หลังจากพิธีการอาบน้ำวันที่สาม คนกลุ่มหนึ่งกลับจวนด้วยความเอิกเกริก หยวนชิงหลิงมองดูพวกลูกๆทั้งห้า เหมือนมีความรู้สึกราวกับอยู่กันละยุคสมัยจริงๆ ขณะที่เข้าวังนี้ยังมีแค่สามคน ออกจากวังก็เปลี่ยนเป็นห้าคนแล้ว ขนมน้ำอัดลมน้ำหวานอะไร จะต้องเพิ่มเมล็ดแตงอีกห่อหนึ่งด้วยหรือไม่?
กลับถึงจวนต่อจากนี้ก็ต้องเริ่มชีวิตของการอยู่เดือนอย่างโชกโชนยาวนานเกือบหนึ่งเดือน ท่านย่าหยวนยิ้มจนไม่เห็นตาแล้ว ครู่หนึ่ง มีเหลนเต็มบ้านแล้วจริงๆ
หลังจากท่านย่าหยวนมอบการบ้านให้หมอหลวงเฉาแล้ว จึงตั้งใจดูแลการอยู่เดือนของหยวนชิงหลิง ตอนท้องแรกไม่ได้ดูแล ขณะที่คลอดก็ไม่ได้อยู่ข้างกาย ตอนนี้อย่างไรก็ต้องเฝ้าดูแลนาง
ฮูหยินใหญ่จวนเจ้าพระยาจิ้งก็มาแล้ว นำอาหารล้ำค่าราคาแพงแต่ละชนิดมา สินสมรสติดตัวตอนแต่งงานของตัวนางเองก็นำมาหนึ่งกล่องเต็มๆ ตอนนี้นางอายุมากแล้ว ด้านหลังยังมีทรัพย์สมบัติอัญมณีมากมายขนาดนี้ อย่างไรเสียอยากจะจัดการให้ดีๆจึงจะเหมาะสม และรู้ว่าหยวนชิงหลิงไม่ต้องการ ดังนั้น มาครั้งหนึ่งก็นำมาด้วยเล็กน้อย บอกว่าให้ในนามของเด็กๆแล้วก็วางไว้เช่นนี้
ยังมีวันเลี้ยงฉลองครบเดือนของเด็กทั้งสองอีกน่ะ แต่ละครอบครัวก็เริ่มส่งของขวัญเพิ่มความอบอุ่นมาล่วงหน้าแล้ว
อ๋องซุนสามีภรรยามาวันนี้ ฐานะที่เป็นท่านลุง ของขวัญของพวกเขาไม่สามารถเป็นของเล็กๆน้อยๆได้ ขึ้นรูปหมูทองและกุญแจทองคู่หนึ่งที่มีราคาสูง มีความหนักอึ้งไม่สามารถสวมไว้บนร่างกายได้โดยสิ้นเชิง แต่พระชายาซุนกล่าวว่า ไม่ได้มีเจตนาอะไร ก็แค่อยากให้คุ้มค่า
พระชายาซุนใบหน้ายิ้มแย้ม กล่าวต่อหยวนชิงหลิงว่า: “ท่านไม่รู้ ผู้คนภายนอกล้วนบอกว่าพวกท่านคิดต้องการเงินเข้ากระเป๋าใช่หรือไม่นะ? สองวันสามวันก็เปลี่ยนวิธีทำเรื่องที่น่าปีติยินดีออกมา แล้วบังเอิญเป็นเรื่องที่น่าปีติยินดีอย่างยิ่งใหญ่อีก ทำให้ผู้คนยินยอมพร้อมใจส่งของขวัญมาให้ถึงบ้าน หวังว่าจะสัมผัสความโชคดีนี้บ้างสักหน่อย”
หรงเยว่ก็หัวเราะแล้ว “แค่นี้ที่ไหนล่ะ? กลัวเพียงแค่หญิงสาวในเมืองหลวงที่แต่งงานแต่ให้กำเนิดลูกไม่ได้ จะเอาประตูใหญ่จวนอ๋องฉู่ทำเหมือนวัดมาไหว้ขอลูกน่ะสิเพคะ อย่างไรเสียข้าก็ไม่สนใจ อยู่เดือนนี้ข้าก็จะนั่งอยู่ในนี้ หากว่าสามารถสัมผัสความโชคดีได้ ให้กำเนิดบุตรชายหรือบุตรสาวผู้หนึ่งได้ จะดูแลปรนนิบัติอย่างหนักหน่วงเลยเพคะ”
