หยู่เหวิยเทียนงงงัน รีบชี้แจง “เสด็จแม่ หม่อมฉันไม่ได้หมายความเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่มี และรู้ว่าเจ้าดีต่อท่านพี่แปด” ฮองเฮายิ้ม เพียงแต่นัยน์ตาเฉยชาเป็นที่สุด “เพียงแค่ ท่านพี่แปดของเจ้าไม่ใช่คนปกติ เขาต้องการการปกป้อง ข้าเป็นมารดาของเขา ก็จะต้องปกป้องเขาให้ดีเป็นแน่ เพื่อเลี่ยงไม่ให้เขาถูกคนหลอกใช้แล้วโดยไม่รู้เรื่อง”
ในตาของหยู่เหวิยเทียนมีแววความโศกเศร้า “หม่อมฉันไม่ได้หลอกใช้ท่านพี่แปด”
ฮองเฮาหัวเราะ “สองสามปีมานี้ไม่ว่าข้าจะทำอย่างไรกับเจ้า ท่านพี่แปดของเจ้ามักจะพูดขอร้องให้เจ้าเสมอ ออกหน้าให้เจ้า ความคิดจิตใจของเขาบริสุทธิ์มาก แค่อยากทำดีต่อเจ้า จิตใจเช่นนี้ทำให้ข้าซาบซึ้ง ดังนั้น เจ้าจะมีการหลอกใช้เขาก็ดี ไม่มีก็ชั่ง ล้วนเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว นับตั้งแต่นี้ไปเส้นทางที่พวกเจ้าของพี่น้องต้องเดินไม่เหมือนกันแล้ว ไปมาหาสู่กันให้น้อยหน่อยก็ดี เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องมีความคาดหวังต่อเจ้ามากเกินไปนักแล้วกลับกลายเป็นภาระของเจ้า เจ้าเป็นเด็กฉลาด จะต้องรู้ความหมายของข้าเป็นแน่ ถูกหรือไม่?”
หยู่เหวิยเทียนดวงตาละห้อย “หม่อมฉันรู้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฮองเฮามองดูเขา กล่าวปลอบโยน: “เช่นนั้นก็ดี ข้ารู้ว่าเจ้ารู้ความมาโดยตลอด ถูกต้องแล้ว ของเล่นเหล่านั้นที่เขามอบให้เจ้า ล้วนเป็นของที่เขาโปรดปรานเป็นที่สุด ไม่สามารถย่ำยีได้ตามใจชอบ ของเหล่านั้นสำหรับเจ้าแล้วไม่มีประโยชน์ใดๆ ก็อย่าเอาไปเลย เอาคืนกลับไปให้เขาเถอะ”
หยู่เหวิยเทียนได้ยินคำพูดเหล่านี้ ตกตะลึงก่อน จากนั้นก็คัดจมูก เหลือบตาขึ้นเข้าใกล้แล้วกล่าวขอร้อง: “เสด็จแม่ ของที่ท่านพี่แปดมอบให้ข้าข้าล้วนเก็บไว้อย่างดี ท่านโปรดให้หม่อมฉันเก็บไว้เถอะพ่ะย่ะค่ะ”
ในดวงตาของฮองเฮามีความไม่พอใจเล็กน้อยแล้ว “ฮ่องเต้แต่งตั้งเจ้าเป็นอ๋องชินชุน คำว่าซุนคำนี้ เจ้ารู้ว่าอธิบายอย่างไรหรือไม่?”
หยู่เหวิยเทียนคุกเข่าลง กล่าวด้วยความจริงใจ: “เสด็จแม่ หม่อมฉันรับรอง หลังจากนี้จะพยายามไม่เข้าวังไปหาท่านพี่แปด แต่ของเหล่านี้ ก็ให้หม่อมฉันเก็บไว้เป็นที่ระลึก ได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
ฮองเฮามองดูท่าทางต่ำต้อยเช่นนี้ของเขา ในใจแอบรู้สึกสบายขึ้นเล็กน้อยแล้ว “ข้าได้เตรียมของขวัญให้เจ้าแล้ว เจ้าเอาของขวัญเหล่านี้ออกจากวังไปก็ได้ ไปเถอะ ข้าเหนื่อยแล้ว”
“เสด็จแม่!” หยู่เหวิยเทียนร้อนใจเล็กน้อย ยืนขึ้นมาก้าวไปด้านหน้าก้าวหนึ่ง อยากพูดอีกสองสามประโยค แต่กลับถูกมือข้างหนึ่งของแม่นมข้างกายฮองเฮาขัดขวางไว้ กล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา: “อ๋องชินชุน คำว่าเหมาะสมสองคำนี้ยังต้องควบคุมให้ดีเพคะ เพิ่งจะได้รับแต่งตั้งเป็นอ๋องชินแล้วจะผยองอวดดีไม่เห็นฮองเฮาอยู่ในสายตาไม่ได้เพคะ”
“ข้าไม่ได้ผยอง……” เสียงของหยู่เหวิยเทียนสะอึกสะอื้น มองดูดวงตาที่เฉียบคมนั่นของแม่นม รู้ตัวว่าอธิบายก็ไร้ผล เสียงค่อยๆเงียบลงไป ถอยหลังไปก้าวหนึ่งคุกเข่า “หม่อมฉัน……ทูลลา!”
