หลังจากแกะผ้าพันแผลเผให้เห็นบาดแผล หยวนชิงหลิงกลั้นลมหายใจ บาดแผลค่อนข้างลึก กล่องยาของนางวางอยู่ด้านข้าง หยิบน้ำยาฆ่าเชื้อมาล้างบาดแผลให้กับเขา หลังจากฆ่าเชื้อทายาแล้วก็พันแผลใหม่
ไท่ซ่างหวงไม่ขยับ ปล่อยให้นางจัดการ เปลือกตาหย่อนคล้อย ดวงตาหรี่ลง มองดูข้าวเหนียวน้อยนอนอยู่ในอ้อมแขนอย่างเงียบๆ เงยหน้าขึ้นมองดูซาลาเปากับทังหยวนบ้างเป็นครั้งคราว นายน้อยสองคนนั่นยังคงหลับใหลเหมือนหมูตัวน้อย ท่ามกลางเสียงร้องไห้ของข้าวเหนียวน้อย
ในใจไท่ซ่างหวงค่อยมีความรู้สึกว่า พระตำหนักฉินคุนที่วุ่นวายเสียงดังเป็นสิ่งที่เขาอยากได้ในตอนนี้
หลังจากพันแผลเรียบร้อยแล้ว หยวนชิงหลิงอุ้มข้าวเหนียวน้อยให้กับแม่นม จากนั้นคุกเข่าอยู่ตรงหน้าไท่ซ่างหวง เงยหน้าขึ้นพร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำตาที่สำนึกผิดว่า “เสด็จปู่ ขออภัย ข้าไม่ได้มาหาท่านตั้งนาน ข้าสำนึกผิดแล้ว”
ไท่ซ่างหวงหายโกรธตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนี้เห็นนางคุกเข่าลง ก็เหลือความดื้อด้านเพียงอย่างเดียว พูดขึ้นอย่างประชดว่า “อยากไม่อยากมาก็ช่าง ใครสนใจ? หลีกไป อย่ากีดขวางข้าทานอาหารเช้า”
หยวนชิงหลิงได้ยินเช่นนี้ ก็รีบลุกขึ้นมาปรนนิบัติเขาทานอาหารเช้า
ถึงแม้ตลอดที่ทานอาหารเช้า ไท่ซ่างหวงบ่นตลอดว่าขนมงาได้ละเอียดอ่อน ขนมโก๋แผ่นเมฆไม่ค่อยหวาน ซุปโสมสามเจ็ดมีรสขม แต่ก็กลับทานไปไม่น้อย สุดท้ายยังประทานซุปให้กับหยวนชิงหลิงหนึ่งถ้วย กับขนมหวานสองชิ้น
หลังจากทานเสร็จแล้ว หยวนชิงหลิงประคองเขาไปเดินเล่นที่อุทยานอวี้ฮัว แม่นมก็อุ้มเด็กตามมาด้วย
ปู่หลานทั้งสองคุยกันสักพัก หยวนชิงหลิงก็เล่าเรื่องที่ตนเองยุ่งในช่วงนี้ให้เขาฟัง ที่จริงไท่ซ่างหวงก็รู้ แต่ก็ยังคงฟังนางพูดอยู่อย่างเงียบๆ
เมื่อเดินเหนื่อยแล้ว ทั้งสองก็เข้าไปนั่งในศาลา หยวนชิงหลิงก็พูดถึงเรื่องงานแต่งของอ๋องหวย อยากรับฟังความคิดเห็นของไท่ซ่างหวง
ไท่ซ่างหวงไม่ได้ถามถึงชาติตระกูลก่อน แต่ถามถึงรูปร่างหน้าตาและอุปนิสัยของหรงเยว่ หยวนชิงหลิล้วนเล่าให้ฟังอย่างละเอียด
หลังจากไท่ซ่างหวงได้ฟังแล้ว พยักหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ยินยอมขึ้นเขาโรคเรื้อนไปกับเจ้า หากไม่มีความหมายอื่นแอบแฝง งั้นก็แสดงว่ามีความปรารถนาดี แต่ไม่ว่าแบบไหน ก็ถือว่าเป็นคนที่มีความกล้าหาญอย่างไม่ธรรมดาคนหนึ่ง คนปกติไม่มีใครกล้าขึ้นไปบนเขาโรคเรื้อน นางเป็นหญิงสาวที่ยังไม่ได้ออกเรือน ยินยอมที่จะไปรักษาผู้ป่วยพร้อมกับเจ้า คู่ควรที่จะพิจารณา”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า “ไท่ซ่างหวง พวกเขาเป็นคนของสำนักเหลิ่งหลัง”
ไท่ซ่างหวงค่อนข้างแปลกใจ พร้อมพูดข้นว่า “สำนักเหลิ่งหลัง?”
