อ๋องอานก็หงุดหงิดแล้ว กองทัพใหญ่ตามนางไปมาหกเจ็ดครั้งเหมือนคนโง่ ยังคงวนเวียนอยู่ที่นี่ จึงพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องเดินต่อแล้ว ยังไงก็เดินออกไปไม่ได้ ส่งคนไปตามหาทางออกต่อดีกว่า ตอนนี้ทุกคนออกมาเดินด้วยกัน ล้วนเหน็ดเหนื่อยแย่แล้ว”
หยู่เหวินเห้ากับอ๋องเว่ยกลับมองเห็นถึงความแตกต่าง อ๋องเว่ยยื่นมือ มองดูหลุมครั้งนี้ ไม่เห็นก้อนหินก้อนเล็กที่นางโยนก่อนหน้านี้ เขาพูดขึ้นว่า “ไม่ พวกเราไม่ได้เดินวน หกหลุมที่พวกเราเดินผ่าน ทุกหลวมดูแล้วคล้ายกัน แต่ความจริงแล้วไม่ใช่”
อ๋องอานมองดูหลุมนี้กลับเนินเขาตรงข้าม พร้อมพูดขึ้นอย่างสงสัยว่า “นี่ไม่เหมือนกันตรงไหน? ดูยังไงก็เหมือนกัน”
“ไม่เหมือน ไม่มีก้อนหินที่นางโยนก่อนหน้านี้”
อ๋องอานเห็นนางโยนก้อนหิน แต่เขามองเพียงแวบเดียว จึงพูดขึ้นว่า “ภายในหลุมเต็มไปด้วยหิน กองไว้ด้วยกันจนดูไม่ออก ใครสามารถพูดได้ว่าที่นางโยนลงไปไม่อยู่ข้างใน?”
หยู่เหวินเห้าส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “หินที่นางโยนลงไปล้วนโยนตรงด้านข้างตะใคร่น้ำข้างหลุม ในหลุมนี้ไม่มี เจ้าดูดีๆ”
อ๋องอานกระโดดลงไปดูหินในหลุม แล้วชั้นที่อยู่บนพื้นผิวนั่น ล้วนไม่มีตะไคร่น้ำ จึงพูดขึ้นว่า “งั้นก็เดินต่อไปข้างหน้าเถอะ”
อะโฉ่วคนนั้นก็ไม่พูดอะไร เดินตามอยู่ด้านหลังท่านชายหงเย่อย่างว่าง่าย เดินตามขบวนใหญ่มุ่งหน้าเดินต่อไป
แล้วเช่นนี้ เดินผ่านอีกหกหลุม ผ่านเนินเขาเล็กสุดท้าย ก็มองเห็นว่าแตกต่างไปจากเดิม เนินเขาเล็กนี้สูงกว่าเดิมนิดหน่อย มีตอห้าเสากระจัดกระจาย มีสี่เสาหันหน้าเข้าหากันเหมือนอักษรแปด มีหนึ่งเสาอยู่ตรงกลาง หากไม่มองตรงกลาง ก็เหมือนกับเป็นประตูบานหนึ่ง
เดินขึ้นเนินเขาเล็ก กลับมองไม่เห็นว่าด้านนอกคือสถานที่อะไร เหมือนเป็นความว่างเปล่า
แม่นมฉินวิ่งไปข้างหน้า พร้อมพูดขึ้นอย่างดีใจว่า “นี่คือทางออก ด้านนอกก็คือแดนวงแหวนพิภพ”
ทุกคนได้ยินเช่นนี้ ต่างก็ดีใจอย่างมาก อ๋องเว่ยพาขบวนใหญ่ออกไปก่อน เมื่อออกมาจากต้นไม้หลายต้นนี้ ความรู้สึกที่เห็นว่าด้านนอกว่างเปล่า หายไปในทันใด เมฆค่อยๆจางลง เป็นดอกไม้หลากสีสันทั่วภูเขา ดอกไม้สดใสทุกชนิดปลิวไปตามสายลมอยู่ตรงหน้า ดอกไม้พวกนี้บานอย่างประหลาด กลีบทับซ้อนกัน เหมือนดั่งน้ำวน
ในใจอ๋องเว่ยรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที นี่ก็คือแดนวงแหวนพิภพที่แม่นมฉินพูดถึง ความสดใสที่พูดถึงพวกนี้ น่าจะเป็นวัชพืชมีพิษที่นางพูดถึง เขาไม่เคยเห็นดอกไม้ชนิดนี้มาก่อน
พวกทหารต่างตื่นเต้นมาก ถือเป็นการรอดตายอย่างหวุดหวิด
อ๋องเว่ยหันกลับมาพูดกับหยวนชิงหลิงว่า “โชคดีที่มีเจ้า แต่เจ้ารู้ทางออกได้อย่างไร?”
หยวนชิงหลิงเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก พร้อมยิ้มพูดขึ้นว่า “คำนวณไม่ยาก วิธีคำนวณค่ายกลพวกนี้ ข้าพอรู้อยู่บ้างพอดี”
“วิธีคำนวณแบบไหน?” อ๋องอานก็ถามขึ้น เขาไปสำรวจดูหลายครั้งแล้ว ก็ยังหาทางเดินออกมาไม่ได้ แค่คำนวณก็สามารถออกมาได้? เขาไม่อยากจะเชื่อ จึงถามหยวนชิงหลิงอธิบายให้ชัดเจน
หยวนชิงหลิงเห็นถึงความตั้งใจที่จะรู้ให้ได้ของเขา จึงพูดขึ้นว่า “ค่ายกลส่วนใหญ่วิวัฒนาการมาจากตำราหกสิบสี่เหลี่ยม เราต้องการออกไป ดังนั้นจึงหาทางออกตรงเส้นขาดตรงกลาง การคำนวณเลขฐานสองนั้นง่ายมาก แต่สัญลักษณ์นี้จะมีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นตอนที่คำนวณจึงค่อนข้างซับซ้อน แต่ดีที่มีตัวอย่างให้ศึกษา เส้นทางที่พวกเจ้าเคยเดินผ่านสุดท้ายแล้วล้วนกลับมาที่เดิม นั่นก็คือไปๆมาๆแล้วก็อยู่ที่เดิม ทิศตะวันตกคือแปดขีด ดังนั้นตรงเส้นขาดตรงกลางก็คือทิศตะวันตก จำนวนบวกของทิศตะวันตกคือหกส่วนหก แสดงว่าเป็นเขาวงกตที่เชื่อมต่อกัน ผิวเผินเขาวงกตไม่มีทางออก แต่ความจริงมีทางออกแอบซ่อนไว้ ทางออกก็คือข้างหกสองตัวนี้ หนึ่งหลุมเท่ากับประตูหนึ่งบาน ทั้งหมดมีสิบสองหลุม อักษรแปดสุดท้ายเป็นทางออกที่สามารถออกมาได้ ข้าพูดเช่นนี้ค่อนข้างง่าย พร้อมพูดขึ้นว่า “เข้าใจ….เข้าใจแล้ว”
คนที่ฟังอยู่ด้านข้างต่างมองดูเขา ยังไงอ๋องอานก็มีประสบการณ์และความรู้ที่กว้างขวาง สิ่งที่พระชายารัชทายาท ไม่มีใครเข้าใจสักประโยค เขากลับเข้าใจทั้งหมด
พักกันสักครู่ แม่นมฉินพาคนไปตามหาแหล่งน้ำ วงแหวนพิภพในตอนนี้เป็นวงแหวนพิภพที่นางคุ้นเคย
หยู่เหวินเห้ากับจิ้งถิง ตลอดจนอ๋องอานอ๋องเว่ย กำลังปรึกษากันถึงเรื่องหยู่เหวิยเทียน ตอนนี้นอกจากจะต้องช่วยจวิ้นจู่จิ้งเหอแล้ว ยังต้องช่วยหยู่เหวิยเทียนกับหมันเอ๋อ ดังนั้นจึงคิดวางแผนการขึ้นมา
หลังจากดื่มน้ำแล้ว หยวนชิงหลิงฆ่าเชื้อเปลี่ยนยาให้กับผู้ได้รับบาดเจ็บ ภายใต้การนำทางของแม่นมฉิน ตัดต้นไม้แล้วนำมาทำเป็นเปลให้เขา หามเขาไปแบบนี้ง่ายกว่าอย่างมาก
ภายในแดนหลงหาย ไม่มีใครตายสักคน ท่านชายหงเย่ทึ่งอย่างมาก ดังนั้น หลังจากเดินทางต่อ เขามาถึงด้านข้างหยวนชิงหลิงพร้อมถามขึ้นว่า “เกรงว่าเจ้าเป็นคนแรกที่สามารถออกมาจากแดนหลงหายได้ ยังพาคนออกมาได้มากมายขนาดนี้ หมอผีของเจียงเป่ย คงอยากที่จะให้เจ้าตายเป็นที่สุด”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “ต้องการหาทางออกไม่ยาก แต่คนที่เข้าไปส่วนใหญ่ถูกความสิ้นหวังครอบงำ คิดว่าจะต้องตายอย่างแน่นอน ไม่มีความหวังที่จะมีชีวิตรอด ดังนั้นจึงตายอยู่ในนั้นจริงๆ”
