บัลลังก์หมอยาเซียน – ตอนที่ 666 ฮู่เฟยกำลังจะคลอด

ฮู่เฟยุหลุดหัวเราะ จวิ้นจู่องจิ้งมีฐานะทรงเกียรติ หลังจากแต่งงานกับจวิ้นหมาเย๋แล้ว ก็ให้กำเนิดบุตรสาวเพียงสองคนเท่านั้น ไม่มีบุตรชาย จวิ้นหมาเย๋ได้แต่งงานกับนางสนมหลายคน ในสองสามปีมานี้ นางสนมได้ให้กำเนิดบุตรชายหลายคน จวิ้นจู่องจิ้งไม่ค่อยพอใจ บุตรที่นางสนมคลอดออกมาได้นำมาเลี้ยงเอง นางสนมสามารถมาเยี่ยมได้เดือนละครั้งเท่านั้น และไม่อนุญาตให้กอดและอุ้ม
ตอนนี้บุตรชายเหล่านั้นโตขึ้นมาก แต่ไม่ได้ใกล้ชิดสนิทกับนาง ต่างคนต่างอยากกลับไปหาแม่บังเกิดเกล้าของตัวเอง ดังนั้น จวิ้นจู่องจิ้งจึงขายนางสนมทั้งหมดออกไป และยังทะเลาะกับจวิ้นหมาเย๋ ท้ายที่สุดก็ต้องไปสะเทือนไปถึงองค์หญิงพระองค์ใหญ่ เรื่องนี้คนในเมืองหลวงมากมายต่างก็รู้ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งปีก่อน แน่นอน หยวนชิงหลิงไม่เคยรู้
นางแค่อยากจะกวนให้จวิ้นจู่องจิ้งหุบปาก สิ่งที่ตัวเองไม่ชอบก็อย่าบังคับคนอื่นให้ทำ ไม่ได้ต้องการพูดแทนใจดำนาง
ทันใดนั้นจวิ้นจู่องจิ้งก็หน้าดำคร่ำเครียด สะอึกจนพูดไม่ออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งฮู่เฟยก็หัวเราะไม่ถูกเวลา นางยิ่งโกรธมาก และเห็นความโกรธเคืองในแววตาของเธอ
คนที่เหลือไม่สะดวกที่จะพูด ในเวลานี้ ถ้าพูดก็เหมือนการเติมเชื้อไฟอย่างไม่ต้องสงสัย พระชายาซุนจึงขยิบตาให้หยวนชิงหลิง เพื่อให้นางอย่าไปสนใจคนเหล่านั้น
หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าการอยู่ที่นี่มันน่าเบื่อหน่าย จึงลุกขึ้นและกล่าวคำอำลากับเต๋อเฟย “เต๋อเฟยท่านอยู่ต่อ หม่อมฉันจะออกไปเดินเล่น”
ฮู่เฟยก็รู้สึกว่านั่งจนเมื่อยแล้ว และกล่าวว่า “ข้าจะออกไปเดินเล่นกับเจ้า นั่งแล้วมันทับท้อง มันไม่สบายตัว”
หยวนชิงหลิงพยุงนาง “ระวังตัวด้วย”
ฮู่เฟยพูดอย่างจนปัญญา “ตอนนี้ตัวหนักเทอะทะ ยืนแล้วมองไม่เห็นเท้าของตัวเอง หนักมากเหมือนมีเศษตะกั่วทั่วร่างกาย ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก หวังเพียงให้รีบๆคลอดออกมาเร็วๆ ไม่ต้องทนทุกข์อีกต่อไป”
เต๋อเฟยหัวเราะ “ปกติเจ้าก็ฝึกวิทยายุทธ ทำไมไม่เก่งเหมือนพระชายารัชทายาท ตอนนั้นพระชายารัชทายาทในครรภ์มีลูกชายถึงสามคน และยังเดินได้อย่างอิสระ”
ความสัมพันธ์ระหว่างเต๋อเฟยกับฮู่เฟยนั้นดีมาก นี่เป็นเพียงการเยาะเย้ย ไม่คิดว่าเมื่อจวิ้นจู่องจิ้งได้ฟังแล้ว คิดว่าเต๋อเฟยจงใจเยาะเย้ยนางที่ไม่สามารถมีบุตรชาย และทนไม่ไหวอีกต่อไป ทันใดนั้นก็ลุกขึ้น “เต๋อเฟย ปกติข้าจะนับถือท่านที่มีมารยาทและสง่ามีราศี ในวันนี้เพื่อเอาใจพระชายารัชทายาท ซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่นำเรื่องของข้ามาเป็นประเด็นเยาะเย้ย ดูเหมือนว่าบรรยากาศในพระราชวังไม่ค่อยดีนัก มีแต่คำพูดให้ร้ายและประจบสอพลอ ความคิดไม่เหมือนกันข้าก็ไม่ขอร่วมเดินเส้นทางเดียวกับเจ้า!”
ทุกคนตกตะลึง เกิดอะไรขึ้นกับจวิ้นจู่องจิ้ง? คำพูดของเต๋อเฟย ไม่ได้ประจบสอพลอพระชายารัชทายาทเลยสักนิด? นี่มันก็เป็นการสนทนาปกตินี่
