อะซี่ได้ยินเช่นนี้ หัวเราะด้วยสีหน้าขาวซีด พร้อมพูดขึ้นว่า “เปล่า ข้ากับสวีอีปรึกษากันแล้ว รอเมื่อทุกอย่างสงบแล้ว ค่อยคิดเรื่องที่จะมีลูก”
“งั้นพวกเจ้าได้ป้องกันไหม?”
“ข้าดื่มยาคุม” อะซี่พูดขึ้น
หยวนชิงหลิงไม่วางใจ ประคองนางออกไป หยิบผ้ารองประจำเดือนออกมาจากในห้องเล็ก ตอนที่พวกนางมา สิ่งของที่ไม่ค่อยได้ใช้เป็นประจำล้วนเก็บไว้ในห้องเล็ก
อะซี่จัดการอยู่ข้างหลังม่านเรียบร้อยแล้วก็เดินออกมา พร้อมพูดกับหยวนชิงหลิงว่า “ประจำเดือนมาจริงๆด้วย”
นางหยิบเสื้อผ้าเข้าไปอีกครั้ง เปลี่ยนชุดแล้วก็ออกมา ตรงท้องน้อยรู้สึกเจ็บทวียิ่งขึ้น จึงพูดขึ้นว่า “ข้าไปเฝ้าสวีอีก่อน ข้าพักอยู่นั้นก็พอแล้ว”
หยวนชิงหลิงประคองนางออกไป เห็นท่าทางของนางแลดูเจ็บปวดอย่างมาก จึงไม่วางใจ เมื่อกลับมาถึงห้องสวีอี เปิดกล่องยาออกแล้วก็หาอยู่สักพัก แล้วก็เห็นแถบที่ตรวจครรภ์จริงๆ ในใจของนางหนักอึ้ง เกรงว่ามีคนท้องแล้วจริงๆ
นางเอาแถบที่ตรวจครรภ์ยืมให้กับอะซี่ พร้อมแนะนำวิธีใช้ให้กับนาง
อะซี่หยิบโถปัสสาวะแล้วก็เข้าไปด้านหลังม่าน สักพัก เอาแถบที่ตรวจครรภ์นั้นออกมาวางไว้ตามที่หยวนชิงหลิงบอก รอสักพัก หยวนชิงหลิงมองเห็นมีขีดแดงสองขีด
นางมองดูอะซี่ พร้อมพูดขึ้นด้วยสีหน้าขาวซีดว่า “อะซี่ เจ้าท้องแล้ว”
อะซี่นิ่งอึ้งมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “นี่เป็นไปได้อย่างไร? ข้าดื่มยาคุมมาตลอด”
“เจ้าไปนอนลงบนเตียงอรหันต์ ห้ามขยับตัวแล้ว” หยวนชิงหลิงพูดสั่งด้วยเสียงเข้ม
“ไม่จริง เป็นไปไม่ได้จริงๆ” อะซี่โบกมือ ในใจกระวนกระวาย น้ำตาไหลร่วงออกมาอีก พร้อมพูดขึ้นว่า “ในเวลาแบบนี้ไม่ควรที่จะตั้งครรภ์ สวีอียังไม่ฟื้นขึ้นมา ข้าจะเฝ้าเขาไว้”
“อะซี่ เชื่อฟัง” หยวนชิงหลิงเรียกคนเข้ามา ช่วยเก็บเตียงอรหันต์ให้กับอะซี่ ขยับเข้าไปพร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าเฝ้าเขาอยู่ที่นี่ก็เหมือนกัน ขยับเตียงอรหันต์ไป เจ้าก็ได้นอนอยู่ด้วยกัน เชื่อฟัง นี่เป็นลูกระหว่างเจ้ากับสวีอี จะเลินเล่อไม่ได้ เมื่อกี้เจ้าต่อสู้กับอะโฉ่ว ตอนนี้เลือดตก อาจจะส่งผลกระทบต่อครรภ์”
ในใจอะซี่กระวนกระวาย น้ำตาไหลลงอาบแก้ม พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่หยวน ข้าจะทำอย่างไร?”
“เจ้าไม่เป็นไร สวีอีก็จะไม่เป็นไร” หยวนชิงหลิงเช็ดน้ำตาบนใบหน้าให้กับอะซี่อย่างอ่อนโยน พร้อมพูดขึ้นว่า “เชื่อฟังข้า นอนลงพักผ่อน ห้ามลุกขึ้นมา ห้ามเดินไปเดินมา พวกเรารักครรภ์ให้ดี อยู่เป็นเพื่อนสวีอี ดีไหม?”
