คนคนนี้เป็นคนขับรถม้า คืนวันนั้นส่งคุณชายพวกเขามาถึงข้างแม่น้ำ หลังจากคุณชายขึ้นไปบนเรือท่องเที่ยวแล้ว เขาก็เดินเล่นอยู่รอบๆใกล้เคียง
คิดไม่ถึงว่า เห็นม้าตัวหนึ่งวิ่งมาถึงอย่างรวดเร็ว คนคนนั้นสวมชุดสีดำ หลังจากลงจากม้าแล้ว ก็ถอดชุดดำมัดกับหินโยนลงแม่น้ำ จากนั้นก็ขึ้นเรือท่องเที่ยว
บนบันทึกได้เขียนชื่อกับที่อยู่ของคนคนนี้ไว้ อ๋องฉีสั่งคนพาคนคนนี้มาถามความเพิ่ม
คนคนนั้นเป็นคนขับรถม้าของพ่อค้าตระกูลหวางฝู เขาพูดว่า “เดือนหนึ่งข้าน้อยมักจะไปข้างแม่น้ำหลายครั้ง เพราะคุณชายข้ากับแม่นางคนหนึ่งสนิทสนมกัน ทุกครั้งข้าน้อยเป็นคนส่งไป หลังจากคุณชายขึ้นเรือท่องเที่ยวไปแล้ว เพราะอากาศหนาวเย็น ข้าน้อยจะนั่งรออยู่กับที่อย่างเดียวไม่ได้ จะพกเหล้าหนึ่งไห หลังจากดื่มแล้วก็เดินรอบๆปัดเป่าความหนาวเย็น ข้าน้อยจำได้ว่าคืนวันนั้นหนาวเหน็บอย่างมาก ปกติข้าน้อยจะไม่ใส่ใจพวกนี้ แต่เพราะเขาสวมชุดดำ ข้าน้อยรู้สึกค่อนข้างแปลกใจ จึงตั้งใจมองดู ยังไงคนที่มาเที่ยวเล่นที่นี่ ต่างก็จะแต่งหน้าแต่งตัวอย่างพอสมควร ตอนนั้นหลังจากที่เขาเอาชุดดำโยนลงก้นแม่น้ำ ก็ขึ้นไปบนเรือท่องเที่ยวแล้ว”
“เจ้าเห็นรูปร่างหน้าตาของเขาชัดเจนไหม?”อ๋องฉีถามขึ้นอย่างร้อนใจ
คุณขับรถม้าส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “มองเห็นไม่ค่อยชัดเจน เพราะตำแหน่งที่เขายืนค่อนข้างมืด แต่มองเห็นแหวนหยกที่นิ้วโป้งของเขา”
“ขึ้นเรือท่องเที่ยวลำไหน?”
“น่าจะเป็นเรือท่องเที่ยวของนางชุน” คนขับรถม้าครุ่นคิด พร้อมพูดขึ้นว่า “อาจจะเป็นนางเม่ยก็ได้ ยังไงก็มีเรือแค่สองลำ”
ผู้ช่วยเจ้ากรมกำลังจะสั่งคนไปถาม กลับมีคนมาแจ้งความว่า นางชุนของแม่น้ำซีซูถูกพบเป็นศพอยู่ในบ้าน แม่เล้าบนเรือท่องเที่ยวเป็นคนพบศพ นอกจากนางชุน แม้แต่บ่าวใช้ที่คอยรับใช้นางชุนก็ตายแล้ว ตอนที่พบเห็น ศพเน่าเหม็นแล้ว เห็นทีน่าจะตายแล้วมากกว่าสามวัน
อ๋องฉีได้ยินเช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกท้อแท้ ไม่ง่ายเลยที่จะได้ข่าวคราวมาสักนิด แล้วก็ขาดสิ้นสุดที่นี่อีกแล้ว
หยู่เหวินเห้าฟังดูเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ก็พูดขึ้นว่า “คนน่าจะตายไปแล้วประมาณสามวัน ก็เท่ากับว่า หลังจากที่พวกเราเจอม้าของลู่หยวน นางชุนค่อยถูกฆ่า คนร้ายรู้ทิศทางการสืบสวนคดีของพวกเราเป็นอย่างดี”
“พี่ห้า ข้าไม่เข้าใจ ทำไมตอนนั้นคนร้ายจะต้องขึ้นเรือท่องเที่ยว? จากไปเลยไม่ดีกว่าหรือ?”อ๋องฉีถามขึ้น
“ตอนนั้นกรมทหารส่งคนไล่ตามล่าเขาแล้ว เขาหนีไปพร้อมกับได้รับบาดเจ็บ หากเจอคนที่ไล่ตามจับก็จะหนีไม่พ้น ขึ้นไปบนเรือท่องเที่ยวหลบอยู่สักพักยังดีกว่า รอเรื่องเงียบลงแล้วค่อยหลบหนีไปก็ยังไม่สาย”
หยู่เหวินเห้าสั่งคนไปที่ทางด้านนางชุน แล้วก็สั่งคนลงไปงมเอาเสื้อผ้าชุดดำในแม่น้ำขึ้นมา ดูว่ามีเบาะแสอะไรไหม
นางชุนกับบ่าวใช้พักอยู่ด้วยกัน อาศัยอยู่ในบ้านพักริมฝั่งแม่น้ำซี บ้านพักนี้เป็นบ้านเช่า ปกตินางชุนรับแขกอยู่บนเรือท่องเที่ยว กลางวันค่อยกลับมานอนที่บ้าน ไปมาหาสู่ผู้คนรอบข้างน้อยมาก
และทุกคนต่างก็รู้ว่านางทำอาชีพอะไร ปกติจึงไม่ค่อยชอบไปมาหาสู่กับนาง
แม่เล้าบนเรือท่องเที่ยวบอกว่านางชุนไม่มาสองวันแล้ว ตอนนั้นยังนึกว่านางเป็นประจำเดือน เพราะคืนวันนั้นหลังจากรับแขกแล้ว นางชุนก็บอกว่าปวดท้อง เหมือนประจำเดือนกำลังจะมา
แม่นางบนเรือท่องเที่ยว เวลาเป็นประจำเดือนจะพักผ่อน เพราะเหตุนี้แม่เล้าจึงไม่ตาม เพียงตามแม่นางคนอื่นมาแทนนางชุน
เรือท่องเที่ยวลำเล็กแบบนี้ ปกติจะมีแม่นางเพียงหนึ่งถึงสองคน มากสุดก็แค่สามสี่คน แต่เพราะนางชุนรูปร่างหน้าตางดงาม มีพรสวรรค์ที่ดี บวกกับมีแขกประจำ ดังนั้น บนเรือท่องเที่ยวลำเล็กนี้ จึงมีนางเพียงคนเดียว นางไม่มาทำงาน ก็จะตามคนอื่นมาแทน
แม่เล้ามาให้การที่กรมการพระนคร นางบอกว่าวันนั้นนางไม่ได้อยู่บนเรือท่องเที่ยว ดังนั้นจึงไม่เห็นแขกผิดปกติคนนั้น
แม่เล้าเองก็ค่อนข้างไม่ค่อยพอใจนางชุน จึงพูดขึ้นว่า “ตั้งแต่ได้แขกร่ำรวยคนหนึ่งมาติดพันแล้ว ก็มักจะลาสามวันครั้งห้าวันครั้ง เดือนนี้ลาติดต่อกันเจ็ดแปดวันแล้ว คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น นี่จะให้ข้าทำอย่างไร? ค่าเรือท่องเที่ยวยังจ่ายไม่หมดเลย ข้าก็พูดตั้งแต่แรกแล้ว จะใช้นางคนเดียวไม่ได้ ตอนนี้เป็นไงล่ะ ยังติดหนี้อยู่อีกกว่าพันตำลึง จะทำอย่างไรดี?”
แม่เล้าพูดไปด้วย หยุดเช็ดน้ำตาไปด้วย
อ๋องฉีฟังถึงตรงนี้ ในใจคิดอะไรขึ้นมาได้ทันที จึงถามขึ้นว่า “เดือนนี้นางไม่ไปเจ็ดแปดวันแล้ว? งั้นวันที่แปดของเดือนนี้ นางอยู่บนเรือท่องเที่ยวหรือไม่?”
แม่เล้าส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “หม่อมฉันจำไม่ได้แล้ว ต้องกลับไปดูที่จดบันทึกไว้ถึงจะรู้ หม่อมฉันได้จดไว้อยู่”
“ทหาร พาแม่เล้าไปดูพร้อมกัน ไปดูว่าคืนวันที่แปด นางชุนอยู่บนเรือท่องเที่ยวหรือเปล่า”อ๋องฉีสั่งการทันที
หยู่เหวินเห้ามองดูอ๋องฉีอย่างชื่นชม ความคิดของเขาถือว่ารอบคอบอย่างมาก
หยู่เหวินเห้าเอาเบาะแสนี้ยกให้กับผู้ช่วยเจ้ากรมอย่างวางใจ ส่วนเขาส่งคนไปสืบค้นหาต่อ
แต่ถึงแม้อ๋องฉีจะคิดได้ถึงจุดสำคัญนี้ แต่ข่าวที่หัวหน้าพลตระเวนนำกลับมา กลับทำให้เขาผิดหวังอย่างมาก เพราะคืนวันที่เกิดเหตุวันนั้น นางชุนอยู่บนเรือท่องเที่ยว ไม่ใช่คนที่มาแทนคนนั้น
ตอนนี้เหลือเพียงเบาะแสเดียว นั่นก็คือชุดดำที่จมอยู่ใต้น้ำ
หัวหน้าพลตระเวนจมเอาเสื้อผ้าขึ้นมา เสื้อผ้าห่อก้อนหินก้อนใหญ่ไว้ก้อนหนึ่ง หลังจากห่อแล้วก็ใช้แขนเสื้อมัดไว้ ยังไงหากไม่มีคนมาให้การ ยังไงก็ไม่ถูกพัดไหลไปแน่
เนื้อผ้าเสื้อผ้าดีมาก เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนพเนจรไปมา เป็นผ้าชุดคลุมดำ เย็บอย่างประณีตละเอียดอ่อน ตรงปลายแขนเสื้อยังมีลวดลายปัก
ตรงไหล่ซ้ายมีแผลขาด แช่อยู่ในน้ำหลายวัน รอยเลือดจึงหายไปหมดแล้ว ตรงปกคอเสื้อถูกตัดไปหนึ่งชิ้น คาดว่าคนร้ายเอามาใช้พันแผลตรงไหล่ เขาหลบอยู่ในซอย น่าจะเพื่อพันบาดแผล เลือดจะได้ไม่ไหลออกมาทิ้งร่องรอยให้คนตามมาเจอ
เนื้อผ้าดี มีลวดลายปัก ไม่ใช่คนเที่ยวกลางคืนแน่ นั่นแสดงว่าเขาหยิบเสื้อคลุมสีดำมาสวม ปกปิดหน้าแล้วก็ออกมาเลย
พูดอีกอย่างก็คือ แผนการลักขโมย ไม่ได้ถูกวางแผนไว้เนิ่นนาน แต่เป็นความคิดที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
“ที่มาของผ้า สามารถสืบหาได้ไหม?”อ๋องฉีถามขึ้น
ผู้ช่วยเจ้ากรมมองดู พร้อมพูดขึ้นว่า “ถึงแม้จะเป็นผ้าที่ดีมีราคา แต่ผ้าพวกนี้ล้วนมีขายมากมายตามร้านขายผ้าทั่วไป สืบหายาก”
อ๋องฉีตกอยู่ในภวังค์มืดมน มองดูหลักฐานที่มีเพียงชิ้นเดียว ฟังคำให้การที่เหมือนไม่มี ส่วนสูงห้าถึงแปดฟุต นิ้วมือสวมแหวนหยก ฝีมือการต่อสู้ไม่เลว สามารถรับมือคนของกรมทหารหลายคนพร้อมกัน ยังทำร้ายบาดเจ็บสองคน ที่สำคัญที่สุดก็คือ คนคนนี้ลู่หยวนรู้จัก ลู่หยวนไม่ต้องระวังตัว นั่นแสดงว่าลู่หยวนรู้จักและเชื่อถือ
เป็นใครกันแน่?
ก่อนหน้านี้อ๋องฉีเคยคาดเดาว่าเป็นอ๋องจี้ เพราะฝีมือการต่อสู้ของอ๋องจี้ไม่เลว ส่วนสูงก็ได้ แต่คนที่เขามีอยู่ กระทำเรื่องที่เสี่ยงอันตรายแบบนี้ เขาไม่มีทางลงมือด้วยตนเองแน่ เขาเลี้ยงคนไว้มากมายขนาดนี้ ส่งคนไปคนสองคนก็พอแล้ว
เจ้าสี่…หรือว่าจะเป็นเจ้าสี่?
แต่คนภายใต้การดูแลของเจ้าสี่ก็มีเยอะมาก ทำไมจะต้องไปเสี่ยงอันตรายด้วยตนเอง?
ทันใดนั้นก็เข้าสู่ความยากลำบาก อ๋องฉีคิดอย่างสุดความสามารถ ก็คิดไม่ออกว่าจะลากตัวคนชุดดำคนนี้ออกมายังไง ดังนั้น คิดๆดูแล้ว จึงกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่จวน แล้วออกเดินทางไปยังเรือท่องเที่ยวด้วยตนเอง
เขาอยากที่จะหาตัวคนร้ายให้เจอเพื่อลู่หยวนอย่างมาก หรือเขาอยากทำอะไรเพื่อหยวนหย่งอี้บ้าง ชดเชยความรู้สึกผิดในใจ
เขาเอากุญแจหิน แล้วก็ขี่ม้าไปยังแม่น้ำซีซูคนเดียว