หยวนชิงหลิงไม่พูดอะไร ให้ครุ่นคิดอยู่เงียบๆ
ทังหยางคิดอยู่สักพัก เมื่อเรียบเรียงความคิดได้แล้ว ก็พูดขึ้นว่า “ไม่ใช่หงเย่ เพราะสายของหงเย่ พวกเราล้วนรู้เกือบหมดแล้ว และหงเย่เองก็เป็นคนเป่ยถัง ไม่จำเป็นต้องมีสายแอบแฝงไว้อีก ต่อให้จะมีสายแอบแฝง ตัวเขาเองสามารถเข้าออกจวนอ๋องฉู่ได้ หากยังจะจัดคนอยู่ใยจวนอ๋องฉู่ ก็จะดูชัดเจนเกินไป เมื่อถูกจับได้ กลับเป็นการไม่ดี
แต่พระชายารัชทายาทพูดถึงหงเย่ ยังจำได้ตอนที่องค์ชายรัชทายาทได้รับการแต่งตั้งไหม แม่ทัพใหญ่ฉินของเป่ยโม่มา ตอนนั้นคนของพวกเราเคยเห็นแม่ทัพใหญ่ฉินกับหงเย่ ล้วนเคยแอบเจออ๋องอาน ตอนนี้ตามที่พวกเรารู้ สายลับของเซียนเปย มีส่วนหนึ่งชายารองของอ๋องอาน อะหลูเป็นคนจัดการ อะหลูเป็นคนของหงเล่ซื่อจื่อ นั่นก็หมายความว่า
ตอนนั้นหนึ่งในคนที่ไปหาอ๋องอาน คือหงเย่กับแม่ทัพใหญ่ฉิน อ๋องอานไม่ได้เลือกหงเย่ แต่เลือกแม่ทัพใหญ่ฉิน ตอนนี้พวกเราย้อนกลับไปอีกก้าว สนับสนุนให้เป่ยโม่กับเซียนเปยร่วมมือกัน คือหงเย่ แต่สุดท้ายคนที่ออกหน้าคือหงเล่ซื่อจื่อ ดังนั้น อะหลูคนนี้เป็นคนของหงเล่ซื่อจื่อ หรือคนของแม่ทัพใหญ่ฉิน ตอนนี้ไม่สามารถรู้ได้แล้ว คนก็ตายไปแล้ว แต่ภายในโยงใยความสัมพันธ์ ล้วนเกี่ยวข้องกับแม่ทัพใหญ่ฉินของเป่ยโม่”
ทังหยางพูดอย่างค่อนข้างสับสน แต่หยวนชิงหลิงกลับฟังเข้าใจ รอเขาพูดต่ออยู่อย่างสงบ
ทังหยางพูดตามความคิดที่ตนเองวิเคราะห์ต่อไปว่า “และตอนนั้นเป่ยโม่กับเซียนเปยร่วมมือกัน โจมตีแคว้นต้าโจว เป่ยโม่กลับถูกจิ่นหนิงจวิ้นจู่ของแคว้นต้าโจวกระหน่ำโจมตี เซียนเปยไม่ได้ไปช่วยเป่ยโม่ เพียงแค่ส่งพวกคนแก่ทหารอ่อนแอไปอย่างส่งเดช อยู่ระหว่างทางก็ถูกโจมตีพ่ายแพ้ ซึ่งนี่ท่านชายหงเย่เป็นคนวางแผน แบ่งแยกเป่ยโม่กับเซียนเปย ทำให้เซียนเปยตกอยู่ในสถานการณ์ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูล้อมทั้งสี่ด้าน
ต่อมาหงเล่พ่ายแพ้ แคว้นซู่สูญสลาย แต่พระชายารัชทายาทลองคิดดูดีๆ นั่นก็คือแม่ทัพหงเล่ ไม่ได้ มีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับเป่ยโม่จริงๆ พวกเราต่างพูดมาตลอดว่า คนเป่ยโม่ไม่ชำนาญใช้เล่ห์เหลี่ยม แต่หงเล่ชำนาญ สายลับในมือหงเย่ เดิมล้วนเป็นแม่ทัพหงเล่ให้เขา”
คราวนี้หยวนชิงหลิงฟังจนสับสนแล้ว จึงพูดขึ้นว่า “แต่แม่ทัพหงเล่ตายแล้วนี่”
ทังหยางมองดูนาง สายตาเย็นชาและเฉียบคมกว่าปกติ พร้อมพูดขึ้นว่า “แต่ถ้าเขายังไม่ตายล่ะ?”
“ไม่ตาย? เป็นไปไม่ได้มั้ง? พ่ายแพ้ในการศึกแล้วไม่ใช่หรือ?”
