ตกดึก พอถาวจวินหลันเล่าเรื่องนี้ให้หลี่เย่ฟัง หลี่เย่เองก็ตกใจ “ฮองเฮาทำใจตัดได้ขนาดนี้เชียวหรือ?” นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก็ถามอีกว่า “เป็นแผนการหรือไม่?”
หลี่เย่พูดเช่นนี้ ทันใดนั้นถาวจวินหลันก็เริ่มกระวนกระวาย ขมวดคิ้วคิดอยู่พักหนึ่ง “เช่นนั้นควรทำอย่างไรดีเพคะ?”
“รอดูก่อนแล้วกัน” หลี่เย่เงียบไป ก่อนหัวเราะอีกครั้ง “แต่ถึงเป็นแผนการก็ช่าง ต้องดูว่านางจะตลบหลังสำเร็จหรือไม่”
ถาวจวินหลันพยักหน้า แต่ก็เริ่มระแวดระวังและตื่นตัวแล้ว ให้คนคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของฮองเฮาอย่างใกล้ชิดมากขึ้น
ผ่านไปอีกสองวัน ก็ได้รับข่าวดีอีกครั้ง ตามหาเหวินซิ่งพบแล้ว
ตอนที่เหวินซิ่งถูกนำตัวมา ถาวจวินหลันกำลังปรึกษาเรื่องพิธีแต่งตั้งในเทศกาลไหว้พระจันทร์พอดี อี้เฟยเลื่อนขั้นเป็นกุ้ยเฟย ส่วนกู้ซีกับอิงผินได้เลื่อนเป็นตำแหน่งเฟย นี่เป็นเรื่องใหญ่ และเป็นเรื่องสำคัญเรื่องแรกที่นางต้องจัดการ นางย่อมไม่อาจสะเพร่าได้แม้แต่น้อย
แต่พอเห็นเหวินซิ่งเข้ามาในห้อง ถาวจวินหลันก็หยุดปากและเดินออกไปรับทันที
เหวินซิ่งกลับไม่กล้าเงยหน้า เพียงแต่ทำความเคารพถูกต้องตามระเบียบ “บ่าวทำความเคารพระชายาองค์รัชทายาทเพคะ”
ถาวจวินหลันยิ้ม ประคองเหวินซิ่งลุกขึ้น “อย่ามากมารยาทไปเลย”
เห็นชัดว่าเหวินซิ่งแอบซาบซึ้งอยู่บางส่วน พอได้ยินคำนี้ก็เงยหน้ามองถาวจวินหลันอย่างหาญกล้าทีหนึ่ง รู้สึกว่าคนตรงหน้านี้ทั้งคุ้นเคยแต่ก็แปลกหน้า แววตายังเหมือนเดิม แต่ความเยาว์วัยเมื่อวันวานเปลี่ยนเป็นผู้ใหญ่ขึ้นแล้ว รวมถึงรัศมีอำนาจแผ่กว้าง ก่อนหน้านี้สองพี่น้องตระกูลถาวจะทำอะไรก็ล้วนแล้วแต่ไม่เหมือนกับพวกนาง ดูสูงส่งล้ำค่าอย่างไม่อาจบรรยายได้ ดูแล้วเหมือนออกมาจากตระกูลใหญ่ แม้สวมใส่เสื้อผ้าเหมือนกัน ทำงานแบบเดียวกัน แต่มองเพียงแวบเดียวก็จำแนกความต่างได้
ตอนนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เหวินซิ่งไม่ค่อยกล้ามองนานเท่าไร คิดว่ามองมากเกินไปจะเสียมารยาท
ดังนั้นเหวินซิ่งจึงก้มหน้าลงต่ำอีกครั้ง
ถาวจวินหลันอ่านความคิดของเหวินซิ่งออก จึงไม่ได้เขยิบเข้าไปใกล้อีก ยิ้มพลางเชิญให้เหวินซิ่งนั่งดื่มชากินของว่าง และถามว่า “หลายปีมานี้ เจ้าไปเข้าเวรทำงานที่ไหนหรือ?”
“บ่าวไปเข้าเวรอยู่ที่ห้องเครื่องเพคะ เรียนทำของว่างกับกูกูท่านนึ่ง” เหวินซิ่งตอบอย่างรอบคอบ
ถาวจวินหลันเห็นนางเป็นเช่นนั้นก็ลอบถอนหายใจ ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงถามอีกว่า “เช่นนั้นวางแผนไว้ว่าอย่างไร? อยากออกจากวังหรืออยู่ในวังต่อ?”
