ฮูหยินตระกูลเหลิ่งราวกับพบกับคนรู้ใจ รีบเอ่ยขึ้น “ใช่ ข้าก็คิดอย่างนี้เหมือนกัน นี่ไง ที่ข้าเจาะจงมาหาพระชายารัชทายาทก็ด้วยเรื่องนี้นี่แหละ”
หยวนชิงหลิงสะดุ้ง มองฮูหยินตระกูลเหลิ่ง “ข้า? ข้าเกลี้ยกล่อมใต้เท้าเหลิ่งไม่ได้หรอก”
“ไม่ต้องเกลี้ยกล่อมเพคะ” ฮูหยินตระกูลเหลิ่งยิ้มร่า “แต่อยากขอให้พระชายารัชทายาทออกหน้าเป็นแม่สื่อให้เพคะ!”
หยวนชิงหลิงตะลึงลิ้นจุกปาก นางกลายเป็นแม่สื่อตั้งแต่เมื่อไร? สวีอีให้นางเป็นแม่สื่อ ตอนนี้ฮูหยินตระกูลเหลิ่งก็มาให้นางเป็นแม่สื่ออีก เรื่องแบบนี้นางไม่ไหวนะ
อีกอย่างการเป็นแม่สื่อ หากทำได้ดีทุกคนเริงรื่น ทำได้ไม่ดี เช่นนั้นก็เป็นการทำร้ายอีกฝ่ายตลอดชีวิต นางรับปากไม่ได้เด็ดขาด
ดังนั้นเมื่อฮูหยินตระกูลเหลิ่งกล่าวจบ หยวนชิงหลิงก็ปัดมือเอ่ย “ฮูหยิน ไม่ใช่ว่าข้าไม่ยินดีช่วย แต่ข้าไม่ค่อยรู้จัก…”
นางยังไม่ทันกล่าวจบ ฮูหยินตระกูลเหลิ่งก็รีบพูดขึ้น “พระชายารัชทายาทจะบอกปัดไม่ได้นะเพคะ เรื่องแม่สื่อเนี่ย ต้องเป็นพระองค์จึงจะเหมาะสม เชื่อว่าหากทรงออกหน้า ต้องสำเร็จแน่เพคะ”
เมื่อแม่นมสี่ได้ยินเช่นนั้นจึงเอ่ยถาม “ไม่ทราบเป็นบุตรีบ้านไหนหรือ?”
ฮูหยินเหลิ่งยิ้มพลางเอ่ย “แม่นางเจ็ดตระกูลหยวน!”
หยวนชิงหลิงตะลึงงัน “อะไรนะ?”
นี่ไม่ใช่วัวแก่กินหญ้าอ่อนหรือ? ปีนี้อะซี่เพิ่งสิบเจ็ด เป็นอันดับสี่ แล้วปีนี้แม่นางเจ็ดจะอายุเท่าไร?
อะซี่มาถึงพอดี พอได้ยินเช่นนี้ก็รีบเข้ามา ไม่สนใจว่าตัวเองตั้งครรภ์อยู่ พูดขึ้นด้วยความยินดี “พี่หยวน ท่านจะพูดเรื่องแต่งงานให้ท่านอาเจ็ดข้าหรือ?”
“ท่านอาเจ็ด?” หยวนชิงหลิงมองอะซี่ ไม่รู้ว่านางยังมีอาเจ็ดอีกคน
“รับปากเถอะ ท่านรีบรับปากเร็ว” อะซี่พูดด้วยความดีใจ
หยวนชิงหลิงมองอะซี่ งงงวยเล็กน้อย อาเจ็ดเป็นลูกสาวคนเล็กของฮูหยินใหญ่ตระกูลหยวนหรือ? แต่ดูปีนี้ฮูหยินใหญ่ตระกูลหยวนก็หกเจ็ดสิบแล้วมั้ง? อาเจ็ดคนนี้ปีนี้อายุเท่าไรกัน?
นางลุกขึ้นยืน กล่าวขออภัยกับฮูหยินตระกูลเหลิ่ง แล้วพาอะซี่ออกไปถามรายละเอียด
อะซี่เอ่ย “ปีนี้ท่านอาเจ็ดข้าอายุยี่สิบเก้าแล้ว ไม่ยอมออกเรือน ท่านย่าร้อนใจจะตายชัก”
“เมื่อก่อนข้าไม่เคยได้ยินเจ้าพูดถึงท่านอาเจ็ดคนนี้นี่ ตอนนี้นางอยู่ที่ไหน?”
