บัลลังก์พญาหงส์ – ตอนที่ 416 แลกเปลี่ยน

หลี่เย่ไม่ได้กลับบ้านติดต่อกันสองวัน เสื้อผ้าก็เพียงให้หวังหรูกลับมาเอา

ถาวจวินหลันเริ่มเป็นกังวล แต่กลับจนปัญญา เพียงแค่ทำตามแผนการอย่างเงียบๆ ของที่ควรเก็บกวาดก็เก็บกวาด ของที่ควรจะจัดก็จัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อย

ในเมื่อจะบริจาคยาและตรวจโรค ถ้าเช่นนั้นสิ่งคู่กันที่ขาดไม่ได้ก็คือหมอ ในเมืองหลวงมีหมอที่กำหนดตรวจอาการให้คนในจวนโดยเฉพาะ ถาวจวินหลันให้คนดูแลไปพูดทีหนึ่ง ทางนั้นก็ตอบรับ ไม่ว่าอย่างไรทางนี้ก็จะต้องให้เงิน อีกทั้งเงินยังเป็นจำนวนไม่น้อยอีกด้วย ไม่มีเหตุผลที่จะไม่รับปาก แน่นอนว่าหมอล้วนมีเมตตาและฝีมือทางการแพทย์สูงส่ง เรื่องเช่นนี้เป็นการทำดีต่อประชาชน ย่อมต้องไม่ปฏิเสธเป็นแน่

หมอเพียงคนเดียวย่อมไม่พอ ถาวจวินหลันจึงไปถามหมอหลวงที่เคยมาตรวจอาการให้จวนตวนชินอ๋อง นางรู้ว่าหมอหลวงคนนี้มีหลานคนหนึ่งที่ฝีมือทางการแพทย์ใช้ได้ แต่ว่าตอนนี้อายุยังน้อย จึงนั่งอยู่ในร้านยาเพื่อสั่งสมประสบการณ์เท่านั้น

หมอหลวงคนนั้นสกุลเสิ่น หลังจากได้ยินเรื่องนี้ก็ตอบรับทันที เรื่องเช่นนี้ไม่เพียงแค่ช่วยฝึกหัดคนได้ และยังได้รับชื่อเสียงที่ดีอีกด้วย ไฉนจะไม่เห็นดีด้วยเล่า?

หมอหลวงเสิ่นก็ยังแนะนำลูกศิษย์ของตัวเองสองคน มีฝีมือการแพทย์ใช้ได้เช่นเดียวกัน แต่ยังไม่สามารถเข้ากรมหมอหลวงได้ก็เท่านั้น

ถาวจวินหลันย่อมชอบใจ ในเวลานี้มีหมอเยอะเท่าไรก็ยิ่งดี อีกทั้งหมอหลวงเสิ่นก็พูดแล้ว ยาสมุนไพรเขาเองก็สามารถช่วยติดต่อให้ได้ รับประกันว่าเป็นยาสมุนไพรชั้นดี ราคาก็ยุติธรรม ย่อมต้องไม่มีเหตุผลให้ไม่ยินดีเป็นแน่

วันนี้ถาวจวินหลันกำลังดูคนทำเสื้อผ้าเนื้อหยาบอยู่ ทางด้านหงหลัวก็แอบมารายงานว่า “บริเวณประตูข้างมีบ่าวรับใช้คนหนึ่งมาเจ้าค่ะ ฝากคนส่งข้อความเข้ามาบอกว่าอยากพบชายารอง แล้วยังให้คนเอาของที่ระลึกมาให้ บอกว่าเมื่อท่านได้เห็นของสิ่งนี้จะต้องอยากพบนางเป็นแน่เจ้าค่ะ”

ถาวจวินหลันพลันแปลกใจ ให้หงหลัวนำของมาให้ตนเองดู

หงหลัวกลับหยิบปิ่นผีเสื้อชิ้นหนึ่งออกมา ปิ่นผีเสื้อนั้นไม่ถือว่าเป็นของล้ำค่าอะไร เพียงแค่ฝีมือการประดิษฐ์ค่อนข้างประณีตเท่านั้นเอง

