ไทเฮายังคงกังวลเรื่องเซิ่นเอ๋อร์มาก เห็นถาวจวินหลันจึงถามเรื่องนี้อีก “ทำไมถึงไม่หาต่อแล้ว?”
“หม่อมฉันไม่เชื่อว่าพระองค์จะไม่เข้าใจความซับซ้อนของเรื่องนี้เพคะ” ถาวจวินหลันยิ้มมองไทเฮานิ่ง “พระองค์อยากถามอะไรก็ถามเถิดเพคะ หากหม่อมฉันรู้ย่อมบอกพระองค์ หากบอกแล้วก็จะบอกจนหมดเปลือกเพคะ”
ไทเฮาถอนหายใจ ท่าทางดูสบายใจมากกว่าเดิม “ถ้าเช่นนั้นใครลงมือกันแน่?
ถาวจวินหลันก้มหน้าลงไปน้อยๆ ปกปิดรอยยิ้มเยาะของตนเองเอาไว้ “ยังมีใครได้อีกเพคะ? ย่อมต้องเป็นศัตรูคู่แค้นของจวนตวนชินอ๋อง”
“ฮองเฮากล้ากำเริบเสิบสานถึงเพียงนี้เชียวหรือ?” ไทเฮาดูไม่ค่อยเชื่อเล็กน้อย เงียบไปครู่หนึ่งก็พูดอย่างร้อนใจ “นางลักพาตัวเซิ่นเอ๋อร์ไปเพราะเหตุใดกันแน่?”
ถาวจวินหลันคิดว่าไทเฮาคงพอเดาได้บ้าง เพียงแต่อยากรู้คำตอบที่แท้จริงจากปากของนางเท่านั้น นางจึงถอนใจกล่าว “ก็อาจด้วยอยากข่มขู่จวนตวนชินอ๋องเท่านั้นเพคะ จะเป็นอะไรได้อีก?”
“แล้วเจ้าคิดจะจัดการอย่างไร?” ไทเฮาตกอยู่ในภวังค์ครู่หนึ่งก็เอ่ยถามอีก
ถาวจวินหลันเงยหน้ามองไทเฮา แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงอยากหลอกถามบางเรื่อง จึงจงใจถามว่า “ไทเฮาคิดว่าอย่างไรเพคะ? หม่อมฉันอ่อนประสบการณ์ พบเจอเรื่องพวกนี้ก็เกรงว่าจะจัดการได้ไม่ดีนัก ดีไม่ดีมือเท้าอาจพันกันยุ่งไปหมด”
ไทเฮามองถาวจวินหลันวูบหนึ่ง ก่อนพูดช้าๆ “เซิ่นเอ๋อร์ก็เป็นสายเลือดของตวนชินอ๋องเช่นเดียวกัน ย่อมต้องช่วยเขาให้ได้ เจ้าว่าสมเหตุสมผลหรือไม่?”