อะซี่ร้องไห้อย่างหนัก อาการปวดตรงท้องก็ยิ่งอยู่ยิ่งรุนแรง หลังจากนางนอนลงแล้วก็หันไปมองสวีอี ร้องไห้พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าได้ยินแล้วหรือยัง? พวกเรามีลูกแล้ว เจ้าต้องฟื้นขึ้นมา ไม่อย่างนั้นข้ากับลูกจะทำอย่างไร?”
“อะซี่ ห้ามร้องไห้” หยวนชิงหลิงเห็นนางเป็นเช่นนี้ ก็ทุกข์ทรมานอย่างมาก
อะซี่ร้องไห้ ทำอะไรไม่ถูก พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่หยวน ข้าคิดถึงท่านย่าแล้ว เจ้าส่งคนไปตามท่านย่ามา ข้าคิดถึงท่านย่าแล้ว”
“ได้ ข้าสั่งคนไปเชิญท่านย่ามา เชิญท่านแม่ของเจ้ามา ให้พวกนางมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้า ดีไหม?” หยวนชิงหลิงพูดปลอบ
อะซี่พยักหัว สายตาเต็มไปด้วยความหวาดระแวงและตื่นตระหนก พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้ากลัว ข้ากลัวสวีอีจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีก พร้อมพูดขึ้นด้วยใจโศกเศร้าว่า “อะซี่คนดี ไม่เป็นไร มีข้าอยู่ มีพวกเราอยู่ สวีอีจะไม่เป็นไร ลูกก็จะไม่เป็นไร”
นางสั่งคนไปเชิญแม่นมสี่มาอยู่เป็นเพื่อนอะซี่ก่อน แม่นมสี่ได้ยินว่าอะซี่ตั้งครรภ์แล้ว ทั้งดีใจทั้งโศกเศร้า แล้วก็เข้าไปกอด ปลอบโยนอะซี่
หยวนชิงหลิงออกมาแล้ว ถือกล่องยาลากฝีเท้าที่หนักอึ้งกลับไปยังห้อง เมื่อกี้ตอนที่หายาในกล่องยา เห็นแถบที่ตรวจครรภ์ เห็นยารักษาบาดแผล แต่ไม่เห็นยาบำรุงครรภ์
นางวางกล่องยาไว้บนโต๊ะ หลับตา รวบรวมจิตให้สงบ ขจัดความฟุ้งซ่านออกจากสมอง คิดถึงเพียงยาที่อะซี่ต้องใช้ในตอนนี้
เปิดกล่องยาออกอีกครั้ง กลับก็ไม่มี นางค่อนข้างกระวนกระวาย ปกติกล่องยานี้ขออะไรก็จะต้องได้อย่างนั้น ทำไมครั้งนี้กลับไม่เป็นดั่งหวังแล้ว?
“เจ้าจะไม่ศักดิ์สิทธิ์ในตอนที่อยู่ในช่วงวิกฤตเช่นนี้ไม่ได้นะ นั่นคืออะซี่ อะซี่ เจ้าจะให้เกิดอะไรขึ้นกับลูกของอะซี่ไม่ให้” หยวนชิงหลิงแทบจะร้องไห้พร้อมพูดขอร้อง
นางอ้อนวอนขออยู่หลายครั้ง แต่ในกล่องยาก็ไม่มี ไม่รู้ว่าเหมือนขาดการเชื่อมสัมพันธ์ตรงไหน กล่องยานี้ไม่ขยับสักนิด
ในใจของนางกระวนกระวายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก รีบลุกขึ้นไปหาซาลาเปา จูงพาซาลาเปาเข้ามาในห้อง พร้อมพูดขึ้นอย่างเคร่งขรึมว่า “ซาลาเปา เจ้ามองดูแม่ เห็นในหัวสมองยังมีแสงสว่างไหม?”
ซาลาเปาหรี่ตาลงสักพัก พร้อมพูดขึ้นอย่างค่อนข้างลังเลว่า “มี”
“มี?” งั้นก็น่าแปลก ทำไมกล่องยานี้ ไม่เพิ่มขึ้นหรือลดลงตามความประสงค์ของนาง?
