ออกจากโรงเตี๊ยมแล้ว ก็กลับไปยังจวนอ๋อง หงเย่กับหยู่เหวินเห้าปรึกษาหารือกันแทบจะทั้งคืน จนถึงวันรุ่งขึ้นจึงจะจากไปแต่เช้า อะโฉ่วก็เฝ้าอยู่ที่ด้านนอกของจวนทั้งคืน รอจนหงเย่ปรากฏตัวขึ้น นางก็ถือกระบี่เดินเข้าไป ยังคงเยือกเย็นเหมือนเดิม “ท่านชาย ไปกันเถอะ”
หงเย่มองอะโฉ่ว เอ่ยเสียงเบาว่า “อะโฉ่ว เจ้าอยากกลับหนานเจียงหรือไม่”
อะโฉ่วส่ายหน้า “อะโฉ่วจะติดตามท่านชาย ท่านชายไปที่ไหน อะโฉ่วก็จะไปที่นั่น อะโฉ่วไม่มีทางไปจากท่านชายอย่างเด็ดขาด”
หงเย่มองนางนิ่งๆอยู่ชั่วครู่ ถอนหายใจเบาๆและพูดว่า “แผ่นดินกว้างใหญ่เส้นทางยาวไกล ภายหน้าเจ้าอยากจะไปไหนก็ไปเถอะ ไม่ต้องติดตามข้าแล้ว และไม่ต้องแก้แค้นแทนใครอีก เจ้าควรจะมีชีวิตของตัวเอง”
อะโฉ่วพูดอย่างดื้อรั้นว่า “ท่านชายไม่อยากให้ข้าไปแก้แค้น อะโฉ่วก็จะไม่ไป แต่ว่าอะโฉ่วไม่มีทางไปจากท่านชาย”
หงเย่พลิกตัวขึ้นไปบนหลังม้า มองนางลงมาจากข้างบน “เจ้าเคยบอกว่า จะเชื่อฟังข้าตลอดไป ตอนนี้ข้าขอสั่งเจ้า ไปจากเมืองหลวง ไม่ต้องติดตามข้าอีกแล้ว”
“ไม่”อะโฉ่วก็ขึ้นไปบนหลังม้า พูดอย่างดึงดัน
หงเย่ส่ายหน้า เด็กสาวคนนี้ จนปัญญากับนางเสียจริง
อะโฉ่วค่อยๆควบม้าไป “อะโฉ่วไม่มีที่ให้ไป เหมือนกับท่านชาย นอกจากล้างแค้น ก็ไม่มีเรื่องอื่นให้ทำอีกแล้ว การล้างแค้นคือชะตาชีวิตของอะโฉ่ว ในเมื่อท่านชายไม่อนุญาต เช่นนั้นอะโฉ่วคงได้แต่ติดตามท่านชาย ท่านชายอยากจะไล่อะโฉ่วไป อะโฉ่วก็คงได้แต่ไปฆ่าจิ้งเหอ ฆ่านางแล้ว อะโฉ่วก็ฆ่าตัวตาย”
หงเย่แต่ไหนแต่ไรมาเป็นคนนิ่งขรึม ได้ยินคำพูดนี้ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโมโหขึ้นมาบ้างเล็กน้อย“ข้าเคยบอกหลายครั้งแล้ว ให้เจ้ามีชีวิตอยู่เพื่อตัวเจ้าเอง ไม่ใช่เพื่อข้าและเพื่อพี่สาวของเจ้า การตายของนางนั้นเป็นเรื่องที่นางหาเรื่องใส่ตัวเอง เจ้าไม่ต้องถูกใช้ให้ทำเรื่องชั่วจากหมอผีแห่งเจียงเป่ยแล้ว ไม่ต้องทำงานให้พวกเขาอีกต่อไปวิชาพิษกู่ได้ถูกถอนแล้ว ขอเพียงไม่ต้องคิดถึงเรื่องนี้อีก ในใจก็จะไม่มีความคิดที่ดื้อดึง ”
หงเย่พูดจบ ควบม้าจากไปอย่างรวดเร็ว อะโฉ่วรีบไล่ตามไปทันที ไม่ว่าอย่างไร นางก็ไม่มีทางไปจากท่านชาย นอกเสียจากนางจะตาย
หลังจากหงเย่จากไปแล้ว หลังจากที่หยู่เหวินเห้ากลับไปยังกรมการพระนครแล้ว ช่วงเที่ยงก็พอสวีอีไปยังพระที่นั่งของราชวงศ์
หรงเยว่เคยมาที่นี่ ตอนนี้รอบๆทั้งสี่ด้านได้วางคนของสำนักเหลิ่งหลังเป็นกำลังป้องกันไว้แล้ว แต่ที่จริงหรงเยว่นั้นทำเกินความจำเป็นไปแล้ว เพราะว่าสองสามีภรรยาอ๋องชินเฟิงอันและอ๋องผิงหนานก็อยู่ที่นี่ องครักษ์ฟ้าผ่าและองครักษ์เงาดำของพวกเขาต่างก็อยู่ใกล้ๆบริเวณนี้
ฉะนั้น หยู่เหวินเห้าสั่งการสวีอี ช่วงพลบค่ำให้เขาไปที่จวนอ๋องหวย ให้หรงเยว่ถอนกำลังคนทั้งหมดกลับไป ไม่จัดการป้องกัน จะทำให้ที่นี่ดูเหมือนจะเป็นจุดที่อ่อนแอที่สุด