“แพ้การศึก กลับอาจจะไม่ตาย เคยตรวจหาศพไหม? ตอนนั้นสถานการณ์วุ่นวายขนาดนี้ ทหารแคว้นต้าโจวเข้าครอบครองเมือง คนที่นำทัพต่อสู้จะต้องเป็นหงเล่หรือ? พระชายารัชทายาทอย่าลืม ลูกน้องหงเล่มีคนที่มีความสามารถมากมาย การแปลงโฉมนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายอย่างมาก”
“แต่เขาไม่มีทหารแล้ว ต่อให้ไม่ตาย แล้วจะสามารถทำอะไรได้?”
ทังหยางค่อยๆเอนกายไปข้างหลัง เอนพิงอยู่บนเก้าอี้ สายตาฉายแววถึงการมองเห็นทุกอย่าง พร้อมพูดขึ้นว่า “เขาไม่มีทหารแล้ว แต่เขามีสายลับ มีสายลับเหมือนดั่งทอดแห นี่เป็นสิ่งที่เป่ยโม่ขาดที่สุด
พอดี เป่ยโม่มีนักรบ หงเล่มีแผนเล่ห์เหลี่ยมมีสายลับ ความร่วมมือของพวกเขาไม่ได้แตกสลายมาตลอด ตอนนี้พวกเขายังทำความร่วมมือกัน สายลับทางด้านอะหลู เป็นสายลับที่วางแผนไว้ เมื่อตอนที่แม่ทัพใหญ่ฉินกับหงเล่ซื่อจื่อร่วมมือกัน แสดงว่า สายลับนี้จะต้องอยู่ในมือของหงเล่ หากหงเล่ยังไม่ตาย เป็นไปตามที่คิดวิเคราะห์นี้ ที่จริงสายลับนี้มีไปทั่วเมืองเป่ยถังแล้ว
แต่ไม่เคยเข้ามาในเมืองหลวง และตอนนั้นฮูหยินของข้าก็เป็นสายลับของหงเล่ นางพยายามที่จะแฝงเข้ามาอยู่ในเมืองหลวงตลอด ดังนั้นจึงเลือกที่จะมาอยู่กับข้า จนถึงสุดท้าย มีอ๋องอานกับอะหลูคอยช่วยเหลือ เพราะเขาสามารถวางสายลับไปทั่วเมืองหลวงได้อย่างรวดเร็ว ต่อให้เป็นเช่นนี้
เพราะตามที่พวกเรารู้ อะหลูก็เป็นคนที่หงเล่จัดอยู่ไว้ข้างกายอ๋องอาน ด้วยความที่อ๋องอานคิดว่าตนเองเฉลียวฉลาด ที่จริงถูกหงเล่กำอยู่ในมือแต่แรกแล้ว ก็ไม่รู้ตัว เขาเองก็เป็นหมากตัวหนึ่ง”
หยวนชิงหลิงคิดไม่ถึงว่าจากฮูหยินทังคนหนึ่ง สายลับเล็กๆคนหนึ่ง สามารถทำให้ใต้เท้าทังคิดได้มากมายขนาดนี้ การการคาดการณ์พวกนี้จริงหรือไม่ หยวนชิงหลิงก็ไม่รู้ แต่เขาคาดการณ์เช่นนี้ ก็ถือว่าสมเหตุสมผล
ตอนนั้นที่วางแผนสายลับ จวนอ๋องฉู่มีฮูหยินทังคนหนึ่ง พระชายาอ๋องอานมีอะหลูคนหนึ่งใช่ว่าจะไม่มีสายลับอยู่ในนั้น
ในอ๋องชินหลายคนนี้ ตอนนั้นมีเพียงเจ้าห้า เจ้าสี่ อ๋องจี้สามคน ที่ค่อนข้างมีชีวิตชีวา เจ้าเจ็ดที่เป็นองค์ชายสืบสายเลือดโดยตรงคนนี้สามัญธรรมดา ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ดังนั้นวางสายสืบไปก็ไม่มีประโยชน์
จวนอ๋องหวยยิ่งไม่ต้องพูดถึง
จวนอ๋องซุนจะมีไหม? พูดยาก เดี๋ยวต้องให้พระชายาซุนตรวจสอบดูให้ดี
หยวนชิงหลิงอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว หากทั้งหมดนี้เป็นแผนการของหงเล่จริง งั้นแผนการนี้ก็จะต้องใหญ่มาก หมากกระดานนี้ เป็นการต้องการที่จะกระทำให้ประเทศเป่ยถังพังทลาย
ทังหยางพูดขึ้นว่า “หงเล่ไม่วางแผนเพียงแค่ในเป่ยถังแน่ แต่ตอนนี้ขนมชิ้นใหญ่ที่น่าทานที่สุดก็คือเป่ยถัง แคว้นต้าโจวไม่สามารถที่จะโยกได้แล้ว พื้นที่ภูมิศาสตร์ของแคว้นต้าซิงกับแคว้นต้าเยว่ แคว้นต้าเหลียงต่างๆ ลงมือโจมตียาก ดังนั้น เป่ยถังเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของพวกเขา”