“ที่หวยหยางไง ดูแลกิจการของตระกูลอยู่ นางสวยมากเลยล่ะ ทำการค้าก็เก่ง เรื่องการค้าเนี่ย ท่านย่าไม่เคยห่วงเลย”
“ท่านแม่เจ้าไม่ได้เป็นคนดูแลการค้าทางบ้านอยู่หรือ?” หยวนชิงหลิงจำได้ว่าแม่ของอะซี่ก็ดูแลกิจการเหมือนกัน
“ท่านแม่ข้าแค่ดูแลที่อยู่ในเมืองหลวง ท่านอาเจ็ดดูแลการค้าทางหวยหยาง พี่หยวน ท่านก็ช่วยเป็นแม่สื่อท่านอาข้าเถอะ จับนางกับใต้เท้าเหลิ่งไว้ด้วยกัน ท่านย่าต้องดีใจมากแน่”
ทว่าหยวนชิงหลิงกับรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เหตุใดฮูหยินตระกูลเหลิ่งท่านนี้ถึงยอมให้เหลิ่งจิ้งเหยียนแต่งกับผู้หญิงที่อายุเกือบสามสิบ? ตามหลักถ้าอยากหาให้เหลิ่งจิ้งเหยียนจริง ก็หาที่อายุน้อยหน่อยก็ได้ ถ้าพูดตามยุคปัจจุบัน ด้วยชื่อเสียงหน้าตากับชาติตระกูลของเหลิ่งจิ้งเหยียน จะหาผู้หญิงอายุสิบห้าสิบหก ก็มีคนยินดีเสียเปรียบให้ลูกสาวมาแต่งเป็นกอง
นี่แปลกมากจริงๆ
นางไม่ได้รับปากอะซี่ เข้าไปพูดคุยกับฮูหยินเหลิ่งอีกพักหนึ่ง ฮูหยินเหลิ่งถึงพูดความจริง ที่แท้หลายวันก่อนนางเร่งเร้าเหลิ่งจิ้งเหยียน แต่ไหนเลยจะรู้ว่าเหลิ่งจิ้งเหยียนบอกว่ามีคนในใจนานแล้ว เป็นแม่นางเจ็ดนั่นเอง พอฮูหยินเหลิ่งรู้ว่าเป็นแม่นางเจ็ดก็ไม่ค่อยพอใจ แต่เมื่อปรึกษากับนายท่านเหลิ่งแล้ว อายุมากหน่อยก็ไม่เป็นไร อย่างไรก็เป็นคนที่เขาชอบ อยากแต่งงานด้วย อีกอย่างอายุสามสิบก็ยังมีลูกได้ แต่งมาก็มีลูกสักคน วันหน้าไม่ถึงกับแก่แล้วต้องอยู่โดดเดี่ยวเดียวดาย
ดังนั้นหมดหนทางถึงได้มาหาหยวนชิงหลิง เพราะนางสนิทสนมกับทางตระกูลหยวน ลองถามดูสักหน่อย หากมีความคิดนี้เหมือนกันค่อยหาแม่สื่ออีกคนไปหาที่บ้าน ไม่ใช่จะให้นางไปเจรจาเรื่องนี้ให้ได้จริงๆ
หยวนชิงหลิงไม่ได้รับปากทันที เพียงแต่บอกว่าจะไปดูลาดเลาก่อน รอจนฮูหยินเหลิ่งกลับไปแล้วก็ให้คนเชิญหยวนหย่งอี้มาที่จวน แม่นางเจ็ดอายุขนาดนี้แล้วยังไม่แต่งงาน คาดว่าต้องมีปัญหาแน่ ถามอะซี่ อะซี่ก็ไม่รู้เรื่อง หวังอะไรไม่ได้ จึงได้แต่ถามหยวนหย่งอี้
หากใต้เท้าเหลิ่งก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน หมายปองแม่นางเจ็ด เช่นนั้นนางหยั่งเชิงทางตระกูลหยวนหน่อยก็ไม่ใช่ไม่ได้
หยวนหย่งอี้เอ่ย “ท่านอาเจ็ดข้าเป็นคนดี แต่ดื้อรั้นไปหน่อย ท่านย่ามักบอกว่านางหัวแข็ง เรื่องที่ตัดสินใจแล้วให้ตายก็ไม่เปลี่ยนใจ ทำการค้าก็เหมือนกัน คนเขาว่าทำไม่ได้ นางก็จะทำให้ได้ และไม่คิดว่านางจะทำสำเร็จจริงๆ หลายปีมานี้เพราะนาง การค้าของเราถึงขยายไปมากกว่าครึ่ง ทุกเมืองในเป่ยถังล้วนมีร้านค้าของเราหมด”
“แล้วทำไมนางไม่แต่งงานล่ะ?” หยวนชิงหลิงถาม