ถาวจวินหลันเหลือบมองทีหนึ่ง ฉับพลันนั้นก็รู้สึกคุ้นตาทันที จึงตั้งใจมองอย่างละเอียด เพียงแค่มองก็จำได้ นี่เป็นของที่นางมอบให้ตอนที่หยวนฉงหวาเข้าพิธีเข้าสู่วัยสาว ตอนนั้นหยวนฉงหวาดีกับนางมาก อีกทั้งยังเที่ยวเล่นอยู่ด้วยกันบ่อย ดังนั้นสุดท้ายแล้วนางจึงไปร่วมพิธี แล้วยังเตรียมของขวัญไปให้ชุดหนึ่งอีกด้วย

หลังจากนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ถาวจวินหลันก็กำชับหงหลัวว่า “ไปพาบ่าวรับใช้คนนั้นเข้ามาเถิด” หากเดาไม่ผิด บ่าวรับใช้คนนั้นน่าจะเป็นบ่าวของหยวนฉงหวา หยวนฉงหวาให้บ่าวของตนมาหานางแท้จริงแล้วมีเรื่องอะไรกันแน่?

นางไม่แปลกใจ ตัวนางรู้ดีว่าต้องไม่ใช่เรื่องเล็กๆ อย่างแน่นอน ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญจริงๆ หยวนฉงหวาคงไม่มาหาตนเอง หรือจะบอกว่าจนตรอก ไม่มีทางออกจริงๆ อย่างนั้นหรือ?

ถาวจวินหลันยังจำได้ว่า ช่วงนี้หยวนฉงหวาต้องประสบพบเจอกับอะไร ถูกใส่ร้าย แล้วยังสูญเสียลูกไปอีก สิ่งที่นางต้องประสบในจวนคังอ๋องคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ส่วนหากคิดอยากได้ความรักอีกครั้ง เกรงว่าคงไม่ง่าย อีกทั้งหลังจากที่แท้งไปก็ต้องใช้เวลารักษาร่างกายอยู่นาน ถึงตอนนั้นคังอ๋องยังจะจำนางได้หรือไม่ก็ยังเป็นปัญหา

เพื่อหลบหลีกสายตาของผู้คน ถาวจวินหลันจึงแอบพบหญิงรับใช้ของหยวนฉงหวา ไม่กล้าให้คนอื่นพบเจอ นางเชื่อว่าหยวนฉงหวาไม่ยินยอมให้เรื่องนี้แพร่งพรายเป็นแน่

บ่าวรับใช้ของหยวนฉงหวาคนนี้ชื่อว่าซูอวิ๋น ดูแล้วอายุไม่ได้มากนัก ท่าทีก็ดูขี้ขลาดหวาดกลัว คิดแล้วน่าจะไม่ใช่บ่าวรับใช้ที่มีฐานะสูงมากเท่าไร

คิดไปแล้วก็ใช่ หากดูแลปรนนิบัติข้างกายจริง ก็คงไม่สามารถที่จะออกมาจากจวนได้อย่างง่ายดาย

ซูอวิ๋นย่อมต้องไม่รู้จักถาวจวินหลัน หลังจากทำความเคารพอย่างลังเลแล้ว นางก็ถามว่า “ท่านคือชายารองถาว?”

ถาวจวินหลันหัวเราะออกมา “ข้าคือถาวจวินหลัน เจ้ามาหามีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ? ปิ่นชิ้นนั้นเจ้าเอามาจากที่ใด?”

ซูอวิ๋นได้ยินแล้วก็เริ่มงุ่มง่าม รีบคุกเข่าลงไปในทันใด โขกหัวร้องขอชีวิตติดๆ กัน “ขอให้ชายารองถาวช่วยชายารองของพวกเราด้วยเถิดเจ้าค่ะ! ท่านช่วยนางด้วยเถิดนะเจ้าค่ะ!”

ถาวจวินหลันตกใจ รีบแสดงท่าทีให้หงหลัวประคองซูอวิ๋นขึ้นมา ไม่ต้องพูดว่าการทำเช่นนี้ทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจ แต่ถ้ารอนางกลับไปแล้วมีคนเห็น ก็จะสงสัยเอาได้ไม่ใช่หรืออย่างไร?

