หยวนชิงหลิงมองดูนางอย่างงงงัน ร้ายแรงถึงเพียงนี้ที่ไหนกัน?
แต่แล้วในใจก็ตื้นตันเป็นอย่างมากทันที ฮู่เฟยเอาเสด็จพ่อไว้เป็นอันดับแรกในหัวใจอย่างแท้จริง ขณะที่เป็นสาวน้อยได้ตกหลุมรักคนเช่นนี้ผู้หนึ่ง ก็ต้องรักไปตลอดชีวิต อยู่และตายเคียงข้างกัน
“ดังนั้น มีคําพูดที่ข้าจะบอกกับท่านไว้ก่อน หากมีวันนั้นจริงๆ ท่านจำเป็นต้องช่วยข้าดูแลเจ้าสิบ ดูแลเขา ไม่ขอให้เขาเป็นคนที่มีความสามารถหวังเพียงแค่ให้เขาอยู่อย่างสงบสุขไปตลอดชีวิต” ฮู่เฟยปาดน้ำตา ดวงตายังคงแดงทั้งหมด เศร้าโศกเสียใจมาก
หยวนชิงหลิงรีบกล่าว: “อย่าเพิ่งพูดเช่นนี้เลยเพคะ เสด็จพ่อสุขภาพดีมาก ครั้งนี้เป็นเพราะเรื่องขององค์ชายใหญ่ จึงทำให้เขาป่วย บวกกับในปีที่ผ่านมานี้ก็ทำงานหนักอย่างเหน็ดเหนื่อย เขาฉวยโอกาสขี้เกียจน่ะเพคะ ไม่ได้ถึงขั้นนั้นนะเพคะ ท่านอย่าได้คิดเรื่อยเปื่อยเด็ดขาด”
“จริงหรือ?” ฮู่เฟยมองดูนางแบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“ไม่มีคำพูดปลดแม้แต่น้อยเพคะ”
เช่นนี้ฮู่เฟยจึงได้วางใจเล็กน้อย แต่ท้ายที่สุดก็ยังคงเป็นกังวลใจ “ตอนนี้เขากินไม่ได้ และนอนไม่หลับ นี่จะทำอย่างไรดี?”
“ให้เวลาสักหน่อยเพคะ ค่อยๆเป็นไป แต่ไหนแต่ไรก็มีคำพูดที่ว่า การเจ็บไข้ได้ป่วยมาเร็วดั่งภูเขาถล่ม การรักษาอาการป่วยต้องใช้เวลาดั่งสาวไหม จะหายทันทีได้รวดเร็วขนาดนั้นได้อย่างไรกันล่ะเพคะ?” หยวนชิงหลิงกล่าวปลอบโยน
นางเหลือบมองไปด้านนอกแวบหนึ่ง ราวกับเห็นว่าเสด็จพ่อแอบลืมตาขึ้นเล็กน้อย เขาไม่ได้หลับลึกเกรงว่าจะได้ยินการสนทนากันของพวกนางแล้ว
นางถอนหายใจเบาๆ หวังว่า เจ้าห้าจะเป็นรัชทายาทสักเจ็ดแปดสิบปี!
หวังว่า เสด็จพ่อและฮู่เฟยจะสามารถอยู่เคียงข้างกันต่อไปเช่นนี้ได้ตลอด!
