หยวนชิงหลิงไม่รู้ว่าเขาพูดถึงใคร แต่น้ำเสียงฟังดูเหมือนยกภูเขาออกจากอก กลับทำให้รู้สึกถึงความปวดร้าว
นางรวบรวมสติ จัดการรักษาบาดแผล ในใจยังคงเป็นห่วงเจ้าห้า และก็เป็นห่วงสวีอี
เสียงร้องไห้ของอะซี่ดังอยู่ข้างนอก นางพยายามที่จะอดกลั้นไว้ แต่อดกลั้นไว้ไม่ไหว ตลอดชีวิตนี้อะซี่ไม่เคยต้องเจอกับเรื่องอะไรที่หนักหนาสาหัสขนาดนี้ หลังจากแต่งงานกับสวีอี ทะเลาะเบาะแว้งกัน แต่ก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข พวกเขาสัญญาว่าจะแก่เฒ่าไปด้วยกัน ดังนั้นหากสวีอีเป็นอะไรไป หยวนชิงหลิงแทบไม่กล้าคิดว่า อะซี่จะทำอย่างไร
หัวสมองของนางวุ่นวาย แต่ก็ไม่กล้าปล่อยให้ความคิดฟุ้งซ่าน ดึงสติกลับมาแล้วก็เย็บบาดแผลต่อ บนตัวหงเย่จะต้องทำการเย็บบาดแผลเป็นจำนวนมาก แต่บาดแผลถูกดาบแทงตรงท้องสาหัสมาก ไม่ใช่แค่เย็บบาดแผลง่ายๆแค่นั้น ยังต้องตรวจสอบความเสียหายของอวัยวะภายในด้วย
หนึ่งชั่วโมงเต็มๆ ค่อยจัดการบาดแผลตรงหน้าท้องหงเย่เสร็จเรียบร้อย อาการไม่ค่อยดี เพราะอัตราการเต้นของหัวใจเริ่มค่อยๆอ่อนลง
นางเริ่มจัดการบาดแผลตรงส่วนอื่น กลับได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทด้านนอก พร้อมกับเสียงกรี๊ดร้องของผู้หญิงดังขึ้น หยวนชิงหลิงฟังแล้วก็รู้ว่าเป็นเสียงของอะโฉ่ว
เดิมอะซี่ยังอยู่ในอาการเสียใจ เห็นอะโฉ่วมาอย่างเดือดร้อน ด้วยความโกรธจึงกระโดดตัวลอยขึ้น ต่อสู้กับอะโฉ่วขึ้นมา อะโฉ่วอยู่ในสภาวะของความบ้าคลั่ง อะซี่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง เกือบที่จะถูกดาบของนางทำร้าย
โชคดีที่ชายาเฟิงอันมาทัน นางคว้าจับดาบของอะโฉ่วไว้ การคว้าแย่งจับดาบด้วยมือเปล่านี้ อะซี่เห็นแล้วก็ตกตะลึง แต่เมื่อกี้ เหมือนมองเห็นมือของชายาเฟิงอัน กางกรงเล็บเหมือนกรงเล็บหมาป่าออกมา แล้วก็คว้าแย่งดาบของอะโฉ่วไปได้อย่างง่ายดาย
หลังจากที่อะโฉ่วถูกแย่งดาบไปแล้ว ยังเดือดร้อนที่จะต้องการพบหงเย่ ชายาเฟิงอันพูดดุนางว่า “พระชายารัชทายาทกำลังช่วยชีวิตอยู่ หากเจ้าไม่อยากให้หงเย่ตาย ก็รออยู่ที่นี่เงียบๆ”
เมื่อชายาเฟิงอันโกรธขึ้นมา สีหน้าเยือกเย็นจนน่ากลัว อะโฉ่วไม่สนใจ แทบเหมือนคนบ้าคลั่ง แต่ก็ถูกความน่าเกรงขามของนางทำให้ตกตะลึง และได้ยินว่ากำลังช่วยชีวิตหงเย่อยู่ ยังไม่ตาย สีหน้าของนางถึงค่อยๆสงบลง ถามว่าหงเย่อยู่ห้องไหน แล้วก็คุกเข่านั่งรออยู่ตรงหน้าห้อง
ทางด้านสวีอี อ๋องชินเฟิงอันเดินออกมาแล้ว อะซี่เห็นแล้วก็รีบวิ่งไปหา แต่ก็ไม่กล้าถาม มองดูอ๋องชินเฟิงอันด้วยดวงตาแดงก่ำ ดวงตาของนางบวมอย่างมาก น้ำตาไหลนอง น่าสงสารอย่างบอกไม่ถูก
อ๋องชินเฟิงอันมองดูนางแวบหนึ่ง พร้อมพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “ถ่ายพลังลมปราณให้เขาแล้ว ผ่านไปได้หรือไม่ ต้องดูความมุ่งมั่นของเขาเอง”
อะซี่สะอึกสะอื้น พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าเฝ้าเขาได้ไหม?”
