เกี่ยวกับที่ฉู่หมิงหยางพูดโกหกฮูหยินรองกู้พวกนั้น ยังหยู่เหวินเห้าก็ไม่พอใจอย่างมาก ในขณะเดียวกันนี้ถือเป็นการทำลายชื่อเสียงของเจ้าหยวนกับเหลิ่งจิ้งเหยียน ถึงแม้ตอนนี้จะไม่ได้พูดร่ำลือออกไป แต่รับประกันไม่ได้ว่าต่อไปจะไม่มีการพูดออกไป
โดยเฉพาะ เมื่อตระกูลเหลิ่งไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานในครั้งนี้ ด้วยอุปนิสัยของฮูหยินรองกู้กับกู้คางมั่น จะต้องป่าวประกาศเรื่องนี้ออกไปอย่างครึกโครมแน่
ดังนั้น หยู่เหวินเห้าให้กู้ซือกลับไปจัดการ ชี้แจงเรื่องนี้ให้ชัดเจน ดีที่สุดคือให้สร้างสถานการณ์ของฉู่หมิงหยาง ทำให้เรื่องกลายเป็นยิ่งเร็วร้าย แล้วค่อยดูว่าเป้าหมายสุดท้ายของคนพวกนี้คืออะไร
กู้ซือไม่ถนัดจัดการเรื่องพวกนี้ จึงยกให้หยวนชิงผิงเป็นคนจัดการ
หยวนชิงผิงจัดการเรื่องแบบนี้ เรียกได้ว่ารู้ทางหนีทีไล่ชำนาญเป็นอย่างดี วันหนึ่งเมื่อได้พูดคุยเล่นกับฮูหยินรองกู้กับกู้คางมั่น ก็พูดขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจว่า “ใช่ ป้ารอง มีเรื่องหนึ่งต้องบอกกับเจ้า ให้เจ้าระมัดระวังไว้”
ฮูหยินรองกู้ถามขึ้นว่า “เรื่องอะไร?”
มือทั้งคู่ของหยวนชิงผิงลูบหน้าท้อง พร้อมค่อยๆพูดขึ้นว่า “สองวันก่อนได้คุยกับพระชายาอ๋องฉี ได้ยินนางพูดว่าตอนนี้ กรมการพระนครกำลังสืบคดีหลอกลวง มีคนอ้างตนเองว่าเป็นพ่อค้าเศรษฐีเจียงหนาน มาก่อเรื่องโกงในเมืองหลวง โดยอ้างผลประกอบการทางการค้าขายเป็นเหตุผล ยืมเงินของคนหลายคนมากมาย เริ่มแรกจะมีผลกำไรให้ แต่เมื่อนานเข้า คนพวกนั้นก็หนีไปแล้ว แม้แต่เงินต้นก็ไม่ได้กลับคืนมา เสียเงินไปฟรี พระชายาอ๋องฉีให้ข้าคอยระวังอะไรบ้าง อย่าได้ทุกคนพวกนี้หลอกเอา ป้ารองท่านระวังไว้บ้าง มีฮูหยินที่สนิท ก็บอกเตือนกันบ้าง อย่าถูกหลอกเอา”
ฮูหยินรองกู้กับกู้คางมั่นได้ยินเช่นนี้ สีหน้าขาวซีดลงทันที แล้วก็มองสบตากันแวบหนึ่ง
ฮูหยินรองกู้มองดูหยวนชิงผิง พร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเปลี่ยนไปว่า “พ่อค้าเศรษฐีเจียงหนาน?”
“ใช่ ยังไงก็คอยระวังไว้ดีที่สุด เวลานี้จะเก็บออมเงินถือว่าไม่ง่ายเลย”
“คนพวกนั้น จับได้แล้วหรือยัง?” ฮูหยินรองกู้ถามขึ้น
หยวนชิงผิงส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “อันนี้ก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้ก็มีคนไปแจ้งความอยู่อย่างต่อเนื่อง บอกว่าเงินที่ตนเองให้ยืมไปนั้นไม่ได้กลับคืนมา มีมากสุดถึงหลายแสนตำลึงเลยนะ”
นางวางถ้วยชาลง มองดูสีหน้าฮูหยินรองตื่นตกใจอย่างมาก จึงถามขึ้นอย่างตะลึงว่า “ป้ารอง ท่านคงไม่ได้ให้ยืมเงินไปแล้วใช่ไหม?”
“ไม่…ไม่มี” ฮูหยินรองกู้รีบส่ายหัวโบกมือ นั่งอยู่อย่างกระสับกระส่าย ฉีกยิ้มพร้อมพูดขึ้นว่า “ข้ามีเงินให้ยืมเสียที่ไหน? ค่าใช้จ่ายสองปีมานี้ยังไม่ค่อยพอเลย หลายปีก่อนที่เก็บเงินไว้บ้าง แต่ก็นั่นก็เก็บไว้ให้เป็นค่าสินสอดของน้องห้าของเจ้า จะให้ยืมไปได้อย่างไร?”
