มู่หรูกงกงถามขึ้นว่า “ยังมีเรื่องอะไรอีกหรือ?”
ทหารรักษาพระองค์ลังเลสักพัก พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านอ๋องพูดว่า คลอดลูกทั้งสามคนเสร็จแล้ว ก็จะไปท่องเที่ยวยุทธภพ ไม่ เรากลับไปเก็บของตอนนี้แล้วก็ไปจากเมืองหลวง พูดเช่นนี้ กงกง ท่านฟังรู้ไหมว่าความหมายสำคัญคืออะไร?”
มู่หรูกงกงโบกมือหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร ไปไหนไม่ได้ ยังจะท่องเที่ยวยุทธภพ….อะไรนะ? ลูกสามคน?”
รอยยิ้มมู่หรูกงกงแข็งทื่อไปทันที แล้วก็รีบหันตัว ไปชนถูกประตู แต่ก็ไม่ทันสนใจ รีบพูดกับด้านในว่า “ฮ่องเต้ กระหม่อมมีเรื่องสำคัญต้องทูล”
ฮ่องเต้หมิงหยวนกำลังคุยงานกับโสวฝู่และขุนนางภายในราชสำนักหลายคน มู่หรูกงกงรับใช้มาตั้งนานหลายปีขนาดนี้ ไม่เคยตื่นเต้นขนาดนี้ หากไม่ใช่เรื่องสำคัญ เขาจะไม่มีทางรบกวน ดังนั้น ฮ่องเต้หมิงหยวนได้ยินว่ามีเรื่องต้องทูล จึงพูดขึ้นด้วยเสียงเข้มว่า “เข้ามา”
มู่หรูกงกงผลักประตูเข้ามา รีบเร่งฝีเท้าเดินไปด้านข้างฮ่องเต้หมิงหยวน พร้อมกระซิบแนบหูพูดขึ้น
เมื่อฮ่องเต้หมิงหยวนได้ฟัง ดวงตาเบิกโต พร้อมพูดขึ้นว่า “พูดเช่นนี้จริงหรือ?”
มู่หรูกงกงพูดว่า “ทหารรักษาพระองค์พูดมาเช่นนี้”
ยังไงฮ่องเต้หมิงหยวน ก็เป็นคนที่เคยผ่านประสบการณ์ต่างๆมามากมาย จึงยังสามารถพูดกับพวกโสวฝู่ว่า “ทุกท่านกลับไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยคุยกันใหม่”
ทุกคนต่างมองตากัน แต่ก็ไม่กล้าถามว่ามีเรื่องอะไร เพราะดูหน้าฮ่องเต้ที่เหมือนคนท้องผูก ก็ไม่เหมือนเป็นเรื่องเลวร้าย
เมื่อเหล่าขุนนางไปแล้ว ฮ่องเต้หมิงหยวนก็รีบรับสั่งว่า “สั่งคนไปห้ามไว้ รีบพาตัวมายังห้องทรงพระอักษร ข้าจะถามด้วยตนเอง”
“ขอรับ”มู่หรูกงกงรับคำสั่ง แล้วก็รีบไปทันที
คนถูกตามมาทันที่หน้าประตูจวนอ๋องฉู่ ม้าเร็วแปดตัว ห้อมล้อมรถม้าของทั้งสองสามีภรรยา ไม่ยอมให้พวกเขาลงจากรถม้า
หลังจากครึ่งชั่วโมง อ๋องฉู่ผู้เย่อหยิ่งกับพระชายาอ๋องฉู่ที่ค่อนข้างอ้วนกลม ก็มายืนอยู่ในห้องทรงพระอักษร
เมื่อทั้งสองคนกำลังจะคุกเข่า ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า “พระชายาอ๋องฉู่ไม่ต้องคุกเข่า”
หยู่เหวินเห้าจึงดึงนางไว้แล้วก็ยืนตัวตรง
ฮ่องเต้หมิงหยวนกวาดสายตาหันไปมอง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าตั้งครรภ์หรือขาหัก?”