หยวนชิงหลิงมองดูหรงเยว่ยิ้มแล้วกล่าว: “เจ้าเนี๊ยนะ ต้องปล่อยวางสภาพจิตใจอย่าหมกมุ่นอยู่แต่กับปัญหานี้ ก็จะมีลูกเองโดยธรรมชาติแล้ว”
หรงเยว่กล่าวอย่างคับแค้นใจ: “ไม่คิดได้หรือเพคะ? ท่านไม่รู้ ขณะที่ข้าแต่งงานได้เดือนที่สาม เสด็จแม่ก็จับตามองดูท้องของข้าอยู่ตลอด หลังจากนั้นทุกครั้งที่เข้าวัง ก็จะมองดูอย่างละเอียด แอบถาม ถามจบแล้วก็ทอดถอนใจอีก หากว่าเป็นคนอื่น ข้าจะต้องต่อยไปหมัดหนึ่งเป็นแน่แล้ว”
พระชายาซุนปิดปากแอบหัวเราะ “ใช่แล้ว หลู่เฟยตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง ยังมักจะเปลี่ยนวิธีการล้วงวิธีโบราณบางอย่างส่งไปที่จวนอ๋องหวยอยู่เสมอ ไม่ได้กินจนเกิดปัญหาขึ้นมาก็ไม่เลวแล้ว ยังอยากจะให้กำเนิดอีกแน่ะ”
“ห๊ะ?” หยวนชิงหลิงไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ มองดูหรงเยว่ “ยาเหล่านั้นเจ้ากินแล้วหรือ?”
หรงเยว่กล่าวด้วยความจนปัญญา: “จะไม่กินได้อย่างไรเพคะ? นางส่งคนมาจับตาดู ไม่กินรอประเดี๋ยวก็ต้องบ่นเจ้าหกอีก ข้าไม่ให้เจ้าหกได้รับความไม่เป็นธรรมนี้หรอกเพคะ”
“ยาอะไรล่ะ? เจ้าเอามาข้าจะให้คนดู” หยวนชิงหลิงกล่าว
หรงเยว่โบกมือ “ไม่ต้องดูเพคะ ข้าให้คนดูแล้ว ยาเหล่านั้นล้วนเป็นของบำรุง ไม่มีข้อเสียเพคะ”
เรื่องยาจีน หยวนชิงหลิงไม่เข้าใจ ดังนั้น ดึกหน่อยตอนที่ท่านย่ามาค่อยให้ท่านย่าสอน บอกว่าหรงเยว่กินยาบำรุงอยู่เพราะอยากมีลูก
ท่านย่าหยวนคุ้นเคยกับหรงเยว่เป็นอย่างมาก กล่าวว่า: “จากธาตุร่างกายของหรงเยว่ ไม่จำเป็นต้องกินยาบำรุง เกินจำเป็น ยาไม่ถูกโรคจะมีผลเสีย กินมากแล้วไม่เห็นผล รอนางมาแล้ว ข้าจะตรวจชีพจรให้นาง”
หยวนชิงหลิงกล่าว: “พรุ่งนี้นางจะต้องมาเป็นแน่ ข้าบอกให้อะซี่ไปรอบหนึ่ง บอกให้นางเอาใบสั่งยามา อย่าได้บำรุงจนมีปัญหาออกมาถึงจะดี”
“ดี ซาลาเปาเอาเรื่องของเด็กทั้งสองไปแจ้งกับพ่อแม่ของเจ้าแล้วหรือ?” ท่านย่าหยวนคิดเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า มีสมาชิกในครอบครัวเพิ่มเป็นเรื่องสำคัญที่น่ายินดีมาก ต้องแจ้งต่อทางครอบครัว
หยวนชิงหลิงกล่าว: “เขาบอกว่าบอกแล้ว แต่เขาบอกว่าคุณยายและคุณตาล้วนไม่ได้แสดงท่าทางดีใจออกมา เพียงแค่พยักหน้าแล้วตอบรับคำหนึ่ง”
หยวนชิงหลิงค่อนข้างกลัดกลุ้ม คุณพ่อคุณแม่ควรจะดีใจมากถึงจะถูก ทำไมการตอบสนองถึงได้เฉยเมย?