“ชายารองของพวกเจ้าเป็นอะไรไป?” พอซูอวิ๋นถูกประคองขึ้นมาแล้ว ถาวจวินหลันก็ส่งเสียงถามออกมา

ซูอวิ๋นเงยหน้าขึ้น ถาวจวินหลันถึงได้เห็นร่องรอยน้ำตาเต็มใบหน้า ในใจยิ่งหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น ดูจากท่าทางเช่นนี้ เกรงว่าหยวนฉงหวาคงไม่ดีแล้วจริงๆ คาดเดาได้ถือเป็นเรื่องหนึ่ง ที่มองเห็นตรงหน้าก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ซูอวิ๋นร้องไห้พลางพูดว่า “ชายารองของพวกเราจะตายแล้วเจ้าค่ะ! ตอนนี้นางไม่มีลูก ท่านอ๋องก็ไม่มาที่เรือนของนางอีก พระชายาก็ไม่สนใจ แม้แต่หมอก็ไม่เชิญมาให้! พระชายาของพวกเราป่วยมาหลายวันแล้ว แม้แต่ยาก็ไม่ได้ดื่มเลยเจ้าค่ะ!”

ถาวจวินหลันตกใจจนแทบพูดไม่ออก “อะไรนะ? ทำไมถึงได้เป็นเช่นนี้? จะไม่ดีอย่างไรนางก็เป็นชายารองคังอ๋อง! ไฉนเลยจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้!” ต่อให้ไม่ได้รับความโปรดปราน แต่ก็ยังมีฐานะเป็นชายารอง ต้องยังใช้ชีวิตดีได้ถึงจะถูก สิ่งเหล่านี้ที่ซูอวิ๋นพูดช่างเกินไปเสียเล็กน้อย ช่างทำให้เชื่อไม่ลงจริงๆ!

ซูอวิ๋นร้องไห้คร่ำครวญ น้ำหูน้ำตาไหลรวมกันบนใบหน้านางก็ไม่สนใจ เพียงแค่มองถาวจวินหลันและขอร้องว่า “เป็นเรื่องจริงเจ้าค่ะ! บ่าวไม่กล้าโกหกแม้แต่น้อย! ชายารองใกล้จะไม่ไหวแล้วจริงๆ เจ้าค่ะ นางเอ่ยปากแล้วว่ามีเพียงท่านที่ช่วยเหลือนางได้! ขอร้องท่านเถิดเจ้าค่ะ ชายารองถาวได้โปรดเห็นใจเถิดนะเจ้าคะ”

ที่จริงแล้วซูอวิ๋นก็ไม่รู้ว่าถาวจวินหลันช่วยหยวนฉงหวาได้อย่างไรบ้าง แต่ในเมื่อหยวนฉงหวาพูดเช่นนี้ นางจึงเชื่อเช่นนั้น

ถาวจวินหลันมองซูอวิ๋นมีท่าทีเช่นนี้ ก็ขมวดคิ้วอย่างจับสังเกตไม่ได้ ถามว่า “ถ้าเช่นนั้นนางได้พูดอะไรอีกหรือไม่?” หยวนฉงหวาไม่มีทางสะเพร่าให้คนเอาของเก่ามาเสนอถึงประตู อย่างไรความสัมพันธ์ระหว่างพวกนางก็ไม่ดี อีกทั้งอยากช่วยหยวนฉงหวาก็ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย หยวนฉงหวาเป็นชายารองของจวนคังอ๋อง ไม่ใช่คนที่อื่นใด และยิ่งไม่ใช่คนในขอบเขตการจัดการของนาง พูดไม่น่าฟัง คืออำนาจของนางไม่ได้มากถึงขนาดยื่นมือเข้าไปในจวนคังอ๋องได้

ดังนั้นถาวจวินหลันถึงได้มั่นใจว่าหยวนฉงหวาได้มอบคำพูดอื่นมาด้วยเป็นแน่ ที่ทำให้นางสามารถลงมือได้

พูดตามตรงก็คือค่าตอบแทนที่จะให้นางลงมือ จากที่นางดูแล้ว หยวนฉงหวาอาจจะอยากทำธุรกิจกับนาง มิเช่นนั้นแล้วนางจะเอาอะไรมาลงมือ? แม้ว่านางจะไม่ใช่คนเลว แต่ก็ไม่ใช่คนที่ดีถึงเพียงนั้น

หยวนฉงหวาคิดแค้นนางมาหลายปี ย่อมต้องเข้าใจนิสัยของนางแน่นอน

ซูอวิ๋นได้ยินถาวจวินหลันถามเช่นนั้น ก็ถึงคิดคำสั่งของหยวนฉงหวาได้ จึงรีบพูดว่า “มีเจ้าค่ะ มีเจ้าค่ะ! ชายารองของพวกเรายังกำชับให้บ่าวมาบอกชายารองถาวอีกเล็กน้อยเจ้าค่ะ!”