ถาวจวินหลันเข้าใจความหมายที่ไทเฮามองนาง จึงยิ้มออกมาน้อยๆ “แน่นอนเพคะ จวนอ๋องมีต้นกล้าเพียงสองต้นเท่านั้น ย่อมต้องรักษาเป็นอย่างดี”
ไทเฮาถามเช่นนี้ก็ด้วยกลัวว่านางจะทำเพื่อซวนเอ๋อร์จึงตัดสินใจละทิ้งเซิ่นเอ๋อร์ ไม่สนใจความเป็นความตายของเซิ่นเอ๋อร์กระมัง แต่ไทเฮาคิดเช่นนี้ก็ดูจะฟุ้งซ่านเกินไปหน่อย
ถาวจวินหลันรู้สึกจนใจเล็กน้อย ในสายตาของไทเฮา นางคงเป็นคนมากแผนการและไร้เมตตาไปทุกเรื่องกระมัง? นางยอมทำถึงขนาดนี้ ไทเฮาก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงความคิด บางทีนางกับไทเฮาอาจจะไม่ถูกชะตากันมาตั้งแต่เกิดกระมัง? ดังนั้นถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้บ่อยเสียเหลือเกิน
อย่างไรถาวซินหลันก็เป็นน้องสาวสายเลือดเดียวกับนาง แต่กลับถูกใจไทเฮาเป็นที่ยิ่ง ไม่ใช่อย่างนั้นหรือ? แม้กระทั่งความรู้สึกไม่ชอบใจ เลือกที่รักมักที่ชังก็ยังไม่มี แตกต่างกับนางราวฟ้ากับเหว
“ฮ่องเต้รู้เรื่องนี้หรือไม่?” ไทเฮาถามอีกครั้ง
ถาวจวินหลันส่ายหน้า “เรื่องนี้เป็นเพียงการคาดเดาของหม่อมฉันเท่านั้นเพคะ ยังไม่มีหลักฐานอะไรแม้แต่น้อย แล้วจะบอกคนอื่นได้อย่างไรเพคะ? อีกทั้งหากบอกฮ่องเต้เรื่องนี้จริง ก็เป็นการบีบบังคับฮองเฮาให้ลงมือกับเซิ่นเอ๋อร์มิใช่หรือเพคะ? ทางด้านฮองเฮายังหวังว่าจะใช้เซิ่นเอ๋อร์มาข่มขู่พวกเรา ย่อมไม่กล้าลงมือกับเซิ่นเอ๋อร์เป็นแน่ จะต้องเลี้ยงดูให้อยู่ดีกินดีเป็นแน่เพคะ”
แน่นอนว่าที่นางพูดง่ายเช่นนี้ ก็เพราะว่าสุดท้ายแล้วเซิ่นเอ๋อร์ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของนาง มิเช่นนั้นแล้วเกรงว่าตอนนี้นางคงบ้าคลั่งเหมือนเจียงอวี้เหลียนไปนานแล้ว
“เจ้าจะต้องดูแลซวนเอ๋อร์ให้ดี” ไทเฮาพูดพลางพยักหน้าติดต่อกัน สุดท้ายแล้วก็กำชับจริงจัง “หากพวกเขายังคิดจะลงมือกับซวนเอ๋อร์ เช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องดีแล้ว”
ถาวจวินหลันเห็นไทเฮาใส่ใจซวนเอ๋อร์ถึงขนาดนี้ ก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย คิดว่าต่อให้ตนเองไม่ได้รับความชื่นชอบจากไทเฮา แต่ซวนเอ๋อร์ก็ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้แม้แต่น้อย ถือว่าเป็นเรื่องดีมาก จึงยิ้มและพูดว่า “ไทเฮาวางใจเถิดเพคะ เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น หม่อมฉันให้คนดูแลเด็กๆ เอาไว้ตลอด และไม่อนุญาตให้พวกเขาออกจากเรือนเฉินเซียงแม้เพียงก้าวเดียวเพคะ”
ไทเฮาถอนใจกล่าว “เพิ่งจะสงบได้กี่ปีกัน?”