ท่านย่าหยวนตะลึงเล็กน้อย “ไม่ดีใจ? เป็นไปได้อย่างไร? พ่อของเจ้าเป็นคนสงวนท่าทีก็แล้วไป แม่ของเจ้านั่นต้องกระโดดขึ้นมา ข้าล้วนจินตนาการท่าทางดีใจของนางได้”
“ตามหลักการก็ใช่ หรือว่าในบ้านเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” เมื่อหยวนชิงหลิงคิดเช่นนี้ ในใจก็พะวงขึ้นมา
“อย่าเป็นกังวลเรื่อยเปื่อย ข้าจะไปหาซาลาเปาแล้วถามดู” แม้ว่าท่านย่าหยวนจะกล่าวเช่นนี้ แต่ในใจก็มีความกลัวเล็กน้อย เรื่องน่ายินดีใหญ่โตเพียงนี้ หากว่าไม่ดีใจ จะต้องเกิดปัญหาอะไรแน่
ผลสรุป เมื่อไปถามซาลาเปา ย่าหลานทั้งสองจะหัวเราะก็ไม่ใช่จะร้องไห้ก็ไม่เชิง
“เจ้าก็พูดเช่นนี้น่ะหรือ?” หยวนชิงหลิงกรอกตาขาวใส่เขาแวบหนึ่ง
ซาลาเปาตะลึง “ถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ ไม่พูดเช่นนี้แล้วพูดอย่างไรล่ะพ่ะย่ะค่ะ?”
ท่านย่าหยวนหัวเราะแล้วดึงเขามาข้างกาย กล่าวด้วยความเมตตาอ่อนโยน: “เจ้าต้องบอกคุณยายกับคุณตาว่า เจ้ามีน้องชายเพิ่มอีกสองคน แต่ไม่ใช่บอกว่าเจ้ามีน้องชายสองคน เดิมทีเจ้าก็มีน้องชายสองคน คุณตาก็รู้แล้ว”
“ถูกต้อง เดิมทีพวกเขาก็รู้ว่าข้ามีน้องชายสองคน ตอนนี้ข้าบอกอีกว่ามีน้องชายสองคน เช่นนั้นก็มีสี่คนแล้ว คุณตาไม่รู้จักตัวเลขนี่นา?”
หยวนชิงหลิงกล่าวว่า: “คืนนี้เจ้าไปอีกรอบ ต้องพูดกับคุณตาดีๆ ตอนนี้เจ้ามีน้องชายสี่คนแล้ว รู้หรือไม่?”