ออกจากพระราชวัง กลับถึงจวนอ๋องฉู่ พวกเด็กๆรวมตัวเข้ามา นวดไหล่ให้นางพร้อมกัน หยวนชิงหลิงอุ้มข้าวเหนียวขึ้นมา มักจะคิดอยู่เสมอว่าช่วงนี้ได้เพิกเฉยต่อพวกเขา ถึงกระทั่งเห็นนางกลับมาไว ก็ล้วนเข้ามาเกาะติดแล้ว
“ท่านแม่ วันนี้อาจารย์ปู่เข้ามายืมหมาป่าหิมะ ทั้งยังมอบกระดาษให้ข้าปึกหนึ่ง ข้าสามารถเอาได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” ทังหยวนเอ่ยถาม
หยวนชิงหลิงก็ไม่ได้สนใจมากนัก คิดว่าก่อนหน้านี้ที่ท่านชายสี่บอกว่าซาลาเปาพวกเขาเขียนอักษรพอใช้ได้ อาจจะหากระดาษเซวียนจื่อชั้นดีมาให้เขา จึงเอ่ยว่า: “ในเมื่ออาจารย์ปู่มอบให้เจ้า เจ้าใช้ให้ดีก็พอแล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ!” ทังหยวนพูดเสียงเรียบๆ มองไม่เห็นอารมณ์ใดๆโดยสิ้นเชิง
ซาลาเปากล่าว: “อาจารย์ปู่กลับให้กระบี่ข้าหนึ่งเล่ม สวยงามมากเชียวล่ะ”
“กระบี่? ให้เจ้าฝึกวิทยายุทธหรือ?” หยวนชิงหลิงพูดถึงการฝึกวิทยายุทธขึ้นมา ก็รู้สึกละอายใจเสมอ เพราะว่าท่านชายสี่เคยมีความคิดจะปั้นนางให้เป็นผู้มีฝีมือสูงส่งอยู่ในร้อยอันดับแรกของวงการยุทธภพ แต่จากพัฒนาการของนาง ทั้งชีวิตนี้ก็เป็นไปไม่ได้
“ฝึกวิทยายุทธ อนาคตเป็นจอมยุทธ!” ซาลาเปากล่าวอย่างมีอุดมการณ์เป็นอย่างมาก
ข้าวเหนียวยังคงบีบไหล่ของหยวนชิงหลิงด้วยความน่าเอ็นดู หยวนชิงหลิงจึงเอ่ยถาม: “อาจารย์ปู่มอบของอะไรให้เจ้า?”
ข้าวเหนียวส่ายหน้า มองดูหยวนชิงหลิงด้วยท่าทางน่าเอ็นดู “ให้แล้ว ข้าไม่เอา ข้าให้เขาพาข้าไปเที่ยวเล่นที่สำนักเหลิ่งหลังในวันข้างหน้า”
“รู้จักแต่เล่น!” หยวนชิงหลิงไม่สนใจดื่มด่ำกับความสนุกของเขา
ฉับพลันนั้นหยวนชิงหลิงก็อยากฟังการวางแผนสำหรับอนาคตของพวกเด็กๆ หรือจะบอกว่า อนาคตอยากเป็นคนอะไรยังไง จึงให้พวกเขานั่งเป็นแถว เอ่ยถาม: “บอกแม่ อนาคตพวกเจ้าโตแล้ว อยากทำอะไรล่ะ?”
แน่นอนว่าซาลาเปาก็ยังคงเป็นคำนั้น “เป็นจอมยุทธ ถือดาบเดินไปทั่วโลก ต่อสู้กับความอยุติธรรม”
หยวนชิงหลิงหัวเราะแล้ว เด็กคนไหนไม่มีความฝันจะเป็นจอมยุทธกัน? เป็นธรรมดา แต่ความเป็นจริงจะตบหน้าเขาอย่างรุนแรงฉาดหนึ่ง เพราะว่าโลกใบนี้ความอยุติธรรมมากมาย ล้วนไม่ใช่เรื่องที่คนอื่นจะสามารถแทรกแซงได้
ทังหยวนกล่าว: “ข้าอยากทำการค้าเหมือนกับอาจารย์ปู่ หาเงิน พวกเรายากจนเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
หยวนชิงหลิงขยี้หน้าผากของเขา “ดี ก็ดีมาก เป็นเถ้าแก่ไง มีอนาคต มีความคิด”
นางมองดูข้าวเหนียว ข้าวเหนียวกล่าวอย่างงงงวย: “ไม่รู้พ่ะย่ะค่ะ ข้าไม่รู้ว่าอนาคตอยากจะทำอะไร อาจจะเป็นหมอเหมือนท่านแม่เช่นนั้น หรือเหมือนท่านพ่อเช่นนั้นเป็นเจ้ากรมที่ยิ่งใหญ่?”