“ใช่ หรงเยว่เป็นผู้ปกปักษ์รักษาของสำนักเหลิ่งหลัง”
ไท่ซ่างหวงหัวเราะขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นเรื่องนี้เหมาะสม”
“เหมาะสม?” หยวนชิงหลิงอึ้ง เดิมคิดว่าหลังจากพูดเรื่องสำนักเหลิ่งหลัง ไท่ซ่างหวงจะรู้สึกว่าต้องระมัดระวังบ้าง คิดไม่ถึงว่าจะพูดว่าเหมาะสมทันที
ไท่ซ่างหวงถามขึ้นว่า “ใครเป็นคนก่อตั้งสำนักเหลิ่งหลัง เจ้ารู้ไหม?”
หยวนชิงหลิงส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “รู้ คือท่านชายสี่เหลิ่ง คนรวยซื่อบื้อที่ทุ่มเงินสองล้านตำลึงให้กับราชการสำนักคนนั้นไง”
ไท่ซ่างหวงส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “เขาไม่นับว่าเป็นผู้ก่อตั้ง น่าจะเป็นอาจารย์ของเขาเป็นคนก่อตั้ง อาจารย์ของเขาเป็นใคร เจ้ารู้ไหม?”
หยวนชิงหลิงส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นก็ไม่รู้แล้ว”
ไท่ซ่างหวงยกคางขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง พร้อมพูดขึ้นว่า “โล่หมัน”
หยวนชิงหลิงตกตะลึง โล่หมันพระชายาของอ๋องชินเฟิงอัน? แม่ทัพน้อยชาวหมาป่า? แต่ตอนนี้น่าจะควรเรียกว่าอาจารย์แล้ว? เช่นนี้ ท่านชายสี่กับเซียวเหยากง เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องสำนักเดียวกันหรือ?
นางมองดูไท่ซ่างหวง ตอนที่เขาพูดถึงโล่หมัน จะเหย่อหยิ่งทำไม? โล่หมันมีความสามารถแค่ไหนก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา คนอื่นเป็นพระชายาของอ๋องชินเฟิงอัน
เป็นพี่สะใภ้ของเขา
“ไม่ใช่มั้ง” หยวนชิงหลิงคิดถึง ความตั้งใจของท่านชายสี่เหลิ่ง ที่อยากจะได้หมาป่าหิมะขึ้นมาในทันใด จึงพูดขึ้นว่า “ในเมื่อเขาเป็นลูกศิษย์ของชายาเฟิงอัน งั้นเขาควรที่จะมีหมาป่าหิมะถึงจะถูก ทำไมถึงอยากที่จะซื้อหมาป่าหิมะของจวนเรา?”