ถาวจวินหลันเม้มปาก ไม่ได้พูดต่อ เพิ่งจะสงบได้ไม่กี่ปีจริงอย่างว่า ช่วงสองสามปีแรกที่ฮ่องเต้เพิ่งขึ้นครองบัลลังก์ก็ยังดีอยู่ แต่ตอนนี้กลับเริ่มไม่สงบมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี อีกทั้งมหันตภัยธรรมชาติก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับว่าสวรรค์ไม่ชอบแผ่นดินนี้ บันดาลมหันตภัยมาให้เรื่อยๆ ไม่หยุด
แน่นอนว่าที่จริงแล้วเรื่องเหล่านี้เกี่ยวข้องกับฮ่องเต้เอง หลายปีมานี้ฮ่องเต้ชราลงเรื่อยๆ ร่างกายก็เริ่มอ่อนแอ ที่สำคัญคือบรรดาลูกชายของเขาก็โตเป็นผู้ใหญ่ปีกกล้าขาแข็งแล้ว
“ช่วงนี้ฮ่องเต้เชื่อถือนักพรตคนหนึ่ง กินยาเม็ดตำรับหนึ่งอยู่ตลอดเวลา” ไทเฮาหัวเราะขมขื่น “หลังจากข้ารู้ก็ไปเกลี้ยกล่อมแล้ว แต่ฮ่องเต้ต่อหน้าก็รับคำ ในความเป็นจริงกลับแอบกินอยู่เหมือนเดิม อีกทั้งยังชื่นชอบนางกำนัลอายุน้อยสองคนติดต่อกันอีกด้วย”
ถาวจวินหลันตกใจเล็กน้อย มองไทเฮาอย่างตื่นตะลึง กินยาเม็ด? นี่ถือเป็นเรื่องใหญ่ จะต้องรู้ว่าตั้งแต่รัชสมัยก่อนหน้านี้มีฮ่องเต้พระองค์หนึ่งใฝ่หาอายุยืนยาว กินยาเม็ดจนยาออกพิษต้องสวรรคตตั้งแต่พระชนมายุยังน้อย เรื่องการผสมยา ทานยาก็ถูกคนหันหลังให้อย่างสมบูรณ์แบบ อย่างน้อยคนปกติก็ไม่มีใครกล้าผสมยาหรือว่าทานยาเม็ดอีก มีเพียงเหล่าบรรดานักพรตเหล่านั้นที่ยังเคยชินกับเรื่องแบบนี้
เมื่อมาถึงรัชสมัยนี้ เรื่องเช่นนี้พูดตามจริงแล้วถาวจวินหลันยังไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่นางก็รู้ดีแก่ใจว่าไม่ใช่เรื่องดีอะไร แม้ว่ายาเม็ดเหล่านั้นจะได้ผลภายในช่วงเวลาสั้นๆ แต่เมื่อกินในระยะยาว ก็จะยิ่งสะสมพิษยาในร่างกายมากขึ้น จนวันหนึ่งอาการกำเริบ แม้แต่เทพเซียนที่ไหนก็ไม่สามารถช่วยได้
ฮ่องเต้คิดอะไรอยู่กันแน่? แต่เดิมร่างกายของเขาก็ไม่ได้แข็งแรง เกรงว่าพิษยาจะกัดกินจนเขานั้นเป็นร่างกระดูก ล้มลงไปยังง่ายกว่าเดิม และไม่ต้องพูดถึงเรื่องไม่หักห้ามกามารมณ์อีกต่างหาก
ถาวจวินหลันลอบคาดเดาในใจ ร่างกายของฮ่องเต้ไม่ได้ดีมาตั้งแต่แรกแล้วมิใช่หรือ ถึงได้ฝากความหวังไว้กับยาเม็ดเพ้อฝัน?
แต่ต่อหน้าไทเฮา นางย่อมไม่กล้าพูดคำนี้ แน่นอนว่าไทเฮาเองก็คิดเรื่องเหล่านี้ เพียงแต่ไม่ยินยอมพูดออกมาก็เท่านั้นเอง
“หากปลดองค์รัชทายาทจริง ก็ทำให้เร็วเถิด” ไทเฮาหัวเราะขมขื่น “ตอนนี้ฮ่องเต้ไม่เชื่อฟังข้าอีกแล้ว อีกสักหน่อยเกรงว่าคงหัวรั้นยิ่งกว่านี้”
นี่เป็นครั้งแรกที่ไทเฮาเสนอตัวพูดเรื่องปลดองค์รัชทายาทเอง เห็นได้ชัดว่าไทเฮาร้อนใจมากแล้วจริงๆ อีกทั้งยังคิดว่าองค์รัชทายาทไม่เหมาะเป็นฮ่องเต้
ถาวจวินหลันหัวเราะขมขื่น “หากองค์รัชทายาทยังไม่กลับเมืองหลวง เกรงว่าฮ่องเต้คงไม่มีทางปลดองค์รัชทายาทเป็นแน่ ตอนนี้ด้านนอกพูดเรื่องปลดองค์รัชทายาทอย่างอึกทึกครึกโครม แต่ท่าทีของฮ่องเต้…”
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่นางต้องบีบบังคับอะไรอีก แต่สุดท้ายแล้วอยู่ที่ฮ่องเต้จะเข้าใจเรื่องนี้หรือไม่
หากฮ่องเต้ไม่ยอม นางพูดให้ตายอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ อีกทั้ง… “ตอนนี้ท่านอ๋องไม่อยู่ในเมืองหลวง เรื่องนี้ไม่เหมาะนักเพคะ”
นางไม่อยากลำบากไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่กลับต้องยกชัยชนะให้คนอื่นเก็บไป
ไทเฮาได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกจนปัญญา สุดท้ายแล้วก็กลับมาพูดเรื่องเซิ่นเอ๋อร์อีกครั้ง “เจ้าคิดว่าจะช่วยเซิ่นเอ๋อร์อย่างไร?”
