สามีภรรยาทั้งสองก็ไม่ยอมอ่อนข้อกันอยู่ตรงนี้ พระชายาอานไม่ถนัดพูด ไม่มีปัญญาพูดเกลี้ยกล่อมเขาได้ แต่ดีที่คนก็อยู่ที่นี่แล้ว แม้ว่าเขาจะมีความคิดต่อตำแหน่งนั่นอีก สุดท้ายก็ห่างไกลเป็นพันลี้
แต่ว่า ก่อนที่อ๋องอานจะจากไป กลับกล่าวคำขอโทษอย่างจริงใจต่อนางประโยคหนึ่ง “วันนั้นคำที่ข้ากล่าวต่อเจ้าในรถม้า ตอนนี้คิดๆดูชั่งชั่วร้ายนัก โปรดยกโทษให้ข้า หลังจากนี้ข้าจะไม่สงสัยเจ้าเช่นนี้อีก แต่ก็ขอให้เจ้าอย่าได้ทำร้ายตัวเองเช่นนี้อีก อย่างไรเสียข้าก็เป็นห่วงเจ้า ไม่ว่าข้าจะทำเรื่องชั่วช้าเพียงใด ข้าก็ไม่เคยมีความคิดจะทำร้ายเจ้า”
เขาพูดจบก็จากไปแล้ว
พระชายาอานรู้สึกสิ้นหวังอยู่นาน กลับไปนอนลง ในใจของนางคิดถึงเมืองหลวง แต่ไม่สามารถกลับไปได้นี่ ทันทีที่กลับไป การใช้ชีวิตก็จะเปลี่ยนกลับไปเหมือนก่อนหน้านี้เช่นนั้นอกสั่นขวัญแขวน นางได้ฉีกผ้าคลุมหน้าที่บริสุทธิ์นี้ออกแล้ว ไม่มีปัญญาที่จะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องใดๆทั้งสิ้นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
กองทัพใหญ่กลับราชสำนัก หลังจากที่ประเทศซู่พ่ายแพ้ยับเยิน ตัดอาณาเขตให้ แคว้นต้าโจวก็ไม่ได้ฮุบเอาดินแดนของประเทศซู่ กลับกัน ยังบ่มเพาะประคองลูกหลานกษัตริย์ของเซียนเปยในเดิมทีให้เป็นฮ่องเต้
หงเล่เสียชีวิตในสงคราม ทั้งตระกูลพอที่จะพูดได้ว่าน่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง นอกจากท่านชายหงเย่ ล้วนตายหมดแล้ว
เบาะแสของหงเย่ได้สืบออกมาแล้ว เขาเข้าหนานเจียงไปแล้ว และได้รับการสนับสนุนและให้การสนับสนุนอย่างรวดเร็ว เห็นได้ว่ามีการเคลื่อนไหวในหนานเจียงมานานแล้ว นี่เป็นทางหนีทีไล่ของเขา
จนต้องทำให้คนนึกถึง สิบปีก่อนที่อ๋องหนานเจียงถูกสังหารหนานเจียงชุลมุนวุ่นวาย และก็เป็นผลงานที่ดีที่สุดของเขา
แน่นอน นี่เป็นเพียงการคาดเดา ไม่มีหลักฐานจริงๆ
หนานเจียงเป็นอาณาเขตประเทศของเป่ยถัง พรมแดนติดต่อกับเป่ยโม่ รวบรวมคนในอาณาเขตประเทศของเป่ยโม่และหนานเจียงไว้ ก่อนหน้านี้หนานเจียงและราชสำนักมักจะเข้ากันไม่ได้ ภายในก็แบ่งเป็นเหนือใต้สองสำนัก สี่สิบห้าปีก่อน ฮ่องเต้เซี่ยนเริ่มทยอยส่งคนเข้ามาพักและเคลื่อนไหวในหนานเจียง คัดเลือกอ๋องหนานเจียงผู้หนึ่ง เป็นธรรมดาที่อ๋องหนานเจียงนี้จะต้องภักดีต่อราชสำนัก ด้วยเหตุนี้ เป่ยถังจึงทำลายการปกครองที่แบ่งเป็นเหนือใต้ อำนาจทางการเมืองกลับคืนเป็นหนึ่ง นับว่าเป็นทำให้หนานเจียงสงบแล้ว