หยู่เหวินเห้าจึงจำต้องคุกเข่าลง พร้อมพูดขึ้นว่า “ลูกถวายบังคมเสด็จพ่อ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “อยู่อย่างนั้นไปก่อน”แล้วก็มองดูท้องของหยวนชิงหลิง รู้สึกว่าใหญ่ขึ้นเยอะมากจริงๆ
ในฐานะที่เป็นคนชำนาญในการมีลูกคนหนึ่ง (ยังไงก็มีลูกชายเก้าคน ลูกสาวยี่สิบกว่าคน) สายตาที่มองดูครรภ์จึงค่อนข้างเฉียบคม…เป็นพิเศษ
ก่อนหน้านี้รู้สึกกลมมน น่าจะเป็นผู้หญิง แต่ตอนนี้ดูแล้ว นอกจากกลมมน เมื่อมองดูอย่างละเอียดจะเห็นสามมุมแปดเหลี่ยม
ฮ่องเต้หมิงหยวนไม่เพียงมองด้วยตนเอง ยังเชิญหมอหลวงทั้งโรงหมอหลวงมาดูด้วย
สายตาหลายสิบคู่ ต่างจ้องมองท้องของหยวนชิงหลิง
หยวนชิงหลิง รู้สึกเหมือนตนเองเป็นเหมือนศิลาจารึกที่วางอยู่ในตำหนัก ถูกบีบบังคับแสดงนิทรรศการ เก้อเขินยิ่งนัก
จากนั้น ให้นางนั่งลง แล้วก็ผลัดเปลี่ยนกันตรวจชีพจร
หลังจากนั้นอีก ทุกคนต่างเห็นว่า
ความเป็นไปได้ที่จะมีลูกหนึ่งคนนั้นไม่มีแล้ว อย่างน้อยก็ต้องเป็นฝาแฝด
ฮ่องเต้หมิงหยวนถามว่า “ใครเป็นคนตรวจรู้ว่าเป็นแฝดสาม?ขุนนางเฉาหรือ?”
ตอนนี้ขุนนางเฉารออยู่ที่จวนเจ้าพระยาจิ้ง ไม่ได้มาด้วย
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “นอกจากเขาแล้ว ยังมีลูกสะใภ้เองด้วย ลูกสะใภ้ก็เป็นหมอ และเมื่อตอนที่ท้องดิ้น ลูกสะใภ้ก็สามารถมองเห็นรอยเท้าหกข้างนูนขึ้นมาบนผิวหนัง”
ฮ่องเต้หมิงหยวนกลายเปลี่ยนแปลงแลดูเคร่งขรึม พร้อมพูดขึ้นว่า “รอยเท้าหกข้าง? หนึ่งในนั้นเป็นมือน้อยๆหรือเปล่า?”
“มือกับเท้า ลูกสะใภ้แยกแยะได้”หยวนชิงหลิงลูบท้อง พร้อมพูดขึ้น
หยู่เหวินเห้าที่คุกเข่าอยู่ด้านข้างก็พูดขึ้นอย่างรู้สึกโกรธว่า “ลูกก็เคยเห็น”
ฮ่องเต้หมิงหยวนค่อยๆถอนหายใจ แต่แล้วก็ขมวดคิ้วมองไปยังพวกหมอหลวง พร้อมพูดขึ้นว่า “พวกเจ้ามีแผนการอย่างไร? หลานของข้าทั้งสามคน ล้วนต้องคลอดออกมาได้อย่างปลอดภัย”
พวกหมอหลวงปรึกษากันสักพัก สุดท้ายหัวหน้าโรงหมอหลวงพูดขึ้นว่า “ฮ่องเต้ คลอดแฝดสามใช้เวลาค่อนข้างนาน ฉะนั้นร่างกายคนเป็นแม่ต้องแข็งแรง ต้องบำรุงร่างกายพระชายาอ๋องฉู่ให้ดูก่อน และต้องควบคุมไม่ให้ครรภ์ใหญ่จนเกินไป ไม่เช่นนั้น อาจจะเป็นอันตรายต่อร่างกายคนเป็นแม่เสียก่อน”
“ดังนั้น แผนการที่ชัดเจนเป็นอย่างไร?”ฮ่องเต้หมิงหยวนถามขึ้นอย่างไม่พอใจ ที่พูดมาล้วนเป็นความรู้พื้นฐาน มีใครไม่รู้บ้าง?
