หลังจากถาวจวินหลันได้ยินชุนฮุ่ยเข้ามารายงาน ก็สั่งไปทันที “ถ่ายทอดคำของข้าลงไป ให้ถาวจือคุกเข่ารับโทษที่ระเบียงหนึ่งชั่วยาม จะได้ตั้งสติและสำนึกให้ดี เจ้าไม่ต้องไปแจ้งให้ชัดเจนว่าเป็นเรื่องอะไร ให้นางคิดเอาเอง”
ชุนฮุ่ยยังไม่เคยเห็นวิธีที่เฉียบขาดและรวดเร็วของถาวจวินหลันมาก่อน จึงตะลึงไปเล็กน้อย จากนั้นก็เผยรอยยิ้มบนใบหน้า เอ่ยรับคำเสียงดัง “เจ้าค่ะ บ่าวจะดูถาวจืออี๋เหนียงคุกเข่าให้ครบหนึ่งชั่วยาม”
ถาวจวินหลันแย้มยิ้มน้อยๆ “อืม ข้าไม่อาจอ่อนข้อได้อีกแล้ว จะต้องเลือกใช้วิธีมาจัดการคนภายในจวนให้เกรงกลัว และขจัดความคิดที่ไม่ดีเหล่านั้นออกไป”
“หากยังมีใครไม่ปฏิบัติตามอีก ครั้งต่อไปก็ให้ขึ้นแท่นโบยได้เลย ครั้งแรกโบยสิบที ครั้งที่สองยี่สิบที! เพิ่มขึ้นตลอดทุกครั้ง ข้าจะคอยดูว่าสุดท้ายแล้วจะมีใครไม่รักชีวิตและไม่รักษาหน้าอีก!” ถาวจวินหลันหัวเราะเสียงเย็น สายตาก็เยียบเย็น ที่จริงแล้วนางพอคาดเดาความคิดของคนเหล่านี้ได้บ้าง ก็เพียงแค่ต้องการผลประโยชน์เท่านั้น ยามปกติก็คงไม่เอาเรื่องหนักมาก แต่ตอนนี้เป็นช่วงเวลาใดกัน?
หากผู้หญิงเหล่านี้สนใจหลี่เย่จริง ก็ไม่มีทางต้องการสิ่งเหล่านี้ในเวลาแบบนี้!
แต่เรื่องราวเหล่านี้ภายในจวน นางเองก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจเท่าไรนัก ตอนนี้นางกังวลที่สุดว่าปฏิกิริยาภายในวังหลวงเป็นอย่างไร
อาอู่อยู่ในมือของนาง ทางนั้นย่อมไม่อาจยื้อเวลาอีกต่อไป ดังนั้นจึงส่งเทียบเชิญมาให้ถาวจวินหลันโดยเร็ว พระชายาองค์รัชทายาทได้รับหนังสัตว์มาสิบกว่าผืน ให้ถาวจวินหลันเข้าไปเลือกให้ซวนเอ๋อร์ผืนหนึ่ง
แน่นอนว่า เพื่อตบตาผู้คนจึงเชิญพระชายาจวงอ๋อง และพระชายาอู่อ๋องมาด้วย แต่ก็เป็นแค่เพียงตัวสำรองและข้ออ้างเท่านั้น แต่มีจุดประสงค์เพื่อขออาอู่กลับคืนมาจากถาวจวินหลัน
ถาวจวินหลันครุ่นคิด ยังคงเอาอาอู่เลี้ยงไว้ที่เรือนเฉินเซียง ให้คนปิดบังเรื่องนี้เอาไว้ไม่ให้คนอื่นในจวนรู้เรื่องเท่านั้น
ที่ทำเช่นนี้เพราะนางยังอยากดูว่าภายในเรือนเฉินเซียงยังมีคนถูกจับเข้ามาเป็นสายและหนอนบ่อนไส้อีกหรือไม่ หากคนที่ถูกจัดหาเข้ามาอยู่ภายในเรือนของนาง ถ้าเช่นนั้นก็จะปิดข่าวของอาอู่ไว้ไม่ได้ แต่หากไม่มี เช่นนั้นเรือนของนางก็จะปลอดภัยที่สุด ใครก็คงไม่คิดว่านางจะพาอาอู่มาดูแล และเล่นกับซวนเอ๋อร์และหมิงจู
ถาวจวินหลันเข้าไปในวังหลวงตามกำหนด