ถาวจวินหลันครุ่นคิด สุดท้ายแล้วก็พูดแผนการของตนเองไป “ที่จริงแล้วหม่อมฉันพบลูกนอกสมรสที่องค์รัชทายาทแอบเลี้ยงไว้ข้างนอกเพคะ คิดว่าจะเอามาแลกกับเซิ่นเอ๋อร์”
“อายุพอๆ กับองค์ชายเก้าเพคะ” ถาวจวินหลันบอกเรื่องของอาอู่ออกไป ไม่กลัวว่าไทเฮาจะเดาอะไรได้ เพราะเรื่องนี้เกินคาดไปมาก ไม่ว่าเป็นใครก็คงคิดไม่ถึงว่าพระสนมจะยั่วยวนองค์รัชทายาท แล้วยังให้กำเนิดลูกชายแก่องค์รัชทายาทอีกด้วย
ไทเฮาได้ยินเช่นนี้ก็นิ่งอยู่ในภวังค์ไปครู่หนึ่ง สุดท้ายแล้วก็ขมวดคิ้วถามว่า “จะได้ผลอย่างนั้นหรือ? ฮองเฮาจะสนใจอย่างนั้นหรือ?” ตอนนี้ไทเฮาไม่สนใจแล้วว่าถาวจวินหลันจะใช้วิธีใด ขอเพียงสุดท้ายแล้วได้ผลก็พอ
ถาวจวินหลันพยักหน้า “น่าจะได้ผลเพคะ อย่างไรครั้งที่แล้วหลังจากองค์รัชทายาทถูกฮ่องเต้ทำโทษ และไปดูภาพนางกำนัลจมกองเลือดตรงหน้า พอกลับมาก็ป่วยหนัก ตอนนี้ไม่สามารถมีลูกได้อีกแล้วเพคะ”
คำพูดนี้ทำให้ไทเฮานิ่งอึ้ง ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงได้สติกลับมา “อะไรนะ? องค์รัชทายาทเขา”
“เพคะ“ ถาวจวินหลันพยักหน้าและไม่วิพากษ์วิจารณ์อีก อย่างไรองค์รัชทายาทก็เป็นลูกชายแท้ๆ ของฮ่องเต้ เป็นหลานแท้ๆ ของไทเฮา พบเจอเรื่องเช่นนี้ ไทเฮาจะต้องรู้สึกสงสารองค์รัชทายาทเป็นแน่ หากนางซ้ำเติมความทุกข์ของคนอื่นตอนนี้ ไทเฮาก็คงไม่พอใจอยู่ดี
แต่นางอยากจะพูดเสริมอีกว่า ทำชั่วก็ได้ชั่ว นางยังคิดอีกว่าเรื่องก็เป็นแบบนี้ ฮองเฮาจะดีใจหรือไม่ที่ตอนแรกตนเองให้อี๋เฟยคลอดอาอู่ออกมา?