“เอาทองคำออกไป!” เสียงเรียบๆของฮองเฮาดังมาจากด้านหลังของเขา
หยู่เหวิยเทียนหันกลับไปอย่างสุดจะทน หอบทองคำแล้วเดินออกไป
ได้รับการเหยียดหยามเช่นนี้ แม้จะกลายเป็นความเคยชินแล้ว แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนทุกครั้งในก่อนหน้านี้ ฮองเฮาต้องการตัดการไปมาหาสู่ของเขากับท่านพี่แปดจริงๆ
อีกทั้ง หากว่าคืนของเหล่านี้กลับไปแล้ว ท่านพี่แปดจะผิดหวังเพียงไร นึกถึงใบหน้าที่ผิดหวังเสียใจของท่านพี่แปด ในใจของเขาก็เป็นทุกข์อย่างฉับพลัน เป็นครั้งแรกที่เริ่มต้องการต่อต้านฮองเฮาขึ้นมาด้วยความวู่วาม
หลังจากเขากลับไปแล้ว เอาของใส่ห่อ แล้วออกจากวังไปจวนอ๋องฉู่ทันที
หยู่เหวินเห้าเห็นเขาแบกห่อของใหญ่ๆใบหนึ่งเข้ามา คิดว่าเป็นของรักของหวงอะไร คิดไม่ถึงเปิดออกมาดูเป็นของเล่นบางอย่าง หยู่เหวิยเทียนก็ไม่กล้าพูดความจริง จึงบอกว่าตัวเองเอาออกมาจากวังเอามาวางไว้ที่นี่ชั่วคราว รอจนเวลาที่สามารถย้ายเข้าจวนได้ค่อยมาเอากลับไป
หยู่เหวินเห้ายังทำเหมือนเขาเป็นเด็กน้อย ชอบของเล่นเห็นเหมือนเป็นของล้ำค่าก็ไม่แปลกใจแม้แต่น้อย ตอนเป็นเด็กใครไม่เห็นของเล่นสำคัญกว่าทองบ้าง?
หยู่เหวิยเทียนเอาอีกห่อหนึ่งออกมาวางบนโต๊ะ กล่าว อ้ำๆอึ้งๆ: “ท่านพี่ห้า ท่านช่วยข้า เก็บของเหล่านี้ไว้ ทองคำห้าร้อยชั่งนี้ก็ให้เป็นค่าความลำบากของท่าน”
หยู่เหวินเห้าเปิดออก ทองคำห้าร้อยชั่ง หนักอึ้งทับอยู่บนโต๊ะ เขาเลิกคิ้ว “ค่าความลำบากอะไร?”
“นี่เป็นของที่เสด็จพ่อประทานให้ข้า ไม่ใช่ของที่ข้าขโมยมา” หยู่เหวิยเทียนกล่าวอย่างระมัดระวัง
หยู่เหวินเห้าหยิบทองก้อนหนึ่งขึ้นมาดูครู่หนึ่ง “ใช่หรือ? เหล่านี้ล้วนเป็นทองคำในท้องพระคลัง ที่เสด็จพ่อประทานให้เจ้า หรือว่าไม่ได้เอาออกมาจากท้องพระคลังงั้นหรือ?”
หยู่เหวิยเทียนตะลึง “ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ?”
เขาขยับตัวใกล้เข้าไปดู เห็นด้านใต้ก้อนทองคำแท่งสลักเลขของท้องพระคลังจริงๆ
หยู่เหวินเห้ามองดูเขา “ข้าก็ได้รับพระราชทานทองคำ ด้านล่างของทุกแท่งล้วนสลักประทับตราสมบัติท้องพระคลัง ทำไมแตกต่างกับของเจ้า?”
หยู่เหวิยเทียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “อันนี้……อันนี้เสด็จแม่ให้”
“เสด็จแม่ให้ทองคำกับเจ้า?” หยู่เหวินเห้าตะลึง “นางให้รางวัลเจ้าหรือ?”
หยู่เหวิยเทียนจึงได้ชี้แจงแล้ว “เป็น…..เป็นนางคืนให้ข้า ข้าได้รับรางวัล จึงมอบห้าร้อยชั่งให้ท่านพี่แปด เสด็จแม่บอกว่าท่านพี่แปดไม่ต้องการทองคำ จึงคืนให้ข้าแล้ว”
หยู่เหวินเห้าเข้าใจขึ้นมาทันที “ดังนั้น ของเหล่านี้ล้วนเป็นของที่น้องแปดให้เจ้า?”