หยวนชิงผิงพูดขึ้นว่า “งั้นก็ดี ท่านมีคนที่สนิทก็บอกเตือนบ้าง ยังมี ข้าเห็นช่วงนี้พระชายาองค์ชายใหญ่ไปมาอยู่บ่อยครั้ง ในมือของนางน่าจะมีเงินอยู่บ้าง ท่านก็พูดเตือนนางบ้าง อย่าเอาเงินให้คนอื่นยืม”
ฮูหยินรองกู้จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พูดขึ้นอย่างขอไปทีว่า “ได้”
หยวนชิงผิงพูดขึ้นว่า “พูดถึงพระชายาองค์ชายใหญ่ มีประโยคหนึ่ง ป้ารอง ท่านควรที่จะพูดโน้มน้าวนางถึงจะถูก ยังไงนางก็เป็นหลานสาวลูกพี่ลูกน้องของท่าน พระชายาอ๋องฉีบอกว่าช่วงนี้มีฮูหยินหลายคนมาบอกกับนางว่า พระชายาองค์ชายใหญ่พูดจาใส่ร้ายพี่สาวของข้า ที่จริงพี่สาวของข้าก็ไม่เคยมีเรื่องกับนาง เป็นเพราะนางเองที่หลงรักพี่เขยของข้าแล้วไม่สมหวัง จึงเกิดความแค้น พี่เขยของข้าไม่ชอบนาง นางก็เลยเกลียดที่สาวของข้า ช่วงนี้ผู้คนด้านนอกต่างพูดกันว่า พี่สาวของข้ามีอะไรกับองค์ชายใหญ่ มีอะไรกับกู้ซือ ยังพูดอย่างมั่นใจว่าโสวฝู่ฉู่เป็นคนบอกนาง ถึงแม้ทุกคนจะไม่เชื่อคำพูดของนาง แต่คำพูดพวกนี้เมื่อมีคนพูดมากขึ้น หากรู้ไปถึงหูของพี่เขยของข้า พี่เขยของข้าจะต้องโกรธโมโหอย่างที่สุด ถึงตอนนั้นพี่เขยของข้าจะทำอะไรกับนาง นั่นก็ไม่สามารถรู้ได้แล้ว”
เดิมกู้คางมั่นก็ไม่เชื่ออยู่แล้วว่า เหลิ่งจิ้งเหยียนกับหยวนชิงหลิงมีอะไรกัน ตอนนี้ได้ยินหยวนชิงผิงพูดเช่นนี้ ก็ลุกขึ้นในทันทีพร้อมพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “เสียแรงที่ข้าดีกับนางขนาดนี้ นางกลับพูดจาใส่ร้ายไปเรื่อย? มีอย่างที่ไหน”
“มั่นเอ๋อร์” ฮูหยินรองกู้พูดขึ้นด้วยสีหน้าเยือกเย็น พูดเตือนไม่ให้นางพูดจาไปเรื่อยๆ
หยวนชิงผิงอึ้งไปสักพัก พร้อมถามขึ้นว่า “คุณหนูห้า หมายความว่าอย่างไร?”
กู้คางมั่นเก็บอาการ แต่สายตายังคงโกรธไม่ลดลง พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่มีอะไร ข้าเพียงแค่คิดว่า นางทำเช่นนี้เกินเหตุไปแล้ว”
“เกินเหตุไปจริงๆ ที่ผ่านมาพี่สาวของข้าก็ไม่เคยทำอะไรนาง นางเกลียดชังเพราะรัก ช่างเถอะ ไม่พูดถึงคนพวกนี้ ข้าก็ต้องกลับไปดูแลลูกสาวแล้ว ตอนนี้คงใกล้จะตื่นนอนแล้ว” หยวนชิงผิงได้บรรลุวัตถุประสงค์แล้ว จึงไม่ถามอะไรต่ออีก ลุกขึ้นแล้วก็เดินจากไป
หยวนชิงผิงเพิ่งออกจากประตูไป กู้คางมั่นก็พูดขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านแม่ นางทำเกินไปแล้ว ทำไมถึงได้พูดใส่ร้ายใต้เท้าเหลิ่งเช่นนี้? ข้าจะต้องไปถามนางให้ชัดเจน”
ฮูหยินรองกู้ค่อยลุกขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ต้องไปหานาง แต่เรื่องใต้เท้าเหลิ่งไม่รีบ ที่สำคัญคือต้องเอาเงินกลับมาให้เร็วที่สุด ครั้งที่แล้วขาดส่งดอกเบี้ย ข้าก็คิดอยู่แล้วว่าผิดปกติ หากเป็นพ่อค้าจริง ทำไมถึงไม่มีความน่าเชื่อถือ? นี่ไม่เป็นการทำลายอนาคตของตนเองหรือ?”