หากตอนแรกไม่ยอม องค์รัชทายาทคงไม่มีคนสืบทอดแล้วจริงๆ
ถาวจวินหลันยังคิดว่าไทเฮาอาจจะให้นางล้มเลิกความคิดนี้ไป แต่คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วจะกำชับอีกว่า “ดูแลเด็กคนนั้นให้ดีก็แล้วกัน”
ถาวจวินหลันเข้าใจความหมายของไทเฮา นี่อยากให้นางเก็บบุตรชายคนเดียวขององค์รัชทายาทเอาไว้ ไม่ให้เขาสิ้นผู้สืบทอดอย่างสมบูรณ์
ถาวจวินหลันตอบรับอย่างจริงจังต่อเรื่องนี้ เพื่อปลอบประโลมจิตใจของไทเฮา สุดท้ายแล้วก่อนจะจากไปก็ยังปรึกษากับไทเฮาอีกเรื่อง “ตระกูลเฉินกำลังรอให้ซินหลันกลับไปนะเพคะ พระองค์ว่า…”
ไทเฮาตัดไม่ขาดเล็กน้อย แต่ก็รู้ดีว่ารั้งถาวซินหลันให้อยู่ต่ออีกก็ไม่ดี จึงพูดว่า “พรุ่งนี้ข้าจะให้คนส่งนางกลับบ้านตระกูลเฉินอย่างสมเกียรติ” นางทำให้อึกทึกเช่นนี้ ก็ด้วยเสริมหน้าตาของถาวซินหลัน
ตอนที่ออกมาจากวังหลวง ถาวจวินหลันก็เรียกพบหลิวเอินทันที
“ได้ส่งข่าวบอกท่านอ๋องแล้วหรือยัง?” ถาวจวินหลันรีบถามหลังจากพบหลิวเอินแล้ว ไม่ว่าองค์รัชทายาทและฮองเฮาจะวางแผนไว้อย่างไร ขอเพียงแค่ใจของหลี่เย่เตรียมตัวป้องกันให้ดี เขาก็ไม่มีทางตกหลุมกับดักง่ายดายแน่นอน
เรื่องนี้หลิวเอินย่อมไม่กล้าละเลย จึงรีบพยักหน้า “ถ่ายทอดไปแล้วขอรับ ข้าให้พวกเขาไปบอกท่านอ๋องเรื่องนี้ด้วยตนเอง”
“อืม เจ้าช่วยไปถ่ายทอดอีกครั้ง” ถาวจวินหลันสูดลมหายใจลึก พูดอย่างจริงจัง “ฮ่องเต้มีพระวรกายอ่อนแอ ขอให้เขากลับวังหลวงโดยเร็ว!” ของอย่างยาเม็ดยิ่งเห็นผลดีมากเท่าไรก็ยิ่งมีพิษแรงมากเท่านั้น นางไม่มั่นใจว่าจากสุขภาพของฮ่องเต้แล้วยังจะทนอยู่ได้อีกนานเพียงใด ดังนั้นหลี่เย่จะต้องรีบกลับมาวังหลวงให้เร็วที่สุด
อย่างไรหากฮ่องเต้คิดจะวางมือจริง เขาก็จะต้องแต่งตั้งฮ่องเต้คนใหม่แน่นอน หากตอนนี้หลี่เย่ไม่อยู่ในเมืองหลวง เกรงว่าเขาก็คงไม่มีโอกาสแล้ว
ตอนนั้นแม้ว่าฮ่องเต้จะแต่งตั้งหลี่เย่ขึ้นมาจริง แต่คนที่จ้องตาเป็นมันก็มีวิธีขวางไม่ให้หลี่เย่เข้าเมืองหลวงได้อีกตลอดกาลเช่นกัน!
หลิวเอินตกใจไปเพราะข่าวนี้ คิดว่าฮ่องเต้ประชวรหนักจนถึงระยะสุดท้ายแล้ว รีบพูดว่า “ทำไมข้างนอกถึงไม่มีข่าวคราวเลยเล่าขอรับ? ตอนนี้ให้ท่านอ๋องรีบกลับมายังทันอยู่หรือไม่ขอรับ?”