หยู่เหวินเห้าเดินกลับไปยังตำหนักเซี่ยวเยว่ด้วยฝีเท้าเบาหวิว นั่งรอด้วยใจตื่นตระหนกอยู่ครู่หนึ่ง จึงเห็นหยวนชิงหลิงปรากฏตัวที่หน้าประตู
เขาดึงตัวหยวนชิงหลิงเข้ามาทันที รีบถามขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านย่ารู้เรื่องที่ก่อนหน้านี้ข้าเคยสั่งให้คนโบยเจ้าแล้วใช่หรือไม่ นางมีปฏิกิริยาอย่างไรบ้าง โมโหมากใช่หรือไม่”
หยวนชิงหลิงตบที่มือเขาเบาๆ ทำเสียงชู่หนึ่งครั้ง กะพริบตาหนึ่งที ให้สัญญาณว่าข้างนอกยังมีคนอยู่
หยู่เหวินเห้ากระทืบเท้า “ชู่อะไรกันเล่า เจ้ารีบพูดมา เด็กรุ่ยเหอนั่นพูดอะไร……”
เงาร่างสายหนึ่ง ค่อยๆโผล่เข้ามา ใบหน้าที่อยู่ต่ำลงมาจากศีรษะที่เต็มไปด้วยผมขาว เคร่งขรึมและเย็นยะเยือก
หยู่เหวินเห้าปล่อยหยวนชิงหลิงออกด้วยอาการอ้าปากตาค้าง สองมือประสานกันจากนั้นก็ถูไถไปมาทีหนึ่ง พยายามเค้นรอยยิ้มออกมา น้ำเสียงหนักแน่นเปลี่ยนโทนเสียง เบาและประจบสอพลอ “ท่านย่า ท่านก็มาด้วยหรือ”
หยวนชิงหลิงเห็นสีหน้าที่แทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว ก็หลุดเสียงหัวเราะออกมา “ใต้เท้าทังบอกว่าท่านเจ็บที่หน้าอก คุณย่าเป็นห่วงก็เคยตามมาดูด้วย”
หยู่เหวินเห้าหลุบเปลือกตาลง “ขอบคุณท่านย่า”
คุณย่าหยวนเองก็คงท่าทีเคร่งขรึมเอาไว้ไม่อยู่ พูดยิ้มๆว่า “ดูสีหน้าของหลานเขยแล้ว น่าจะไม่เป็นอะไรมาก เช่นนั้นก็พักผ่อนดีๆเถอะ ข้ากลับก่อนล่ะ”
“ท่านย่า ท่านเดินช้าๆนะ”หยู่เหวินเห้ารีบเดินไปข้างหน้าเพื่อส่งแขก
คุณย่าหยวนมองเขา ทันใดนั้นก็ยื่นมือออกมาตบไปที่หลังมือของเขาพูดว่า “หลานเขย ข้าเป็นคนมีเหตุผล เรื่องราวก่อนหน้านี้หลายเรื่องไม่สามารถโทษเจ้าได้ ถือว่าเลิกแล้วต่อกันทั้งหมด ภายหน้าก็ให้ดีต่อชิงหลิงบ้าง”
“แน่นอน แน่นอน ”หยู่เหวินเห้ารีบรับประกันทันที
คุณย่าหยวนยิ้ม “เช่นนั้นก็ดี ไปพักผ่อนเถอะ”
นางพูดจบ ก็หมุนตัวจากไป
ร่างกายของหยู่เหวินเห้าราวกับทรุดลง หน้าผากมีเหงื่อผุดออกมา ในที่สุดหัวใจที่เต้นตุบตับแทบจะหลุดออกมานั้นก็สงบลงได้เสียที “สวรรค์ เจ้าก็จริงๆเลย ข้าให้ทังหยางไปเรียกเจ้ากลับมา ก็อยากจะถามเจ้าก่อนตามลำพัง ทำไมเจ้ายังพาท่านย่ามาด้วยเล่า”
หยวนชิงหลิงพูดยิ้มๆว่า “ท่านกลัวอะไร ไม่ได้ทำเรื่องผิดบาปอะไรสักหน่อย มีอะไรต้องกลัวด้วย คุณย่าเป็นคนเข้าใจและมีเหตุผล”