“เป็นของที่ท่านพี่แปดมอบให้ข้า” หยู่เหวิยเทียนชำเลืองมองเขา “ท่านพี่ห้า ท่านก็ช่วยข้าสักครั้ง เสด็จแม่บอกว่าต้องการเก็บคืนไป แต่ข้ากลัวว่าหลังจากเก็บกลับไปแล้วจะทำร้ายจิตใจท่านพี่แปด จึงหยิบแล้วหนีออกมา ไม่ได้คืนให้เสด็จแม่”
“เอาล่ะ เจ้าวางไว้ที่นี่ก่อนเถอะ ประเดี๋ยวหากว่าเสด็จแม่ถามขึ้นมา เจ้าก็บอกว่าข้าเอาไปแล้ว” หยู่เหวินเห้ากล่าว
หยู่เหวิยเทียนปรากฏสีหน้าแห่งความซาบซึ้ง “ยังมีอีกเรื่องพ่ะย่ะค่ะ ข้าสามารถอยู่ที่นี่สักสองสามวันได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” รอจนจวนของข้าซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว ข้าจะย้ายออกไปทันที”
“ได้สิ แต่ทำไมเจ้าไม่อยู่ในวังล่ะ? ยังสามารถเล่นกับน้องแปดได้มากขึ้นอีกสองสามวันเชียวนะ” หยู่เหวินเห้ามองดูเขา ชะงักเล็กน้อย “เป็นเสด็จแม่ที่ไม่ให้เจ้าเล่นกับเจ้าแปดหรือ?”
“นางบอกว่าเส้นทางที่พวกเราพี่น้องต้องเดินไม่เหมือนกัน ไปมาหาสู่กันให้น้อยหน่อยเป็นดีที่สุด” หยู่เหวิยเทียนกล่าวด้วยความโศกเศร้า
“ไร้สาระสิ้นดี!” หยู่เหวินเห้ากล่าวด้วยความโมโห “เส้นทางที่ทุกคนต้องเดินล้วนไม่เหมือนกัน พวกเจ้าเป็นพี่น้องแท้ๆ ใครก็ขัดขวางการพบหน้ากันของพวกเจ้าไม่ได้”
หยู่เหวิยเทียนไม่พูดจา เหตุผลก็คือเหตุผลนี้ แต่ทีบางสถานที่ไม่มีเหตุผลนี่นา
หยู่เหวินเห้ารู้สถานการณ์ตอนที่เขาอยู่ในพระราชวัง อีกทั้งฮองเฮาก็มีสิทธิ์ตัดสินใจไม่ให้เขาพบน้องแปดจริงๆ ดังนั้น จึงกล่าวปลอบโยน: “เอาล่ะ หลังจากนี้พี่ห้าจะไปรับน้องแปดออกมา รอให้ผ่านช่วงยุ่งๆนี้ไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
“ขอบพระทัยท่านพี่ห้า!” หยู่เหวิยเทียนโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง เผยรอยยิ้มออกมาอีกครั้ง
“หมันเอ๋อ” หยู่เหวินเห้าเรียกคำหนึ่ง ก็เห็นหมันเอ๋อเข้ามาจากด้านนอก “รัชทายาท พระองค์หาข้าน้อยหรือเพคะ?”
“จัดเรือนให้องค์เก้าหน่อย เขาจะอยู่ที่นี่เป็นการชั่วคราวสองสามวัน” หยู่เหวินเห้ากล่าว
หมันเอ๋อถอนสายบัว มองดูหยู่เหวิยเทียนแล้วกล่าว: “องค์ชายเก้า เชิญตามข้าน้อยมาเพคะ!”
หยู่เหวิยเทียนรีบตามนางไป โล่งใจเป็นอย่างมาก คิดว่าเรื่องนี้จะสามารถผ่านไปได้อย่างง่ายดาย อย่างไรเสียถึงเสด็จแม่จะไม่ชอบเพียงใด ก็คงไม่ออกจากวังมาไถ่ถามขอจากท่านพี่ห้าแน่
เขาติดตามอยู่ด้านหลังของหมันเอ๋อ ฉับพลันนั้นก็กล่าวขึ้น: “ข้าเคยพบเจ้ามาก่อน”
หมันเอ๋ออมยิ้มแล้วถอนสายบัว “องค์ชาย ข้าน้อยก็เคยพบท่าน ข้าน้อยเคยติดตามพระชายารัชทายาทเข้าวังเพคะ”
“ท่านพี่สะใภ้ห้าให้ความสำคัญกับเจ้ามากสินะ?” หยู่เหวิยเทียนวางเรื่องในใจลง คนก็มีความสุขขึ้นมาก
“พระชายารัชทายาทดีต่อข้าน้อยมากเพคะ” หมันเอ๋อกล่าว
หยู่เหวิยเทียนเหลือบมองนาง “แต่ข้ารู้สึกว่าไม่ได้พบเจ้าในวัง ไม่รู้ว่าเคยพบที่ไหน เจ้าล่ะ? ก็คิดไม่ออกแล้ว เจ้าล่ะ?” เจ้าจำได้ว่าเคยพบข้าที่ไหนหรือไม่?”
หมันเอ๋อรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ไม่มีนะเพคะ นอกจากเคยพบท่านในวัง ข้าน้อยก็คิดไม่ออกจริงๆว่าเคยพบท่านที่ไหน”