ชื่อหงเล่นี้ หยวนชิงหลิงเคยได้ยินอยู่หลายครั้งนับไม่ถ้วน เคยได้ยินคนมากมายพูดถึงหงเล่ รู้ถึงความโหดเหี้ยมของเขา รู้ถึงความเลือดเย็นของเขา โดยเฉพาะหลังจากรู้เรื่องที่เขากระทำกับหงเย่พวกนั้น ก็ยิ่งรู้สึกว่าคนคนนี้น่ากลัวมาก
แต่เดิมคิดว่า ดีที่เขาตายไปแล้ว กระทำความชั่วไม่ได้อีกแล้ว
ตอนนี้ฟังทังหยางพูดวิเคราะห์ กลับรู้สึกว่าคนร้ายคนนี้ สามารถที่จะเป็นภัยไปได้ถึงพันปีจริงๆ
ทังหยางลุกขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ในเมื่อรู้ความจริงแล้ว งั้นก็จะต้องรีบเชิญองค์ชายรัชทายาทกลับมา เตรียมแผนการรับมือ เดิมพวกเราคิดไว้อย่างง่ายดายเกินไป หากคนที่อยู่เบื้องหลังคือหงเล่จริงๆ งั้นบางทีครั้งนี้ องค์ชายรัชทายาท อาจจะเจอภัยอันตรายอย่างมากจริงๆ”
หยวนชิงหลิงได้ยินเช่นนี้ ท่าทีเปลี่ยนไปอย่างมาก พร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นรีบหาคนไปตามเขากลับมา”
“พระชายารัชทายาทวางใจ ข้าจะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วจะไปด้วยตนเอง” ทังหยางพูดเสร็จ ยกมือขึ้นประสานแล้วก็ออกไป
คำพูดเช่นนี้ สำหรับหยวนชิงหลิง ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าตกใจจริงๆ หงเล่ถือเป็นคนที่ตายไปแล้ว จู่ๆตอนนี้ก็ได้ยินถึงเรื่องเกี่ยวกับเขา ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นการหลอกลวง
คิดถึงตอนที่ตนเองถูกลอบทำร้าย มีความเป็นไปได้ว่าเป็นคนที่หงเล่ส่งมา ในใจของนาง อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวขึ้นมา
อีกอย่าง หากหงเล่ยังไม่ตายจริงๆ เขาจะโจมตีเป่ยถังจริงๆ แล้วตอนนี้เขาน่าจะอยู่ที่ไหน?
จะอยู่ในเมืองหลวงของเป่ยถังไหม?
คิดวิตกกังวลอยู่ทั้งคืน นอนไม่หลับ จนถึงฟ้าใกล้สว่าง ค่อยหลับไปอย่างสะลืมสะลือ
หลังจากตื่นขึ้นมา คิ้วกระตุกอยู่ตลอด ที่จริงนางก็ไม่ได้เป็นคนเชื่อในเรื่องพวกนี้ ที่คิดว่าการที่หนังตากระตุก เป็นการบ่งบอกว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้น เมื่อคืนไม่ได้นอนหลับดี หนังตากระตุกก็ไม่น่าแปลก เพียงแค่นอนไม่หลับ หนังตากระตุกอยู่ตลอด ทำให้รู้สึกกระสับกระส่าย
นางถือกล่องยาไปเปลี่ยนยาให้กับหมันเอ๋อ เจ้าเก้าก็อยู่ด้วย เขาเป็นห่วงภรรยา รู้ว่าภรรยาได้รับบาดเจ็บก็เฝ้านางอยู่ตลอด
เห็นหยวนชิงหลิงมา เขาก็รีบมาช่วยถือกล่องยา พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่สะใภ้ห้า เมื่อคืนหมันเอ๋อตัวร้อน เป็นอะไรไหม?”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “บาดแผลสองที่ ตัวร้อนก็ไม่น่าแปลก ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวข้าจัดยาลดไข้ให้ ข้าขอดูบาดแผลก่อน”
“ข้าไม่เป็นไร บาดเจ็บแค่นี้ไม่ถึงเป็นปัญหาอะไร?” หมันเอ๋อมองดูหยวนชิงหลิง เห็นท่าทีนางไม่ค่อยดี จึงถามขึ้นว่า “เมื่อคืนพระชายารัชทายาทนอนไม่อิ่มหรือ? ตกใจหรือเปล่า?”