แต่ว่าสิบปีก่อนหนานเจียงเกิดการก่อกบฏ สังหารอ๋องหนานเจียงคนใหม่ ล้มการปกครองที่เป็นของเป่ยถัง และเพราะเหตุนี้หนานเจียงถึงได้ชุลมุนวุ่นวาย แบ่งออกเป็นเหนือใต้สองสำนักอีกครั้ง
สำนักเหนือปกครองโดยหมอผีและสาวหมอผี และไม่ลงรอยกับราชสำนักเป็นอย่างยิ่ง
สำนักใต้กลับนุ่มนวลมาก อ๋องหนานเจียงในอดีตก็เป็นคนของสำนักใต้ ดังนั้น พวกเขาค่อนข้างชิดเชื้อกับราชสำนัก
ไม่ว่าจะเป็นสำนักใต้หรือว่าสำนักเหนือ ก็ล้วนเชี่ยวชาญวิชาพิษกู่ นี่ก็คือสาเหตุหนึ่งที่ราชสำนักคิดว่ามาตลอดว่าเป็นปัญหาภายในของหนานเจียง จั้งชี่ พิษกู่ หมอผี วิธีโบราณอีกทั้งลึกลับเหล่านี้ ทำให้ฮ่องเต้หมิงหยวนกลัดกลุ้มพระทัย เพราะว่าระดมกำลังเข้าไปประจำการ ไม่คุ้นเคยกับภูมิประเทศประสบกับจั้งชี่จึงสูญเสียกำลังทหาร ดังนั้น เรื่องราวซับซ้อนจัดการลำบากไม่มีความจำเป็นเช่นนี้ ทำเรื่องเล็กๆน้อยๆไม่เห็นผล ถึงทำให้เกิดวันนี้ที่เป็นแบบนี้ได้ คิดไม่ถึงว่าจะถูกหงเย่แทรกแซงแล้ว
ตอนนี้ที่ที่หงเย่อยู่น่าจะเป็นพื้นที่ของหนานเจียงเหนือ ที่นี่ถูกควบคุมโดยหมอผีและสาวหมอผี แต่ว่าสาวหมอผีสองท่านท่านหนึ่งหายตัวไปท่านหนึ่งเสียชีวิตไปแล้ว ดังนั้นอำนาจล้วนอยู่ในมือของหมอผี
และสำนักทางใต้ก็เหมือนกับแรงพลังที่กระจัดกระจาย ไม่ได้รวมตัวขึ้นมา มีเพียงผู้อาวุโสสองท่านของสำนักใต้ค้ำยันไว้ไม่ให้ถูกเจียงเป่ยยึดครองด้วยความลำบาก
แต่ว่า ตอนนี้หงเย่ไปที่หนานเจียงแล้ว เชื่อว่าไม่เกินหนึ่งปี เจียงเป่ยก็จะกลายเป็นสิ่งของในกระเป๋าของหงเย่
ปัญหาภายในนี้ท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ร้ายแรงของเป่ยถัง ถ้าหากว่าได้ปล่อยให้สิ่งนี้พัฒนาขึ้น
โชคดี ตอนนี้สถานการณ์ต่อภายนอกมั่นคง ฮ่องเต้หมิงหยวนสามารถที่จะมุ่งความคิดไปยังหนานเจียงได้
เพื่อเรียกขวัญกำลังใจให้ทหาร ระหว่างที่ฮ่องเต้หมิงหยวนอยู่ในความอับจน ก็ยังใจป้ำเอาเงินจำนวนหนึ่งมาเลี้ยงฉลองปูนบำเหน็จรางวัลให้สามเหล่าทัพ ทำความดีความชอบได้รับรางวัลโดยไม่มีข้อยกเว้น ด้วยเหตุนี้ก็ได้สนับสนุนพลทหารใหม่ให้เลื่อนขั้นชุดหนึ่ง
