แต่หลังจากนั้นไม่นาน ตำรวจจราจรตรวจกล้องวงจรปิดที่ถนน เป็นจริงเหมือนที่คนขับรถของหอประกอบพิธีฌาปนกิจบอกเช่นนั้น เด็กนั่นวิ่งพุ่งออกไปอย่างฉับพลัน วิ่งอยู่ท่ามกลางรถยนต์ที่สัญจรไปมามากมายอันตรายเป็นที่สุด แต่ เขากลับสามารถหลบเลี่ยงรถทุกคันได้อย่างเหมาะเจาะและไม่ทำให้เกิดอุบัติเหตุใดๆ
ที่สำคัญที่สุดคือ เด็กคนนั้นพลิกข้ามไปถนนฝั่งตรงข้าม แผงเหล็กกั้นสูงถึงหนึ่งเมตรกว่า ขนาดเขาสูงไม่เท่าแผงเหล็กกั้นก็พลิกตัวข้ามไปได้โดยตรงแล้ว ฝีเท้าตกลงถึงพื้นอย่างมั่นคงโดยไม่มีความลังเลแล้วก็วิ่งพุ่งต่อไป
เขาวิ่งอย่างมีเป้าหมาย ทิศทางชัดเจนเป็นที่สุด ไปทางถนนชีหนันแล้ว เพราะว่าทุกๆที่ของเมืองก่วงเต็มไปด้วยกล้องวงจรปิด ดังนั้นหลังจากที่เด็กคนนี้เลี้ยวเข้าถนนชีหนันแล้วก็สามารถไล่ตามรอยได้ตลอด สุดท้ายหายตัวไปตรงเขตฝูวัน
“ศาสตราจารย์หยวน เขตฝูวันไม่ใช่ที่ที่คุณอาศัยอยู่หรือ?” หัวหน้าแผนกศัลยกรรมหัวใจจำได้ ศาสตราจารย์หยวนอาศัยอยู่ตรงนั้น
“ใช่” ศาสตราจารย์หยวนพยักหน้า “แต่ว่าเขตฝูวันใหญ่โตมาก อีกทั้งกล้องวงจรปิดไม่สามารถติดตามเบาะแสภายหลังของเขาได้ กลัวเพียงแค่ว่าจะหาได้ไม่ง่ายน่ะสิ”
“หลังจากเข้าเขตฝูวันแล้วกล้องวงจรปิดก็ถ่ายเขาไม่ได้แล้วหรือ?” หัวหน้าถามตำรวจจราจรผู้นั้น
“ไม่มีครับ เขาไม่ได้ปรากฏตัวในกล้องวงจรปิดอีกเลย” ตำรวจจราจรกล่าว
เมื่อพูดเช่นนี้ พอเข้าไปในเขตที่อยู่อาศัยของประชาชนแล้ว แบบนั้นก็ยิ่งหาไม่ง่ายแล้ว
เพียงแต่เขาไปทำอะไรที่นั่น? เขาเป็นเด็กของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แม้ว่าต้องการจะกลับก็ต้องกลับไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่คุ้นเคย ไปเขตฝูวันทำอะไร?
เรื่องราวต่อจากนี้ ก็มอบหมายให้ตำรวจจราจรไปสืบหาแล้ว หน่วยงานเบื้องบนของโรงพยาบาลรับผิดชอบเพียงตรวจสอบว่าการประกาศเสียชีวิตของการตรวจรักษาทางการแพทย์มีหลักฐานความจริงหรือไม่
ศาสตราจารย์หยวนอยู่ที่โรงพยาบาลจนถึงตอนค่ำจึงเพิ่งได้กลับบ้าน
ขับรถเข้าประตูเขตหมู่บ้าน ยามก็ขวางเขาไว้ “คุณหมอหยวน มีเด็กคนหนึ่งอยู่ด้านล่างตึกนั้นของพวกคุณเดินวนเวียนอยู่นานแล้ว ถามเขาว่ามาหาใคร เขาบอกว่ามาหาคุณ ดูแล้วเด็กคนนั้นน่าสงสารมากครับ ท่าทางทั้งหิวทั้งกระหายน้ำ”
“เด็ก?” ศาสตราจารย์หยวนตะลึง “ชื่ออะไร? มีผู้ใหญ่พามาไหม?”
“ไม่มีครับ แค่เขาคนเดียว ผมก็ไม่รู้ว่าเขาเข้าไปได้ยังไง ตอนที่ผมออกตรวจตึกก็เห็นเขาวนเวียนอยู่ด้านล่าง เข้าไปถามแล้ว เขาบอกว่ามาหาคุณ ให้เขากินคุกกี้ไปสองชิ้นและดื่มไหม้ต้งไปหนึ่งขวดแล้วครับ ตอนนี้นั่งอยู่ในสวนดอกไม้ คุณไปดูหน่อยว่ารู้จักหรือไม่”
หลังจากศาสตราจารย์หยวนกล่าวขอบคุณแล้ว จึงขับรถอย่างรวดเร็วไปที่จอดรถอย่างดีตรงที่จอดรถแล้วกลับไปในบ้าน มองดูเด็กผู้หนึ่งที่กำลังเล่นบันไดลื่นอยู่ในสวนดอกไม้ เสื้อผ้านั่น……
เขาตะลึงครู่หนึ่ง ขยี้ตา นั่นไม่ใช่เด็กที่หายตัวไปจากรถของหอประกอบพิธีฌาปนกิจในวันนี้หรือ?
