ชัด
ถาวจวินหลันขมวดคิ้วแน่น “ในเมื่อชื่อเสียงกระฉ่อนไปไกล คิดว่าฮองเฮาพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ฮ่องเต้และไทเฮาไม่มีทางตอบตกลงเป็นแน่ นี่ไม่ใช่การทำร้ายกันหรืออย่างไร? อีกอย่างน้องเก้าก็เป็นถึงองค์หญิง สายเลือดโอรสแห่งสวรรค์ จะยอมรับการลบหลู่เช่นนี้ได้อย่างไร?” ด้วยวิธีและอำนาจของฮองเฮานั้น การหาคุณหนูสักตระกูลให้แต่งงานกับหลานของตนนั้นก็ไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องยากอะไร ทำไมถึงได้ถูกใจองค์หญิงเก้าเข้าเสียเล่า?
องค์หญิงแปดรู้สิ่งที่ถาวจวินหลันสงสัย นางจึงอดหัวเราะไม่ได้ จากนั้นก็อธิบายว่า “ฮองเฮาหวังสูง พวกเราองค์หญิงถือเป็นอะไรกันในสายตานาง? ขอเพียงไม่ได้ออกมาจากท้องของนาง ก็ไม่ถือว่าเป็นอะไรทั้งนั้น องค์หญิงของโอรสสวรรค์แล้วอย่างไรกัน? ฐานะสูงส่งแล้วเป็นอะไร? เทียบกับหลานชายของนางไม่ได้แม้แต่น้อย อีกทั้งข้อดีของการแต่งงานกับองค์หญิงมีเยอะถึงเพียงนั้น แล้วเหตุใดจักไม่ชี้เลือกองค์หญิงสักคนเล่า?”
ไม่เพียงแค่มีสินสมรสมากมายมหาศาล ต่อจากนี้ไปเมื่อให้กำเนิดบุตรก็ยังมียศตำแหน่ง แม้แต่ตัวสามีเองก็พลอยได้รับผลประโยชน์จำนวนมาก ไฉนจะไม่เห็นดีด้วยเล่า?
ถาวจวินหลันกลับรู้สึกตกใจ นิ่งไปครู่หนึ่งถึงเรียกสติกลับมาได้ “เช่นนั้นองค์หญิงเก้าคงจะปฏิเสธเป็นแน่ใช่หรือไม่?”
องค์หญิงแปดหลุบตาลง จากนั้นก็หยิบผลไม้มาถือเล่นไว้ในมือ “ก่อนหน้านี้น้องเก้าขี้ขลาดอ่อนแอ ใครๆ ก็คิดว่านางยอมคน แต่หลังจากผ่านเรื่องนั้นมาข้าถึงรู้ว่าน้องเก้าก็มีอารมณ์เช่นกัน ไม่ได้เป็นคนที่บีบในกำมือได้ ก่อนที่ฮองเฮาจะสรุปเรื่องนี้ ไม่รู้ว่าน้องเก้าไปได้ข่าวมาจากที่ใด จึงชิงไปหาไทเฮาเสียก่อน”
ถาวจวินหลันเข้าใจในทันใด “ไทเฮาไม่มีทางปล่อยให้ฮองเฮาสมใจอยากเป็นแน่”
“จะไม่ใช่หรืออย่างไรกัน? ดังนั้นฮองเฮาถึงได้พูดถึงตระกูลเฉิน และยังพูดถึงการแต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์อีกด้วย” องค์หญิงแปดหัวเราะเสียงเย็น “ฮองเฮาไฉนเลยจะรับการต่อต้านจากน้องเก้าได้ ต่อให้เหมือนข้าที่มีเสด็จแม่ ฮองเฮาก็ได้จัดการคนให้มาอยู่ข้างกายเพื่อบีบไว้ในกำมือ จะเทียบอะไรกับน้องเก้าเล่า”
ฟังน้ำเสียงส่อแววไม่พอใจแฝงอยู่ ถาวจวินหลันก็รู้สึกเหมือนประสบพบเจอมาเอง ฮองเฮามีนิสัยชอบควบคุมทุกอย่างจริง ต่อให้เป็นนางก็หนีไม่พ้นไม่ใช่หรือไร? ถ้าไม่ใช่เพราะเพ่ยหยางโหวฮูหยิน…ตอนนั้นนางคงลำบากกว่าเดิม