หยู่เหวินเห้าลากตัวนางเข้ามาอยู่ในอ้อมอก ยื่นมือไปกดที่ท้ายทอยและคอของนาง สัมผัสได้ถึงความบวมเล็กน้อย ถามว่า “ยังเจ็บหรือไม่”
“คุณย่าทายาให้ข้าแล้ว ยังต้มไข่กลิ้งให้ข้าด้วย ตอนนี้ไม่รู้สึกเจ็บแล้ว”หยวนชิงหลิงพูด
“เจ้าวางใจได้ วันหลังเรื่องเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว”หยู่เหวินเห้าเอ่ยอย่างรับประกัน
หยวนชิงหลิงไม่ได้ใส่ใจมากนัก ดิ้นรนออกจากอ้อมกอดของเขา ตบเบาๆไปที่ใบหน้าที่แข็งกระด้างด้วยความตื่นเต้นก่อนหน้านี้“หาเรื่องเป็นสิ่งที่ทำให้ชั่วคราวเท่านั้น ทำไปทำมาก็จะรู้สึกไม่สนุก รอให้คนป่วยบนเขาโรคเรื้อนต่างก็หายดีแล้ว ย่อมจะสงบลงไปเอง แต่วันนี้พวกเขาตะโกนอยู่ด้านนอกว่าจะสนับสนุนเจ้าหกให้ขึ้นเป็นรัชทายาท เรื่องนี้หากแพร่ออกไปคงจัดการได้ยาก อาจทำให้เจ้าหกลำบากต้องถูกผู้อื่นตำหนิ ”
หยวนชิงหลิงยิ่งรู้สึกได้ว่าวันนี้ที่อ๋องชินสู้เปิดพื้นที่สนทนาสร้างความคึกคักในวันกลับบ้านมารดาของอ๋องหวยกับหรงเยว่นั้นมีความจำเป็นอย่างยิ่ง และแล้วก็มีคนฉวยโอกาสเอามาขยายเป็นเรื่องใหญ่ แต่ว่าพื้นที่สนทนานี้นับว่าเปิดช้าไปเสียหน่อย ได้ถูกคนใช้ให้เกิดประโยชน์เสียแล้ว
แต่ว่า เอาต้าซิงมาพัวพันด้วยในเวลานี้ เกรงว่าทางด้านเสด็จพ่อคงจะโมโหกระมัง
“ลำบากเจ้าแล้ว แต่งเจ้าเข้ามา ไม่เคยได้รับความสุข ได้แต่ทนความลำบากกับข้าตลอด”หยู่เหวินเห้าอดไม่ได้ที่จะสะท้อนใจ
“ตอนนี้ลำบากสักหน่อย ภายหน้าต้องมีเวลาเสพสุขของพวกเราแน่”หยวนชิงหลิงยิ้มและลุกขึ้นมา หอมไปที่หน้าผากเขาหนึ่งที สายตาเต็มไปด้วยอารมณ์อ่อนหวาน“ไป รีบไปอาบน้ำเถอะ ข้าจะรอท่านกลับมา”
แววตาของหยู่เหวินเห้าเป็นประกายขึ้นมาทันที “ไปแช่น้ำที่สระผีด้วยกัน ”
“ข้าเพิ่งไปแช่มา เมื่อครู่ตอนกลับมาบนตัวมีแต่กลิ่นเหม็นของไข่เน่าเต็มไปหมด ถ้าขืนแช่อีกผิวคงลอกแน่”
หยู่เหวินเห้ากระโดดลุกขึ้น “เอาเถอะ รอข้า ข้าจะกลับมาเร็วที่สุด”
ช่วงนี้ยายหยวนได้แต่แบ่งรับแบ่งสู้ บอกว่าเหนื่อยอยู่ตลอด ยากมากที่จะเห็นกระตือรือร้นเองเช่นนี้ ย่อมต้องรักษาโอกาสไว้ให้ดี
คืนนี้สวีอีพาทหารจวนหลายนายไปสั่งสอนพวกหัวโจกที่มาหาเรื่องอาละวาดในวันนี้ สืบจนรู้จากปากของพวกมันว่าเรื่องนี้เป็นการสั่งการจากจวนอ๋องอันจริงๆ
สวีอียิ้มเย็น “หลอกผีหรืออย่างไร ตอนนี้อ๋องอันอยู่ในค่ายทหาร เขาจะสามารถสั่งการให้พวกเจ้าไปทำเรื่องต่ำช้าเช่นนี้ได้อย่างไร”
