ภายในห้องทรงพระอักษร มีเพียงใบหน้าของคนคนเดียวที่ไม่พอใจ
นั่นก็คือฮองเฮาฉู่
นางคิดไม่ถึงจริงๆ กำจัดเสียนเฟยด้วยทุกย่างก้าวที่อันตราย สุดท้ายเต๋อเฟยกลับได้ผลประโยชน์ไป
ถึงแม้เต๋อเฟยจะค่อนข้างเป็นมิตร แต่เดิมนางเป็นคนที่ไม่มีบุญวาสนาที่สุดภายในวัง ตอนนี้กลับได้ผลประโยชน์ไปอย่างง่ายดาย
เสียนเฟยเอ๋ยเสียนเฟย เจ้าช่างทึ่มเหมือนหมู เจ้าต่อสู้มากว่าครึ่งชีวิต ล้วนเป็นเต๋อเฟยที่ได้ผลประโยชน์ไปทั้งหมด
พิธีการจัดขึ้นที่ตำหนักเหอเต๋อ หลังจากกราบไหว้แล้ว เต๋อเฟยได้รับแต่งตั้งให้เป็นหวงกุ้ยเฟย รับมอบเป่าชื่อหวงกุ้ยเฟย ฮองเฮาฉู่พูดขึ้นพร้อมน้ำตาแห่งความสุขว่า ต่อไปมีหวงกุ้ยเฟยคอยสนับสนุนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน พร้อมมีคำสั่งในฐานะพระมารดา ให้หยู่เหวินเห้ากับหยู่เหวินหลิง ทั้งสองพี่น้องเคารพและให้เกียรติหวงกุ้ยเฟย(**เป่าชื่อ พระบรมราชโองการที่ฮ่องเต้มอบตำแหน่งให้กับนางสมนหรือขุนนาง)
หยู่เหวินเห้าแข็งทื่อไปทั้งตัว หากไม่ใช่เพราะหยวนชิงหลิงดึงเขาไว้ เขาแทบจะไม่สามารถยืนขึ้นมาได้
ดวงตาเต๋อเฟยเต็มไปด้วยน้ำตา มองดูเขา พร้อมถอนหายใจพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “องค์ชายรัชทายาท จะต้องรักษาสุขภาพให้ดี”
หยู่เหวินเห้ารับคำ น้ำเสียงเหมือนดั่งไม่ใช่ของตนเอง กลวงอย่างที่สุด
หลังจากพิธีการเสร็จสิ้นแล้ว ฮ่องเต้หมิงหยวนก็ไปที่ตำหนักชิ่งหยู สั่งมู่หรูกงกงให้ทั้งสองคนกลับไปรอที่พระตำหนักฉินคุน
ภายในใจหยู่เหวินเห้ารู้สึกหวาดหวั่นอย่างที่สุด เขารู้ว่าจะต้องเป็นการไปที่ตำหนักชิ่งหยู ตอนนี้เรื่องใหญ่กระทำเสร็จสิ้นแล้ว คิดว่าคงจะไม่ละเว้นท่านแม่อีกแน่
เขาจับมือหยวนชิงหลิงไว้แน่น เมื่อทั้งสองคนเข้าไปในตำหนัก ไท่ซ่างหวงก็ยังไม่นอน กำลังสูบบุหรี่อยู่ ส่วนอ๋องชินเฟิงอันกลับไปแล้ว
ไท่ซ่างหวงก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่สั่งคนเตรียมซุปที่ช่วยให้สดชื่น มาให้ทั้งสามคนดื่ม
ตอเป่าเดินเข้ามาจากด้านนอกตำหนัก กำลังคืบคลานมาที่เท้าของไท่ซ่างหวง ไท่ซ่างหวงวางซองบุหรี่ลง แล้วอุ้มขึ้นมาโอบกอดไว้
ทุกคนอยู่ในภวังค์ตกตะลึง สุนัขส่งเสียงฮัม มีความสุขอย่างมาก สักพักก็นอนแล้ว
ไท่ซ่างหวงค่อยพูดขึ้นอย่างเชื่องช้าว่า “ปีนี้ จะผ่านไปนานไหม?”