หัวหน้าโรงหมอหลวงพูดขึ้นว่า “ตอนนี้ครรภ์พระชายามีอายุห้าเดือนแล้ว ดังนั้นจึงยังสามารถเดินได้ ให้จัดอาหารให้อย่างเหมาะสมก่อน วันละห้ามื้อ แต่จะทานเยอะไม่ได้ แต่ละมื้อทานอิ่มพอสมควรก็พอ วันหนึ่งอย่างน้อยต้องเดินเล่นสองครั้ง อีกอย่าง….”เขาหันหยู่เหวินเห้าแว็บหนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า “ดีที่สุดให้สามีภรรยาแยกกันนอน งดมีอะไรกัน”
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “งดตั้งแต่แรกแล้ว ต่อให้ข้านอนกับนาง ก็สามารถทำได้โดยไม่ทำอะไร”
“ไม่กลัวสิ่งที่ได้คาดคะเนไว้ กลัวก็แต่สิ่งที่เกิดขึ้นแบบไม่คาดฝัน”หัวหน้าโรงหมอหลวงพูดขึ้นอย่างหนักแน่น
“คาดคะเนคาดฝันอะไร ข้าบอกแล้วว่าไม่ก็คือไม่”
วันนี้หยู่เหวินเห้าเข้าวังมา เพราะมีแผนส่วนตัว หากเสด็จพ่อรู้ว่าเจ้าหยวนท้องแฝดสาม จะต้องไม่ให้นางอยู่ที่จวนเจ้าพระยาจิ้งไปตลอดแน่ จะต้องยอมให้นางกลับจวน
แต่หากหมอหลวงเสนอให้แยกห้องนอน เสด็จพ่อก็จะต้องให้นางอยู่ในจวนเจ้าพระยาจิ้งต่อไปอีกเป็นแน่
ฮ่องเต้หมิงหยวนมองดูเขาแว็บหนึ่ง พร้อมกับถามหมอหลวงต่อว่า “นอกจากเรื่องนี้แล้วล่ะ? ตอนที่คลอด ควรระวังอะไร? ต้องเตรียมยาอะไร?”
หัวหน้าโรงหมอหลวงพูดขึ้นว่า “ทูลฮ่องเต้ ผงอู๋โยวที่เจ้าพระยาเจียงหนิงแคว้นต้าโจวนำมาควรเตรียมไว้ นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด ตอนที่คลอด ปัญหาที่เกิดขึ้นมากมาย ผงอู๋โยวล้วนสามารถใช้รักษาได้ เพียงแต่ตอนนี้ครรภ์ของพระชายาค่อนข้างโต แต่คนผอมมาก กระดูกเล็ก ตอนที่คลอดน่ากลัวว่าจะมีอันตราย นางผดุงครรภ์ควรเตรียมไว้สามคน ส่วนหมอหลวงสูติ ในวังมีผู้เชี่ยวชาญสองคน จะต้องไปรออยู่ที่จวนอ๋องหรือจวนเจ้าพระยาจิ้งก่อน”
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นว่า “นางผดุงครรภ์ลูกสั่งคนหาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เป็นมามาแก่ที่ใต้เท้าชุยแนะนำ ภายในสิบไมล์แปดตำบลทางโน้น ล้วนเรียกใช้นางทั้งนั้น มีบุญวาสนาอย่างมาก”
ฮ่องเต้หมิงหยวนได้ยินเช่นนี้ พยักหัวเล็กน้อย พร้อมพูดขึ้นว่า “นับว่าเจ้าทำอะไรที่มีประโยชน์อยู่บ้าง พานางผดุงครรภ์มาในเมืองหลวงก่อน”
หยวนชิงหลิงฟังพวกเขาพูดคุยปรึกษากัน ทำไมรู้สึกเหมือนตอนนี้นางจะคลอดแล้ว
“เจ้านั่งแล้วฟังก็พอ”ฮ่องเต้หมิงหยวนเห็นนางยืนกลัวจะเหนื่อย จึงสั่งให้นั่ง
หยวนชิงหลิงถวายขอบพระคุณ แล้วก็นั่งลง ท้องโตแล้วก็ยืนอยู่ถือว่าเหนื่อยจริงๆ
หยู่เหวินเห้าคุกเข่าอยู่ตลอด สุดท้ายหมอหลวงต่างก็ไปกันแล้ว ค่อยให้เขาลุกขึ้นมา