“จริงนะ”หัวหน้าอันธพาลถูกสั่งสอนจนใบหน้าเขียวช้ำ “แน่นอนว่าอ๋องอันต้องไม่มาพูดกับพวกข้าน้อยโดยตรง เป็นหญิงสาวที่อยู่ในจวนที่มีหน้าตาสวยมาคนนั้น”
“อะหลู?”สวีอีหรี่ตาลง หญิงสาวคนนั้นเขาเคยพบหน้าสองครั้ง หน้าตางดงาม แต่ว่าจิตใจโหดเหี้ยม อ๋องอันยังให้ความสำคัญกับนางเป็นพิเศษ
สวีอีจัดการสั่งสอนพวกมันอีกครั้ง เช้าวันรุ่งขึ้น ก็กลับไปรายงานหยู่เหวินเห้า
ไม่จำเป็นต้องรายงาน หยู่เหวินเห้าก็รู้ว่าเป็นภัยที่ทางเจ้าสี่สร้างขึ้นมา เดิมคิดว่าทำให้เจ้าสี่ไปอยู่ในค่ายทหารและจับตาดูเอาไว้ เขาคงจะสามารถประพฤติตัวอยู่ในลู่ในทางได้ช่วงหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าในจวนยังมีอะหลูที่คอยสร้างกระแสคลื่นลมปั่นป่วน
“ตรวจสอบให้ทีว่าอะหลูคนนี้มีที่มาอย่างไร นางกับเจ้าสี่ออกหน้าโดยไม่รู้สถานะที่ชัดเจนมาสองสามปีแล้ว”
หยวนชิงหลิงประหลาดใจ ถามขึ้นว่า “อะหลูคนนี้กับอ๋องอันมีความสัมพันธ์อย่างไรกันแน่ พี่สะใภ้สี่ไม่มีความคิดเห็นอะไรหรือ”
“พี่สะใภ้สี่นิสัยอ่อนแอ หูก็เบา ใครก็สามารถหลอกนางได้ ”หยู่เหวินเห้าพูด
หยวนชิงหลิงนึกถึงพระชายาอันขึ้นมา เงียบสงบ นั่งอยู่ตรงนั้นถ้าหากไม่พูดจา ก็แทบจะไม่มีคนนึกขึ้นได้ว่ามีนางอยู่ด้วย
หยู่เหวินเห้ามองหยวนชิงหลิง “วันนี้ถ้าหากเจ้าไม่มีธุระอะไร ก็พาท่าน……ฮูหยินเฒ่าไปหาพระชายาจี้ซิ”
พระชายาจี้เป็นผู้รอบรู้ทุกสิ่ง โดยเฉพาะเรื่องในจวนของเหล่าอ๋องทั้งหลายจะเข้าใจเป็นอย่างดี หยู่เหวินเห้าสงสัยอย่างหนักว่านางจะส่งสายลับเข้าไปอยู่ในจวนของผู้อื่น
นางน่าจะรู้ที่มาที่ไปของอะหลู และตำแหน่งของนางในจวนอ๋องอัน
“ได้”หยวนชิงหลิงตอบรับ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องพาคุณย่าออกไปเดินเที่ยวในเมืองหลวงที่แสนจะเจริญรุ่งเรืองนี้อยู่แล้ว และไม่ได้เจอกับพระชายาจี้มานานแล้วด้วย
หลังจากหยู่เหวินเห้าออกไปแล้ว หยวนชิงหลิงก็ให้คนเตรียมรถม้า พาอะซี่กับหมันเอ๋อออกเดินทางไปยังจวนอ๋องจี้
หลังจากที่อ๋องจี้ต้องทนทุกข์ทรมานกลับมา ความรู้สึกในการมีตัวตนเป็นศูนย์ ทำตัวเรียบง่ายจนไม่สามารถเรียบง่ายไปกว่านี้แล้ว
ก่อนหน้านี้ยังหาเรื่องพระชายาจี้อย่างรุนแรง จะวางยาพิษบ้างล่ะจะจ้างนักฆ่าบ้างล่ะ แต่หลังจากกลับจวนแล้ว กลับเย็นชาต่อฉู่หมิงหยาง ทำดีต่อพระชายาจี้เพียงคนเดียวเท่านั้น
ตอนที่หยวนชิงหลิงไปถึง อ๋องจี้กำลังชื่นชมดอกเบญจมาศเป็นเพื่อนพระชายาจี้อยู่ในสวน ภาพสองสามีภรรยาที่แสนรักใคร่กลมเกลียว ฉู่หมิงหยางก็ตามมาอยู่ข้างๆ แต่หน้าตาบึ้งตึงโมโหราวกับคางคกที่กำลังฝึกยุทธ