องครักษ์ลับผีบางทีอาจจะถูกสืบหาจนพบ แต่ว่า องครักษ์ฟ้าผ่ากับองครักษ์เงาดำไม่มีทางถูกสืบพบแน่ พวกเขาแฝงตัวอยู่ที่ไหน ไม่มีใครดูออก
แต่ว่า ในช่วงเวลาที่สำคัญ พวกเขาจะปรากฏตัวขึ้นราวกับการมาถึงของทหารเทพก็ไม่ปาน
เข้าไปยังพระที่นั่ง หยวนชิงหลิงกำลังพูดคุยอยู่กับชายาเฟิงอันในเรือน เขาจึงไปคำนับเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายก่อน
ไท่ซ่างหวงใช้ชีวิตอย่างอิสระมาก เพราะว่านอกจากจะมีโสวฝู่ฉู่และเซียวเหยากงคอยอยู่เป็นเพื่อนแล้ว ยังมีอ๋องผิงหนานกับอ๋องชินเฟิงอันอยู่ด้วย
หน้าประตูถูกยึดครองพื้นที่ด้วยเสือขนทอง น่าเกรงขามมาก ดวงตากลมโตจ้องมองเขาอยู่ตลอด จนกระทั่งพบว่าเขาไม่มีท่าทีคุกคาม จึงเคลื่อนสายตาออกไป
เข้าไปในโถงใหญ่ได้แล้ว เห็นเพียงไท่ซ่างหวงที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเก้าอี้ เซียวเหยากงฝังเข็มให้เขา ตั้งแต่เซียวเหยากงเกษียณไปแล้ว ก็เรียนรู้ทุกอย่าง วิชาฝังเข็มนี้ก็ไม่รู้ว่าไปฝึกฝนมาจากที่ใด คาดไม่ถึงว่าจะเรียนแล้วนำมาใช้เลย ยังกล้าใช้กับตัวไท่ซ่างหวงอีกด้วย
มองดูอีกครั้ง กลับพบว่าโสวฝู่ฉู่และอ๋องชินเฟิงรวมถึงอ๋องผิงหนานก็ถูกฝังเข็มเอาไว้เช่นกัน โดยเฉพาะเข็มเงินของอ๋องชินเฟิงที่ปักอยู่ระหว่างหัวคิ้วทั้งสองข้าง เขาถลึงตาโต ดวงตากลมโตดูแล้วคล้ายกับดวงตาของเสือมาก
ตอนที่หยู่เหวินเห้าเดินเข้ามา รู้สึกเหมือนกับเดินเข้าไปยังห้วงเวลาที่ผิดแปลกไปจริงๆ เพราะว่าข้างนอกถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกแห่งสงคราม บรรยากาศตึงเครียดเป็นอย่างยิ่ง พูดจายังเกรงว่าคนข้างๆจะได้ยิน
แต่ว่าที่นี่ไม่มีบรรยากาศตึงเครียดเลยแม้แต่น้อย มีความสุขอย่างอิสระราวกับอยู่นอกโลกอย่างไรอย่างนั้น หัวใจที่ตึงแน่นดุจสายธนูของเขาค่อยๆผ่อนคลายลง พูดยิ้มๆว่า “เอ๋ เซียวเหยากงท่านรักษาโรคเป็นด้วยหรือ”
เซียวเหยากงกลับยกมือขึ้น “ไปหาเมียเจ้าไป อย่ามารบกวนพวกเราเปิดกระแสลมปราณ ”
หยู่เหวินเห้าหัวเราะ ประสานมือขึ้นมาคำนับแล้วหมุนตัวจากไป
เขาไม่ได้ไปรบกวนการพูดคุยของหยวนชิงหลิงกับชายาเฟิงอัน อยากจะไปหาลูกเพื่อเล่นด้วยกันสักครู่ แต่พอถามอะซี่แล้ว กลับบอกว่าเด็กๆต่างก็นอนกลางวันกันอยู่ เห็นได้ชัดว่าอะซี่เองก็ไม่อยากจะสนใจเขา อยากจะอยู่พร้อมหน้ากันสองสามีภรรยากับสวีอีมากกว่า
เขาจึงกลับไปยังห้องที่ยายหยวนพักอาศัยอยู่ ในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นอายของยายหยวน เขารู้สึกสบายและผ่อนคลายขึ้นมาทันที ถอดรองเท้าและเสื้อนอนลง ถูกกลิ่นอายที่คุ้นเคยห้อมล้อม หัวใจก็ยิ่งรู้สึกสงบมากขึ้น
ชั่วครู่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นมา เขาตะแคงหน้าไปดู หยวนชิงหลิงเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มสดใส “รอนานแล้วหรือ กำลังคุยเรื่องสนุกอยู่กับชายาเฟิงอัน ไม่เป็นการดีถ้าจะออกมาทันที ข้ายังคิดว่าท่านจะอยู่คุยกับพวกเสด็จปู่สักหน่อยเสียอีก”