แน่นอนว่าองค์หญิงเก้าต้องยิ่งลำบากกว่า เหมือนกับที่องค์หญิงแปดพูดไว้ องค์หญิงเก้าตัวคนเดียวไม่มีใครปกป้อง ทุกเรื่องนั้นล้วนต้องพึ่งตนเอง
พูดไปมากกว่าครึ่งวัน ฉับพลันถาวจวินหลันก็เข้าใจความคิดขององค์หญิงแปด “เจ้าจะบอกว่าฮองเฮาเก็บความแค้นเอาในใจ คิดแค้นน้องเก้า ดังนั้นจึง…”
องค์หญิงแปดไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่สายตากลับอธิบายทุกอย่างออกมาแล้ว
ถาวจวินหลันขมวดคิ้ว รู้สึกรับไม่ได้ “แต่ฮองเฮาจำเป็นต้องเสี่ยงอันตรายเช่นนี้หรือ? แค่เพียงไม่ฟังคำสั่งนางก็เท่านั้น…” ไฉนเลยต้องทำการใหญ่เช่นนี้ด้วย? อีกทั้งฮองเฮาไม่กลัวถูกสืบพบหรืออย่างไร?
ดูแล้วฮองเฮาไม่น่าจะเป็นคนเลอะเลือนถึงเพียงนั้น
“ตอนแรกที่ฮองเฮาแสดงท่าทีว่าถูกใจตระกูลเฉินนั้น น้องเก้าก็ได้พูดกับไทเฮาไว้แล้วว่าชอบตระกูลถาวมากกว่า” องค์หญิงแปดยิ้มเล็กน้อย ดวงตาสดใสเป็นประกายมองตรงไปยังถาวจวินหลันอย่างไม่กระพริบ “พี่สะใภ้รองเข้าใจความหมายของข้าใช่หรือไม่เจ้าคะ?”
แน่นอนว่าถาวจวินหลันต้องเข้าใจ ความหมายขององค์หญิงแปดคือองค์หญิงเก้าหลอกใช้ตระกูลถาว หลอกใช้นาง นางหลุบตาลงเล็กน้อยเพื่อบหลบซ่อนอารมณ์ของตนเอง นางเงียบไปครู่หนึ่งถึงถอนหายใจออกมา “องค์หญิงเก้าช่างน่าสงสารนัก”
องค์หญิงแปดเลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยประหลาดใจ จากนั้นรอยยิ้มก็ยิ่งลึกลับ “ใช่แล้ว น้องเก้าถูกบีบจนไม่มีทางเดิน แต่น้องเก้าก็เป็นคนฉลาด ดูซี เลือกคนถูกแล้วมิใช่หรืออย่างไร? สามีขององค์หญิงเก้าก็เป็นคนดี”
ด้วยคำเชยชมขององค์หญิงแปด ถาวจวินหลันจึงอดยิ้มออกมาไม่ได้ ถาวจิ้งผิงเป็นน้องชายของนาง น้องชายของตนได้รับคำชม นางจะไม่ดีใจได้อย่างไร?
“วันนั้นข้าก็เห็น น้องเก้าเสียใจจริงๆ และรู้สึกผิดเองด้วย” องค์หญิงแปดช่วยองค์หญิงเก้าพูด ในคำพูดนั้นแฝงความสงสารเอาไว้ “ลูกผู้หญิง ชีวิตนี้หลักพึ่งพิงที่ใหญ่ที่สุดก็คือสามี นางย่อมคิดวางแผนไว้ดีแล้ว แต่ว่าอย่างไรเสียฮองเฮาก็ไม่ใช่คนที่ใจกว้างอะไร”
ถาวจวินหลันเข้าใจความหมายขององค์หญิงแปด แต่กลับส่ายหน้า “ฮองเฮาไม่มีทางเลอะเลือน” ทำเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ไม่ใช่ว่าเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้ตนเองหรืออย่างไรกัน?