แต่ดูพระชายาจี้ดูใจจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไหร่ แม้แต่ผลซิ่งอบแห้งที่อ๋องจี้ยื่นให้กับนางเองกับมือนางก็ไม่กิน ได้ยินบ่าวไพร่เข้ามารายงานว่าพระชายารัชทายาทมา ปรากฏว่าพระชายาจี้ลุกขึ้นยืนเหมือนผ่อนคลายขึ้นมาทันที
หยวนชิงหลิงมองเห็นอยู่ไกลๆ รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง
บ่าวไพร่พาหยวนชิงหลิงกับคุณย่าหยวนและพวกอะซี่เดินเข้าไป อ๋องจี้ได้ยินว่าคุณย่าหยวนเป็นน้องสาวของหมอหลินแห่งต้าซิง แววตาก็สว่างวาบขึ้น รีบประสานสองมือขึ้นคำนับ ท่าทีเอาอกเอาใจเป็นอย่างยิ่ง
คุณย่าหยวนเป็นอาจารย์แพทย์แผนจีน ชื่นชอบสมุนไพรและพวกดอกไม้ใบหญ้า เห็นว่าในจวนอ๋องจี้แม้จะเป็นต้นฤดูหนาวแล้วยังมีดอกไม้บานสะพรั่งเต็มไปหมด ก็ดีใจเป็นอย่างยิ่ง
อ๋องจี้เห็นเข้า จึงเสนอว่าจะพาคุณย่าหยวนไปเดินรอบๆ ชื่นชมดอกไม้ใบหญ้า
หยวนชิงหลิงไม่ไว้ใจ ให้อะซี่กับหมันเอ๋อตามนางไปด้วย
ฉู่หมิงหยางคนนั้นย่อมไม่อยู่ปรนนิบัติรับใช้ สะบัดมือกลับเรือนไปทันที
การเปลี่ยนแปลงของอ๋องจี้ หยวนชิงหลิงเห็นแล้วก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง หลังจากนั่งลงแล้วก็หยอกล้อพระชายาจี้ว่า “อ๋องจี้ดีกับเจ้ามากแล้ว ก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีเรื่องหนึ่ง ใช่หรือไม่ ”
“พังพอนมาสวัสดีปีใหม่ไก่ไม่ได้มาดีแน่นอน มีอะไรที่ควรค่าแก่การดีใจ”พระชายาจี้กลอกตาหนึ่งที โยนผลซิ่งแห้งที่อ๋องจี้ยื่นให้เมื่อครู่ทิ้งไป ฮึหนึ่งเสียง
บัลลังก์หมอยาเซียน – ตอนที่ 640 การเปลี่ยนแปลงของอ๋องจี้
Posted by ? Views, Released on October 6, 2021
, บัลลังก์หมอยากเซียน
ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: "เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง"หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: "ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น"อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: "เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่" หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: "ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ"
Recommended Series
Comment
Facebook Comment