บัลลังก์หมอยาเซียน – ตอนที่ 291 ข้าอาจจะฆ่าคน

แม่นมดื่มยาพิษ
มันคือยาพิษอะไรก็ไม่รู้ หมอหลวงตรวจไม่ออก ในห้องไม่มีข้าวของเสียหาย นางถึงขนาดที่ว่าหลังจากดื่มยาพิษแล้วยังสามารถไปล้างแก้วให้สะอาด
แม้หมอหลวงเฉาจะให้ยาถอนพิษกับนาง แต่ว่าหลังจากที่กินยาถอนพิษเข้าไปสองเม็ด แม่นมสี่ก็คงยังไม่รู้สึกตัว มีเพียงแค่ลมหายใจเท่านั้น แต่ลมหายใจนั้นอ่อนจนน่าตกใจ ราวกับว่าวินาทีต่อไป นางก็จะสิ้นใจ
หยวนชิงหลิงเข้ามาเห็นเข้า ทันใดนั้นร่างกายก็อ่อนแรง อาศัยจังหวะที่หยู่เหวินเห้าขวางหมอหลวงเฉาเอาไว้ หยิบกล่องยาออกมา
นางกึ่งคุกเข่าอยู่ข้างเตียง หยิบเครื่องช่วยฟังออกมา ฟังเสียงเต้นของหัวใจ หัวใจเต้นอ่อนมาก นางค้นหายาในกล่องยาด้วยมือที่สั่นเทา หยิบยาอะโทรปีนออกมา ไม่สนใจแล้วว่านางดื่มยาพิษอะไรลงไป ฉีดยาเข้าไปแล้วค่อยว่ากันอีกที
โสวฝู่ฉู่ก็เข้ามาแล้วเช่นกัน เขาลังเลอยู่ที่ประตูไปครู่หนึ่ง ก็บุกเข้ามาโดยตรง
หยู่เหวินเห้าก็ขวางไว้ทันที มองเขาไปแวบหนึ่ง ในใจอดไม่ได้ที่จะตกใจ เขารู้จักโสวฝู่ฉู่มานานหลายปี ไม่เคยเห็นเขาที่กระวนกระวายแบบนี้มาก่อน แววตาของเขาเต็มไปด้วยความว่างเปล่าเหมือนมองแม่นมสี่อยู่ แต่ว่า แววตาของเขากลับไร้จุดหมาย
เมื่อกี้ตอนอยู่ข้างนอก เขาได้ให้คนกลับไปเอายาทั้งหมดของจวน ยาทั้งหมดที่สามารถใช้ได้
แต่เมื่อเห็นนางที่ไม่มีความโกรธเลยเหมือนกำลังนอนอยู่อย่างสวยงามแต่ข้างในกลับมียาพิษ หัวใจของเขาเหมือนตกลงไปในห้องเก็บน้ำแข็ง หนาวจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว
หยู่เหวินเห้าปล่อยเขา ไม่ได้ขวางเขาแล้ว เพียงกล่าวอย่างเย็นชา “โสวฝู่ฉู่เกรงว่าท่านจะมาช้าไปเสียแล้ว”
เขาก็ยืนอย่างใจลอยอยู่ตรงนั้น มองดูหยวนชิงหลิงช่วยนางฉีดยา ล้างท้อง ก็ไม่รู้ว่าฉีดอะไรเข้าไป อย่างไรก็ตาม เขานั้นอยากให้หยวนชิงหลิงเอายาทั้งหมดในกล่องยาให้นางกินลงไป
เรื่องราวในอดีตที่อยู่ในสมอง โผล่ขึ้นมาทีละภาพ
เขายังจำครั้งแรกที่เจอกับนางได้อย่างชัดเจน ปีนั้นนางอายุแค่สิบห้าปี ทำผมทรงจุกสองข้าง ดวงตากลมโต รอยยิ้มยังมีลักยิ้ม สวมชุดนางกำนัล ติดตามอยู่ข้างกายไท่ซ่างหวงที่ยังเป็นรัชทายาทในตอนนั้น วันนั้น ฝนตกกระหน่ำ แต่พวกเขายังประลองวรยุทธ์กันอยู่ในสวน ตอนนั้นไท่ซ่างหวงเพิ่งจะเรียนกระบวนท่าใหม่ แต่ก็ยังเอาชนะเขาไม่ได้ พระองค์ก็ดื้อรั้นที่อยากจะชนะ จึงต้องประลองซ้ำอยู่หลายครั้ง