หยวนชิงหลิงกอดทั้งสามคนเบาๆ ล้วนดี ล้วนดี คิดอย่างนี้ตลอดก็จะดีมาก ไม่ต้องอยากเป็นฮ่องเต้
ในที่สุดตอนกลางคืนก็สามารถรวมพลกับหยู่เหวินเห้าได้แล้ว ไม่ง่าย สามีภรรยาทั้งสองคนจัดโต๊ะชาอยู่ในลานบ้าน กินขนมหวาน ชมจันทร์ ดื่มชา
หมู่นี้หยู่เหวินเห้าค่อนข้างเหนื่อยจนจะหมดแรงแล้ว นั่งอยู่ในลาน มองดูพระจันทร์ที่รอดผ่านก้อนเมฆ กล่าวอย่างสบายใจ: “หากว่าสามารถนั่งเล่น คุยเล่นเรื่อยเปื่อยกับเจ้าอยู่ในนี้ได้ทุกคืน วันเวลาก็ช่างน่ารื่นรมย์จริงๆ”
“ตอนนี้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ยังไม่คุ้นชินอีกหรือ?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม
“คุ้นชิน?” หยู่เหวินเห้ายิ้มเจื่อนๆ “ข้าเกรงว่าจะไม่คุ้นชินตลอดไป เพียงแค่ถูกความรับผิดชอบผลักดัน ที่เรียกกันว่าอยู่ภายใต้คนผู้เดียวแต่อยู่เหนือกว่าผู้คนนับหมื่นนั้น เกียรติยศอันจอมปลอมเป็นของชั่วคราว เป็นความลำบากตรากตรำที่ไม่มีที่สิ้นสุด และต้องเสียสละมากมายมากมายนัก อย่างเช่นต้องเสียสละค่ำคืนที่แสนงดงามเช่นนี้ไปอย่างมากมาย”
เขาจับมือนางโดยมีโต๊ะชากั้นไว้ ทุกสิ่งอย่างในช่วงกลางวัน ล้วนราวกับว่าเหยียบย่ำอยู่บนชั้นอากาศสูง เบื้องล่างดูเหมือนแข็งแกร่ง แต่ความเป็นจริงยอดสูงสุดก็เป็นสถานที่เล็กๆชิ้นหนึ่ง ทันทีที่ก้าวเท้าผิด นั้นก็คือหุบเหวลึกนับหมื่นจั้ง
และมีเพียงการได้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แล้วเท่านั้นจึงรู้ว่า สถานการณ์ที่ดูเหมือนสงบของราชสำนักที่ผ่านมา ความเป็นจริงนั้นเป็นคลื่นใต้น้ำอยู่ทั่วทุกสารทิศ อาจจะไม่ได้มีความคิดที่แตกต่างกันทั้งหมด แต่ความเห็นทางการเมืองไม่ตรงกัน ก็ก่อให้เกิดความขุ่นเคืองได้ ทักษะของจวิ้นอ๋อง ก็คือทักษะการรักษาสมดุล ทันทีที่เสียความสมดุล เมื่อสถานการณ์เกิดขึ้นก็ไม่อาจจัดการได้
เขารู้สึกจากใจจริงว่าหลายปีที่ผ่านมานี้เสด็จพ่อมีความยากลำเค็ญจริงๆ และเสด็จพ่อยังต้องเผชิญหน้ากับการแย่งชิงของลูกชายแท้ๆไม่กี่คนอีก เขายังไม่ได้จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับปัญหานี้ ก็เหน็ดเหนื่อยหมดแรงใจแล้ว
ทั้งสองคนจับมือกันเงียบๆ ไม่พูดจา เสพสุขกับความเงียบสงบยามค่ำคืน
แม่นมสี่ยกขนมเปี๊ยะเข้ามา หาได้ยากที่รัชทายาทจะกลับมาเร็วอย่างวันนี้ ดังนั้นนางและแม่นมฉีจึงได้ทำขนมเค้กและขนมเปี๊ยะขึ้นมาเล็กน้อยด้วยความรวดเร็ว ไม่ประณีตแต่อร่อยมาก
หยวนชิงหลิงนึกถึงเรื่องราวของวันนี้ตอนอยู่ในพระราชวังได้เห็นเหล่าสามผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่สิ้นเปลืองแรงด้วยความเหนื่อยยากลำบากเพื่อการกลับมาของอ๋องผิงหนาน แม่นมสี่เป็นคนใกล้ชิดของไท่ซ่างหวงในตอนนั้น คิดว่าน่าจะรู้นิสัยของอ๋องผิงหนานผู้นี้ ครั้นแล้วก็ทักให้แม่นมสี่นั่งลงมา เอ่ยถาม: “แม่นม อ๋องผิงหนานท่านนี้เข้ากับคนได้ง่ายหรือไม่?”