ไท่ซ่างหวงเล่มองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “คนเราล้วนเป็นเช่นนี้ ไม่มีสิ่งใดก็อยากที่จะได้สิ่งนั้น โล่หมันยึดเซียวเหยากงมาก่อน หมาป่าหิมะก็ยกให้กับเซียวเหยากง สำนักเหลิ่งหลังก็น่าจะได้หมาป่าสีเทา”
หยวนชิงหลิงคิดถึงวันนั้น เหมือนหรงเยว่จะเคยพูดถึงหมาป่าสีเทา จึงพูดขึ้นว่า “งั้นก็น่าจะใช่ ข้ายังไม่เคยคิดว่า สำนักเหลิ่งหลังจะเป็นศิษย์สำนักเดียวกันกับเซียวเหยากง งั้นก็แสดงว่าไม่มีปัญหาใหญ่อะไรแล้ว”
ไท่ซ่างหวงพูดขึ้นว่า “ตามหลักไม่มีปัญหาใหญ่อะไร สำนักเหลิ่งหลังฆ่าคนมีกฎสามข้อ ไม่ฆ่ากษัตริย์กับองค์ชายรัชทายาทองค์ปัจจุบัน ไม่ฆ่าผู้หญิงกับเด็ก นอกเสียจากเป็นนักรบยอดฝีมือเป็นอันดับหนึ่งในร้อย หรือทอดทิ้งสามีทอดทิ้งลูก สุดท้ายไม่ฆ่าคนที่มีอิทธิพลต่อราชสำนัก นี่เป็นกฎที่มีไว้ตั้งแต่ตอนที่เริ่มก่อตั้งสำนักเหลิ่งหลัง หากผิดกฎ สำนักเหลิ่งหลังก็จะสลายตัว”
หยวนชิงหลิงตั้งใจฟังคำพูดของไท่ซ่างหวง สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม พร้อมพูดขึ้นว่า “เป็นนักรบยอดฝีมือเป็นอันดับหนึ่งในร้อย หรือทอดทิ้งสามีทอดทิ้งลูก?”
ไท่ซ่างหวงพูดขึ้นว่า “อืม เป็นเช่นนี้จริง เรื่องนี้เจ้าสามารถถามหยุนหยิ่ง เขารู้ ตอนที่ก่อตั้งสำนักเหลิ่งหลัง เขาไปร่วมงานพิธีด้วย”
หยุนหยิ่งเป็นคนเก่าแก่ขององครักษ์ลับผี ก่อนหน้าเคยรับมอบหมายให้ดูแลปกป้องหยวนชิงหลิง แต่มีบางอย่างผิดพลาด ต่อมาหลังจากแม่ทัพหลอรับดูแลองครักษ์ลับผี ก็ได้เปลี่ยนตัวเขา
หยวนชิงหลิงหัวเราะอย่างแปลกประหลาด พร้อมพูดขึ้นว่า “ได้ งั้นข้ารู้แล้ว”
เห็นที เดิมท่านชายสี่กับหรงเยว่พุ่งเป้ามาที่นาง ถึงแม้สุดท้ายไม่ได้ลงมือ แต่ก็มีความคิดที่จะฆ่านาง
ถึงว่าก่อนหน้านี้ท่านชายสี่ถามนางว่าจะต้องทำยังไงถึงจะไปจากเจ้าห้า ตอนที่นางพูดว่าไม่ไป ท่านชายสี่เหลิ่งยังพูดว่าจะสอน ฝีมือการต่อสู้ให้กับนาง ตอนที่นางเพิ่งเริ่มขึ้นเขาโรคเรื้อน เขายังโกรธเพราะนางไม่ฝึกฝีมือการต่อสู้
ช่างลำบากเขาแล้วจริงๆ เป็นถึงเจ้าสำนักของสำนักหลิ่งหลัง กับผู้ปกปักษ์รักษา ออกมาเพื่อฆ่านางพร้อมกัน
หลังจากหยวนชิงหลิงปลอบไท่ซ่างหวงเสร็จแล้ว ก็รีบออกไปจากวัง เด็กๆทิ้งไว้ให้เล่นที่พระตำหนักฉินคุนก่อนสองวัน ไม่ว่ายังไงถึงตอนนั้น ไทเฮาก็ต้องมีคำสั่งให้พาเด็กๆเข้าวัง
เมื่อกลับมาถึงจวนอ๋อง นางเชิญท่านชายสี่เหลิ่งกับหรงเยว่ เข้ามายังที่ห้องหนังสือ บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย
เมื่อเข้าไปนั่งภายในห้องหนังสือ ท่านชายสี่ ยังคงมีท่าทีสบายใบหน้าเยือกเย็นบ่งบอกถึงความไม่อยากให้ใครเข้าใกล้ หรงเยว่ถามขึ้นก่อนว่า “พระชายารัชทายาท มีธุระสำคัญอะไรหรือ?