“ไปสิ” อ๋องชินเฟิงอันพูดพร้อมกับล้วงเอาขวดเซรามิกสีขาวขวดหนึ่ง ออกมาจากในกระเป๋าแขนเสื้อ พร้อมพูดสั่งว่า “ยาพวกนี้เมื่อกี้เขาทานลงไปแล้วหนึ่งเม็ด อีก 2 ชั่วโมง เจ้าค่อยให้อีกหนึ่งเม็ด เริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ก็ทำเช่นนี้ ให้ทานหนึ่งเม็ดทุกๆ 2 ชั่วโมง”
“ได้ ได้ ขอบคุณท่านอ๋อง” อะซี่เช็ดน้ำตา รับขวดเซรามิกมาพร้อมยอดตัวคำนับ
“เข้าไปเถอะ” เขาพูดขึ้นอย่างเรียบเฉย จึงมือชายาเฟิงอันแล้วก็จากไป
มีคนมาแจ้งข่าวว่าหยู่เหวินเห้าได้รับชัยชนะ หยวนชิงหลิงที่อยู่ข้างในก็ได้ยิน หัวใจที่เป็นห่วงในที่สุดก็ค่อยโล่งอก
จัดการบาดแผลให้กับหงเย่เรียบร้อยแล้ว แล้วก็ติดเข็มไว้ให้กับเขา ค่อยเปิดประตูให้อะโฉ่วเข้ามา
อะโฉ่วแสดงท่าทีอ่อนโยนอย่างมาก ยืนอยู่ตรงหน้าเตียงของหงเย่ เฝ้ามองดูอยู่อย่างนิ่งอึ้ง
หยวนชิงหลิงเห็นบนตัวของนางก็มีบาดแผล จึงพูดขึ้นว่า “อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นอะไรมากไหม? ข้าช่วยจัดการให้เจ้า”
“ข้าไม่ตายง่ายๆ” อะโฉ่วค่อยๆส่ายหัว บาดแผลของนางห้ามเลือดไว้ตั้งแต่ก่อนที่จะมาแล้ว
“งั้นก็ดี” หยวนชิงหลิง รู้ว่านางมีนิสัยแปลกประหลาด ก็ไม่พูดหว่านล้อมแล้ว แต่เห็นบาดแผลของนางค่อนข้างเยอะ และมีสองแห่งค่อนข้างลึก จึงอดไม่ได้จัดยาแก้ปวดให้กับนาง พร้อมพูดว่า “หากเจ้ารู้สึกเจ็บบาดแผล ก็ให้ทานหนึ่งเม็ด”
อะโฉ่วรับมา แต่กลับไม่ทาน กำแน่นไว้อยู่ในมือ
“เจ้าทานสิ” หยวนชิงหลิงเหนื่อยล้าอย่างมาก นั่งยืดเอวอยู่บนเก้าอี้ พักเหนื่อยก่อนแล้วค่อยไปดูสวีอี
อะโฉ่วส่ายหัว ใบหน้าที่ขี้เหร่แสดงท่าทีดื้อรั้น พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าไม่ทาน ข้าจะเก็บไว้ให้ท่านชาย ข้าไม่กลัวเจ็บ”
“เจ้าไม่ต้องทำเช่นนี้ ที่ข้ายังมี”
อะโฉ่วเหมือนไม่ได้ยิน กำยาแก้ปวดนั้นไว้ในฝ่ามือ แล้วก็เฝ้าหงเย่อยู่อย่างนั้น
หยวนชิงหลิงเห็นเช่นนี้ ก็ไม่สนใจนางแล้ว หลังจากพักหายเหนื่อยแล้วก็ออกไปดูสวีอี
อะซี่เฝ้าอยู่ข้างกายสวีอี สวีอีเหมือนดั่งหุ่นดินเผา นอนไร้ชีวิตชีวาอยู่บนเตียง ตั้งแต่รู้จักสวีอีจนถึงตอนนี้ เขาเป็นคนมีชีวิตชีวากระโดดโลดเต้นมาตลอด จู่ๆก็เห็นเขาเป็นเช่นนี้ หยวนชิงหลิงก็อดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหล
“พี่หยวน ท่านอ๋องบอกว่าต้องดูจิตมุ่งมั่นของเขา” น้ำเสียงของอะซี่แทบไม่เหมือนเสียงของนางแล้ว ว่างเปล่าและสั่นเทา พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าว่าเขาจะฟื้นขึ้นมาไหม?”