ฮ่องเต้หมิงหยวนมองดูเขา ลูกคนนี้ทั้งรักทั้งชังจริงๆ
ชังที่เขามักจะฉลาดเจ้าเล่ห์ ดื้อ ไม่เชื่อฟัง
เจ้าเล่ห์คนหนึ่งเช่นนี้ กลับมีบุญวาสนาขนาดนี้ มีลูกแฝดสาม ช่างไม่รู้จะทำอย่างไรกับเขาจริงๆ
“เจ้ากลับไปที่กรมการพระนคร ตั้งใจทำงาน หากทำผลงานอะไรออกมาไม่ได้ ข้าจะขับไล่เจ้าไปอยู่เป่ยจวิ้นเป็นเพื่อนพี่สามของเจ้า”ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดขึ้นด้วยสายตาดุและโกรธเคือง
“ลูกน้อมรับราชโองการ”หยู่เหวินเห้ารีบรับคำสั่ง
ฮ่องเต้หมิงหยวนมองดูหยวนชิงหลิง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าล่ะ? อยากอยู่ที่ไหน?ยังจะกลับจวนเจ้าพระยาจิ้งไหม?หรือจะกลับจวนอ๋อง?”
“จวนอ๋อง จวนเจ้าพระยาจิ้งล้วนไม่เหมาะที่จะดูแลรักษาครรภ์”หยู่เหวินเห้ารีบตอบคำถามแทนนาง
ฮ่องเต้หมิงหยวนกวาดสายตามองดูเขาอย่างเย็นชา พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าปากเสียคนเดียวใช่ไหม?”
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นว่า “เจ้าหยวนตั้งครรภ์อย่างเหน็ดเหนื่อย ลูกจึงช่วยนางตอบ”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “เสด็จพ่อ ลูกสะใภ้อยากกลับไปอยู่ที่จวนอ๋อง ที่นั่นค่อนข้างคุ้นเคย”
นางลุกขึ้นยืน ย่อคำนับ พร้อมพูดขึ้นว่า “ลูกสะใภ้อยากจะขอบพระคุณแทนพ่อ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนมองดูนางอย่างเฉยเมย พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าว่ามา”
ใครก็ไม่ควรที่จะยกเว้นจริงๆ ตนเองได้รับความเอ็นดูแล้ว ยังจะขอแทนครอบครัวอีก
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “ท่านพ่อมีนิสัยซื่อตรง ความสามารถมีจำกัด ไม่สามารถที่จะทำคุณประโยชน์ให้กับราชสำนักได้ ขอฮ่องเต้โปรดให้ท่านพ่อลาออกจากราชการ ไปมีชีวิตอยู่อย่างพักผ่อน”
บัลลังก์หมอยาเซียน – ตอนที่ 413 ฮ่องเต้ทรงทราบเรื่อง
Posted by ? Views, Released on September 28, 2021
, บัลลังก์หมอยากเซียน
ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: "เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง"หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: "ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น"อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: "เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่" หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: "ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ"
Recommended Series
Comment
Facebook Comment