เหวินซิ่งครุ่นคิด ก่อนตอบว่า “ออกจากวังเพคะ” ออกจากวังไปทำของว่างขายก็ดูดีทีเดียว
ถาวจวินหลันพยักหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าจะส่งเจ้าไปให้ซินหลันก่อน นางจะช่วยจัดการเรื่องแทนเจ้าเอง” นับว่าตอบแทนที่เหวินซิ่งดูแลถาวซินหลันอย่างดี
พูดคุยกันอีกเล็กน้อย เหวินซิ่งก็พูดอึกอัก “ที่จริงแล้วหลี่ว์หลิ่วเคยฝากของอย่างหนึ่งไว้ที่บ่าวเพคะ”
ถาวจวินหลันนิ่งไป เอ่ยถามอย่างไม่ทันคิด “อะไรหรือ?”
“ชาดห่อหนึ่งเพคะ” เหวินซิ่งตอบเสียงเบา “หลี่ว์หลิ่วเคยใช้มาก่อน ตอนที่นางตั้งครรภ์ นางวานบ่าวมามอบให้ท่าน”
พูดมาถึงตรงนี้ นางยังไม่เข้าใจได้อย่างไร? ถาวจวินหลันพยักหน้า “ชาดห่อนั้นอยู่ที่ไหน?”
เหวินซิ่งค่อยๆ หยิบห่อกระดาษน้ำมันห่อหนึ่งออกมาจากอ้อมอก ก่อนเปิดออก ในนั้นมี**บชาดอันเล็กวางไว้ คิดว่าในนั้นคงเต็มไปด้วยชาด
“ตอนนี้ได้มอบให้พระชายาองค์รัชทายาท บ่าวก็วางใจแล้วเพคะ” เหวินซิ่งถอนใจโล่งอก พูดตามจริงแล้วถือของชิ้นนี้ไว้ นางเคยหวาดกลัวมาก กลัวว่าจะพาภัยร้ายถึงตายมาหาตนเอง
หงหลัวหยิบกล่องนั้นไปใส่ไว้ใน**บใบหนึ่ง ก่อนใส่กุญแจปิดอย่างดี แล้วเอามาวางไว้บนโต๊ะ ไม่กล้าให้ถาวจวินหลันสัมผัสแม้แต่น้อย
พอส่งเหวินซิ่งกลับไป ถาวจวินหลันก็ถอนหายใจ “หลี่ว์หลิ่วยังมีห่วง อยากให้ข้าแก้แค้นแทนนาง” นางยังจำคำพูดที่หลี่ว์หลิ่วบอกกับนางได้ ชาดนี้เป็นของพิเศษที่หลี่ว์หลิ่วต้องการโดยเฉพาะ หลังจากได้กลิ่นชาดของฉ่ายยวน คิดว่าการแท้งของนางคงเกี่ยวข้องกับสิ่งนี้
พอนึกถึงหลี่ว์หลิ่วกับฉ่ายยวน ถาวจวินหลันก็หวนนึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ สองคนนี้มีใจฮึกเหิม แต่คิดไม่ถึงว่าผลสุดท้ายจะจบลงเช่นนี้…กลับเป็นเหวินซิ่งที่ราบลื่นมาโดยตลอด
ส่วนตัวนางกับถาวซินหลัน บอกว่าเป็นโชคชะตาก็ไม่เกินไปนัก
หลี่ว์หลิ่วจะแท้งก็ดี จะตายก็ดี ก็เป็นเรื่องที่ฮองเฮาชักใยอยู่เบื้องหลัง นางรู้เรื่องนี้ดีแก่ใจ แม้แต่อันตรายที่นางต้องประสบพบเจอหลายครั้ง ก็เป็นฝีมือของฮองเฮาเช่นกัน
นางปล่อยบัญชีแค้นไปเช่นนี้ไม่ได้ แต่หากจะคิดบัญชีทั้งหมด คงต้องรออีกหน่อย
ถาวจวินหลันคำนวณในใจอย่างดี จนมีโครงสร้างแผนการใหญ่อยู่ในหัวถึงได้โยนเรื่องนี้ออกไปไม่พูดถึงอีก
ผ่านไปอีกหลายวัน ใต้เท้าเฉินก็สืบมาถึงตระกูลหวัง ตอนนั้นตระกูลหวังเป็นตระกูลแรกที่เสนอให้ลงโทษถาวจื้ออู้อย่างหนัก เวลาผ่านมาหลายปีทุกคนยังจำได้อย่างชัดเจน อีกทั้งตระกูลหวังยังมีความสัมพันธ์ซับซ้อนกับขุนนางตัดสินคดีหลักอีกด้วย
เรื่องมาจนถึงขั้นนี้ ความจริงก็ใกล้ถูกเปิดเผยแล้ว หลังจากถาวจวินหลันรู้เรื่องนี้ย่อมต้องตื่นเต้นอย่างไม่มีที่เปรียบ อารมณ์ดีไปหลายวัน
และหวังฮูหยินก็แอบมาที่วังตวนเปิ่นรอบหนึ่ง
หวังฮูหยินมาหลังทานข้าวกลางวัน ตอนนั้นแสงอาทิตย์ร้อนแรง คนส่วนใหญ่หลบอยู่ในห้องไม่ยอมออกมา ดังนั้นระหว่างทางจึงไม่พบนางกำนัลแม้แค่คนเดียว ไม่ต้องกังวลว่าคนอื่นจะเห็นเข้า
หวังฮูหยินหลบๆ ซ่อนๆ เช่นนี้ เห็นชัดว่าไม่อยากให้คนรู้ ส่วนไม่อยากให้ใครรู้นั้น ถาวจวินหลันเดาว่าเป็นฮองเฮา จึงเริ่มสนใจขึ้นมาเล็กน้อย หวังฮูหยินเห็นดีเห็นงามกับฮองเฮามาโดยตลอด ตอนนี้กลับลอบมาหานาง…บอกว่าเรื่องนี้ไม่มีเงื่อนงำคงไม่มีใครเชื่อ?