“งั้นรีบส่งคนไปตามหลังมา” กู้คางมั่นก็ร้อนใจ เงินพวกนั้นล้วนเป็นสินสอดแต่งงานของนาง บ้านสามีในอนาคตจะให้ความสำคัญนางหรือไม่ ล้วนอาศัยสินสอดว่ามีเท่าไหร่
ฮูหยินรองกู้ก็นับว่าเป็นคนที่ฉลาด พูดเตือนลูกสาวว่า “หากนางมาแล้ว เจ้าห้ามพูดสร้างความลำบากใจ ตอนนี้เงินยังอยู่ในมือของนาง ต้องพูดคุยปรึกษากับนางดีๆ ให้นางเอาเงินกลับมา ต่อไปก็ไม่ต้องไปมาหาสู่กันในฐานะญาติอีก”
“ข้ารู้ ท่านแม่” กู้คางมั่นโกรธจนตาร้อนผ่าว ปกตินางเป็นคนหยิ่งยโส แต่ตอนนี้กลับต้องเห็นแก่เงิน แสดงความนอบน้อมต่อนาง ภายในใจยิ่งโกรธเคือง
ฮูหยินรองกู้สั่งคนไปเชิญฉู่หมิงหยาง บอกว่าได้หยกมาหนึ่งชิ้น เชิญนางมาร่วมชื่นชม
นางรู้ว่าหากไปเชิญฉู่หมิงหยางอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย นางจะต้องเกิดความสงสัย ถึงตอนนั้นหากไม่มาจะไม่ดี ดังนั้นจึงตั้งใจหาข้ออ้าง ฉู่หมิงหยางชื่นชอบหยก เครื่องประดับเงินโบราณอย่างมาก พูดเช่นนี้ยังไงนางก็ต้องมา
และแล้วเมื่อถึงช่วงบ่าย ฉู่หมิงหยางก็มาแล้ว
นางสวมเสื้อคลุมสีเงิน ขนสุนัขจิ้งจอกตรงคอเสื้อค่อนข้างเหลืองบ้างแล้ว เสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกตัวนี้แพงมาก เป็นเสื้อผ้าที่เก่าแล้ว ตอนนี้นางไม่มีปัญญาซื้อตัวใหม่
หงส์ตกอับ กลับยังถือตัวอยู่
ฉู่หมิงหยางมาถึง คุยกันอยู่สักพัก ฮูหยินรองก็เอาหยกชิ้นหนึ่งออกมาให้ฉู่หมิงหยางดูจริงๆ ฉู่หมิงหยางเห็นแล้วก็ชอบมาก แต่เกลียดที่ตนเองเอามาครอบครองไม่ได้ ชื่นชมอยู่สักพักแล้วก็พูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “สีสวยมาก แต่หยกมันแพะที่ข้าได้มาก่อนหน้านี้ นั่นถึงจะเป็นสิ่งของล้ำค่าจริงๆ แน่นอน มูลค่าหยกกับหยกมันแพะ ไม่สามารถเทียบกันได้ ของท่านป้านี้ก็ถือเป็นสิ่งของที่ดีเหมือนกัน”
ฮูหยินรองกู้หัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “สายตาของเจ้าดีมาตลอด ในเมื่อเจ้าก็พูดว่าดี งั้นข้าจะให้คนตีเป็นจี้หยกให้น้องสาวเจ้า หยกก้อนนี้โตพอสมควร ยังสามารถทำเป็นกำไรข้อมือได้หนึ่งอัน เก็บไว้เป็นสินสอดงานแต่งของนาง”
“สินสอด?” หางฉู่หมิงหยางกระตุก พร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไม? เรื่องงานแต่งตกลงกันได้แล้วหรือ?”
ฮูหยินรองพูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจว่า “เบื้องต้นถือว่าคุยเรียบร้อยแล้ว ทางด้านตระกูลเหลิ่งก็มีความตั้งใจเช่นนี้เหมือนกัน ดังนั้น รอหลังจากกำหนดเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว ก็ต้องเตรียมเรื่องงานแต่งงาน หยางเอ๋อ เงินพวกนั้นเจ้าต้องขอกลับมาให้ข้า น่าเสียดายจริงๆ ไม่ได้ผลกำไรแล้ว”
ฉู่หมิงหยางมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “ทางด้านตระกูลเหลิ่ง เจ้าไม่ครุ่นคิดอีกแล้วจริงๆหรือ? เรื่องใหญ่ในชีวิตของน้องสาว สะเพร่าไม่ได้นะ”
บัลลังก์หมอยาเซียน – ตอนที่ 1054 ชี้แจงให้ชัดเจน
Posted by ? Views, Released on January 7, 2022
, บัลลังก์หมอยากเซียน
ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: "เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง"หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: "ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น"อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: "เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่" หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: "ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ"
Recommended Series
Comment
Facebook Comment