ในขณะนี้ แม้แต่เต๋อเฟยก็รู้สึกไม่พอใจ และพูดอย่างเฉยเมย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จวิ้นจู่องจิ้งก็เดินทางโดยปลอดภัยไม่ไปส่งแล้วล่ะ!”
เสี้ยนจู่โหรหมิ่นก็ลุกขึ้นด้วยความโกรธ เปล่งเสียงออกมาครั้งหนึ่ง แล้วพยุงจวิ้นจู่องจิ้งออกไป
เมื่อทั้งสองเดินผ่านข้างกายหยวนชิงหลิงและฮู่เฟย หยวนชิงหลิงตั้งใจให้พวกนางออกไปก่อน ไม่ให้ให้พวกนางโกรธจนชนใส่ฮู่เฟย ดังนั้นจึงพยุงฮู่เฟยถอยหลังไปด้านข้างเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าจวิ้นจู่องจิ้งโกรธมาก เมื่อเห็นหยวนชิงหลิงถอยหลังโดยตั้งใจ โดยคิดว่านางจงใจกระทำการอย่างระมัดระวังเพื่อให้ผู้คนรู้สึกว่านางอัดอั้นตันใจที่ถูกรังแก ชั่วขณะก็เลยโกรธมาก และใช้ไหล่ชนที่ไหล่ของหยวนชิงหลิง
โดยไม่คาดคิด หยวนชิงหลิงไม่คาดคิดว่าคนที่อยู่ในฐานะอย่างนางจะกระทำเช่นนี้ได้ ดังนั้นนางจึงไม่ทันระวังตัว โดนนางชนใส่จนยืนไม่นิ่งและล้มลงไปทางฮู่เฟย
เดิมทีฮู่เฟยนั่งจนขาชาไปหมด และร่างกายที่หนักเทอะทะมองไม่เห็นการเคลื่อนไหวของจวิ้นจู่องจิ้ง และไม่ทันระวังตัว เมื่อหยวนชิงหลิงล้มทับมา นางก็ข้อเท้าบิด ร่างกายก็ขาดสมดุลแล้วล้มลงไปด้านข้าง ท้องก็กระแทกใส่ตรงมุมโต๊ะชา เจ็บปวดจนเกือบหมดสติ
“โอ้ พระเจ้า!” ใบหน้าของเต๋อเฟยเปลี่ยนไปทันที และอุทานออกมา “รีบพยุงขึ้นมา รีบพยุงขึ้นมาเร็วเข้า!”
หยวนชิงหลิงพยุงฮู่เฟยขึ้นมาแล้ว ฮู่เฟยใช้มือกดท้อง ขมวดคิ้ว “เจ็บ……มันเจ็บมาก”
ผู้คนในตระหนักต่างตื่นตระหนก เมื่อได้ยินฮู่เฟยบอกว่าปวดท้อง พระชายาจี้ก็รีบก้าวเข้าไปช่วย และพูดอย่างกังวลว่า “เกรงว่าจะสะเทือนถึงทารกในครรภ์”
จวิ้นจู่องจิ้งกับเสี้ยนจู่โหรหมิ่นต่างตกตะลึง จวิ้นจู่องจิ้งเพียงแค่ระบายอารมณ์เล็กน้อย ไม่เคยคิดที่จะทำร้ายฮู่เฟย ตอนนี้ได้สะเทือนถึงครรภ์ของฮู่เฟย หากเกิดอันตรายกับเด็กในครรภ์ ผลที่ตามมา ไม่กล้าที่จะคิด
ชั่วขณะนางก็ตื่นตระหนกอยู่พักหนึ่ง เพื่อนึกหาคำแก้ตัว แต่เมื่อได้ยินเสี้ยนจู่โหรหมิ่นอุทานเสียงดัง “ข้าเห็นแล้ว พระชายารัชทายาทเป็นคนที่ชนฮู่เฟย พระชายารัชทายาทวางแผนทำร้ายฮู่เฟย
หยวนชิงหลิงเพิ่งจะดึงมือออกมาได้ เมื่อได้ยินคำพูดของเสี้ยนจู่โหรหมิ่น นางก็หันกลับมาและตบนางอย่างแรง และพูดเสียงดัง “ออกไปให้พ้น ถ้ายังกล้าพูดเลอะเทอะอีกครั้ง อย่าโทษที่ข้าทำตัวไม่สุภาพกับเจ้า”
เสี้ยนจู่โหรหมิ่นถูกตบไปทีหนึ่ง ตกตะลึง ยื่นมือออกมาลูบใบหน้าที่ร้อนระอุ เมื่อตั้งสติได้ก็ยิ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “เจ้ากล้าตบข้า? เจ้าช่างใจกล้ามาก!”
จวิ้นจู่องจิ้งก็คว้ามือหยวนชิงหลิงไว้ โกรธจนตัวสั่น และร้องเสียงดัง “พระชายารัชทายาท เจ้าอย่ารังแกคนเกินไป”
หยวนชิงหลิงทำหน้าบูดบึ้ง และสั่งหรงเยว่ “ลากพวกนางออกไป”
หรงเยว่กระโดดลงมาแล้ว “พี่สะใภ้ห้าไม่จำเป็นต้องสั่ง ข้าก็ทนไม่ไหวที่จะเห็นนกยูงที่เย่อหยิ่งสองตัวนี้มาอาละวาดอยู่ตรงนี้”