ตอนนั้นฉางกงกงก็ยังเป็นขันทีน้อย หน้าตาหล่อเหลา มักจะแอบดูพวกเขาต่อสู้กันที่ตรงระเบียบ เสี่ยวสี่ก็ยืนอยู่ข้างกายฉางกงกง มองพวกเขาด้วยสายตาที่เป็นประกาย
วันนั้น ในที่สุดเขาเป็นคนแพ้
เพราะถ้าไม่แพ้ ไท่ซ่างหวงก็จะประลองอย่างต่อเนื่อง ไท่ซ่างหวงก็มีนิสัยที่ดื้อรั้นแบบนี้ตั้งแต่ตอนเป็นหนุ่ม
เบ้าตาเขาโดนชกจนบวมช้ำแล้ว เปียกไปทั้งตัว
เสี่ยวสี่หยิบเสื้อเดินเข้ามา ให้เขาเปลี่ยนชุดที่เปียกออก จากนั้นก็ต้มไข่ฟองหนึ่งช่วยเขาประคบรอยช้ำที่เบ้าตา
นางแอบกระซิบที่ข้างหูของเขา “ครั้งหน้า หากพระองค์เรียกท่านมาประลองยุทธ์อีก ท่านก็แพ้ให้กับพระองค์ในรอบที่ห้า อย่าฝืนเด็ดขาด ไม่ใช่นั้น พระองค์ก็จะตอแยท่านทั้งวัน แต่ก็อย่าแพ้แต่เนิ่นๆ มิเช่นนั้น พระองค์จะดูออกว่าท่านจงใจแพ้”
เขาหรี่ตาข้างหนึ่งมองนาง นางยิ้มจนหน้าแดง ลักยิ้มบุ๋มเข้าไป แววตาเปล่งประกาย ดูสดใสเหมือนเจ้ากระต่ายที่วิ่งอยู่บนภูเขา
เขาไม่เคยพูดกับใครมาก่อน แม้จะเป็นสายตาที่ธรรมดา เขากลับรู้สึกเหมือนกวางพุ่งชนเข้าที่หัวใจ มีบางสิ่งกำลังแพร่กระจายอย่างรวดเร็วเหมือนกับดอกไม้ไฟ ทำให้เขาเหมือนจะลอยขึ้นมา
ในตอนนั้น เขาไม่เคยคิดที่จะแต่งนางเป็นภรรยา สิ่งที่เขาคิดในทุกวัน เพียงแค่จับมือที่นุ่มของนางเอาไว้ หรือได้สัมผัสเพียงเล็กน้อยก็พอ
เขาไม่รู้ว่าในใจของเสี่ยวสี่ ความทรงจำครั้งแรกที่เหลือไว้จะใช่ภาพนี้หรือไม่ แต่ว่า เสี่ยวสี่ไม่มีทางที่จะหวั่นไหวก่อนเขาอย่างแน่นอน
เรื่องราวในปีเหล่านั้นทั้งหมดเหมือนกับฟ้าแลบ ภาพความทรงจำก็ได้แวบเข้ามาในหัวของเขาทีละภาพ แต่ในขณะนี้ จู่ๆภาพก็หยุดลง
เขามองดูด้วยจิตใจที่ล่องลอย เห็นพระชายาฉู่นั่งอยู่บนพื้นอย่างซึมเศร้า เห็นอ๋องฉู่ยื่นมือไปดึงตัวนางขึ้นมา เห็นนางใช้มือปิดหน้าร้องไห้อย่างเจ็บปวด
เขาเหมือนวิญญาณเข้าร่างอีกครั้ง ก็รู้สึกตัวทันที
เขาเดินไปข้างหน้า มองหน้าของนาง
ความทรงจำยังไม่ได้หายไปจากในหัว แล้วมองดูใบหน้าของนาง จู่ๆก็รู้สึกว่า เวลาได้ผ่านไปหลายสิบปีแล้ว
ลมหายใจของนาง แผ่วเบาอย่างมาก ไม่เห็นหน้าอกที่กระพือขึ้นลงเลย