ถาวจวินหลันจงใจให้หวังฮูหยินรอครู่หนึ่ง พอหวังฮูหยินเริ่มกระวนกระวายนั่งไม่ติดที่ นางถึงได้เดินออกจากห้องมาอย่างเกียจคร้าน พูดว่า “ขอโทษอภัยจริงๆ ให้พี่สะใภ้รอนานเสียแล้ว เมื่อครู่นี้ข้าหลับไป จึงเสียเวลาไปบ้าง”
แม้หวังฮูหยินแอบกล่าวโทษในใจ แต่ก็ทำได้แค่ข่มไฟโกรธลงไปเท่านั้น “เป็นข้าที่มาเร็วไป”
ถาวจวินหลันนั่งลง จิบชาเรียกสมาธิ ความจริงแล้วตอนนี้นางควรจะต้องนอนกลางวันจริง หากไม่ใช่เพราะหวังฮูหยินมา นางคงนอนไปแล้ว
“พี่สะใภ้ใหญ่มาด้วยเรื่องอันใดหรือ” ด้วยรู้สึกอ่อนเพลียเล็กน้อย ถาวจวินหลันจึงไม่ได้พูดอ้อมค้อมวกวน ถามออกมาตรงประเด็น
หวังฮูหยินประกายความลังเลในดวงตา แต่ก็สงบลงโดยพลัน พูดเสียงเบาว่า “วันนี้ข้ามาด้วยมีบางเรื่องอยากพูดกับพระชายาองค์รัชทายาท”
ถาวจวินหลันเลิกคิ้ว “อย่างนั้นหรือ? พี่ะสะใภ้ใหญ่พูดมาเถิด”
“เรื่องเหล่านี้เป็นความลับ หากข้าบอกพระชายาองค์รัชทายาท ไม่รู้ว่าพระชายาองค์รัชทายาทจะให้ผลประโยชน์กับข้ามากเท่าไร?” หวังฮูหยินตึงเครียดเล็กน้อย กำผ้าเช็ดหน้าแน่น ฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อชื้น แต่ฝืนทำหน้าสงบนิ่ง
ถาวจวินหลันเข้าใจความหมายของหวังฮูหยิน อีกทั้งยังพูดไปตรงๆ “หวังฮูหยินอยากทำข้อแลกเปลี่ยนกับข้าอย่างนั้นหรือ? เช่นนี้ก็แล้วกัน หวังฮูหยินลองบอกข้ามาก่อน แท้จริงแล้วท่านอยากได้ประโยชน์อะไรกันแน่?”
หวังฮูหยินมองท่าทีแย้มยิ้มของถาวจวินหลัน สูดลมหายใจลึกพูดช้าๆ ว่า “ข้ายังไม่วางใจเรื่องลูกสาวทั้งสองคน”
ถาวจวินหลันหลุบตาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดว่า “แม้พวกนางมีร่างกายอ่อนแอ แต่พวกเราก็ไม่ขาดหมอขาดยามิใช่หรือ? บำรุงรักษาให้ดีก็พอแล้ว พวกนางเป็นลูกสาวชายาเอกขององค์รัชทายาทฮุ่ยเต๋อ ใครจะกล้าละเลยพวกนาง รอจนได้รับการแต่งตั้งเป็นท่านหญิงก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ส่วนเรื่องคัดเลือกคู่ครอง ถึงเวลานั้นพี่สะใภ้ใหญ่ก็คัดเลือกด้วยตนเองได้ พอใจอย่างไรก็เลือกอย่างนั้น ไม่เห็นต้องเป็นกังวล”
หวังฮูหยินพลันรู้สึกขมขื่น พูดเช่นนี้ก็จริง แต่เป็นท่านหญิงแล้วอย่าไร? ท่านหญิงที่ไม่ได้รับความเอ็นดูเทียบกับหญิงสาวตระกูลใหญ่ไม่ได้ด้วยซ้ำ ถึงเวลาออกเรือนไปก็ไม่มีใครถือหาง เช่นนี้ก็ไม่ยุติธรรมเหมือนกันมิใช่หรือ? อีกทั้งหากเกิดเรื่องกับตระกูลหวัง นางถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องอีกครั้ง ต่อจากนี้ใช้แค่ชื่อขององค์รัชทายาทฮุ่ยเต๋อจะพอกินได้อย่างไร?
