บัลลังก์หมอยาเซียน – ตอนที่ 804 เขาน้อยใจอย่างมาก

ไม่เพียงข้ารับใช้ในจวน แม้แต่ทหารจวนพวกนั้นต่างก็รู้สึกแปลกประหลาดใจ เนื้อมากกว่าสองร้อยกว่าโลครึ่งนี้ เป็นอาหารของพวกเขาในวันนี้ ล้วนทิ้งไว้บนพื้น หมายความว่ายังไง?
ชายาเฟิงอันกระทำอย่างค่อนข้างแปลกและงี่เง่าจริงๆ
หลังจากผ่านไปประมาณธูปหนึ่งดอก ก็เห็นคนเฝ้าประตูวิ่งกลิ้งเข้ามา ตกใจจนสีหน้าขาวซีด เหงื่อผุดเหมือนเม็ดถั่ว ปากพูดขึ้นอย่างตกอกตกใจว่า “ด้านนอก…..มีหมาป่ามาเป็นจำนวนมาก”
เขาเพิ่งพูดเสร็จ ก็ได้ยินเสียงดังครึกโครมข้างนอก เหมือนดั่งเสียงกีบม้า แล้วก็เหมือนไม่ใช่ น้ำชาในถ้วยน้ำชาบนโต๊ะเคลื่อนไหวเป็นวงกลม รู้สึกเหมือนศัตรูตัวฉกาจกำลังจะมา
จากนั้น หมาป่าหิมะตัวหนึ่ง เดินก้าวเข้ามาอย่างมั่นคง หมาป่าหิมะตัวนี้ตัวสูงใหญ่มาก ขาวโพลนเหมือนหิมะไปทั้งตัว ใบหูตั้งขึ้น หางคล้อยลง เคลื่อนไหวอย่างกระฉับกระเฉง แลดูสมกับเป็นราชา
หลังจากเดินเข้ามาแล้ว ก็เห็นฝูงหมาป่าหิมะตามติดมาด้านหลัง โดยประมาณแล้ว น่าจะมีสามสิบกว่าตัว ฝีเท้าของพวกมันก้าวเดินอย่างสม่ำเสมอพร้อมเพรียงกัน เหมือนดั่งแม่ทัพสวรรค์เสด็จ สง่างามราวกับสายรุ้ง ภายในดวงตาสีแดงนั้นฉายแววเฉียบคมเคร่งขรึม
หลังจากเข้ามาแล้ว ทั้งหมดล้วนยืนอยู่ตรงหน้าชายาเฟิงอัน ไม่ได้แสดงท่าทีโจมตีใดใด ทั้งหมดก็ไม่ได้ส่งเสียงออกมาแม้เพียงนิด แม้แต่ลมหายใจก็เหมือนทุกฝึกฝนมาก่อน พร้อมเพรียงกันอย่างมาก เนื้อบนพื้นวางอยู่ตรงหน้า ก็ไม่มีหมาป่าสักตัวไปทาน เมินอย่างเอาหูไปนาเอาตาไปไร่
พวกทหารจวนมองดูอยู่ ต่างก็แอบตกตะลึง นี่เป็นฝูงหมาป่าเสียที่ไหน? นี่เป็นทหารหมาป่าต่างหาก
พวกเขาต่างก็ค่อนข้างอยู่ไม่เป็นสุขแล้ว ธรรมชาติของหมาป่านั้นร้ายกาจอย่างสุด สู้กับหมาป่า ไม่ถือว่าเป็นการได้เปรียบ ต่อให้มีความชำนาญในการกำจัดให้สิ้นสาก ก็จะต้องสูญเสียกำลังอย่างมาก
ชายาเฟิงอันบีบจับแก้วชาไว้ มองดูหัวหน้าหมาป่า พร้อมออกคำสั่งว่า “โจมตีกระจาย”
เมื่อมีคำสั่งนี้ หัวหน้าหมาป่าส่งเสียงคำรามต่ำขึ้นในทันใด ทหารหมาป่าก็ส่งเสียงคำรามต่ำตาม เสียงคำรามนั่นสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่ว เตรียมพร้อมโจมตี
ทหารจวนต่างถือดาบเตรียมรับมือ คนที่อยู่ส่วนมากล้วนเป็นผู้มีฝีมือ และก็มีมากกว่าร้อยคน จึงไม่เห็นหมาป่าหิมะอยู่ในสายตา
ดังนั้น เมื่อตอนที่เห็นหมาป่าตัวแรกกระโจนออกมา สีหน้าทหารจวนยังคงสงบเรียบเฉย ชักดาบออกจากฝัก ดาบยังไม่ทันได้วาดโค้งอยู่ในอากาศ หมาป่าสามสิบตัวได้ลอยบินขึ้นมา และหมาป่าทุกตัวกระโจนเข้าหาคนคนหนึ่งได้อย่างแม่นยำ กดทับอยู่ด้านบน กัดไปที่แขนที่ถือดาบอย่างพร้อมเพรียงกัน
พวกมันเคลื่อนไหวรวดเร็วมากจนน่าตกใจ หลังจากกัดเข้าไปหนึ่งคำแล้ว ก็รีบวิ่งไปหาคนที่สองอย่างรวดเร็ว ทหารจวนต่างชะงักตกตะลึง แทบไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า หมาป่าสามารถกระโจนได้ แต่สามารถบินกระโจนได้สูงขนาดนี้ นี่แทบจะเป็นเรื่องที่ไปไม่ได้เลย