“รู้แล้วพ่ะย่ะค่ะ!” ซาลาเปาค่อนข้างอัดอั้นใจ นี่มีอะไรแตกต่างกัน แค่สมองปราดเปรียวสักหน่อย ก็จะรู้ว่าที่เขาพูดก็คือน้องชายสี่คน
แม้ว่าคุณตาจะเป็นหนอนหนังสือ แต่เขาคิดว่าคุณตาจะเข้าใจแล้ว เพียงแค่พวกเขาจะดีใจหรือไม่ดีใจ ก็ไม่สามารถควบคุมได้แล้วน่ะสิ? ใครบอกว่าให้กำเนิดน้องชายแล้วจะต้องดีใจเป็นแน่? บางทีคุณตาอาจจะชอบน้องสาวล่ะ? ท่านพ่อลับหลังก็ไม่ใช่ว่ารังเกียจพวกน้องๆหรือ ยังจะชี้เจ้าหนอนน้อยของพวกเขาบอกว่าถ้าไม่มีของนี่จะดีเพียงไรกันน่ะ
เพราะว่าอารมณ์ไม่เต็มใจ จิตใจไม่มีสมาธิจดจ่อ ในที่สุดก็ถูกทังหยวนคว้าโอกาสได้แล้ว
ทังหยวนมาเป็นครั้งแรก นั่นเรียกว่าตื่นเต้นดีใจ แต่ว่า พฤติกรรมของทังหยวนมีระดับ นึกถึงมารยาทที่แม่นมสอน โค้งตัวเคารพต่อคุณตาคุณยาย “สวัสดีคุณตาคุณยาย สวัสดีคุณลุง ข้าคือทังหยวน”
แม่ของหยวนชิงหลิงกอดทังหยวนทันที ดีใจสุดๆจริงๆ “ในเด็กทั้งสาม แค่เธอคนเดียวที่ไม่เคยเจอ ดีจริงๆ ในที่สุดเธอก็มาแล้ว”
พี่ชายของหยวนชิงหลิงตีศีรษะน้อยๆของเขาเบาๆ หัวเราะแล้วกล่าว: “ไอ้หนู ไม่ใช่ว่าเธอไม่เต็มใจมาเหรอ? ทำไมครั้งนี้ถึงมาล่ะ?”
“ข้าเต็มใจมานะ พี่ชายไม่ให้มา!” ทังหยวนเผยแววตาสับสนไร้เดียงสาออกมา แอบกล่าวหาซาลาเปา
“เอ๊ะ ใช่หรือ? ไม่ใช่เธอไม่เต็มใจมาหรือ? ซาลาเปาบอกว่าเธอไม่เต็มใจมานี่” พี่ชายของหยวนชิงหลิงกล่าวด้วยความแปลกใจ เจ้านั่นยังจะรู้จักโกหกอีก? ครั้งหน้ามาต้องตี
ทังหยวนยิ่งสับสนแล้ว น้ำตาเริ่มคลอในดวงตาสีดำสองดวง “จะไม่เต็มใจมาได้อย่างไร? ข้าล้วนร้องไห้ร้องขอเขาสองสามครั้งแล้ว เขาไม่ให้ข้ามา”
ท่าทางที่น่าสงสารเช่นนี้ ทำให้คนสงสารนัก คุณยายกอดไว้ในอ้อมอก ด้วยความรักและเอ็นดูรอบหนึ่ง ถามแล้วก็บอกว่าท้องหิว จึงพาออกไปกินอาหารว่างตอนค่ำเสียเลย
ออกมาถึงด้านนอก ทังหยวนเหมือนกับคนที่พบเห็นโลกมาน้อยนิดเช่นนั้น ดวงตาแทบจะนิ่งอึ้งไปแล้ว สิ่งของมากมายล้วนไม่เคยพบเห็นนี่
โดยเฉพาะหลังจากที่ขึ้นรถแล้ว เขาชอบจนบนศีรษะมีฟองอากาศแล้ว มิน่าล่ะพี่ชายถึงไม่อนุญาตให้เขามา ที่แท้ที่นี่ก็น่าสนุกเป็นที่สุดแล้ว
“ถูกแล้ว” ทังหยวนแหงนหน้ามองคุณยาย “ท่านแม่ให้กำเนิดทารกสองคน คนหนึ่งชื่อโค้ก คนหนึ่งชื่อเซเว่นอัพ น่าเล่นมาก”
พี่ชายของหยวนชิงหลิงขับรถ ได้ยินคำนี้ “เอี๊ยด” เบรกอย่างกะทันหันเสียงหนึ่ง หันกลับมา “อะไร? เกิดแล้ว? เป็นลูกสาวรึเปล่า?”
“น้องชาย!”