ไม่กี่วัน กลับเหมือนผ่านไปแล้วหนึ่งปี
หยู่เหวินหลิงสะอึกสะอื้นร้องไห้อยู่สักที ซบอยู่บนไหล่หยู่เหวินเห้า ในที่สุดก็อดไม่ได้ พูดขึ้นว่า “เสด็จพ่อจะสั่งประหารท่านแม่ไหม?”
หยู่เหวินเห้ากอดนางไว้ ถอนหายใจด้วยสายตาเคร่งขรึม
หยู่เหวินหลิงร้องไห้ พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่ห้า ถึงแม้ท่านแม่จะกระทำเรื่องแบบนั้น แต่ข้าก็ไม่ได้อยากให้นางตาย”
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “งั้นก็ร้องไห้สักพักเถอะ ร้องไห้ออกมา ในใจก็จะไม่ทรมานขนาดนั้นแล้ว”
หยวนชิงหลิงฟังประโยคนี้แล้ว ในใจนางก็ทรมานและน้ำตาก็ไหล เจ้าห้าพูดเช่นนี้ ใช่ว่าเป็นการพูดให้กับหยู่เหวินหลิง เป็นเขาเองที่อยากร้องไห้
ไท่ซ่างหวงอุ้มตอเป่าไว้แล้วก็จากไป ต่อให้ใจแข็งขนาดไหน เมื่อเห็นภาพนี้แล้ว ต่างก็ออกไม่ได้ที่จะทุกข์ทรมาน
ฮ่องเต้หมิงหยวนไปยังตำหนักชิ่งหยู สั่งให้มู่หรูกงกงรอฟังคำสั่งอยู่ด้านนอก เขาเข้าไปด้วยตนเอง
เสียนเฟยถูกมัดติดอยู่บนเก้าอี้ มือทั้งคู่ถูกมัดไว้ข้างหลัง นางเอะอะโวยวายอยู่นานมาก แต่สุดท้ายก็ไม่มีเรี่ยวแรงแกะเชือกออก และก็เหนื่อยจนอ่อนล้า นางถึงค่อยสงบลง
เห็นฮ่องเต้หมิงหยวนเข้ามา นางเงยหน้าขึ้นมา เส้นผมยาวปล่อยสยาย ท่าทีหมองหม่น มุมปากเผยรอยยิ้มเยาะเย้ย พร้อมพูดขึ้นว่า “ในที่สุดเสด็จพ่อก็มา”
ฮ่องเต้หมิงหยวนนั่งอยู่ตรงด้านหน้าของนาง ห่างกันไกลสิบฟุต มองดูนางอยู่อย่างนั้น ท่าทีเต็มไปด้วยความผิดหวัง เกลียดชัง รังเกียจ
เสียนเฟยมองออก น้ำตาร่วงไหล กลับหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “ฮ่องเต้ผิดหวังในตัวหม่อมฉันหรือ? แต่ฮ่องเต้ก็ทำให้หม่อมฉันผิดหวังเหมือนกัน หม่อมฉันอภิเษกกับฮ่องเต้มายี่สิบกว่าปี ในใจฮ่องเต้กลับไม่เคยมีหม่อมฉันเลยหรือ?”
น้ำเสียงของนางหนักแน่น ดวงตาแดงก่ำ ตอนที่หัวเราะ ราวกับลูกพีชเน่าที่ถูกบีบจนสุด
ฮ่องเต้หมิงหยวนค่อยพูดขึ้นว่า “เดิมข้าไม่ได้อยากมาดูเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย แต่ก็เหมือนดั่งที่เจ้าพูด เวลายี่สิบกว่าปี อย่างน้อยก็เคยมีความรักใคร่ซึ่งกันและกัน มีเรื่องบางเรื่อง ข้าควรที่จะบอกเจ้าด้วยตนเอง”
เสียนเฟยมองดูเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “หากฮ่องเต้จะประหารหม่อมฉัน มีราชโองการมาก็พอ หลังจากงานอภิเษกของเจ้าหญิง หม่อมฉันสามารถตายได้ หม่อมฉันไม่มีสิทธิ์อะไรไปต่อรองกับฮ่องเต้แล้ว ฮ่องเต้จะมาอีกทำไม?”