หยวนชิงหลิงก็ไม่โกรธ อมยิ้มมองดูท่านชายสี่พร้อมพูดขึ้นว่า “ ท่านชายสี่ ก่อนหน้านี้เจ้าถามข้าว่า ด้วยข้อเสนออะไรข้าถึงจะยอมไปจากองค์ชายรัชทายาทไม่ใช่หรือ?”
ท่านชายสี่มองดูนาง ดวงตาดำอย่างหมึก พร้อมพูดขึ้นอย่างเชื่องช้าว่า “ตอนนั้นเจ้าบอกว่าไม่ยินยอม”
“ตอนนี้ข้ายินยอม” หยวนชิงหลิงพูดขึ้น
ท่านชายสี่เหลิ่งกับหรงเยว่มองตากัน แววตาต่างก็ฉายแววค่อนข้างแปลกประหลาดใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้ายินยอม?”
“ไม่ผิด ข้ายินยอม ข้าจะไปคืนนี้เลย” หยวนชิงหลิงพูดขึ้น
หรงเยว่นิ่งอึ้งไป แล้วพูดขึ้นว่า “ จะไปเร็วขนาดนี้เลยหรือ? เพราะอะไร? ทำไมจะต้องไปจากองค์ชายรัชทายาท?”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “ มีผู้ชายคนอื่นที่ชอบแล้ว ดังนั้นจึงจะทอดทิ้งเขาแล้วก็จากไป”
“ไร้สาระ” สีหน้าท่านชายสี่เหลิ่งเยือกเย็น พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำ
หยวนชิงหลิงมองดูเขา พร้อมพูดขึ้นอย่างประชดประชันว่า “ ไร้สาระอย่างไร? ไม่เป็นไปตามที่เจ้าคาดหวังหรือ? ข้าไปจากองค์ชายรัชทายาทแล้ว พวกเจ้าก็จะสามารถฆ่าข้าได้อย่างสมเหตุสมผล ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาสอนวิชาการต่อสู้ให้กับข้า สำนักเหลิ่งหลังก็ไม่ต้องล้มสลาย”
แววตาท่านชายสี่เหลิ่งสั่นไหวอย่างรวดเร็ว จากนั้นลุกขึ้นยืน เอามือไขว้หลังพร้อมพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ไร้สาระที่สุด ไม่รู้ว่าเจ้าคิดบ้าอะไรอยู่ เจ้าพูดว่าไม่เรียนฝีมือการต่อสู้ก็จะไม่เรียนแล้วหรือ? เจ้ารับข้าเป็นอาจารย์แล้ว ยังไงก็ต้องเรียนการต่อสู้ ข้าก็ไม่อนุญาตให้เจ้าไปจากจวนอ๋องฉู่ หากกล้าจากไป ข้าจะตีขาของเจ้าให้หัก”
พูดเสร็จ แล้วก็เปิดประตูเดินออกไป ทิ้งหรงเยว่ที่ยังนิ่งอึ้งไปอย่างไม่มีความรับผิดชอบ
หรงเยว่ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว ขมวดคิ้วมองดูหยวนชิงหลิง พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายารัชทายาทพูดว่าอะไรนะ? ใครบอกว่าพวกเราจะฆ่าเจ้า?”
ใช่ จะยอมรับไม่ได้เด็ดขาด
บัลลังก์หมอยาเซียน – ตอนที่ 617 ตัวตนท่านชายสี่ถูกเปิดเผย
Posted by ? Views, Released on October 3, 2021
, บัลลังก์หมอยากเซียน
ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: "เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง"หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: "ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น"อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: "เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่" หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: "ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ"
Recommended Series
Comment
Facebook Comment