“เขาต้องฟื้นขึ้นมา เขาจะทอดทิ้งเจ้าได้อย่างไร?” หยวนชิงหลิงโอบกอดนางไว้เบาๆ อะซี่ซบอกนางร้องไห้ไม่หยุด น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย
หยวนชิงหลิงถอนหายใจยาวๆหนึ่งครั้ง ลูบเส้นผมของนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “อะซี่คนดี ตอนนี้สิ่งที่เจ้าควรทำคือเข้มแข็ง พูดคุยกับเขา ให้กำลังใจเขาผ่านพ้นไปให้ได้ เจ้าเป็นคนที่เขาเป็นห่วงที่สุดในโลกนี้ เขาสามารถได้ยินสิ่งที่เจ้าพูด”
อะซี่ค่อยๆปล่อยนาง ตาบวมอย่างรุนแรง พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงยิ่งสะอึกสะอื้นว่า “ข้าพูดแล้ว ข้าเรียกเขา เขาก็ไม่ตอบสนอง”
“พูดต่อไป เรียกต่อไป” หยวนชิงหลิงหยิบเครื่องฟังเสียงหัวใจออกมา ฟังเสียงจังหวะหัวใจเต้นของสวีอี ไม่รู้ว่าอ๋องชินเฟิงอันใช้ยาอะไร จังหวะการเต้นของหัวใจฟังดูแล้วดีกว่าตอนที่เพิ่งส่งตัวมา
อะซี่นอนฟุบอยู่ข้างเตียง เรียกอยู่ข้างหูสวีอีหลายที สวีอียังคงไม่ตอบสนอง แต่อะซี่กลับเอามือกุมท้องขึ้นมาในทันใด สีหน้าแสดงท่าทีเจ็บปวด
“เป็นอะไรหรือ?” หยวนชิงหลิงเห็นแล้ว จึงรีบประคองนางไว้แล้วถามขึ้น
“เมื่อกี้สู้กับผู้หญิงขี้เหร่คนนั้น คงจะถูกพลังลมปราณของนางทำร้าย” อะซี่โบกมือ พร้อมพูดขึ้นด้วยสีหน้าขาวซีดว่า “พี่หยวน เจ้าวางใจ ข้าไม่เป็นไร เดี๋ยวตั้งจิตรวบรวมพลังลมปราณสักพักก็ดีขึ้นแล้ว”
“ไม่เป็นไรจริงๆหรือ?” หยวนชิงหลิงไม่ค่อยวางใจ ฝีมือการต่อสู้ของอะโฉ่ว นางเคยเห็น เก่งกาจมาก อะซี่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง
“อืม ไม่เป็นไร แค่รู้สึกค่อนข้างเจ็บเป็นครั้งๆ” อะซี่ลองลุกขึ้นยืน แต่จู่ๆก็รู้สึกแปลกๆนิดหน่อย สีหน้าของนางเปลี่ยนไปพร้อมพูดขึ้นว่า “น่าจะไม่ใช่เพราะถูกอะโฉ่วทำร้าย น่าจะเป็นประจำเดือนข้ามาแล้ว”
หยวนชิงหลิงถามขึ้นว่า “ประจำเดือนมา? งั้นก็ปวดประจำเดือน”
“อะไรคือปวดประจำเดือน?” อะซี่ค่อยๆเดินออกไป อยากจะกลับไปเอาของ แต่ก็ไม่วางใจสวีอี จึงหันกลับมามองดูอีกครั้ง
“ก็คือจะปวดเวลาที่ประจำเดือนมา”
อะซี่เอามือกดท้องไว้ ความเจ็บปวดแบบนี้ค่อนข้างชัดเจน จึงขมวดคิ้วพร้อมพูดขึ้นว่า “เดิมข้าก็ไม่เคยเจ็บ จะว่าไป ประจำเดือนก็ไม่มาสองเดือนแล้ว”
หยวนชิงหลิงดึงแขนของนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่มาสองเดือนแล้ว?”
“สองเดือนแล้ว เดิมประจำเดือนข้าก็มาไม่สม่ำเสมอ” อะซี่คิดไปคิดมา พร้อมพูดขึ้นว่า “บางทีอาจจะไม่ถึงสองเดือน”
หยวนชิงหลิงอึ้งไปสึกพัก มองดูนางอย่างค่อนข้างสงสัย พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าท้องแล้วหรือเปล่า?”