หยวนชิงหลิงซาบซึ้งที่พวกนางไม่ทอดทิ้งกัน นางรู้ว่าถ้ากลับบ้านมารดา ย่อมต้องเกิดขึ้นลมขึ้นมาไม่น้อย มีพวกนางสองคนอยู่ด้วย อย่างน้อยก็สามารถรับประกันได้ว่าตนเองจะไม่ถูกรังแก
อีกด้านหนึ่ง หยู่เหวินเห้ารอหยวนชิงหลิงกลับมาที่จวน สุดท้ายรอจนได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ เรียกตัวเขาเข้าวัง
ตอนที่เขาควบม้าเข้าวัง เขาเห็นรถม้าของหยวนชิงหลิง จึงได้ดึงบังเหียนเพื่อหยุดม้า ขวางรถม้าของหยวนชิงหลิงเอาไว้
เดิมทีมู่หรูกงกงคิดว่าจะให้พวกเขาได้พบกันสักครั้ง จึงไม่ได้ให้คนขับรถม้าเลี่ยงไปใช้อีกเส้นทางหนึ่ง
ฉะนั้น หลังจากจอดรถม้าแล้ว มู่หรูกงกงก็รีบพูดกับหยวนชิงหลิงว่า “พระชายา อย่าได้เอ่ยถึงเรื่องในวังเด็ดขาด ด้วยนิสัยของท่านอ๋องแล้ว เกรงว่าจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ อาจทำเรื่องจนมีโทษร้ายแรงในวังก็ได้ ”
หยวนชิงหลิงพยักหน้าเบาๆ นางลงจากรถม้า
หยู่เหวินเห้าเองก็ลงจากม้าเดินมาพอดี พูดว่า “เจ้าไม่ต้องลงมา ข้างนอกหนาวมาก”
เขารีบเดินเข้าไปสวมกอดนางเอาไว้ ใช้เสื้อคลุมคลุมตัวนางเอาไว้ ถามขึ้นว่า “เสด็จพ่อพูดอะไรบ้าง”
หยวนชิงหลิงส่ายหน้าซบหน้าไว้ที่อกของเขา ดมกลิ่นที่คุ้นเคยและปลอดภัย ทำให้ร่างแข็งทื่อของนางผ่อนคลายลงไปได้บ้าง
สองมือของนางโอบกอดแผ่นหลังของเขาเอาไว้ นิ้วมือสัมผัสกับลายปักบนเสื้อของเขา สูดลมหายใจเข้าลึกๆหนึ่งเฮือก พูดว่า “ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ถามว่าท่านทำอะไรอยู่ในจวนทุกวัน ”
หยู่เหวินเห้ากระซิบ “เรื่องแค่นี้หรือ เสด็จพ่อคงจะว่างเกินไป ได้ยินว่ามีบัญชาให้เรียกตัวข้าเข้าเฝ้า คิดว่าจะมีเรื่องอะไรซะอีก ตอนนี้เห็นเจ้าแล้ว ข้าก็วางใจ ”
นางเงยหน้าขึ้นจากอ้อมอกของเขา จ้องมองใบหน้าเขานิ่งงัน ยื่นมือไปลูบคิ้วที่ดำดุจหมึก ข้างๆนั้นมีรอยแผลเป็น แผลเป็นตอนนี้เหลือร่องรอยสีแดงหนึ่งเส้นเท่านั้น ไม่ได้สะดุดตามาก และไม่ได้ทำลายโฉม แต่กลับทำให้ดูน่าเกรงขามมากขึ้น
นางไม่รู้ว่าทำไม จึงยิ้มขึ้นมา “ไปเถอะ ข้ากับลูกจะรอท่าน ”
พูดประโยคนี้ออกไป ก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรเช่นกัน ยิ้มนั้นกลับกลายเป็นน้ำตาที่จะเอ่อล้นออกมา นางรีบสูดลมหายใจลึกๆทันที จึงยับยั้งเอาไว้ได้
หยู่เหวินเห้าหอมที่หน้าผากนางหนึ่งที พูดว่า “อากาศหนาว เจ้ารีบกลับไปเถอะ ข้าจะรีบตามกลับไปเช่นกัน ถ้าเหนื่อยก็ไม่ต้องรอข้า นอนก่อนได้เลย”
หยวนชิงหลิงใช้แรงกอดเขาเอาไว้แน่นครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆคลายออก มองเข้าด้วยแววตาลึกซึ้ง “ข้ารอท่าน”
เขายิ้มอย่างเอ็นดู จากนั้นก็หอมที่ใบหน้านางอีกหนึ่งที “ได้ ข้าจะรีบกลับ”
เขาประคองหยวนชิงหลิงขึ้นรถม้า กำชับให้ขับรถม้าช้าๆหน่อย อย่าให้กระแทกกระทั้นเกินไป
มู่หรูกงกงปล่อยม่านกั้นลง ตัดขาดแววตาของหยวนชิงหลิงที่กำลังจ้องมองอยู่
หยวนชิงหลิงได้ยินเสียงฝีเท้าม้าดังขึ้น ห่างออกไป น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ที่สุดก็ไหลออกมา