ถาวจวินหลันพยักหน้า “ว่าอะไร?”

“ชายารองของพวกเราบอกว่าถ้าหากท่านยอมช่วยนาง นางจะยอมบอกเรื่องใหญ่มากๆ มีความเกี่ยวข้องกับคนสำคัญบางคนในเมืองหลวง มีประโยชน์ต่อท่านเป็นอย่างมากเจ้าค่ะ” ซูอวิ๋นพูดพลางเหลือบมองถาวจวินหลัน อย่างไรคำพูดของหยวนฉงหวานี้ก็ไม่เหมือนคนที่กำลังขอความช่วยเหลือเลยแม้แต่น้อย นางยังคงกลัวว่าถาวจวินหลันได้ยินแล้วจะไม่สบายใจ สะบัดมือไม่ไปช่วยหยวนฉงหวา

ถาวจวินหลันกลับรู้สึกว่านี่ถึงเป็นนิสัยการพูดของหยวนฉงหวา หยวนฉงหวาไม่มีทางขอร้องนาง ต่อให้จนตรอกอย่างไร หยวนฉงหวาก็แค้นนางรังเกียจนางเข้ากระดูกดำ จะให้หยวนฉงหวามาขอร้องนางคงลำบากใจยิ่งกว่าให้ไปตาย

ด้วยยังไม่ได้บอกว่าคือเรื่องอะไร ถาวจวินหลันจึงยังลังเล หากหยวนฉงหวาเพียงแค่โกหกมดเท็จเล่า? นั่นไม่ใช่ว่านางจะต้องเหนื่อยเปล่าหรือ?

แต่เมื่อเห็นดวงตาคาดหวังของซูอวิ๋นคู่นั้น ถาวจวินหลันก็ใจอ่อนในที่สุด คิดอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้าพูดว่า “หลังจากนางคลอดก็มีร่างกายบอบช้ำ อีกครู่หนึ่งตอนที่เจ้ากลับไป ข้าจะเตรียมของบำรุงและยาให้บำรุงร่างกายเสียหน่อย เจ้าแอบเอาไปให้นางกิน แล้วค่อยถามมาว่าคนคนนั้นคือใคร ให้นางคิดวิธีมาบอกข้า อีกทั้งหากนางยอมพูด ก็ถามนางว่าอยากจะอยู่ที่จวนคังอ๋องต่อหรือว่าอยากจะถอนตัวออกมา”

พอถามแผนการของหยวนฉงหวาให้ชัดเจน นางเองก็จะได้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ว่าสุดท้ายแล้วจะช่วยหรือไม่? ถามเช่นนี้ก็เป็นการป้องกันไม่ให้ความคาดหวังของหยวนฉงหวามากเกินไป หรือลากตัวนางเข้าไปเกี่ยวพันด้วย ถามอย่างชัดเจนแล้วนางถึงจะคิดหาวิธีได้

ที่สำคัญก็คือนางไม่ยินยอมเป็นของเล่นของใคร ไม่ใช่ว่านางเลือดเย็น แต่ทำไมนางจะต้องเข้าไปช่วย เรื่องที่หยวนฉงหวาเคยปฏิบัติต่อนาง นางยังคงจำได้อย่างแม่นมั่น เป็นคนดีอย่างไรก็ไม่มีทางยินยอม จะให้วัตถุดิบยาที่ดีขนาดไหนก็ไม่คุ้มค่า ไม่ว่าอย่างไรคนที่เสี่ยงอันตรายก็ไม่ใช่นาง

เรื่องนี้หากคนอื่นรู้เข้า ก็แค่เหมือนนางเห็นใจหญิงสาวด้วยกันจึงยอมช่วยหยวนฉงหวา คนอื่นก็ไม่สามารถหาเรื่องได้ อย่างไรเสียเพียงแค่ให้วัตถุดิบสมุนไพรเท่านั้น ไม่ได้ทำเรื่องอื่นเสียหน่อย

วิธีการพูดเช่นนี้ของถาวจวินหลันและการคาดการณ์ของซูอวิ๋นไม่เหมือนกันอย่างมาก แต่ก็อยู่ในขอบเขตที่รับได้ เมื่อมียาก็นับว่าต่อชีวิตไปได้อีกมิใช่หรืออย่างไร? ดังนั้นหลังจากซูอวิ๋นโขกหัวขอบคุณถาวจวินหลันสามครั้งก็พูดเร่งว่า “ขอให้ชายารองถาวรีบหน่อยเถิดเจ้าค่ะ บ่าวออกมานานเกินไปแล้ว เกรงว่าจะทำให้คนสงสัย”