ถาวจวินหลันยิ้มมองหวังฮูหยิน “พี่สะใภ้ใหญ่ยังมีอะไรไม่วางใจอีกหรือ?”
“ข้ารู้ความลับบางอย่าง” หวังฮูหยินพูดเสียงเบา ก้มหน้าก้มตาพูด “ข้ายอมบอกพระชายาองค์รัชทายาท ขอแค่พระชายาองค์รัชทายาทดูแลพวกเราแม่ม่ายเด็กกำพร้าพ่ออย่างดี…”
นางพูดถูก หลังจากนี้ถาวจวินหลันเป็นฮองเฮา แม้ว่าท่านหญิงเลือกคู่ครองเองได้ แต่เพื่อความสุขของบุตรสาว นางไปยั่วโมโหถาวจวินหลันไม่ได้
หวังฮูหยินเป็นคนหยิ่งยโสโอหังมาโดยตลอด และรังเกียจถาวจวินหลันมานาน แต่เรื่องตอนนี้นางยังทำอะไรได้อีก?
ถาวจวินหลันเข้าใจความหมายของหวังฮูหยิน เพียงต้องการวางแผนเผื่อวันข้างหน้าเท่านั้น อย่างไรองค์รัชทายาทฮุ่ยเต๋อก็สิ้นพระชนม์ไปแล้ว ตระกูลหวังก็ดูจะสูญสิ้นอำนาจ หากฮูหยินไม่วางแผนเอาไว้ก่อน ชีวิตหลังจากนี้คงต้องลำบากอย่างแน่นอน อาอู่ยังดี เพราะอย่างไรก็เป็นเด็กชาย ต้องมียศฐาบรรดาศักดิ์ ต่อให้ไม่ได้ตามที่หวัง แต่ก็ไม่ต่ำต้อยเกินไป แต่ลูกสาวทั้งสองคนของนางไม่เหมือนกัน หญิงสาวไม่ได้รับความสำคัญเท่าผู้ชาย อีกทั้งลูกสาวทั้งสองคนของนางยังมีร่างกายอ่อนแอ…ต่อให้ทำเพื่อยาสมุนไพรล้ำค่าราคาแพงที่บรรดาลูกสาวต้องกินในอนาคต นางก็ต้องก้มหัวอยู่ดี
“ฮองเฮาคิดจะใช้นายทหารแสนนายมาตลบหลังองค์รัชทายาท” หวังฮูหยินตัดสินใจ รีบพูดความลับออกมา
ถาวจวินหลันตกใจในทันใด แต่ก็นึกสงสัยเช่นเดียวกัน หวังฮูหยินดูเหมือนมาฟ้องเรื่องฮองเฮา แต่ใครจะรู้ว่าไม่ได้มาหลอกนางเล่า? แม่สามีลูกสะใภ้อย่างพวกนาง บางทีอาจจะทำเพื่อหลอกให้นางหลงกลก็เป็นได้
เห็นถาวจวินหลันไม่เอ่ยพูด หวังฮูหยินก็นิ่งอึ้งไป ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ขมวดคิ้ว “พระชายาองค์รัชทายาทไม่เชื่อหรือ?” ขณะที่พูดหวังฮูหยินก็กระวนกระวาย และเป็นกังวลมากกว่า หากถาวจวินหลันไม่เชื่อ ไพ่ดีของนางไม่เพียงแค่ขายไม่ออก อาจจะเกิดผลลัพธ์ในทางกลับกัน
“นี่เป็นเรื่องจริง” หวังฮูหยินกัดฟัน “ฮองเฮาคิดจะเอ่ยเตือนฮ่องเต้ ให้หันมาเล่นงานองค์รัชทายาท จากนั้นก็จะยืมมือของอู่อ๋องเอานายทหารแสนนายมาถือไว้ในมือต่อไป นั่นเป็นแค่เหยื่อล่อเท่านั้น ไม่ว่าองค์รัชทายาทจะติดกับหรือไม่ สุดท้ายก็มีผลเหมือนกันเพคะ”
นับว่าอู่อ๋องได้เปรียบแล้ว อู่อ๋องกับฮองเฮามีความสัมพันธ์ซับซ้อนกัน ก็เพียงแค่เปลี่ยนนายทหารแสนนายจากมือซ้ายไปมือขวาเท่านั้น…