เขาสาวเท้าเข้าไปอย่างรีบร้อน วิ่งเข้าไปในสวนดอกไม้ เด็กคนนั้นเพิ่งจะลื่นลงมาจากบนบันไดลื่นลงมาอยู่ข้างเท้าของเขา แหงนหน้าขึ้น ฉีกยิ้มให้เขา “คุณตา!”
เสียงทักทายนี้ ทำให้ศาสตราจารย์หยวนตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวขึ้นทันทีว่า: “เด็กน้อย เธอสามารถเรียกฉันว่าคุณหมอหยวนได้ มา ตามคุณหมอหยวนไปโรงพยาบาลรอบหนึ่ง ดีไหม?”
“ไม่ไป!” เด็กน้อยยักย้ายร่างกายแล้ววิ่งขึ้นบันไดไป ลื่นลงมา หัวเราะจนใบหน้าปริเป็นรอยยิ้มที่มีความสุข ร่าเริง
ศาสตราจารย์หยวนมองดูท่าทางของเขา สีหน้าแดงระเรื่อ ลมหายใจมั่นคง วิ่งกระโดดโลดเต้นล้วนไม่มีความลำบากใดๆ ดูแล้วแข็งแรงเป็นอย่างมาก
“งั้นเธอไปนั่งในบ้านของคุณหมอหยวน ดีไหม?” ศาสตราจารย์หยวนรู้สึกว่าไม่สามารถให้เขาทำกิจกรรมที่ออกแรงมากต่อตรงนี้ได้ ต้องพาเขากลับไปถามในบ้านก่อน จากนั้นก็แจ้งความ
“คุณยายของข้าและคุณลุงของข้ากลับมาแล้วหรือ?” เด็กน้อยแหงนหน้าถามเขา บริสุทธิ์ไร้เดียงสา ดวงตาสีดำเปล่งประกาย
“ใคร? อ๋อ คุณยายของเธอและคุณลุงของเธอเหรอ? กลับมาแล้ว พวกเราขึ้นไปรอ ดีไหม? ตอนนี้พวกเราไปโทรศัพท์หาพวกเขา” ศาสตราจารย์หยวนอมยิ้มแล้วยื่นมือออกไป จับอุ้งมือเล็กๆนิ่มของเขาไว้ ข้าวเหนียวถูกเขาจูงมือ กระโดดโลดเต้นเดินไปทางด้านนอก เขากระโดดอย่างมีชีวิตชีวาเช่นนี้ ทำให้ศาสตราจารย์หยวนกลัวสุดขีด
“ข้าวเหนียวเหรอ ชื่อนี้น่าฟังจริงๆ งั้นนอกจากข้าวเหนียว ยังมีชื่ออื่นอีกไหม?”
“มีสิ ข้าชื่อหยู่เหวินเหอ”
“อ๋อ ชื่อนี้ก็ชั่งน่าฟังจริงๆ”
“ถูกต้อง ชื่อครอบครัวของพวกเราล้วนน่าฟังเป็นอย่างมาก พี่ใหญ่ของข้าชื่อ หยู่เหวินหลี่ ชื่อรองคงชิน ชื่อเล่นซาลาเปา ท่านพี่รองชื่อหยู่เหวินเสี้ยว ชื่อรองหนันซิง ชื่อเล่นทังหยวน ข้าเป็นน้องสาม ชื่อหยู่เหวินเหอ ชื่อรองเหริ่นตง ชื่อเล่นข้าวเหนียว น่าฟังหรือไม่ล่ะ?” ข้าวเหนียวน้อยพูดเหมือนนับของล้ำค่าในบ้านตัวเองเช่นนั้น เสียงอ่อนนุ่มทำให้คนรู้สึกสบายเป็นอย่างมาก
ศาสตราจารย์หยวนมองดูเขา ในใจมีความรู้สึกประหลาดเล็กน้อย “อ๋อ? พวกเธอตั้งชื่อยังจะมีชื่อรองด้วยหรือ? เธอเด็กขนาดนี้ก็รู้เรื่องแล้ว?”
“ชื่อรองเป็นท่านแม่ตั้ง ชื่อเป็นเสด็จพ่อตั้ง ชื่อเล่นเป็นท่านอาสวีอีตั้ง”
ศาสตราจารย์หยวนพาเขาเข้าลิฟต์ ตะลึง “อะไร? เสด็จพ่อ?”
