อะซี่ที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นว่า “นี่จะกลัวอะไร? ไม่ยอมรับก็หมดเรื่องแล้ว”
หมันเอ๋ออึ้งไปสักพัก พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ยอมรับได้หรือ? เรื่องที่กระทำไปแล้ว จะไม่ยอมรับได้อย่างไร?”
อะซี่พูดขึ้นว่า “เจ้าทึ่มทื่อ กระทำความดีต้องยอมรับ กระทำความผิดกับคนดีก็สามารถยอมรับได้ แต่กับคนเลวทำไมต้องยอมรับ? เจ้าเห็นนางยอมรับว่านางพูดจาว่าร้ายเหยียดหยามพี่หยวนไหม? นางพูดเองเออเองว่าตนเองมีเหตุผล ตอนนี้ข้าหวนคิด นางตั้งใจทำให้ข้าโกรธเพื่อทำลายชื่อเสียงของพี่หยวน คนแบบนี้โหดร้ายมาก สมควรถีบนางอยู่แล้ว ถีบหนึ่งทีไม่พอ สมควรระเบิดหัว”
หยวนชิงหลิงหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “อะซี่ อย่างสอนให้หมันเอ๋อเสียคน”
“หมันเอ๋อทึ่มทื่อ พี่หยวนคิดว่าข้าพูดไม่ถูกหรือ?”อะซี่ถามกลับ
หยวนชิงหลิงพยักหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ใช่ พูดได้ถูกต้องมาก บางครั้งสำหรับคนไม่ดี จะพูดแต่คุณความดีมีศีลและธรรมไม่ได้ คนอื่นจะคิดว่าเจ้าน่ารังแก เราไม่เริ่มรังแกคนอื่นก่อน แต่เมื่อถูกคนอื่นรังแก ก็จะยอมถูกรังแกอยู่ฝ่ายเดียวไม่ได้ มีกำลังก็ต้องตอบโต้ หากไม่มีกำลังก็อดทนไว้ รอเมื่อมีโอกาสค่อยเอาคืน ไม่ว่ายังไง อย่าให้ตนเองถูกเอาเปรียบ”
หมันเอ๋อพยักหัวอย่างเข้าใจหรือไม่เข้าใจก็ไม่รู้ พร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นที่บ่าวถีบในครั้งนี้ นับว่าถีบถูกต้องแล้ว”
“ไม่ผิด ถูกต้องแล้ว” อะซี่เอาวางบนบ่าหมันเอ๋ออย่างภาคภูมิ พร้อมพูดขึ้นว่า “วางใจ มีเรื่องอะไร ข้ารับหน้าแทนเจ้า และก็ไม่ทำให้พี่หยวนเดือดร้อน แต่พวกเรายังคงพูดประโยคนั้น ไม่ยอมรับ ผู้หญิงโตแล้ว ทำบ้างไม่ทำบ้าง บางครั้งยอมรับได้ แต่บางครั้งต้องไม่ยอมรับ”
“พวกเขาเห็นเจ้าชัดเจนไหม?”หยวนชิงหลิงถามขึ้น
หมันเอ๋อส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “บ่าววิ่งเร็วมาก น่าจะมองไม่เห็น”
หยวนชิงหลิงพยักหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นดี ห้ามยอมรับเด็ดขาด”
ตอนที่เจ้ากรมการพระนครพาคนมา หยู่เหวินเห้าไม่อยู่ ไปจวนโสวฝู่กับแม่ทัพใหญ่จิ้งถิง
หยวนชิงหลิงนั่งดื่มชากับจวิ้นจู่เฉินจิ่นหนิงอยู่ในลาน พวกแม่นมอุ้มพวกขนมหวานมาตากแดด หมาป่าหิมะน้อยสามตัว วิ่งวุ่นอยู่ภายในลาน หมาป่าหิมะอยู่ในสภาพที่ร่างกายอ้วนท้วน ก่อนหน้านี้อดอาหารไปสามวัน ทำให้ผอมลงไม่มาก ตอนนี้เลี้ยงอิ่มหนำมาหลายวัน อ้วนกลมเหมือนบอลแล้ว
เฉินจิ่นหนิงชอบหมาป่ากับหมามาก นางเองก็เลี้ยงหมาป่าตัวหนึ่งชื่อเสี่ยวเฮย ดุร้ายอย่างผิดปกติ
มองดูความน่ารักของทั้งสามตัว แล้วก็ชอบอย่างมาก ไม่สนใจว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์อยู่ ไปวิ่งเล่นกับพวกมันอย่างสนุกสนาน
พวกขนมหวานมองดูหมาป่าหิมะกับเฉินจิ่นหนิงเล่นด้วยกัน ก็หัวเราะเหมือนเสียงหมูร้อง มือน้อยอ้วนท้วนโบกไปมาอยู่ในอากาศ เหมือนก็อยากโดนลงไปเล่นด้วย
ทังหยางพาพวกผู้ช่วยเจ้ากรมเข้ามา เห็นภาพในลานนี้จากตรงระเบียงทางเดิน
ผู้ช่วยเจ้ากรมจัดหมวกราชการให้เรียบร้อย เดินตามทังหยาง คำว่าถวายบังคมพระชายารัชทายาท ทำให้ความสุขภายในลานหายหมดสิ้น
หยวนชิงหลิงดื่มชา เอนพิงอยู่บนเก้าอี้ เงยหน้ามองดูผู้ช่วยเจ้ากรมกับผู้ติดตามด้านหลังเขาแว๊บหนึ่ง อย่างเกียจคร้าน พร้อมถามทังหยางว่า “พวกเจ้าเป็นใคร? มีธุระอะไรหรือ?”