คนจำนวนร้อยคน เพียงครู่เดียว ล้วนถูกหมาป่าหิมะกัดแขน กัดคำเดียวเข้าถึงเนื้อ หลังจากกัดชิ้นเนื้อออกมาแล้วก็ถุยทิ้งบนพื้น หมาป่าหิมะไม่กิน อย่ากระทำทุกอย่างนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดหมอบลง ตั้งใจสังเกตการณ์ หากใครมีเจตนาโจมตี ก็พร้อมกระโจนเข้าไปกัดคำที่สองทันที
แต่หมาป่ากัดคำที่สอง เป็นการมุ่งไปกัดตรงหน้าอก กัดเอาชิ้นเนื้อออกมาหนึ่งชิ้น แล้วก็มีเสียงกรี๊ดร้องสนั่นดังขึ้นในทันใด
กลุ่มคนเมื่อกี้ที่ยังนิ่งเฉย ตอนนี้ล้มลงอยู่บนพื้นทั้งหมด เพราะเนื้อโดนกัดออกมาสดๆ เจ็บปวดอย่างมาก ช่วงเวลาขณะนี้ ไม่มีเรี่ยวแรงตอบโต้
ส่วนหมาป่าหิมะโจมตีคนพวกนี้ล้มลง กลับใช้เวลาเพียงแค่พริบตาเดียว หากบอกว่าคนที่มาเป็นยอดฝีมือ ยังสามารถรับมือได้หลายร้อยรอบ
ข้ารับใช้ในจวนต่างก็ไม่กล้าเคลื่อนไหว บางคนตกใจจนฉี่ราดใส่กางเกง พ่อบ้านชราทรุดตัวลงกองกับพื้น ร่างกายสั่นเทา ดวงตาทั้งคู่จ้องมองดูหัวหน้าหมาป่าที่อยู่ห่างกับเขาเพียงแค่ก้าวเดียว กลัวว่าหากตนเองขยับ หมาป่าตัวนั้นจะกระโจนเข้ามากัดเขา
ทั้งหมดอยู่ในความสงบเงียบเหมือนกับคนตาย มีเพียงเสียงลมหายใจที่น่าสะพรึงกลัวเท่านั้น ที่ส่งเสียงออกมาทีละคำ บาดแผลที่เจ็บปวดก็ต้องอดทนไว้ ไม่กล้าร้องออกมาสักคำ
แล้วก็เห็นในมือชายาเฟิงอัน ถือผ้าเช็ดหน้าไว้ผืนหนึ่ง เรียกให้หัวหน้าหมาป่ามาหา หัวหน้าหมาป่าคุกเข่าอยู่ตรงหน้าของนาง เผยให้เห็นแววตาเรียกร้องขอรางวัล
ชายาเฟิงอันเช็ดรอยเลือดตรงมุมปากให้กับหมาป่าหิมะอย่างอ่อนโยน ยิ้มแย้ม จากนั้นก็ชี้ไปที่เนื้อบนพื้น พร้อมพูดขึ้นว่า “เชื่อฟัง ไปทานสิ”
หัวหน้าหมาป่าส่งเสียงคำรามออกมา แล้วก็เห็นหมาป่าทั้งหมดเดินเข้าแถวกันอย่างพร้อมเพรียง หลังจากหมาป่าตัวหนึ่งกัดคาบชิ้นเนื้อแล้วหนึ่งชิ้น ก็รีบถอยออกไปอย่างรวดเร็ว เลยให้หมาป่าตัวที่สองเดินเข้าไปคาบ การกระทำเหมือนกันทุกอย่าง ถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดี
ชายาเฟิงอันลุกขึ้น เดินไปตรงหน้าพ่อบ้าน โน้มตัวงอเอวมองดูเขา จนพ่อบ้านชราตื่นตระหนกตกใจจนตัวสั่น มองดูนางอย่างหวาดผวา
“ไป” ชายาเฟิงอันพูดขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า “ไปเตรียมสุรามาให้ข้าหนึ่งเหยือก ข้าจะดื่มกับท่านอ๋อง”
ครั้งนี้พ่อบ้านชรา ไม่กล้าพูดว่าท่านอ๋องไม่อยู่ข้างในแล้ว พยักหน้าเหมือนดั่งสับกระเทียมว่า “ได้ ได้ ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้”
ชายาเฟิงอันค่อยๆเดินขึ้นบันไดหิน ยืนอยู่หน้าประตูไม้สักสองบาน ยื่นมือผลัก กลอนข้างในถูกล็อกไว้ ไม่สามารถเปิดเข้าไปได้
“อาต้า พังประตู”ชายาเฟิงอันหันไปพูดกับหัวหน้าหมาป่า
เงาร่างหิมะขาวโพลนส่องประกายสั่นไหว เหมือนดั่งสายฟ้าแลบ คนที่อยู่ในสถานการณ์ ต่างแทบมองเห็นไม่ชัดเจน ประตูถูกขนดัง ปั้ง จนประตูถูกเปิดออก กลอนประตูหักหล่นลงกับพื้น
หัวหน้าหมาป่าส่ายหาง เดินลงบันไดหินมาอย่างเชื่องช้า แล้วก็ไปทานเนื้อต่อ