ข้อแขนที่โผล่มาของนาง ผอมมาก มือนี้ เขาเคยจับมันไว้ในกำมืออย่างแน่นๆ
ชีวิตนี้สิ่งที่เสียใจที่สุดก็คือปล่อยมือนาง
เขาจับมือนางอีกครั้ง มือนางเย็นมาก ไม่มีความอ่อนโยนเหมือนในอดีตอีกแล้ว
ในใจเขา ตอนนี้ราวกับว่ากำลังประสบกับฤดูหนาวเป็นเวลาหลายสิบปี ทำให้ร่างทั้งร่างหนาวเหน็บมาก เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองไปที่หยวนชิงหลิง “นางไม่รอดแล้ว ใช่มั้ย?”
เขาได้เตรียมใจกับผลที่เลวร้ายที่สุดไว้แล้ว เพียงแต่ หัวใจก็อดไม่ได้ที่สั่นไหว
หยวนชิงหลิงเงยหน้าขึ้น ปาดน้ำตา หลังจากเมื่อกี้ที่นางพยายามทำการชีวิตแล้วก็รู้สึกเศร้าและหมดแรง จึงอดไม่ได้ที่จะร้องไห้อย่างเจ็บปวด
“ไม่รู้ แต่ว่าสถานการณ์ไม่ค่อยจะดี ได้พยายามเจือจางยาพิษที่นางดื่มลงไปแล้ว แต่ไม่รู้ว่ายาพิษกระจายไปทั่วร่างหรือยัง หนักแค่ไหน ข้าประเมินไม่ได้ ถามหมอหลวงเถอะ”
หมอหลวงเดินขึ้นมาจับชีพจร ผ่านไปครู่เดียว ก็กล่าว “ชีพจรอ่อนมาก ไม่ค่อยจะดี พิษนี้รุนแรงมาก แม้ว่าจะกินยาแก้พิษเข้าไปแล้ว และพระชายาก็ได้ใช้ยาในการช่วยชีวิต แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถรักษาชีวิตนี้เอาไว้ได้”
“นางดื่มยาพิษอะไร?” โสวฝู่ฉู่ไม่มีความรู้สึกใดๆบนใบหน้า แววตาหมดหวัง
อายุปูนนี้ ฐานะเช่นนี้ ช่ำชองกับการเก็บความมารู้สึกนานแล้ว แต่ปากที่สั่นเล็กน้อย ก็ได้ทรยศเผยความหวาดกลัวที่อยู่ในใจของเขาออกมา
หมอหลวงกล่าว “ไม่ทราบเลย ห้องของนาง ไม่พบยาพิษแต่อย่างใด มีเพียงเหล้าหนึ่งกากับเศษกระดาษที่ถูกเผาไปแล้ว น่าจะเป็นกระดาษที่ใช้ห่อยา นางได้ตัดสินใจแล้วไม่อยากให้คนอื่นช่วยชีวิตนาง”
โสวฝู่ฉู่คอตก มองหน้านางอีกครั้ง ถอนหายใจโดยแทบจะไม่ได้ยินเสียง “ต่อให้เรื่องใหญ่คับฟ้า ยังมีข้าอยู่ ทำไมเจ้าต้องทำเช่นนี้?”
หยู่เหวินเห้าพยุงหยวนชิงหลิงออกไป
สิ่งที่หยวนชิงหลิงสามารถทำได้ ก็ได้ทำไปหมดแล้ว
นางนั่งอยู่ตรงบันไดหิน อะซี่ร้องไห้น้ำตาท่วมไปนานแล้ว หยวนหย่งอี้กำลังปลอบใจนาง เห็นหยู่เหวินเห้าออกมา นางก็หลบไปด้านข้างโดยสัญชาตญาณ ยังคงปลอบใจอะซี่ต่อ
อะซี่เงยหน้าขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยน้ำตา “พระชายา แม่นมจะรอดอยู่มั้ย?”