“เจ้าอยากที่จะต่อรองอะไรกับข้า?”สายตาฮ่องเต้หมิงหยวนแฝงไปด้วยความเยือกเย็น
แววตาเสียนเฟยฉายแววไม่พอใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “หม่อมฉันคิดว่าฮ่องเต้ไม่มีความยุติธรรมต่อตระกูลซู ตระกูลฉู่รุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ แต่ตระกูลซูกลับตกต่ำลงเรื่อยๆ ภายในราชสำนักไม่มีอำนาจของตระกูลซู ฮ่องเต้ ที่ว่ายกย่องคนเก่งโดยไม่คำนึงถึงความเป็นญาติ แล้วทำไมท่านถึงใจดำกับตระกูลซูเช่นนี้?”
“ตระกูลซู? เจ้าเฝ้าคำนึงถึงตลอด มีเพียงตระกูลซู ลูกชายลูกสาวของเจ้าล่ะ? ทำไมเจ้าไม่พูดถึง?”
“พวกเขาก็เป็นลูกชายลูกสาวของฮ่องเต้ ฮ่องเต้ไม่มีทางดูแคลนพวกเขาอยู่แล้ว แต่หม่อมฉันก็ไม่พอใจ ลูกชายที่หม่อมฉันคลอดได้เป็นองค์ชายรัชทายาท แต่ทำไมฮ่องเต้ไม่เลื่อนตำแหน่งให้หม่อมฉัน? ฮือ?”เสียนเฟยถามขึ้นพร้อมน้ำตา
ฮ่องเต้หมิงหยวนยื่นมือห้ามไว้ ตนเองไม่อยากที่จะฟังนางพูดเช่นนี้ จึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พวกนี้ไม่จำเป็นต้องพูด ยังไงข้าก็เห็นแก่ที่เจ้าคลอดองค์ชายรัชทายาทมาให้ข้า ดังนั้นจึงยอมประทานบำเหน็จให้กับตระกูลซู ตระกูลซูจะไม่ได้รับโทษจากการที่เจ้าลอบฆ่าไทเฮา แต่จะรับตำแหน่งฮูหยินตราตั้งของแม่เจ้า พ่อของเจ้าก็จะไม่ได้รับตำแหน่งในราชสำนัก….”
สีหน้าเสียนเฟยแดงก่ำ พูดแทรกเขาอย่างตื่นเต้นว่า “คนถูกเผาตายไปแล้ว เกียรติยศหลังความตายของนางก็ยังจะรับหรือ? ทำไมถึงใจดำเช่นนี้?”
ฮ่องเต้หมิงหยวนค่อนข้างแปลกใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ถูกเผาตาย? กรมอาญามาทูลรายงาน ไฟไหม้ตระกูลซูในครั้งนี้ ไม่มีคนตายไม่มีคนได้รับบาดเจ็บ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนสงสัยแต่แรกแล้ว ในช่วงที่เสียนเฟยถูกกักบริเวณ คนที่สามารถเข้าใกล้เสียนเฟยมีไม่มาก คนภายในวังก็ไม่มีทางเดาไปเรื่อย นอกเสียจาก มีคนที่เชื่อถือได้บอกกับนาง ว่าไฟไหม้ตระกูลซูในครั้งนี้มีคนตาย
“ฮ่องเต้จะยังทำเป็นเหมือนเรื่องสงบถึงเมื่อไหร่? ท่านจะสั่งประหารหม่อมฉันอยู่แล้ว บอกความจริงหม่อมฉันไม่ได้หรือ?”เสียนเฟยถามขึ้นอย่างเจ็บปวด
ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดขึ้นด้วยแววตาเรียบเฉยว่า “ตระกูลซูไม่ได้มีคนตายในเหตุไฟไหม้ครั้งนี้จริงๆ หากมีคนตาย จะปิดบังไว้ได้หรือ องค์ชายรัชทายาทไม่วู่วามขนาดนั้น เจ้าจะเชื่อก็ได้ ไม่เชื่อก็ช่าง ความจริงเป็นเช่นนี้จริงๆ”
เสียนเฟยพูดขึ้นด้วยสายตาโศกเศร้าว่า “เป็นไปไม่ได้ ฮ่องเต้โกหกหม่อมฉัน”