หยวนหย่งอี้ส่ายหน้า “ข้าก็ไม่รู้ ตอนที่นางพูดเรื่องแต่งงานข้ายังเด็ก แต่ข้าเคยได้ยินท่านย่าพูดถึง บอกว่าหลายปีก่อนนางเคยกลับมาบอกท่านย่าว่านางชอบผู้ชายคนหนึ่ง จะแต่งกับเขา เดิมท่านย่าคิดว่าแต่งได้ ไหนเลยจะรู้ว่าตอนหลังนางไม่พูดถึงผู้ชายคนนั้นอีก มีช่วงหนึ่งนางกลับมาแล้วก็เสียใจมาก หลบอยู่ในบ้านไม่ไปไหนหนึ่งเดือนเต็ม ร้องไห้ไปหลายตลบ เมาก็หลายรอบ จากนั้นก็บอกกับท่านย่าว่าชาตินี้จะไม่แต่งงานอีก”
“พูดอย่างนี้ ก็คือเคยเจ็บเพราะรัก ผู้ชายคนนั้นหลอกเงินทองของนางหรือ?” หยวนชิงหลิงถาม
ไม่ว่าจะเป็นคนหลักแหลมเพียงใด เมื่อถลำลึกอยู่ในห้วงแห่งความรักแล้วก็ถูกหลอกได้ง่าย ไม่เพียงผู้หญิงที่เป็นเช่นนี้ ผู้ชายก็เช่นกัน อ๋องฉีก็คือตัวอย่างที่เห็นอยู่หลัดๆ
หยวนหย่งอี้ส่ายหน้า “ไม่ ได้ยินว่าผู้ชายคนนั้นแต่งกับหญิงอื่นแล้ว รายละเอียดพวกเราก็ไม่รู้ ท่านฝู้เป็นคนบอกมา ท่านฝู้ติดตามท่านอาเจ็ดทำการค้าอยู่ข้างนอกตลอด เป็นเถ้าแก่รอง ถึงยังไงหลายปีมานี้ท่านอาเจ็ดก็ไม่ค่อยกลับเมืองหลวง ตรุษจีนปีที่แล้วนางก็ไม่กลับมา บางครั้งท่านย่าก็โมโห บอกว่าคิดว่านางตายอยู่ข้างนอกก็แล้วกัน แต่ถึงท่านย่าจะพูดแบบนี้ ในใจก็ยังเป็นห่วงท่านอาเจ็ดมาก เครียดไม่รู้สักกี่ครั้งแล้ว พี่หยวน ถ้าเรื่องนี้สำเร็จจะดีที่สุด แต่ข้าว่าไม่น่าเป็นไปได้ ไม่มีใครเกลี้ยกล่อมท่านอาเจ็ดได้”
หยวนชิงหลิงเศร้าใจมาก อะไรจะน่าเศร้ายิ่งกว่าจิตใจที่ตายแล้ว คิดๆ ดู ท่านอาเจ็ดต้องถูกทำร้ายจิตใจหนักมากแน่ เหมือนกับเสี้ยวหงเฉิงในตอนนั้น? เสี้ยวหงเฉิงก็ถูกหลินเซียวหลอกจนทุกข์เวทนา ดีที่ตอนนี้เสี้ยวหงเฉิงคบกับลู่หยวนดี รอลู่หยวนกลับมาจากหนานเจียง ทั้งสองก็จะจัดงานมงคลกัน
หากก้าวออกมาได้ก็จะพบกับความสุข แต่ท่านอาเจ็ดกลับไม่โชคดีเหมือนเสี้ยวหงเฉิง ที่ได้พบผู้ชายดีๆ เหมือนลู่หยวน
“ตอนนี้ท่านอาเจ็ดเจ้ายังอยู่ที่หวยหยางหรือ?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม
“ใช่ แต่อีกไม่นานก็จะกลับมาแล้ว วันครบรอบวันเกิดท่านย่า!” หยวนหย่งอี้ตอบ
“งั้นแบบนี้เป็นไง ถึงตอนนั้นเจ้าก็ลองหยั่งเชิงดู ถ้าท่านอาเจ็ดเจ้ามีใจให้ใต้เท้าเหลิ่ง งั้นพวกเราก็ผลักดันให้เรื่องนี้สำเร็จ เป็นไง?” หยวนชิงหลิงเอ่ย
ที่ทางเหลิ่งจิ้งเหยียนเอ่ยเช่นนี้ได้ ก็คงมีใจให้ท่านอาเจ็ดเหมือนกัน
หยวนหย่งอี้กล่าว “ได้ รอท่านอาเจ็ดกลับมา ข้าจะลองถามนางดู ถ้าเป็นไปได้ก็จะดีที่สุด ใต้เท้าเหลิ่งเป็นสุภาพบุรุษที่หายากในเป่ยถัง มีความรู้ มีชาติตระกูล บุคลิกงามสง่า สุภาพอ่อนโยน ถ้าไม่ใช่เพราะข้าออกเรือนแล้ว ข้ายังต้องมีใจให้เขาแน่”
หยวนหย่งอี้ว่าแล้วก็แลบลิ้นใส่หยวนชิงหลิง “เรื่องนี้รู้ถึงหูเจ้าเจ็ดไม่ได้ ได้ทะเลาะกันแน่!”
หยวนชิงหลินก็หัวเราะพูด “วางใจเถอะ เขาสู้เจ้าไม่ได้หรอก แต่…ใต้เท้าเหลิ่งดีมากจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะข้ามีเจ้าห้า…”
ทันใดนั้นข้างนอกก็มีเสียงเย็นชาดังขึ้น “ถ้าไม่ใช่เพราะมีข้าแล้วจะยังไง?”