เขากางแขนออกกอดนางเอาไว้แนบอก จูบไปที่ริมฝีปากของนางหนึ่งที “รอไม่นาน เพิ่งจะมาถึงครู่เดียว เซียวเหยากงกำลังฝังเข็มให้พวกเขา ไล่ข้าออกมา”
หยวนชิงหลิงยื่นมือไปลูบที่หัวคิ้วของเขา มองท่าทีน้อยใจของเขา พูดยิ้มๆว่า “สองวันมานี้เซียวเหยากงทำการเปิดจุดชีพจรให้กับพวกเขา บอกว่าสามารถเปิดเส้นลมปราณได้ งัดความสามารถของคนแก่ออกมาสักครั้ง เข้าสู่สนามรบอีกครั้ง”
รอยยิ้มของนางนิ่งค้างอยู่ที่ริมฝีปากตลอด สายตาเปล่งประกายแห่งความอ่อนโยน “สงครามครั้งนี้ พวกเขาก็เห็นความสำคัญมาก ไม่รู้ว่าจะอันตรายมากหรือไม่”
นางถาม และเป็นการหยั่งเชิง ไม่ว่าอย่างไรหัวใจก็สงบลงไม่ได้เสียที
หยู่เหวินเห้ายื่นมือออกไปจับใบหน้าของนาง ส่งสายตาปลอบโยนให้นาง “ไม่อันตราย ข้าได้เตรียมการทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว พวกเราไม่มีทางแพ้”
“แต่ข้าได้ยินมาว่า หงเล่นั้นร้ายกาจมาก”
“จะร้ายกาจแค่ไหน เขาก็เป็นคน เป็นคนย่อมต้องผิดพลาดได้ เจ้าไม่เชื่อใจในตัวข้าหรือ”หยู่เหวินเห้าจูบนางไปอีกหนึ่งที รวบนางมาไว้ในอ้อมอก พูดเสียงเบาว่า “ไม่ต้องกังวล ดีหรือไม่ เชื่อข้า”
หยวนชิงหลิงแนบใบหน้าของตนเองไปกับทรวงอกของเขา “ข้าย่อมต้องเชื่อท่าน”
ทั้งสองโอบกอดกัน เสพสุขช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันอย่างหาได้ยากยิ่ง
ผ่านไปชั่วครู่ หยวนชิงหลิงจึงถามขึ้นมาว่า “เมื่อไหร่”
“อีกสี่วันหลังจากนี้”หยู่เหวินเห้าพูดเสียงเบา
หัวใจของหยวนชิงหลิงหดเป็นเกลียวขึ้นมา “เร็วขนาดนี้เชียว”
เดิมทีนางคิดว่าต้องเตรียมการอีกประมาณครึ่งเดือน นางเองก็เตรียมพร้อมจะอยู่ที่นี่ให้ครบหนึ่งเดือน
หยู่เหวินเห้าอืมหนึ่งเสียง “ได้เตรียมการไว้พร้อมแล้ว ต้องรีบเคลื่อนไหว”
“ได้ ข้าจะรอท่านมารับข้า”นางพูดเสียงสงบ พยายามไม่ให้เสียงของตัวเองฟังแล้วมีความสูงต่ำมากเกินไปหรือมีความกังวลแฝงอยู่
ครั้งนั้นที่เขาไปรบ นางก็ไม่เคยจะรู้สึกตื่นเต้นเป็นกังวลเช่นนี้มาก่อน บางทีอาจเป็นเพราะครั้งนี้แม้แต่สองสามีภรรยาอ๋องชินเฟิงอันก็เร่งเดินทางมาที่นี่อย่างตั้งใจเป็นพิเศษกระมัง
แม้ว่าบรรยากาศในพระที่นั่งนี้จะดูผ่อนคลายมาก แต่ว่า ที่จริงบางครั้งจะสามารถเห็นคนเข้ามารายงายด้วยความรวดเร็ว ทุกครั้งที่เห็นคนมา หัวใจของนางก็จะกระตุกขึ้นมา
“คืนนี้ ข้าไม่จากไปไหนแล้ว อยู่เป็นเพื่อนพวกเจ้าที่นี่ พรุ่งนี้ค่อยกลับไป ”หยู่เหวินเห้าดันตัวนางออกเบาๆ จ้องมองดวงตาของนางนิ่ง“อยากจะกินข้าวกับเจ้าและลูกๆสักมื้อ พูดคุยกันสักหน่อย หลายวันมานี้คิดถึงพวกเจ้าอย่างร้ายกาจมาก”
หยวนชิงหลิงดวงตาแดงรื้นขึ้นมาเล็กน้อย “ข้าก็คิดถึงท่าน คิดถึงท่านเป็นพิเศษ”
จ้องมองนิ่งๆอยู่เป็นเวลานาน หยู่เหวินเห้าค่อยๆประทับไปที่ริมฝีปากนาง