ชายาเฟิงอันเดินเข้าไป เดิมภายในห้องค่อนข้างมืด หน้าต่างปิดสนิท ผ้าม่านสีฟ้าหนาปักลวดลายดอกปิดบังไว้ หลังจากประตูถูกผลักออก ค่อยมีแสงสว่างสาดส่องเข้ามา แต่ก็ยังคงรู้สึกค่อนข้างอึมครึม
อ๋องชินเป่านั่งอยู่ข้างใน ตอนที่ชายาเฟิงอันเข้ามา เขายืนขึ้น ยืนนิ่งอยู่ด้านข้าง ไม่พูดไม่จา ไม่ทักทาย ไม่แม้แต่จะมองชายาเฟิงอัน ยืนเหมือนดั่งรูปปั้นหิน
เขาแลดูมีพลังอย่างหนึ่ง ศีรษะค่อยๆเงยขึ้น แลดูเดียวดายอย่างมาก
ชายาเฟิงอันเห็นเขาเป็นแบบนี้ก็โมโห ก้าวไปข้างหน้าแล้วก็คว้าจับใบหูของเขา บังคับให้เขาหันหน้ามาหานาง
ใบหน้าของอ๋องชินเป่าหันมาแล้ว สีหน้าเดี๋ยวเขียว เดี๋ยวขาว แต่สายตาไม่ได้หันมามอง ลูกตามองดูหางตาอย่างดื้อดึง บิดเบี้ยวอย่างเอาแต่ใจ
ชายาเฟิงอันหมุนมือ บิดใบหูหมุนไปเกือบสามร้อยหกสิบองศา ในที่สุดอ๋องชินเป่าก็อดทนไม่ไหว ร้องขึ้นว่า “หลุดแล้ว ใบหูหลุดแล้ว”
“คุกเข่า”ชายาเฟิงอันพูดขึ้นด้วยเสียงเข้มงวด ใช้เท้าเตะไปที่น่องของเขา บีบบังคับให้เขาคุกเข่าลงพื้นอย่างเสียงดัง
ความเย่อหยิ่งของอ๋องชินเป่า ถูกเสียงคุกเข่าทำให้ตีพ่ายอย่างกระเจิดกระเจิง เขาคุกเข่า มองดูชายาเฟิงอันอย่างโกรธเคือง พร้อมพูดข้นว่า “พี่สะใภ้ ทำไมพวกเจ้าจะต้องรังแกกันถึงขนาดนี้?”
ชายาเฟิงอันนั่งลง มองดูใบหน้าที่น่าสงสารของเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไม? ยังจะร้องไห้อีกหรือ?”
อ๋องชินเป่าได้ฟังประโยคนี้แล้วก็โกรธจนตัวสั่น แต่ก็ไม่กล้าโวยวาย เพียงแค่คุกเข่าอยู่อย่างดื้อรั้น หันหน้าไปอย่างอารมณ์เสีย
เพราะเขาอยากที่จะร้องไห้จริงๆ เห็นอ๋องชินเฟิงอัน ในใจเขามีเพียงความโกรธ ตอนที่วางแผนเรื่องทั้งหมด ในใจเขาก็มีเพียงความโกรธและความเกลียดชัง มีเพียงเมื่อเห็นนาง ความน้อยใจที่มีอยู่เต็มอกค่อยถูกเผยออกมาให้เห็น
ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไร คนที่คอยเข้าข้างช่วยเหลือเขาจะต้องเป็นนาง นางคอยปกป้องเขามาหลายสิบปีแล้ว ต่อให้ทั้งสองสามีภรรยาทะเลาะกันโกรธโมโหกัน เขียนจดหมายไปหานาง นางก็จะเข้าข้างเขาอย่างไม่สนผิดถูก
แต่ว่าตอนนี้ เขาพบว่าการปกป้องทั้งหมด ล้วนเป็นความจอมปลอม เบื้องหลังความอ่อนโยนมีเมตตาทั้งหมด แฝงความชั่วร้ายอยู่ในใจ คำโกหกเต็มปาก
เขาน้อยอกน้อยใจอย่างมาก ตอนนี้ไม่มีใครสนใจเขา ความน้อยใจของเขาเพิ่มไปด้วยความเสียใจ

บัลลังก์หมอยากเซียน

บัลลังก์หมอยากเซียน

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: "เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง"หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: "ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น"อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: "เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่" หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: "ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ"

Comment

Options

not work with dark mode
Reset