หรงเยว่ก้าวไปข้างหน้าจับคนหนึ่งด้วยมือข้างเดียวแล้วลากออกไปด้านนอก จวิ้นจู่องจิ้งไม่เคยถูกกระทำเช่นนี้มาก่อน โกรธจนตะโกนดุด่า แต่เสี้ยนจู่โหรหมิ่นก็ยังบ่นพึมพำว่าพระชายารัชทายาทผลักฮู่เฟย พระชายารัชทายาทต้องการทำร้ายฮู่เฟย
หรงเยว่ผลักพวกเขาไปที่ด้านหน้าของระเบียงทางเดิน ดวงตาเบิกกว้าง “เจ้าคิดว่าพวกเราตาบอดหรือไง? จวิ้นจู่องจิ้งเป็นคนที่ผลักพระชายารัชทายาท พระชายารัชทายาทจึงล้มทับฮู่เฟย โจรร้องจับโจร ไม่เคยเห็นคนไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อน”
ความวุ่นวายที่นี่สะเทือนไปถึงภายนอก เดิมทีหยู่เหวินเห้าและคนอื่นก็อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ เมื่อได้ยินเสียงดังก็วิ่งไป ยังวิ่งไปไม่ถึง เสี้ยนจู่โหรหมิ่นก็ร้องไห้แล้ววิ่งไปข้างหน้า ดึงแขนเสื้อตัวเองขึ้นมาแล้วร้องไห้ “พี่(ลูกพี่ลูกน้อง) ท่านมาพอดี พระชายารัชทายาทวางแผนทำร้ายฮู่เฟย แล้วยังจะใส่ร้ายท่านแม่ของหม่อมฉัน ท่านรีบเข้าไปดูเร็ว”หยู่เหวินเห้าไม่ใช่คนที่เลอะเลือน เมื่อได้ฟังเช่นนี้ก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ และใช้มือข้างหนึ่งผลักเสี้ยนจู่โหรหมิ่นออกไป และพูดอย่างโกรธเคือง “พูดไร้สาระ พระชายารัชทายาทจะทำร้ายฮู่เฟยได้อย่างไร? เจ้านี้ผิดปกติหรือบ้าไปแล้ว?”
นางหันหัวและยืดคอร้องตะโกนว่า “จวิ้นหมาเย๋!”
จวิ้นหมาเย๋รีบมาหา เห็นใบหน้าที่เย็นชาของรัชทายาท และลูกสาวของตัวเองร้องไห้น้ำตาอาบแก้ม และมีรอยนิ้วมืออยู่บนใบหน้า เขาอดไม่ได้ที่จะตกใจ “นี้มันเกิดอะไรขึ้น?”
จวิ้นจู่องจิ้งพูดอย่างโกรธเคือง “เจ้ายังจะมาถามอีก? ข้ากับลูกสาวถูกคนอื่นรังแก พระชายารัชทายาทได้ชนฮู่เฟย และตอนนี้ก็ป้ายสีให้ข้า”
บรรดาผู้ที่รีบเร่งมาได้ยินว่าเกิดเรื่องกับฮู่เฟย ต่างตกใจจนหวาดผวา ฮู่เฟยกำลังตั้งครรภ์ ฮ่องเต้กังวลครรภ์ของฮู่เฟยมาก ก่อนหน้านี้อารมณ์เสียได้ไปพักที่พระที่นั่งและไม่ได้พาใครไป พาแต่ฮู่เฟยไปคนเดียว เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้ให้ความสำคัญกับฮู่เฟยแค่ไหน
หยู่เหวินเห้าสั่งการอย่างใจเย็น ก่อนอื่นต้องรีบไปเชิญหมอหลวงกับนางผดุงครรภ์ แล้วให้คนไปเชิญฮ่องเต้ คนที่ไม่เกี่ยวข้องทุกคนถอยออกไป บอกว่าอาการของฮู่เฟยไม่ค่อยจะดี ห้องคลอดก็อยู่ที่นี่แหละ

บัลลังก์หมอยากเซียน

บัลลังก์หมอยากเซียน

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: "เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง"หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: "ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น"อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: "เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่" หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: "ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ"

Comment

Options

not work with dark mode
Reset