ตอนที่ออกมาจากจวนก็พาสุ่ยเหวินกับชุ่นฮุ่ยมาสองคน พวกนางทั้งสองคนแรงเยอะกว่าปี้เจียวอยู่เล็กน้อย มือเท้าก็เร็วกว่า หากบังเอิญพบเรื่องอะไรในวังหลวง ก็ให้ความช่วยเหลือได้มากกว่า
แน่นอนว่าถาวจวินหลันไม่คิดว่าตนเองจะพบเรื่องอะไรในวังหลวง จะต้องรู้ว่าภายในวังหลวงไม่ใช่แค่ฮองเฮาตัดสินเด็ดขาด ต่อให้เกิดเรื่องอะไรกับนางในวังหลวง ก็ไม่ต้องพูดว่าไม่ได้อาอู่กลับมา แม้แต่บรรดาพระชายาองค์รัชทายาทก็ต้องดิ้นไม่หลุดจากเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นคิดว่าพระชายาองค์รัชทายาทและคนอื่นคงไม่โง่จนถึงขั้นนี้
แต่ไม่เกิดเรื่องภายในวังหลวง ก็ไม่ได้หมายความว่าระหว่างทางจะไม่เกิดอะไรขึ้น รถม้าที่ถาวจวินหลันนั่งครั้งนี้ไม่เพียงแค่สั่งทำพิเศษ แต่ยังมีทหารคุ้มกันล้อมรอบ อีกทั้งเส้นทางที่ใช้ก็เป็นเส้นทางที่ผู้คนพลุกพล่าน
ในความเป็นจริงแล้ว หลังจากนางเจอพวกลอบสังหารครั้งนั้น การเดินตรวจเวรยามในเมืองหลวงก็เพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว หากตอนนี้ยังกล้าทำเช่นเดิมอีก เกรงว่าคงไม่ใช่เรื่องง่ายดายอย่างแน่นอน
ตลอดทางที่เดินทางไปเข้าวังก็ปลอดภัยดี ไม่มีเรื่องอะไร และพระชายาองค์รัชทายาทก็ส่งคนมารออยู่ที่ประตูวังหลวงนานแล้ว ให้ถาวจวินหลันนั่งเกี้ยวนิ่มตรงไปยังวังองค์รัชทายาท
พระชายาองค์รัชทายาทถือว่าลดตัวต่ำมากแล้ว ท่าทีดูเป็นมิตรอย่างชัดเจน
ถาวจวินหลันยิ้มอย่างพอใจ ในใจคิดว่า พระชายาองค์รัชทายาทลดตัวลงมาได้ขนาดนี้ คิดว่าในใจก็คงไม่ได้รู้สึกดีเท่าไรนัก ไม่ว่าใครถูกข่มขู่เช่นนี้ก็คงไม่อาจพอใจได้เหมือนกัน
เมื่อเดินทางถึงวังขององค์รัชทายาท หลังจากถูกคนพาเข้าไปข้างในแล้ว พระชายาองค์รัชทายาทก็เดินออกมาต้อนรับ ยิ้มและพูดว่า “ชายารองถาวมาถึงแล้ว”
ถาวจวินหลันเห็นรอยยิ้มของพระชายาองค์รัชทายาท ก็เม้มปากอมยิ้มให้เช่นกัน “ดูท่านพูดเข้า เหมือนพระชายาองค์รัชทายาทจงใจเป็นปฏิปักษ์กับหม่อมฉันอย่างไรอย่างนั้น หม่อมฉันรู้สึกไม่ดีจริงๆ เพคะ”
ไม่นานชาก็ถูกเอามาวางไว้ พระชายาองค์รัชทายาทมองไปยังนางกำนัลที่อยู่ซ้ายขวา แสดงท่าทีให้นางกำนัลถอยออกไป เพื่อให้พวกนางพูดคุยกัน จากนั้นสายตาของพระชายาองค์รัชทายาทก็ทอดมองมายังชุ่นฮุ่ยและสุ่ยเหวิน
ถาวจวินหลันส่ายหน้า “พวกนางเป็นคนรู้ใจของข้า ให้อยู่ต่อก็ไม่เป็นอะไร”
พระชายาองค์รัชทายาทยังไม่เปลี่ยนท่าที แต่น้ำเสียงเริ่มหงุดหงิดเล็กน้อย “ทำไมหรือ ชายารองถาวกลัวว่าข้าจะวางยาพิษหรือ?”