หยวนชิงหลิงเคยเห็นผู้ช่วยเจ้ากรมอยู่แล้ว ตอนที่หยู่เหวินเห้ายังอยู่ที่กรมการพระนคร ผู้ช่วยเจ้ากรมเคยมาที่จวน
แต่ครั้งนี้วางมาดอย่างสูงส่ง ผู้ช่วยเจ้ากรมก็พูดขึ้นด้วยเสียงมาดอย่างขุนนางว่า “พระชายารัชทายาท กระหม่อมเกายุ่น เป็นผู้ช่วยเจ้ากรมของกรมการพระนคร วันนี้กรมการพระนครได้รับแจ้งความจากฮูหยินของแม่ทัพใหญ่ตี๋เว่ยหมิง บอกว่าถูกบ่าวใช้ของท่านทำร้ายร่างกายตรงหน้าประตูจวนจูกั๋วกง ศีรษะได้รับบาดเจ็บ กระหม่อมจึงมาด้วยตนเอง ขอพระชายารัชทายาทมอบตัวบ่าวใช้ชั่วคนนั้น ให้กระหม่อมนำตัวไปสอบสวน”
หยวนชิงหลิงถามขึ้นว่า “ฮูหยินของแม่ทัพใหญ่ได้รับบาดเจ็บหรือ? เป็นอะไรมากไหม?”
ผู้ช่วยเจ้ากรมพูดขึ้นว่า “เรียนพระชายารัชทายาท ฮูหยินได้รับบาดเจ็บค่อนข้างหนัก ตอนนี้กลับไปรักษาตัวอยู่ที่จวนแล้ว”
หยวนชิงหลิงอืมหนึ่งคำ เงยหน้ามองดูผู้ช่วยเจ้ากรม พร้อมพูดขึ้นว่า “เมื่อกี้เจ้าพูดว่า ให้ข้ามอบตัวบ่าวใช้ชั่วใช่ไหม? เท่ากับว่า กำหนดโทษแล้ว?”
ผู้ช่วยเจ้ากรมอึ้งไปสักพัก พร้อมพูดขึ้นว่า “นี่….ยังไม่ได้สอบปากคำ ยังไม่ได้กำหนดโทษแน่นอน”
“งั้นคำว่าบ่าวใช้ชั่ว มาได้อย่างไร?”ท่าทีหยวนชิงหลิงเยือกเย็นขึ้นมาในทันใด ดูน่าเกรงขาม
ผู้ช่วยเจ้ากรมพูดขึ้นว่า “เรียนพระชายารัชทายาท ถึงจะไม่ได้กำหนดโทษ แต่ว่าในที่เกิดเหตุมีคนเห็นเหตุการณ์ เป็นบ่าวใช้ข้างกายพระชายารัชทายาทที่ถีบฮูหยินของแม่ทัพใหญ่ จนฮูหยินของแม่ทัพใหญ่ล้มหัวทิ่มไปในเกี้ยว ศีรษะได้รับบาดเจ็บ มีพยานคน และก็มีผู้รับทุกข์”
หยวนชิงหลิงถามว่า “งั้นหมายถึงบ่าวใช้ของข้าคนไหนหรือ? ใช่คนที่วันนี้ทะเลาะกับฮูหยินของแม่ทัพใหญ่คนนั้นหรือไม่?”
ผู้ช่วยเจ้ากรมไม่รู้ว่ามีเรื่องทะเลาะกัน แต่คิดว่าเป็นแค่บ่าวใช้คนหนึ่งก็ยังกล้าทะเลาะกับฮูหยินของแม่ทัพใหญ่ แสดงให้เห็นว่ากำเริบเสิบสานอย่างมาก อาจจะคิดแก้แค้นลับหลังก็เป็นได้ จึงพูดขึ้นว่า “นางนั่นแหละ”
อะซี่ก้าวเดินมา ยืนอยู่ตรงหน้าผู้ช่วยเจ้ากรม พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าไม่เคยถีบนาง นางใส่ร้ายข้า”
ผู้ช่วยเจ้ากรมเห็นน้ำเสียงอะซี่ก้าวร้าว จึงตะคอกพูดขึ้นว่า “บังอาจ ข้าอยู่ตรงนี้ ควรที่เจ้าจะมากำเริบเสิบสานหรือ?”
อะซี่อึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้ากำเริบเสิบสานยังไง? ข้าแค่พูดว่าข้าไม่เคยถีบนาง กลายเป็นกำเริบเสิบสานยังไง?”