“ใครเป็นคนบอกเจ้าว่า ตระกูลซูมีคนตายในเหตุไฟไหม้ครั้งนี้?”ฮ่องเต้หมิงหยวนถามขึ้น
ท่าทีเสียนเฟยขุ่นเคือง ร่างกายสั่นเทาอย่างย่ำแย่ พยายามดิ้นรนให้หลุด พร้อมร้องตะคอกพูดขึ้นว่า “จางกงกง จางกงกงของกรมวังพูดด้วยตนเอง”
ในที่สุดสายตาของนางก็ฉายแววตกตะลึง ร้องไห้อย่างเจ็บปวด พร้อมพูดขึ้นว่า “ฮ่องเต้ หม่อมฉันถูกใส่ร้าย หม่อมฉันถูกใส่ร้าย มีคนตั้งใจบอกหม่อมฉันว่าตระกูลซูมีคนตาย ทำให้หม่อมฉันเสียสติ ทำร้ายไทเฮา ฮ่องเต้ หม่อมฉันถูกใส่ร้าย”
นางตื่นตระหนก ร้องไห้อย่างเคียดแค้นเคืองและน่าสงสาร ดิ้นรนไปมาอย่างบ้าคลั่ง
ฮ่องเต้หมิงหยวนไม่พูดอะไร เพียงมองดูนางบ้าคลั่งอยู่อย่างนั้นจนนางสงบลง ตอนที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นก่นด่า ฮ่องเต้หมิงหยวนค่อยพูดว่า “เจ้าไม่ได้ถูกเข้าใจผิดเลย ภายในใจของเจ้า ผลประโยชน์ของตระกูลซูสำคัญที่สุดมาตลอด นี่คือสาเหตุที่ทำไมหลังจากที่ข้าแต่งตั้งองค์ชายรัชทายาทแล้ว ไม่ได้เลื่อนตำแหน่งให้เจ้า ข้ารู้ว่าทุกอย่างที่เจ้าทำเพื่อพระชายารัชทายาท เบื้องหลังต้องการอะไร? เจ้ารู้ว่าเจ้าห้าให้ความสำคัญพระชายารัชทายาทมาก รักใคร่มากกว่าชีวิตของตนเอง แต่เจ้าก็ยังยอมที่จะให้เด็กทั้งสามไม่มีแม่ ไร้ซึ่งมโนธรรม เพราะเจ้ารู้ว่าพระชายารัชทายาทสามารถควบคุมการตัดสินใจขององค์ชายรัชทายาท เจ้ากลัวว่าสุดท้ายแล้วองค์ชายรัชทายาทจะไม่สำนึกบุญคุณตระกูลซู ดังนั้นหากข้าเลื่อนตำแหน่งให้เจ้า ตระกูลซูก็จะเหมือนน้ำขึ้นเรือย่อมลอยสูงขึ้นตาม ถึงตอนนั้น หากกับญาติร่วมมือกันครอบงำการเมือง จะไม่เป็นการทำร้ายรากฐานแผ่นดินของข้าหรือ?”
เสียนเฟยส่ายหัวอย่างรุนแรง พูดอธิบายขึ้นว่า “ไม่ ไม่ หม่อมฉันไม่ได้คิดเช่นนั้น ฮ่องเต้เชื่อหม่อมฉันเถอะ”
บัลลังก์หมอยาเซียน – ตอนที่ 734 หม่อมฉันถูกใส่ร้าย
Posted by ? Views, Released on November 10, 2021
, บัลลังก์หมอยากเซียน
ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: "เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง"หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: "ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น"อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: "เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่" หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: "ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ"
Recommended Series
Comment
Facebook Comment