ถาวจวินหลันหัวเราะเสียงเบา มองไปยังพระชายาองค์รัชทายาท ถามกลับว่า “ใช่เพคะ ข้ากลัวมาก”
“เจ้า!” คิดไม่ถึงว่าถาวจวินหลันจะยอมรับเรื่องนี้อย่างง่ายดายและเปิดเผยเช่นนี้ พระชายาองค์รัชทายาทสะอึกจนพูดอะไรไม่ออก แต่เดิมนางคิดจะใช้วิธีข่มขู่ให้ถาวจวินหลันยอมแพ้ถอยไปเอง แต่ผลกลับเป็นว่า…
พระชายาองค์รัชทายาทเขม็งมองไปทางถาวจวินหลัน สุดท้ายแล้วก็กล้ำกลืนความโกรธลงไป พูดช้าๆ “ช่างเถิด ไม่เป็นอะไร ในเมื่อชายารองถาวยืนยัน ข้าเองก็จะไม่ฝืนอีก”
ถาวจวินหลันเพียงแค่ยิ้มพลางนั่งลงอย่างสงบ ไม่ดื่มน้ำชานั้น และยิ่งไม่แตะของว่างเลย มิเช่นนั้นหากมีคนแอบใส่อะไร แล้วนางต้องทำเช่นไร?
“ท่านมีอะไรก็พูดเถิดเพคะ” เห็นว่าพระชายาองค์รัชทายาทไม่ยอมพูดออกมา และไม่รู้จะเริ่มพูดจากตรงไหน ถาวจวินหลันจึงเอ่ยปากพูดก่อน “มิเช่นนั้นพระชายาจวงอ๋องและพระชายาอู่อ๋องมาคงจะไม่มีโอกาสแล้ว”
พระชายาองค์รัชทายาทจงใจไม่พูด แต่เดิมคิดจะให้ถาวจวินหลันพูดออกมาก่อน เป็นเช่นนี้นางจะถือสิทธิเป็นฝ่ายรุกได้ แต่คิดไม่ถึงว่าถาวจวินหลันคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าจะกุมอำนาจเอาไว้ในมือของตน
พระชายาองค์รัชทายาทขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดตามตรงแล้ว นางไม่ชอบเป็นรองใคร
แต่ตอนนี้ดูแล้วนางคงเลือกไม่ได้ ดังนั้นไม่ว่าจะไม่ชอบอย่างไรก็ทำได้แค่อดทน และเอ่ยปากพูดว่า “เซิ่นเอ๋อร์ไม่ได้อยู่กับพวกเรา เกรงว่าชายารองถาวคงพูดเกินไปหน่อยกระมัง?”
แม้ว่าอาอู่จะสำคัญ แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพระชายาองค์รัชทายาท ดังนั้นจึงยากที่ให้ความสำคัญ อีกทั้งความตะขิดตะขวงภายในใจ ดังนั้นย่อมไม่มีท่าทีหวาดระแวง แต่กลับพูดออกมาตรงๆ เช่นนี้
ถาวจวินหลันเลิกคิ้ว ยิ้มออกมาน้อยๆ “เช่นนั้นหรือ? เช่นนั้นก็ดี ที่จริงแล้วหม่อมฉันก็ล้อเล่น เด็กคนนั้นไม่ได้อยู่กับหม่อมฉันเช่นกันเพคะ” ในเมื่อพระชายาองค์รัชทายาทกล้าพูดโกหกออกมาโต้งๆ เช่นนี้ นางก็กล้าพูดโกหกโต้งๆ เช่นกัน
พระชายาองค์รัชทายาทได้ยินเช่นนี้ก็เกิดโทสะทันที ถลึงตามองถาวจวินหลัน พูดเสียงเย็นว่า “ถ้าเช่นนั้นก็หมายความว่าชายารองถาวกำลังล้อพวกข้าเล่นอย่างนั้นหรือ?”