หยวนชิงหลิงถอนหายใจลึกๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เพิ่งจะร้องไห้เสร็จ “ข้าไม่รู้ ข้าไม่รู้”
ยาที่มีในกล่องยาที่สามารถใช้ได้ นางก็ได้ใช้หมดแล้ว กำลังให้น้ำเกลืออยู่ แต่ว่า จะได้ผลมากแค่ไหน นางก็ไม่รู้
หยู่เหวินเห้าลูบหัวของนาง กล่าวอย่างอ่อนโยน “ที่นี่ลมแรง อย่านั่งตรงนี้เลย กลับไปที่ห้องหรือไปนั่งข้างในเถอะ”
หัวของหยวนชิงหลิงยังคงวุ่นวายอย่างมาก นางสะบัดมือไปหนึ่งที กล่าว “ไม่ ข้าอยากอยู่ที่นี่เพื่อให้ตัวเองตื่น”
สองมือของนางกำลังถูอยู่บนใบหน้า น้ำตาคลอเบ้า มองดูหยู่เหวินเห้า กล่าวอย่างเสียใจ “นางเป็นคนแรกที่ดีกับข้า ตอนนั้นข้าดื่มน้ำจื่อจินแล้วเข้าไปวังไปรักษาผู้ป่วย หลังจากฤทธิ์ยาน้ำจื่อจินหมดไป ข้าเจ็บปวดทรมานไปทั้งร่างเหมือนจะตาย การเดินทุกย่างก้าว การหายใจทุกครั้ง ล้วนเจ็บปวดทรมานจากเลือดที่ซึมออกมา คนที่ข้าพบเห็น ล้วนเย็นชาและร้ายกับข้า ไม่มีใครจะมองข้าด้วยสีหน้าที่ดี ไม่มีใครมาถามถ่ายข้า ข้าหิวข้าว หิวน้ำ คอกำลังร้อนเป็นไฟ ในใจสิ้นหวัง แต่ข้าคิดในใจ ทนได้หนึ่งวันคือหนึ่งวัน จะมาทิ้งชีวิตง่ายๆแบบนี้ไม่ได้ ในเวลานั้น นางได้ปรากฏตัวขึ้นมา นางจับมือข้าเอาไว้ ช่วยข้าทำแผล ให้น้ำให้ข้าวกับข้า ข้าจำได้ไม่ลืม วินาทีที่มือนางมาจับไหล่ของข้าเอาไว้ ตอนนั้นเหมือนข้ากับกำลังห้อยตัวอยู่ตรงหน้าผาในขณะที่ข้ากำลังจะตกลงไปนั้น ก็ได้มีมือข้างหนึ่งยื่นมาดึงตัวข้าขึ้นไป ไม่มีนาง เกรงว่าตอนที่ข้าอยู่ในวังก็คงจะไม่สามารถผ่านมันไปได้ เจ้าห้า หากนางตายไป ข้าจะฆ่าฮูหยินใหญ่ฉู่!

บัลลังก์หมอยากเซียน

บัลลังก์หมอยากเซียน

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: "เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง"หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: "ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น"อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: "เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่" หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: "ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ"

Comment

Options

not work with dark mode
Reset