นางร้องไห้ไร้เสียง ค่อยๆยื่นมือออกมาเช็ดน้ำตา
คืนนี้ช่างเหน็บหนาวจริงๆ
อะซี่ไม่รู้ว่าจะปลอบใจอย่างไรดี ได้แต่กุมมือของนางไว้แน่น รู้สึกเศร้าใจยิ่งนัก
พอกลับไปถึงจวน หยวนชิงหลิงก็ให้แม่นมฉีกับลู่หยาเก็บข้าวของ นางจะกลับไปอยู่บ้านมารดาสักพัก
แม่นมฉีกับลู่หยาต่างก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น มองอะซี่ด้วยความอึ้งตะลึง อะซี่เอ่ยอย่างยากลำบากว่า “ทำตามที่พระชายาสั่งเถอะ”
ลู่หยารีบวิ่งออกไปหาแม่นมสี่กับทังหยางทันที
ทังหยางกับแม่นมสี่พอได้ยินว่าพระชายากลับจากวังก็จะกลับไปอยู่บ้านมารดา ก็รู้ว่าต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ จึงรีบเร่งเข้าไปหา
เห็นมู่หรูกงกงยืนรออยู่ด้านนอก หัวใจของแม่นมสี่หนักอึ้ง รีบเดินเข้าไป
แม่นมฉีกับหมันเอ๋อได้ช่วยกันเก็บข้าวของแล้ว หกเกอเอ๋อก็ช่วยขนของไปไว้บนรถม้าที่อยู่ด้านนอก
แม่นมสี่เข้าไป เห็นหยวนชิงหลิงนั่งอยู่บนเก้าอี้กุ้ยเฟย สองมือทาบไว้บนท้อง สีหน้าขาวซีด
อะซี่เห็นแม่นมสี่มา ก็รีบดึงมือนางเอาไว้ “แม่นม ท่านรีบไปดูพระชายาเร็ว พระชายาบอกว่าไม่สบายท้อง”
“เกิดอะไรขึ้น ”แม่นมสี่นั่งลงบนเก้าอี้ตรงหน้าหยวนชิงหลิง คอยลูบท้องให้นาง “เจ็บหรือไม่ ”
หยวนชิงหลิงสูดหายใจลึกๆหนึ่งเฮือก “ไม่ได้เจ็บมาก เพียงแต่รู้สึกแน่นท้อง”
แม่นมสี่ร้อนใจอยู่บ้าง “ขออย่าให้กระเทือนครรภ์เลย”
หยวนชิงหลิงโบกมือ “ไม่เป็นไร น่าจะเป็นเพราะข้าตื่นเต้นเกินไป พักสักครู่คงหาย”
แม่นมสี่มองนาง “ทำไมจึงต้องกลับบ้านมารดา เป็นความคิดฮ่องเต้หรือ”
“เป็นความคิดของข้าเอง ข้าอยากจะกลับไปอยู่บ้านมารดาสักพัก แม่นม อย่าถามอีกเลย เร่งมือเข้าเถอะ”หยวนชิงหลิงพูด
แม่นมสี่หมุนตัวออกไปข้างนอกรีบดึงมือมู่หรูกงกงไปอีกฟาก “นี่มันเรื่องอะไรกัน พระชายาทรงตั้งครรภ์ จะให้นางกลับบ้านมารดาได้อย่างไร สถานการณ์ของจวนเจ้าพระยาจิ้ง ฮ่องเต้ก็ทรงทราบดี ”
มู่หรูกงกงถอนหายใจเบาๆ “พระชายาขอร้องจะไปเอง ฮ่องเต้จะให้อ๋องฉู่แต่งคุณหนูฮู่เป็นพระชายารอง พระชายาไม่เห็นด้วย”
“ทำไมจึงมีพระชายาโผล่มาอีกคน ถึงแม้จะให้แต่งกันจริง ก็ต้องรอให้พระชายาให้กำเนิดก่อนค่อยแต่งมิใช่หรือ ”แม่นมสี่เอ่ยอย่างร้อนใจ
มู่หรูกงกงรู้ว่าแม่นมสี่นั้นเข้าใจทุกอย่างเป็นอย่างดี จึงเอ่ยขึ้นว่า “ฮ่องเต้เองก็ทรงไร้ทางเลือก เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยมีอำนาจทางทหารแข็งแกร่ง ฮ่องเต้ต้องควบคุมเขาให้ได้ ”
“จะเป็นท่านอ๋องคนอื่นไม่ได้หรืออย่างไร”แม่นมสี่ขมวดคิ้วพูดขึ้น
มู่หรูกงกงยิ้มขม “ใครเล่าจะเหมาะสมเท่ากับอ๋องฉู่ เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยคนนั้นชื่นชมอ๋องฉู่มาก ถ้าหากฮ่องเต้ประทานงานแต่ง แน่นอนว่าต้องเลือกคนที่เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยชื่นชอบ ไม่เช่นนั้น ถ้าเจ้าพระยาเจิ้งเป่ยมีใจคิดทรยศ นี่ไม่เท่ากับทำเรื่องโง่เขลาลงไปหรือ”