ถาวจวินหลันยังยิ้มค้าง “ใช่แล้วจะอย่างไรเพคะ? พระชายาองค์รัชทายาทเองก็หยอกหม่อมฉันเล่นไม่ใช่หรือ? เซิ่นเอ๋อร์อยู่ที่ใคร ทั้งท่านและหม่อมฉันย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ หากท่านไม่จริงใจ เช่นนั้นพวกเราก็ไม่ต้องพูดกันอีก อีกทั้งลูกคนรองจากอนุภรรยา เอามาแลกกับสายเลือดเพียงหนึ่งเดียว ก็ถือว่าคุ้มค่ามากนะเพคะ”
หยุดไปครู่หนึ่งถาวจวินหลันก็ยิ่งยกยิ้มมากขึ้น รอยยิ้มดูไม่หวังดีเท่าไรนัก “อีกทั้งเด็กสองคนนั้นก็ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของข้า พูดไปแล้วไม่แลกกันก็ดีเพคะ ไม่ได้ไม่เสียกันทั้งสองฝ่าย พระชายาองค์รัชทายาทคิดว่าอย่างไรเพคะ?”
พระชายาองค์รัชทายาทจุกไป จะระบายออกมาก็ไม่ได้ ไม่เอาออกก็ไม่ได้ ความรู้สึกอึดอัดใจเช่นนี้ ทำให้นางรู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว ดังนั้นพระชายาองค์รัชทายาทจึงส่ายหน้า “เกรงว่าเจ้าคงจะทำใจร้ายเช่นนั้นไม่ได้หรอกกระมัง? หากคิดเช่นนี้ตั้งแต่แรก เจ้ายังจำเป็นต้องขโมยเด็กไปเพื่ออะไร?”
เมื่อได้ยินคำพูดถากถางของพระชายาองค์รัชทายาท ถาวจวินหลันก็จัดแขนเสื้อตนเองอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก พลางหมุนเตาผิงเล็กในมือเล่น “เช่นนั้นหรือเพคะ? พระชายาองค์รัชทายาทคิดเช่นนี้หรือเพคะ? เห็นได้ชัดว่าพระชายาองค์รัชทายาทไม่เข้าใจหม่อมฉันนะเพคะ ที่เสนอข้อแลกเปลี่ยนเช่นนี้ ก็เป็นเพราะทำให้เห็นเป็นตัวอย่างเท่านั้น พวกท่านอยากแลกหม่อมฉันก็แลก อย่างไรหม่อมฉันก็ได้รับชื่อเสียงดีงาม ไม่แลกหม่อมฉันก็ถือว่าได้พยายามสุดความสามารถแล้ว ย่อมไม่ต้องกลัวว่าจะรับผิดชอบไม่ได้อีก อีกทั้งพวกเราจวนตวนชินอ๋องก็ไม่ได้ยอมใคร! ทำอะไรมาก็ได้กลับคืนไปเช่นนั้น นี่เป็นวิธีที่น่าพอใจที่สุดไม่ใช่หรือเพคะ? ธุรกิจนี้ไม่ขาดทุนเป็นแน่ คิดว่าท่านอ๋องรู้แล้วคงต้องเอ่ยชมหม่อมฉันด้วยซ้ำไป”
พระชายาองค์รัชทายาทพูดไม่ออกทันที ท่าทางไร้เหตุผลของถาวจวินหลันแตกต่างจากชายารอถาวที่สงบนิ่งและสง่างามอย่างที่เคยเป็นมาอย่างมาก จนนางไม่รู้จะต้องเริ่มพูดจากตรงไหน
ถาวจวินหลันย่อมยืนอยู่ในจุดที่ได้เปรียบ
พระชายาองค์รัชทายาทลอบถอนหายใจ รู้ดีแก่ใจว่าตนเองแพ้แล้ว จึงเก็บอารมณ์ไป ก้มหน้าพูดเสียงเบาว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วข้าก็มีแต่ต้องแลกเท่านั้น ไม่ทราบว่าชายารองถาวต้องการแลกแบบใด?”