ผู้ช่วยเจ้ากรมพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ระวังท่าทีของเจ้าด้วย ท่าทีที่กำเริบเสิบสานของเจ้า จะทำให้พระชายารัชทายาทขายหน้า ส่วนที่เจ้าเคยถีบหรือไม่นั้น ตามข้าไปที่ที่ทำการปกครอง ทุกอย่างก็จะกระจ่างเอง”
อะซี่พูดขึ้นอย่างโมโหว่า “ข้าทำให้พระชายารัชทายาทขายหน้าตรงไหน? ท่าทีข้ากำเริบเสิบสานตรงไหน? เมื่อกี้ก็พูดดีๆอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? ครั้งนี้ข้ากำเริบเสิบสาน แต่ข้าถูกใส่ร้ายข้าไม่ได้กำเริบเสิบสานไม่ใช่หรือ? ใช่ วันนี้ข้าทะเลาะกับนาง เกือบจะทำร้ายร่างกายกันแล้ว แต่ล้วนเป็นเพราะนางปากเสีย ท่านกั๋วกงก็สั่งสอนนางแล้วไม่ใช่หรือ? ทำไมเราออกมาจากจวนแล้ว หลังจากนางถูกท่านกั๋วกงตำหนิสั่งสอน ยังจะเอาความผิดมาโยนให้ข้ารับหรือ? ข้าน่ารังแกมากหรือ?”
ผู้ช่วยเจ้ากรมฟังคำพูดนี้แล้ว สีหน้าเขียวปัด หันไปมองดูหยวนชิงหลิง พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายารัชทายาท บ่าวใช้ในจวนของท่าน ล้วนกำเริบเสิบสานขนาดนี้หรือ? หากพระชายารัชทายาทยุ่งกับงานในจวนจนไม่มีเวลาสั่งสอน งั้นเมื่อไปถึงที่ทำการปกครอง กระหม่อมจะช่วยสั่งสอนนางแทนพระชายารัชทายาท”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “นางไม่นับว่าเป็นบ่าวใช้ในจวนของข้า วันนี้ไปรักษาอาการป่วยของฮูหยินของกั๋วกงที่จวนจูกั๋วกงเป็นเพื่อนข้า นางเป็นผู้ช่วยของข้า ทางวาจา มีปากเสียงกันกับนางจูจริง แต่เรื่องความจริงเป็นยังไง ยังไม่พูดถึง แต่หากผู้ช่วยเจ้ากรมความหมายอื่นแฝง ก็พาตัวอะซี่กลับไปถามความได้ เพียงแต่ จะกำหนดโทษจะต้องมีหลักฐาน หากไม่มีหลักฐาน เกรงว่าสุดท้ายผู้ช่วยเจ้ากรมจะไม่สามารถให้ความเป็นธรรมกับนางได้”
ผู้ช่วยเจ้ากรมพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ให้ความเป็นธรรมอะไร ในเมื่อมีคนมาฟ้อง นางในฐานะที่เป็นผู้ต้องสงสัย จะต้องพาตัวกลับสอบปากคำ ส่วนที่ไม่ว่าจะเป็นบ่าวใช้ก็ดี ผู้ช่วยก็ดี ในเมื่อทำร้ายคนก็ต้องถูกจับ”
หยวนชิงหลิงจึงพูดกับอะซี่ว่า “เจ้ากลับไปกับพวกเขาเถอะ”
อะซี่พูดขึ้นว่า “ได้ ข้าไปกับพวกเขา ดูสิพวกเขาจะใส่ร้ายข้าข้อหาอะไร”
หมันเอ๋อร้อนใจ อยากเข้าไปอธิบาย หยวนชิงหลิงกวาดสายตาหันมามอง สั่งให้นางหยุด หมันเอ๋อจึงต้องถอยกลับ
อะซี่จึงถูกผู้ช่วยเจ้ากรมพาตัวกลับไป ก่อนที่ผู้ช่วยเจ้ากรมจะไป ยังได้พูดเตือนหยวนชิงหลิงอย่างเป็นห่วงว่า “พระชายารัชทายาทควรที่สั่งสอนบ่าวในจวนบ้าง ไม่มีกฎเกณฑ์ไม่สามารถทำอะไรที่สำเร็จได้ บ่าวใช้ที่กล้าทำร้ายแม้กระทั่งฮูหยินตราตั้ง เป็นที่เลื่องลือออกไป มีแต่จะทำให้จวนอ๋องฉู่ถูกนินทาว่าร้าย ให้ท้ายบ่าวใช้”
หยวนชิงหลิงอมยิ้ม พร้อมพูดขึ้นว่า “ขอบคุณผู้ช่วยเจ้ากรมเกาที่เตือน ข้าจะระมัดระวัง”
บัลลังก์หมอยาเซียน – ตอนที่ 534 พระชายารัชทายาทต้องดูแลคนของตัวเองให้ดี
Posted by ? Views, Released on September 28, 2021
, บัลลังก์หมอยากเซียน
ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: "เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง"หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: "ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น"อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: "เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่" หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: "ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ"
Recommended Series
Comment
Facebook Comment