แม่นมสี่รู้เรื่องเหล่านี้ในราชสำนักเป็นอย่างดี เป็นหญิงสาวจึงได้แต่ยอมเสียสละ ไม่มีวิธีอื่น
เพียงแต่ ชีวิตของพระชายานั้นไม่ราบรื่นเท่าไหร่ มีชีวิตสงบสุขอยู่ไม่กี่วัน ก็มีเรื่องอีกแล้ว
ก่อนหน้านี้ตระกูลฉู่ยังพอว่า เพราะยังสามารถพูดจาต่อรองกับโสวฝู่ฉู่ได้ แต่เจ้าพระยาเจิ้งเป่ย เกรงว่าจะไม่ง่ายเช่นนั้น
แม่นมสี่ครุ่นคิด ก็รู้สึกกังวลใจขึ้นมา ยื่นคอมองหยวนชิงหลิงจากข้างนอกแวบหนึ่ง ถอนหายใจหนึ่งเสียง “ยากมากที่พระชายาจะยังคงแข็งแกร่งเช่นนี้ หากเป็นคนอื่น เกรงว่าจะอกแตกตายไปแล้ว ”
“พระชายาเองก็เข้าใจความลำบากใจของฮ่องเต้ เสียดาย นางเองก็มีจุดยืนของตนเอง”มู่หรูกงกงนิ่งคิด “เพียงแต่การเข้มแข็งเช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ แต่มีคำพูดหนึ่งของพระชายาที่ฟังดูมีเหตุผลมาก หลังจากกลับบ้านมารดาแล้ว ก็ดีต่อการที่นางจะตั้งครรภ์อย่างแข็งแรง อย่างน้อย คงไม่มีใครมาหาเรื่องพระชายาไร้ประโยชน์ ทางนี้แม้ว่าจะปั่นป่วนเละเทะจนกลายเป็นโจ๊ก ก็ไม่เกี่ยวกับนางไปชั่วขณะหนึ่ง ”
แม่นมสี่นิ่งคิด “มันก็ใช่ แม้ว่าที่จวนเจ้าพระยาจิ้งเองก็มีคนคอยบงการ แต่ได้ยินว่าตอนนี้ฮูหยินเฒ่าก็ฮึกเหิมขึ้นมาบ้างแล้ว เริ่มทำการรวบรวมอำนาจในตระกูล ฮูหยินเฒ่าแต่ไหนแต่ไรก็รักใคร่เอ็นดูพระชายามาก พระชายากลับไปก็คงไม่ได้รับความลำบากมากนัก”
มู่หรูกงกงยิ้ม “ได้ยินว่าแม่นางอะซี่ก็จะตามนางไปด้วย มีแม่นางอะซี่ที่เป็นน้องสาวคนนี้อยู่ด้วย ใครจะกล้ารังแกพระชายา แม้จะไม่มีอะซี่คอยติดตาม แต่พระชายาทรงตั้งพระครรภ์ลูกของราชวงศ์ จวนเจ้าพระยาจิ้งยังต้องทำการต้อนรับอย่างดีด้วยซ้ำไป”
แม่นมถอนหายใจ “ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น แต่ว่า ท่านอ๋องคงจะคลั่ง”
มู่หรูกงกงเองก็เป็นกังวลเรื่องนี้ นิสัยของอ๋องฉู่ถ้าระเบิดขึ้นมา คงไม่สนหน้าไหนทั้งนั้น
“เกรงว่าอ๋องฉู่จะโมโห ฮ่องเต้ก็เลย มีรับสั่งให้ส่งกลับคืนนี้เลย เขาคงไม่ตามไปหาเรื่องถึงจวนเจ้าพระยาจิ้ง”มู่หรูกงกงพูด
แม่นมสี่ไม่ได้มองในแง่ดีเช่นนั้น
พอเข้าวังไปกลับออกมาก็ไม่พบพระชายาแล้ว นี่จะไม่คลั่งได้อย่างไร
ยังจะไปสนใจเรื่องเวลาสถานที่อีกหรือ
บางครั้งท่านอ๋องคลั่งขึ้นมา ไม่มีความเป็นคนด้วยซ้ำ
แม่นมกลับหวังว่าท่านอ๋องจะก่อเรื่องขึ้นสักครั้ง
บัลลังก์หมอยาเซียน – ตอนที่ 348 ท่านอ๋องอาจคลั่งก็ได้
Posted by ? Views, Released on September 28, 2021
, บัลลังก์หมอยากเซียน
ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: "เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง"หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: "ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น"อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: "เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่" หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: "ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ"
Recommended Series
Comment
Facebook Comment