สายตาของท่านชายหงเย่ ไม่มีความคับข้องใจเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าเก่งมากจริงๆ ลิงพูดถูก เจ้าอัจฉริยะ เสียดายเจ้าไม่ทำประโยชน์ให้โลก”
หยวนชิงหลิงรู้ว่าเขาอยากพูดอะไร จึงยิ้มพร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ทำให้โลกเกิดความโกลาหล ก็ถือเป็นการทำประโยชน์ให้โลกแล้ว”
นางเงียบไปสักพัก แล้วพูดขึ้นว่า “ท่านชายก็เป็นคนที่มีพรสวรรค์อย่างน่าทึ่ง ฝีมือของเจ้าถึงตอนนี้ไม่มีใครเทียบได้ หากเป็นศัตรูของเจ้าจริงๆ คนเดียวสามารถรับมือกับทหารหมื่นพันคนได้ แค่ในตอนที่คุยกัน ก็มำลายแคว้นซู่ได้ ถือเป็นอัจฉริยะเหมือนกัน แต่ข้าคิดว่าหากท่านชายเก็บความสามารถของตนเองไว้ ก็ถือเป็นการทำคุณประโยชน์ให้โลกเหมือนกัน”
ท่านชายหงเย่ยิ้มแย้มอย่างอ่อนโยน แล้วก็ไม่พูดอะไร
ขบวนใหญ่เดินต่อไปข้างหน้า วงแหวนพิภพก็อันตรายอย่างมาก แต่ครั้งนี้มีท่านชายหงเย่กับแม่นมฉินนำทางด้วยกัน น่ากลัวแต่ไม่มีอันตราย มาถึงวงแหวนสวรรค์อย่างปลอดภัย
เข้าไปในวงแหวนสวรรค์แล้ว ในอากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นกำมะถัน นอกจากกลิ่นกำมะถันแล้ว ยังมีกลิ่นเน่าเปื่อยอย่างหนึ่งที่ยากจะบรรยาย เหมือนดั่งกลิ่นเนื้อเน่า สูดดมเข้าจมูกจนทำให้คนคลื่นไส้
พบศพได้ทุกที่บนภูเขาลูกนี้ นอกจากซากศพมนุษย์และสัตว์เน่าเปื่อยถูกทิ้งอยู่ในภูเขา แถมที่นี่ยังเป็นป่าทึบ กองใบไม้เน่าเปื่อยเหม็นเปรี้ยว ยิ่งไม่ระบายอากาศ ก่อตัวกลายเป็นกลิ่นอับอยู่ที่นี่ สักพักก็มีคนเวียนหัวแล้ว
ตอนนี้ทำได้เพียงเร่งความเร็วไปข้างหน้าต่อ และพยายามหลีกเลี่ยงป่าทึบ พยายามไปในที่ที่มีแสงแดดส่องถึง แต่สถานที่พวกนั้นกลับก็อันตรายอย่างมาก สองข้างทางสามารถมองเห็นแมลงมีพิษ งูพิษ สัตว์มีพิษได้ตลอดเวลา หากไม่ทันระวัง ก็จะเหยียบถูกงูพิษ หรือถูกแมลงมีพิษคลานเข้าร่างกาย ท่านชายหงเย่ให้ทุกคนจุดไฟขับไล่ โดยเฉพาะเมื่อเจอกับสัตว์มีพิษ ห้ามวิ่ง หากวิ่งก็จะนำมาซึ่งความตกใจ
แม่นมฉินก็พูดเดือนอีกครั้ง ห้ามแตะต้องต้นไม้หลากสีเป็นอันขาด
ผ่านประสบการณ์ที่เกือบเอาชีวิตไปทิ้งในแดนหลงหาย ทุกคนจึงระมัดระวังอย่างมาก เดินมากว่าครึ่งวัน ถึงแม้จะยังไม่ได้ออกมาจากวงแหวนสวรรค์ แต่ก็เดินมากว่าครึ่งทางแล้ว
ไม่สามารถที่จะนั่งพักในวงแหวนสวรรค์ได้ เพราะกลิ่นเหม็นเน่าของที่นี่รุนแรงอย่างมาก หากเกิดมีอาการประสาทหลอน กองกำลังทหารก็จะเกิดความโกลาหล