ถาวจวินหลันพยักหน้า ให้หงหลัวไปจัดการเรื่องนี้ ยังดีที่วัตถุดิบสมุนไพรยังเยอะอยู่ ในคลังเก็บของของนางเองก็มียาบำรุงอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะบำรุงร่างกายหลังคลอด

ตอนแรกที่อุ้มท้องหมิงจู เพราะว่าร่างกายไม่ได้บำรุงให้ดี ดังนั้นจึงเสียหายเล็กน้อย จนถึงตอนนี้ก็ยังต้องบำรุงต่อไป

รอจนส่งซูอวิ๋นกลับไปแล้ว หงหลัวก็รีบก้าวเข้ามาเกลี้ยกล่อม “ชายารองเชื่อคำพูดของนางหรือเจ้าคะ? แต่ข้าคิดว่าควรต้องระมัดระวังเสียหน่อย หากเป็นกับดักเล่า? ไม่แน่ว่าจวนคังอ๋องอาจจะวางแผนใช้สิ่งนี้มาลงมือกับพวกเรานะเจ้าคะ” เรื่องเช่นนี้จะเล็กจะใหญ่ก็ได้ หากช่วยหยวนฉงหวาจริง หลังจากให้คนจับผิดได้ ก็คงจะยุ่งวุ่นวายมากทีเดียว

ถาวจวินหลันพยักหน้า “ข้ารู้ดี ตอนนี้ก็เพียงแค่มอบวัตถุดิบสมุนไพรให้เท่านั้นเอง พูดให้ไม่น่าฟังก็คือ เมื่อเห็นขอทานข้างถนนต้องการเงินก็ต้องหยิบยื่นให้บ้างเล็กน้อย นางเทียบมาแล้วก็ถือว่าเป็นเพื่อนของข้าตอนที่ข้ายังอยู่ในวัยแรกแย้ม ถ้าไม่ช่วยเลยก็ถือว่าข้าเลือดเย็นไร้เยื่อใยไปหน่อย”

หงหลัวพยักหน้าแต่ยังคงไม่วางใจ “ถ้าไม่อย่างนั้นเรื่องนี้ลองถามความคิดของท่านอ๋องดีหรือไม่เจ้าคะ?”

ถาวจวินหลันส่ายหน้า “เรื่องเล็กเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องรบกวนท่านอ๋องแล้ว ท่านอ๋องก็ไม่ได้ว่าง อีกทั้งเรื่องของเรือนในเช่นนี้ ผู้ชายก็ไม่ควรจะต้องเก็บไปคิด”

หงหลัวทำได้แค่พยักหน้ารับคำเท่านั้น

ถาวจวินหลันครุ่นคิด และกำชับนางอีก “ไปข้างนอกถ่ายทอดคำพูดให้หลิวเอิน ให้เขาเข้ามาพบข้าสักครั้ง”

หลิวเอินข่าวสารกว้างขวาง ถามเขาอาจจะรู้อะไรบ้าง อีกอย่างเรื่องที่เกี่ยวข้องกับราชสำนักนางเองก็อยากจะถาม สุดท้ายแล้วสถานการณ์ด้านนอกเมืองเป็นเช่นไร หลายวันมานี้ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร ช่างทำให้ไม่สบายใจเสียจริง

บัลลังก์พญาหงส์

บัลลังก์พญาหงส์

ตัวนางเป็นลูกขุนนางนักโทษ ขายตัวเองและน้องสาวเข้ามาเป็นนางกำนัลต่ำต้อยในวัง เถาจวินหลันต้องยอมรับชะตากรรมเช่นนี้จริงๆ หรือ? จะต้องใช้ชีวิตอย่างน่าอัปยศอดสู แล้วตายไปอย่างเงียบๆ เช่นนั้นหรือ? นางจะไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้นเด็ดขาด! นางมีทั้งความสามารถและหน้าตาอันงดงาม อำนาจ ครอบครัว ความรัก…นางต้องการมันทั้งหมด! ส่วนพวกปรปักษ์มันจะต้องโดนทำลายจนย่อยยับ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset