บัลลังก์หมอยาเซียน – ตอนที่ 787 ไทเฮาเสด็จสวรรคต

ไทเฮาป่วยหนัก เหล่าสนมในวังหลังต่างก็มาเฝ้าไข้อยู่เป็นเพื่อน
ไทเฮาไม่อยากจะพบใครทั้งนั้น อยากจะพบแค่เหล่าของว่าง
เดิมทีลมปราณแห่งความเจ็บป่วยมีความรุนแรง เด็กๆไม่ควรอยู่ข้างกาย แต่หยวนชิงหลิงไม่ได้ห้าม เพราะไม่ใช่โรคที่สามารถติดต่อกันได้ มีเด็กๆคอยอยู่เป็นเพื่อนข้างๆจึงเป็นวาสนา
ฉะนั้น หยวนชิงหลิงจึงพักอาศัยอยู่ในวังเสียเลย สามารถพาลูกๆไปพบได้เสมอ บวกกับนางรู้วิชาแพทย์ อยู่ข้างกายเป็นเพื่อนไทเฮา หากมีสถานการณ์เร่งด่วนอะไรจะได้ช่วยเหลือทันท่วงที
ด้วยเหตุนี้ ในหลายวันมานี้ ไทเฮาแทบจะอยู่กับนางในตำหนักทั้งวัน
เมื่อถึงวันเทศกาลไหว้พระจันทร์ ไทเฮาดูมีชีวิตชีวาขึ้นมามาก ยังสามารถลุกขึ้นนั่งกินโจ๊กไปหนึ่งถ้วย หลังจากกินเสร็จแล้ว รู้สึกปากไร้รสชาติ ยังอยากจะกินของว่างเสียหน่อย หยวนชิงหลิงจึงให้คนไปทำมาให้
ก่อนหน้านี้ในวังได้เริ่มจัดเตรียมงานศพของไทเฮาแล้ว การวางแผนจัดงานทุกเรื่องล้วนมีกรมวังกับกรมพิธีการเป็นผู้ดำเนินการ ในใจของทุกคนราวกับได้เตรียมทำใจไว้แล้ว วังหลังก็ได้แต่รอช่วงเวลาลมหายใจสุดท้ายของไทเฮา
แต่วันนี้เห็นไทเฮาเจริญอาหารมาก ยังสามารถลุกขึ้นนั่งได้ ไม่เคยเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่อาการของโรคกำเริบหนักขึ้น ในหัวใจของทุกคนราวกับเห็นความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
วันไหว้พระจันทร์ครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา วังหลังจัดงานเลี้ยงฉลอง
วันนี้อาการของไทเฮาดูจะดีขึ้นมาก บอกว่าอยากจะออกไปดูวังหลัง
อากาศค่อยๆเปลี่ยนเป็นเย็นลงแล้ว เดิมทีฮ่องเต้หมิงหยวนไม่อนุญาต แต่ว่านางยืนยันว่าจะไป ได้แต่จัดเตรียมเกี้ยวไว้ให้ ให้คนหามออกไปนั่งเล่นที่ศาลา
วันนี้ในวันคึกคักเป็นพิเศษ ทุกที่ประดับประดาไปด้วยโคมไฟและกระดาษสีสันสดใส ในอุทยานอวี้ฮัวเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ จงใจแขวนประดับตกแต่งด้วยโคมไฟสีแดงเป็นพวงๆเต็มไปหมด ด้านนอกของโคมไฟทุกดวงทุกติดไว้ด้วยกระดาษทายตัวอักษร ไทเฮานั่งอยู่ข้างใน มองดูเหล่าชายหนุ่มหญิงสาวของราชวงศ์ที่เดาคำถามกันอย่างสุดความสามารถ
บรรยากาศคึกคักเหล่านี้ พุ่งทะยานสูงขึ้นตลอด เพราะว่าวันนี้ในวังได้มีการจัดรายการแสดงต่างๆไว้มากมาย ยังมีการจัดเวทีแสดงงิ้วขึ้นมาโดยเฉพาะ รอหลังจากกินอาหารเที่ยงกันแล้วก็สามารถเปิดการแสดงได้
เม็ดบัวสดใหม่ถูกนำขึ้นมาถวาย หยวนชิงหลิงแกะให้ไทเฮาสองเม็ด
ไทเฮากินไม่มาก แต่ว่าชอบรสชาตินี้ “เม็ดบัวนี้ ก็เหมือนชีวิตคน มีความขมก่อนจะพบความหอม ให้รสชาติหวานติดปากยาวนาน”
“เช่นนั้นท่านก็กินให้มากหน่อย”หวงกุ้ยเฟยอุ้มองค์ชายสิบอยู่ข้างๆ พูดขึ้นยิ้มๆ
“ไม่ล่ะ กินของสิ่งนี้ก็เหมือนชีวิตคน ชิมแค่ผิวเผินก็พอ ไม่สามารถกินอย่างตะกละได้”ไทเฮาทำมือกดลง หันหน้าไปมององค์ชายสิบ ยิ้มจนหางคิ้วเป็นรอยย่นขึ้นมา “เด็กคนนี้ ทำไมยิ่งกินก็ยิ่งอ้วน ประเดี๋ยวจะตัวใหญ่เท่าพี่รองของเขาแล้ว”
พระชายาซุนมองน้องชายสามี และยิ้มขึ้นมา “ท่านก็ช่างพูดเสียจริง สังเกตดูดีๆแล้ว เหมือนเจ้ารองย่อส่วนเลย”
หยวนชิงหลิงก็มองแวบหนึ่ง อดที่จะหัวเราะไม่ได้ ซุนอ๋องเป็นฉบับร่างขยายขององค์ชายสิบจริงๆด้วย ต่างก็มีศีรษะและใบหูที่ใหญ่อวบอ้วน มีใบหน้าอวบอิ่มทั้งคู่
นางพูดยิ้มๆว่า “นี่เป็นหน้าตาของคนมีวาสนา ดีจริงๆ ”
พระชายาอันถามว่า “ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าพี่รองจะลดความอ้วนมิใช่หรือ ทำไมไม่เห็นเป็นผลเสียที”
พระชายาซุนเอ่ยอย่างอารมณ์ไม่ค่อยดีว่า “เจ้าเชื่อเขาหรือ ในหนึ่งปีพูดเรื่องลดความอ้วนตั้งกี่ครั้ง ไม่เห็นทำสำเร็จสักครั้ง เขาคุมปากตัวเองไม่ได้ ไม่ได้กินหนึ่งมื้อเหมือนฟ้าจะถล่มลงมาให้ได้ ”
“ปีก่อนดูผอมลงเล็กน้อยแล้ว”
“นั่นเพราะถูกลอบทำร้ายจนบาดเจ็บ ต้องหลีกเลี่ยงของกินบางอย่าง เขาจึงลดน้ำหนักซะเลย พอร่างกายดีขึ้น ก็ยังคงกินเหมือนเดิม แล้วยังไม่ชอบเคลื่อนไหว เหมือนหมูไม่มีผิด ”
แม้ว่าพระชายาซุนจะบ่นด่าสามี แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เห็นได้ชัดว่าชื่นชอบเป็นอย่างยิ่ง
หรงเยว่ที่กำลังปอกเม็ดบัว ถามไทเฮาว่า “เสด็จย่า ท่านชอบใครระหว่างองค์ชายสิบ หรือเหล่าของว่างมากกว่ากัน ”
นี่เป็นคำถามที่แหลมคมมาก ทุกคนต่างมองไปที่ไทเฮา แม้แต่ฮู่เฟยก็ต้องหันหน้าไปมอง
หยวนชิงหลิงผลักหรงเยว่หนึ่งที “อะไรคือชื่นชอบใครมากกว่ากัน ล้วนเป็นที่รักสุดดวงใจของเสด็จย่า ชื่นชอบเท่ากันหมด”
ปากของหรงเยว่ บางเวลาก็ช่างวอนโดนตีนัก
ไทเฮามององค์ชายสิบ เอ่ยอย่างรักและเมตตาว่า “พระชายารัชทายาทพูดถูกต้อง ล้วนชอบเท่ากันหมด”
นางพูดแล้ว สายตาก็ล่องลอยมองออกไปข้างนอก เห็นเหล่าของว่างกำลังเล่นกับหมาป่าหิมะ ใบหน้ารูปแอปเปิลทั้งสามต่างก็แดงไปหมด ล้วนเป็นลูกหลานของราชวงศ์ นางย่อมรักและทะนุถนอมอย่างเท่าเทียมกัน เพียงแต่ เด็กสามคนนี้มีความใส่ใจและฉลาดเฉลียว จะรักมากกว่าหน่อยก็เป็นไปตามหลักธรรมชาติของมนุษย์
ไทเฮามองลูกหลานของราชวงศ์ที่อยู่กันเต็มสวนด้วยความพอใจเป็นอย่างยิ่ง แสงแดดในฤดูใบไม้ร่วงสาดส่องลงมาทำให้ทั้งราชวังเต็มไปด้วยแสงสีทอง นางรู้สึกหิวขึ้นมาบ้างแล้ว ให้คนนำบัวลอยมาถวายหนึ่งถ้วย
บัวลอยหนึ่งถ้วยมีสิบก้อน นางกินไปห้าก้อนก็กินไม่ลงแล้ว แต่เมื่อคิดได้ว่าการกินขนมบัวลอยเป็นสัญลักษณ์ของการรักใคร่กลมเกลียว ด้วยเหตุนี้แม้จะกินอิ่มแล้วแต่ก็ฝืนกินที่เหลือลงไปจนหมด
หลังจากกินเสร็จแล้ว นางเรียกเหล่าของว่างมาหา ยื่นมือออกไปลูบที่ใบหน้าของพวกเขา สายตาเต็มไปด้วยความรัก “ถ้าจะบอกว่ายังมีอะไรที่รู้สึกเสียดาย ก็คงเป็นเด็กๆเหล่านี้ หวังจริงๆว่าจะได้เห็นพวกเขาเติบโต ดูพวกเขาแต่งงานมีลูก“
ทุกคนได้ยินคำพูดเหล่านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บแปลบในใจ
หวงกุ้ยเฟยพูดยิ้มๆว่า “ไทเฮา ท่านต้องได้เห็นแน่ๆ ท่านน่ะ ยังต้องเลือกพระชายาให้กับพวกเขาด้วยตนเองนะเพคะ”
ไทเฮาจ้องมองอยู่นาน จึงค่อยๆถอนหายใจ “หญิงสาวใต้หล้านี้ เกรงว่าจะมีน้อยมากที่คู่ควรกับพวกเขา ไม่ว่าจะแต่งงานกับใครล้วนไม่เป็นธรรมต่อพวกเขา”
หยวนชิงหลิงยิ้ม “เสด็จย่า พวกเขาไม่ใช่ของล้ำค่าอะไรขนาดนั้น ท่านพูดเช่นนี้เกรงว่าจะเป็นเรื่องน่าขันกับคนอื่นเสียมากกว่า”
ไทเฮาพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “ล้ำค่าที่สุดในบรรดาของมีค่า แต่งกับใคร หญิงสาวตระกูลนั้นย่อมมีวาสนา”
ในมือของซาลาเปาถือตระกร้อเอาไว้ พูดเสียงแผ่วเบาว่า“เสด็จย่าทวด ข้าโตแล้วจะแต่งงานกับท่าน ห้องของท่านมีของกินอร่อยเยอะแยะเลย ”
ไทเฮาได้ยิน ก็นิ่งอึ้งไปแล้วก็หัวเราะฮ่าฮ่าขึ้นมา ทุกคนได้ยินคำพูดไร้เดียงสาของเด็ก ต่างก็หัวเราะจนหยุดไม่ได้
ไทเฮาขอบตาเปียกชื้น มองซาลาเปา “จำคำของเสด็จย่าทวดเอาไว้ ภายหน้าหากแต่งงาน จิตใจสะอาดบริสุทธิ์นั้นสำคัญที่สุด ต้องเหมือนเสด็จแม่ของเจ้า อย่าได้เหมือน……”
นางหยุดคำพูดของตัวเองเอาไว้ แววตาหม่นหมองลง แม้จะไม่พูดออกมา แต่ทุกคนต่างก็รู้ดีว่านางพูดถึงเสียนเฟย
ใช่แล้ว ถ้าแต่งงานอย่าได้แต่งกับผู้หญิงอย่างเสียนเฟยเด็ดขาด
หลังจากกินอาหารเที่ยงแล้ว งิ้วได้เปิดการแสดงขึ้น ไท่ซ่างหวงก็มาดูด้วย นั่งอยู่กับไทเฮา ไท่ซ่างหวงเองก็พบเห็นได้ยากมาก ที่เอาแต่กุมมือของไทเฮาไว้
เหล่าท่านอ๋องและจวิ้นอ๋องทั้งหลายต่างก็พาคนในครอบครัวมา ร่วมนั่งดูการแสดงงิ้วพร้อมกัน
บรรยากาศสดใสมีความสุขในตำหนัก แสงอาทิตย์สาดส่องไปทั่ว ใบไม้สีเหลืองทองปลิวว่อน เมฆขาวบริสุทธิ์ล่องลอยอยู่บนท้องฟ้าสีคราม วันเวลาเช่นนี้ ราวกับความเงียบสงบที่โปร่งใส แม้แต่ผีเสื้อที่หยอกล้อกับดอกไม้ก็หยุดนิ่ง ฟังเสียงร้องเพลงที่ไพเราะดั่งดอกไม้งามคืนเดือนเพ็ญ
ศีรษะของไทเฮาค่อยๆอิงแอบไปบนไหล่ของไท่ซ่างหวง
มุมปากมีรอยยิ้มแห่งความสุขปรากฏอยู่
สามีของนาง ลูกของนาง หลานของนาง เหลนของนางล้วนล้อมรอบอยู่ข้างกายนาง ในวันที่ใช้การร้องรำทำเพลงมาอวยพรให้เกิดความสงบสุข ดวงตาของนางค่อยๆปิดลงแล้ว
เมื่อเสียงเพลงงิ้วจบลง ไท่ซ่างหวงยื่นมือออกไป ค่อยๆโอบไหล่ของนางเอาไว้ ถอนหายใจออกมาหนึ่งเสียงเบาจนแทบไม่มีคนได้ยิน
โคมไฟสีแดงทั่วทั้งราชวังถูกปลดลงมาทั้งหมด เปลี่ยนเป็นโคมไฟสีขาว เหล่านี้ กรมวังได้จัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว
ซูไทเฮาเสด็จสวรรคต ฮ่องเต้หมิงหยวนมีราชโองการ ไว้อาลัยทั่วประเทศ

บัลลังก์หมอยากเซียน

บัลลังก์หมอยากเซียน

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: "เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง"หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: "ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น"อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: "เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่" หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: "ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ"

Comment

Options

not work with dark mode
Reset