“ถูกแล้วล่ะ แต่ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าเป็นเสด็จทวดตั้งให้ อย่างไรเสียท่านแม่ก็ไม่ได้พูดอย่างชัดเจน คุณตา ชื่อที่ท่านตั้งให้ท่านแม่ก็ไพเราะมากนะ หยวนชิงหลิง น่าฟังขนาดไหนกัน คุณตา ท่านรู้จักอักษรมากมายสินะ? ข้าก็รู้จักอักษรมากมาย”
ปากของศาสตราจารย์หยวนสั่นเทาเล็กน้อย มองข้าวเหนียวน้อยอย่างฉับพลัน “เธอ……เธอพูดอะไร?”
“ข้าก็รู้จักตัวอักษรมากมาย” ข้าวเหนียวน้อยมองดูเขา ลูกตาดำดั่งหินออบซีเดียนเปล่งประกายระยิบระยับ เหมือนทูตสวรรค์เช่นนั้น
“แม่ของเธอชื่อหยวนชิงหลิง?” ศาสตราจารย์หยวนรู้สึกว่าชั่งน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว ไม่กล้าเชื่อ “หยวนชิงหลิงที่เธอพูด……เป็นลูกสาวของฉันหยวนชิงหลิงหรือ?”
“คุณตา เป็นลูกสาวของท่านหรือไม่ท่านตัวท่านเองไม่รู้หรือ?” ข้าวเหนียวน้อยเอียงศีรษะมองเขา สีหน้างงงัน
ศาสตราจารย์หยวนนั่งยองลงจับไหล่สองข้างของเขา ในตาเปียกชื้น “โอ้สวรรค์ เด็กน้อยคนนี้ หากว่าเธอพูดจาไร้สาระ ก็ไม่ควรรู้สิ่งเหล่านี้สิ เจ้าหนู เธอเป็นใครกันแน่? เธอมาที่นี่ได้ยังไง?”
“เสด็จทวดบอกที่อยู่ข้าไงล่ะ ข้ารู้”
“เสด็จทวด?”
“ใช่แล้ว เสด็จทวดไง เช่นนี้…….” มือทั้งสองข้างของเขาวางไว้มุมปากสองข้างดึงลงข้างล่าง เนื้อหนังบนใบหน้าย่นลงมา เหมือนหญิงชราเป็นที่สุด จากนั้นกดฟันในปากที่ยื่นออกมา
“ตรงนี้มีฟันเงินอยู่ซี่หนึ่ง”
“โอ้พระเจ้า โอ้พระเจ้า!” มือทั้งสองข้างศาสตราจารย์หยวนสั่นเทา น้ำตาร้อนๆไหลริน “เจ้าหนู เธอเป็นลูกของหลิงเอ๋อ? เธอวิ่งมาที่นี่ได้ยังไง? คุณพระคุณเจ้า นี่ชั่งน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว”
ข้าวเหนียวน้อยยื่นมือออกมา เพื่อเช็ดน้ำตาที่หางตาให้ศาสตราจารย์หยวน ถามอย่างขลาดกลัว: “คุณตา ท่านร้องไห้ทำไมกัน?”
“ดีใจ!” ศาสตราจารย์หยวนสะอึกสะอื้นเป็นที่สุด กอดเขาไว้แน่น “คุณตาดีใจ”
ข้าวเหนียวฟุบลงบนไหล่ของเขา “คุณตา พวกเราจะอยู่ในกล่องนี่ไปตลอดหรือ?”
ศาสตราจารย์หยวนตอนนี้จึงเพิ่งจะนึกได้ว่าลืมกดลิฟต์ รีบยืนขึ้นมากดชั้นตึก “เป็นคุณตาเลอะเลือนแล้ว เลอะเลือนแล้ว”
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างสั่นเทา โทรเข้าไป โทรศัพท์เพิ่งจะรับสายเขาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงอันสั่นเทาทันที: “เร็ว รีบกลับบ้าน อะไรก็ไม่ต้องถามแล้ว กลับมา เรียกลูกชายกลับมาด้วย”
ออกจากลิฟต์ เข้าประตูบ้าน ให้เด็กนั่งลง ในบ้านไม่มีขนม เขารื้อค้นกล่องตู้ถึงได้หาวอลนัทออกมาได้ถุงหนึ่ง เขาทำตัวไม่ถูกเป็นอย่างมาก จากนั้นก็นึกถึงการสั่งอาหารเดลิเวอรี่ได้ จึงรีบกล่าว: “คุณตาจะสั่งเค้กให้เธอ ยังมีชานม ยังมีพิซซ่าอีก พวกเด็กๆล้วนชอบกินสิ่งนี้ ถูก ถูกต้อง”
เขาลุกลี้ลุกลนเป็นที่สุด ชีวิตนี้แทบจะไม่เคยมาเวลาที่ร้อนรนขนาดนี้มาก่อน มองดูโทรศัพท์ไปพลางก็มองดูเขาไปพลาง หวาดกลัวอย่างเดียวว่าเพียงแค่ครู่หนึ่งเขาก็จะหายไปแล้ว