ถาวจวินหลันส่งยิ้มกลับ “เซิ่นเอ๋อร์ออกจากจวนไปอย่างไร คิดว่ากลับมาแบบเดิมก็ได้เพคะ ส่วนเด็กคนนั้น ข้าก็จะคืนในสภาพเดิมเพคะ”
พระชายาองค์รัชทายาทขมวดคิ้วเข้าหากัน ท่าทีหงุดหงิดคล้ายจะทนไม่ไหว “ชายารองถาวไม่จริงใจเช่นนี้ หมายความว่าอย่างไรกันแน่?”
“หม่อมฉันไม่จริงใจอย่างไรเพคะ?” ถาวจวินหลันหัวเราะเสียงเย็น จ้องพระชายาองค์รัชทายาท “อย่างไรถ้าคิดจะแลกก็ต้องทำเช่นนี้ ไม่แลกก็ได้เช่นกัน ตอนนี้นางเป็นต่อ ไม่มีเหตุผลที่นางต้องคำนึงว่าฝ่ายตรงข้ามจะรับได้หรือไม่หรอกกระมัง? อีกอย่าง ทำให้พวกเขาลำบากใจเสียบ้าง คิดดูแล้วก็เป็นเรื่องไม่เลวเลยทีเดียว
ฮองเฮาทำเรื่องน่ารังเกียจมากมายขนาดนั้น ตอนนี้นางจะแก้แค้นบ้างก็ใช่ว่าไม่เหมาะสม
พระชายาองค์รัชทายาทกัดฟัน “เช่นนั้น หากพวกเราส่งเด็กกลับไป แล้วเจ้าผิดคำพูดเล่า?”
ถาวจวินหลันแย้มยิ้มมองพระชายาองค์รัชทายาท “ท่านคิดว่า หม่อมฉันเป็นคนไม่เลือกวิธีเหมือนพวกพระองค์หรืออย่างไร เอาชีวิตของเด็กมาข่มขู่คนอื่น? หรือว่าพระชายาองค์รัชทายาทเอาความคิดของตนเองไปเทียบกับความคิดของผู้อื่น คิดว่าหม่อมฉันเป็นเหมือนพวกท่าน? อีกอย่างพระชายาองค์รัชทายาทคิดว่าพวกท่านยังมีสิทธิเลือกหรือเพคะ?”
พระชายาองค์รัชทายาทตะลึงงันมองถาวจวินหลันค่อยๆ ลุกขึ้น ยิ้มสดใสเดินออกไปข้างนอก ในใจก็รู้สึกหงุดหงิดมาก
“หากพระชายาองค์รัชทายาทส่งเซิ่นเอ๋อร์กลับมา หม่อมฉันยังบอกความลับอีกเรื่องหนึ่งให้ท่านทราบได้ ความลับเรื่องชาติกำเนิดของเด็กคนนั้น คิดว่าฮองเฮาคงคงยังไม่ได้บอกท่าน ว่าเด็กคนนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไรและมารดาเป็นใครกระมัง?” ถาวจวินหลันหันหน้ากลับมาพร้อมรอยยิ้มบางๆ โบกมือไปทางพระชายาองค์รัชทายาท “เวลาไม่เช้าแล้ว หม่อมฉันยังต้องไปทำความเคารพไทเฮา เช่นนั้นก็คงไม่รั้งตัวอยู่ต่อแล้ว ส่วนหนังสัตว์หม่อมฉันไม่เอาแล้วเพคะ ซวนเอ๋อร์กับหมิงจูมีแล้วทั้งนั้น ไม่สู้พระชายาองค์รัชทายาทเก็บไว้ให้เด็กคนนั้นดีกว่าเพคะ”
ถาวจวินหลันเดินออกไปอย่างอาจหาญ พระชายาองค์รัชทายาทกัดฟันแน่นพลางบีบพนักเก้าอี้เต็มแรง พูดอะไรไม่ออกไปพักใหญ่ ถาวซื่อคนนี้ ไม่ควรให้โอกาสไต่เต้ามาตั้งแต่แรก!
ในที่สุดพระชายาองค์รัชทายาทก็เข้าใจแล้วว่าทำไมฮองเฮาถึงได้รังเกียจถาวจวินหลัน แม้กระทั่งยินยอมกระทำการใหญ่เพียงเพื่อต้องการเอาชีวิตของถาวจวินหลัน! ไม่ต้องพูดถึงฮองเฮา แม้แต่นางเองก็อยากให้ถาวจวินหลันตายไปเช่นเดียวกัน!