องค์ชายเก้าหยู่เหวิยเทียนทำศึกครั้งแรกสังหารศัตรูยี่สิบสามคน ทำให้ฮ่องเต้หมิงหยวนรู้สึกทึ่งเป็นที่สุด นอกจากแต่งตั้งเป็นตำแหน่งแม่ทัพแล้ว ในที่สุดก็ทำให้เขาได้ตำแหน่งอ๋องชินที่รอคอยแล้ว ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นอ๋องชุนพระราชทานจวนเป็นที่อยู่
จวนที่พระราชทาน ก็คือจวนของอ๋องชินเป่าในอดีต รับสั่งให้คนซ่อมแซมเล็กน้อย เพิ่มเติมเครื่องใช้ในบ้านบางอย่าง ก็สามารถย้ายเข้าไปได้แล้ว
ขณะที่พระราชโองการออกมา หยู่เหวิยเทียนก็ไปบอกองค์ชายแปดทันที
องค์ชายแปดกอดเขาด้วยความดีใจทั้งหัวเราะทั้งกระโดด ทั้งยังเลือกของรักของหวงในบ้านของตัวเองเป็นกองๆบอกว่าต้องการมอบให้น้องเก้า
ของรักของหวงเหล่านี้ สำหรับคนอื่นแล้วก็เป็นแค่ขยะ แต่เจ้าเก้ารู้ สำหรับท่านพี่แปดแล้ว นี่คือของรักของหวงที่ล้ำค่า
ของเล่นที่เขาเก็บสะสมอย่างดีมานาน ตะกร้อ พู่กันวาดรูป หนังสือภาพที่เขาทำด้วยตัวเอง ยังมีไม้แกะสลักอันหนึ่ง แกะสลักเป็นเสือที่เหมือนกับมีชีวิตจริงๆ เขาบอกว่าอนาคตน้องเก้าจะต้องมีอำนาจเหมือนเสือที่ลงจากเขาเช่นนั้นแน่
แต่หยู่เหวิยเทียนกลับเอาทองคำห้าร้อยชั่งที่ฮ่องเต้หมิงหยวนประทานให้แบ่งให้องค์ชายแปดครึ่งหนึ่ง องค์ชายแปดไม่ชอบทองคำ บอกว่าเสด็จแม่มีอยู่มากมาย
แต่หยู่เหวิยเทียนบอกว่านี่เป็นบำเหน็จรางวัลที่ตัวเองหามาได้ก้อนแรก ต้องการแบ่งปันกับพี่ชาย องค์ชายแปดจึงรับไว้ บอกให้คนเก็บไว้ในกล่องของรักของหวงของตัวเอง
คนข้างกายขององค์ชายแปด โดยส่วนมากเป็นฮองเฮาจัดเข้าไป ด้วยเหตุนี้เรื่องที่หยู่เหวิยเทียนมาหาองค์ชายแปด รอประเดี๋ยวก็ไปกราบทูลถึงข้างหูของฮองเฮาแล้ว
ในใจของฮองเฮายังมีความแสลงใจต่อหยู่เหวิยเทียน แม้จะบอกว่าเรื่องที่หลอกุ้ยผินวางแผนทำร้ายนางนั้นความจริงจะกระจ่างแล้ว แต่สองสามปีมานี้นางตั้งใจกลั่นแกล้งลูกทั้งสองของหลอกุ้ยผิน ตอนนี้หยู่เหวิยเทียนโตแล้ว เขาจำเรื่องเก่าขึ้นมาได้ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะมีความโกรธแค้น ดังนั้น จึงเตรียมป้องกันหยู่เหวิยเทียนทำร้ายองค์ชายแปดเป็นที่สุด
จิตใจของนางกระวนกระวายมาก แม้ว่านางจะอยู่ตำแหน่งของวังกลาง แต่ก็ล่วงเกินฮ่องเต้แล้ว ฮองเฮาผู้หนึ่งที่ไม่ได้รับความโปรดปราน บวกกับลูกชายปัญญาอ่อนผู้หนึ่งและลูกชายที่โง่เขลาผู้หนึ่ง ครอบครัวที่บ้านก็ไม่สนับสนุน ไม่สามารถทำให้ฮองเฮาวางใจได้จริงๆ