แม่นมสี่ได้ยินว่าถามถึงอ๋องผิงหนาน จึงหัวเราะขึ้นมาอย่างช้าๆ นั่งลงข้างๆ แววตาก็มีความเนิ่นนานห่างไกลจากปัจจุบันเล็กน้อย “อ๋องผิงหนานเป็นคนที่เข้ากับคนได้อย่างง่ายดายที่สุดของทั้งหมดในหอจัยซิง เขาบริสุทธิ์ไร้พิษภัยที่สุด ในใจไม่มีความคิดต่างๆนาๆอื่นใด นอกจากเรื่องของชายาเฟิงอัน สำหรับเรื่องอื่นๆทั้งหมดเขาล้วนไม่ค่อยเป็นกังวลมากนัก”
“เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับชายาเฟิงอันเป็นอย่างมากสินะ?”
“ไม่เพียงแค่ดี ก็คือสนิทเหมือนแม่ลูกอย่างแท้จริง”
หยวนชิงหลิงแปลกใจ “พวกเขามีความเกี่ยวข้องเป็นน้องสามีและพี่สะใภ้สินะ? แต่ทำไมถึงได้ดีเช่นนี้ล่ะ?”
แม่นมสี่กล่าวอธิบาย: “ชีวิตของอ๋องผิงหนานก็เป็นชายาเฟิงอันช่วยเอาไว้เจ้าค่ะ ตอนนั้นหลังจากที่อ๋องผิงหนานถูกช่วยออกมาจากยอดเขาหมาป่าหิมะแล้ว สมองเลอะเลือน ใครก็จำไม่ได้ แต่จำชายาเฟิงอันได้ ตอนนั้นสถานการณ์ก็ค่อนข้างซับซ้อนเล็กน้อย ในตำหนักบูรพาไม่ปลอดภัย ชายาเฟิงอันจึงรับเขามาอาศัยอยู่ที่จวนอ๋องซู่ในตอนนั้น เป็นชายาเฟิงอันที่คอยดูแลเขา”
“เช่นนั้นหลังจากนั้นมาสมองของเขาดีแล้วหรือ?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม
แม่นมสี่กล่าว: “อันนี้……อันที่จริงข้าก็ไม่ค่อยชัดเจนนัก แต่ขณะที่เขาออกจากเมืองหลวง จำเรื่องราวก่อนหน้าได้เล็กน้อย แต่ก็จำได้ไม่ทั้งหมด สมองก็ไม่ได้ชัดเจนนัก ดังนั้นตอนนั้นชายาเฟิงอันก็จากไปพร้อมกับเขา”
หยวนชิงหลิงมองดูหยู่เหวินเห้าแวบหนึ่ง กล่าวว่า: “เช่นนั้นท่านกับอ๋องผิงหนานก็ได้พบกันไม่กี่ครั้งสินะ?”