“อืม มี อยู่ตรงนี้” นิ้วมือของซาลาเปาชี้ไปที่สมองซีกขวาของนาง ตอนที่ชี้ ยังกดลงด้วย
หยวนชิงหลิงจูบเขาหนึ่งที พร้อมพูดขึ้นว่า “ดี ดีแล้ว ใช่ เรื่องที่แม่ถามเจ้าเกี่ยวกับแสงสว่างในสมอง เจ้าห้ามบอกพ่อนะ”
ซาลาเปาเอามือทั้งคู่สอดไว้ในกระเป๋าแขนเสื้อ เงยใบหน้าน้อยขึ้น พร้อมพูดขึ้นอย่างไม่แยแสว่า “ไม่บอก ข้ากับเขาไม่มีอะไรต้องคุยกัน”
“อย่าทำเช่นนี้ พ่อเคยพูดแล้ว หลังจากจัดการเรื่องอันตรายเรียบร้อยแล้ว ก็จะขอโทษเจ้า” หยวนชิงหลิงรู้ว่าเขายังโกรธเรื่องที่เจ้าห้าดุเขา ลูกคนนี้ดูไม่สนใจใยดี แต่ที่จริงในใจกลับอ่อนโยนอย่างมาก
ซาลาเปาเอามือทั้งคู่ไขว้ไว้ด้านหลังศีรษะ เดินออกไปพร้อมพูดขึ้นว่า “แล้วแต่”
วันนั้นท่านแม่อธิบายให้เขาฟังแล้ว เดิมเขาไม่โกรธแล้ว แต่ก็ยังเห็นภาพตอนที่ท่านพ่อดุเขา ในใจยังคงโกรธอยู่
ซาลาเปามาถึงหน้าประตู แล้วก็หันกลับมามองหยวนชิงหลิงแวบหนึ่ง ลังเลสักพักพร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านแม่ แสงบนหัวของท่านแม่เมื่อกี้ขาดไปแปบหนึ่ง”
“ขาด? แล้วตอนนี้ล่ะ?” หยวนชิงหลิงเป็นกังวลขึ้นมาอีกครั้ง
“ตอนนี้มีแล้ว ท่านแม่จะไม่เป็นไร มีพวกเรา มีน้องๆ” ซาลาเปาพูดขึ้น
หยวนชิงหลิงนิ่งอึ้ง มือทั้งคู่กดอยู่บนกล่องยา หลังจากนั้นสักพักแล้วค่อยๆเปิดออก มองเห็นยาข้างใน มียาแล้ว นางค่อยโล่งอก
นางรีบเอายาออกมา กลัวว่ากล่องยาจะเปลี่ยนใจแล้วกลืนกลับไป แต่ว่าในใจกลับยังวางใจไม่ลง เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงขาดได้?
นางเอายาไป เติมน้ำเกลือให้กับอะซี่ก่อน แม่นมสี่กล่อมอะซี่ได้แล้ว อารมณ์ของนางค่อนข้างสงบลง
หยวนชิงหลิงก็ไม่กล้าไปไหน เพียงแค่เฝ้านางไว้
ประมาณเที่ยงคืน คนของตระกูลหยวนมาถึงแล้ว หยวนหย่งอี้ก็มา อะซี่เห็นพวกนางแล้วก็ดีใจอย่างมาก แล้วก็ร้องไห้ขึ้นมาอีก จึงไม่พ้นกับการต้องปลอบโยนกันอีกครั้ง
สุดท้ายประมาณหลังเที่ยงคืน นางค่อยกลับไปยังที่ห้อง เพิ่งกลับไปสักพัก เจ้าห้ากลับมาแล้ว
เขาเปลี่ยนเสื้อผ้า สวมชุดคลุมยาวสีขาว สวมมงกุฎ อ่อนโยนเหมือนดั่งหยก
เข้าประตูมาก็โอบกอดนางแนบอก กลิ่นคาวเลือดบนตัวค่อยๆฟุ้งขึ้น หยวนชิงหลิงค่อนข้างเวียนหัว อิงซบแนบอกเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าห้า เจ้าได้รับบาดเจ็บ”
“ไม่เป็นไร บาดเจ็บเล็กน้อย” เขาพูดขึ้นด้วยเสียงเบา ปล่อยนางแล้วมองอย่างลึกซึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “เดิมควรที่จะมาแต่เช้าแล้ว แต่กลับจวนไปเปลี่ยนเสื้อผ้า กลัวเจ้าเห็นบนตัวของข้าที่เปื้อนไปด้วยเลือดของศัตรู”
ในใจหยวนชิงหลิงเจ็บปวด ผู้ชายคนนี้อยู่ข้างนอกสามารถค้ำชูท้องฟ้าได้ กลับมาอยู่ข้างกายนาง กลับยอมที่จะเป็นผู้ชายอ่อนโยนเอาใจใส่