ดังนั้น คิดทบทวนครั้งแล้วครั้งเล่า นางก็บอกให้คนไปเรียกหยู่เหวิยเทียนเข้ามาแล้ว
หยู่เหวิยเทียนมีความหวาดกลัวต่อฮองเฮาเป็นที่สุด ช่วงเวลาในอดีต ฮองเฮาปรากฏตัวก็หมายความว่าหายนะปรากฏขึ้นแล้ว
แต่ว่า ช่วงเวลาประสบการณ์การฝึกซ้อมมากมายในกองทัพ อีกทั้งเคยขึ้นสนามรบ เขารู้ว่าจะระงับความหวาดกลัวได้อย่างไร
มาถึงวังกลาง เขาปฏิบัติตามมารยาทอย่างเคร่งครัด ทำความเคารพต่อฮองเฮา
ท่าทีของฮองเฮาก็มีความเกรงใจต่อเขามากขึ้น อย่างไรเสียก็แต่งตั้งเป็นอ๋องแล้ว ไม่สามารถเหมือนเมื่อก่อนเช่นนั้นได้แล้ว
ใช้ฐานะของเสด็จแม่ ถามถึงการใช้ชีวิตในกองทัพเล็กน้อยด้วยท่าทางที่อ่อนโยน หยู่เหวิยเทียนล้วนตอบทีละอย่างด้วยท่าทางอ่อนน้อม
เขาโต้ตอบอย่างคล่องแคล่ว ผ่าเผยเหมาะสม แต่ว่า ในใจของฮองเฮากลับไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
หยู่เหวิยเทียนในอดีต เห็นนางก็อยากหลบ เหมือนดั่งหนูตัวเล็กๆในท่อระบายน้ำ แววตาล้วนเป็นความหวาดกลัว
ตอนนี้ เขาไม่เหมือนเดิมแล้ว ชายหนุ่มผู้นี้ที่ยืนอยู่ต่อหน้านาง สูงกว่าเจ้าแปดครึ่งหนึ่งของศีรษะ ผิวสีน้ำตาลอ่อน อายุน้อยหล่อเหลา แสงเปล่งประกายระยิบระยับ แม้แต่ความสูงศักดิ์ในตำหนักนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาด้อยไปได้
หนูตัวเล็กๆตัวนั้น ในที่สุดก็มีชีวิตอย่างลูกหลานของเชื้อพระวงศ์แล้ว
มีเพียงเจ้าแปดของนาง ที่ไม่เคยโต ไม่เคยมีอนาคตที่สดใสเลย
ฮองเฮาระงับความเจ็บปวดในใจ บอกให้คนขนทองคำห้าร้อยชั่งออกมา จัดวางบนโต๊ะ อมยิ้มแล้วกว่า: “ทองคำเหล่านี้เป็นของที่ฮ่องเต้พระราชทานให้เจ้า มอบให้ท่านพี่แปดของเจ้าไม่เหมาะสม ประเดี๋ยวจะถูกผู้คนตำหนิ ยังไงเจ้าก็เอาคืนไปเถอะ อีกอย่าง ท่านพี่แปดของเจ้าตั้งแต่เล็กก็ไม่เคยขาดแคลนเงิน เจ้าจะต้องออกจากวังไปอาศัยในจวนแล้ว เทียบไม่ได้กับขณะที่อยู่ในวัง มีเงินติดตัวบ้างก็ดี”
หยู่เหวิยเทียนตะลึงครู่หนึ่ง “เสด็จแม่ นี่คือคุณงามความดีที่หม่อมฉันได้มา หม่อมฉันอยากแบ่งปันความสุขร่วมกับท่านพี่แปดพ่ะย่ะค่ะ”
ฮองเฮายิ้มแล้วกดมือไว้ “ไม่จำเป็นแล้ว ยากที่เจ้าจะได้ทำคุณงามความดี บางทีทั้งชีวิตก็อาจจะมีแค่ครั้งเดียว เอากลับไปไว้เองยังจะดีซะกว่า หลังจากนั้นจะได้ไม่มีคนบอกว่าท่านพี่แปดของเจ้าโลภมากเอาของพระราชทานที่เพิ่งจะได้มาจากการทำคุณงามความดีของเจ้า”