วิดีโอที่ห้า เป็นหลิงเอ๋อ
เธอนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงอรหันต์ตัวหนึ่ง มือถือน่าจะถูกวางเอาไว้บนโต๊ะเล็กๆของเตียงหลอฮั่น เธอดวงตาแดงก่ำ เหมือนกับผ่านการร้องไห้และสงบอารมณ์ลงแล้วค่อยเข้ากล้องอีกครั้ง
ใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มอ่อนๆ ก่อนจะพูดจา ได้ถอนหายใจเบาๆหนึ่งเฮือก “คุณพ่อ คุณแม่ พี่ ได้พูดคุยกับทุกคนผ่านเลนส์กล้อง ความรู้สึกนี้ยอดเยี่ยมมาก เมื่อกี้ที่พวกท่านเห็นก็คือสามีและลูกชายของหนู
และนี่ก็คือสิ่งที่หนูมีอยู่ทั้งหมดในตอนนี้ หนูมีความสุขมาก ตอนที่มาถึงที่นี่ หนูค่อนข้างลังเล สูญเสียงการงาน สูญเสียครอบครัว ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร
แต่ดีที่ยังมีเขาอยู่ แม้จะทะเลาะกันตลอดมา แต่ก็ผ่านมาอย่างหวานชื่น พี่คะ หาแฟนสักคน อย่าอยู่เหงาๆคนเดียว คุณพ่อ ผิดหวังในตัวหนูมากใช่ไหมคะ
ตอนนี้หนูใช้ชีวิตเป็นแม่บ้านคนหนึ่ง หัวข้อการวิจัยคงต้องละไว้และดูแลครอบครัวกับลูกก่อน
คุณแม่ อย่าได้เสียน้ำตาเพราะหนูอีกเลย หนูไม่สามารถอยู่ข้างกายพวกท่านได้ แต่ก็หวังอยู่เสมอว่าพวกท่านจะจิตใจเบิกบานแข็งแรง พวกท่านไม่ได้เสียหนูไป เพียงแต่หนูใช้ชีวิตอยู่ในอีกห้วงเวลาหนึ่ง มีชีวิตที่ดีมาก ขอให้พวกท่านวางใจ เรื่องทะเลสาบจิ้งหนูจะคำนวณต่อไป ชาตินี้อย่างไรเสียก็ต้องเจอกับพวกท่านอีกครั้ง เป็นหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหนู ”
ทั้งสามคนดูรอบแล้วรอบเล่า ดูอย่างละเอียด แม้แต่พริบตาเดียวก็ไม่ยอมปล่อยไป แค่คำพูดเดียวที่ไม่ชัดเจนก็จะย้อนกลับไปฟังอีก
“ถึงกับเป็นห่วงว่าผมจะมีแฟนหรือเปล่า ยังคงชอบยุ่งเรื่องคนอื่นเหมือนเมื่อก่อนเลย”พี่ชายหยวนชิงหลิงหัวเราะทั้งน้ำตา
นิ้วมือของแม่หยวนชิงหลิงจิ้มค้างไว้บนหน้าจออยากจะลูบใบหน้าของหยวนชิงหลิง เธอเงยหน้าขึ้น ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตา แต่กลับมีรอยยิ้มหนึ่งเบ่งบานขึ้นมาตรงริมฝีปาก มองศาสตราจารย์หยวนราวกับเป็นความฝันราวกับเป็นภาพลวงตา “ฉันจำได้ตอนที่ลูกคลอด คุณอุ้มลูกอยู่ข้างเตียงฉัน บอกตลอดว่าอยู่ในท้องไม่ครบกำหนดแต่ตัวใหญ่ขนาดนี้ช่างเยี่ยมจริงๆ ตอนอายุสามขวบ ลูกท่องบทกวีถัง คุณบอกว่าลูกเยี่ยมที่สุด ตอนที่เจ้าอนุบาล ได้รับดอกไม้สีแดงแทนคำชมเชยทุกวัน คุณก็บอกว่าลูกเยี่ยมที่สุด”
ศาสตราจารย์หยวนโอบกอดภรรยาเข้าสู่อ้อมอก พูดด้วยเสียงสะอื้นปนปลอบใจว่า “ใช่ ลูกเยี่ยมที่สุดมาตลอด ตั้งแต่เล็กจนโต ลูกเป็นความภาคภูมิใจของพวกเรา ”
“ทุกอย่างเหมือนดั่งวันวาน ”แม่หยวนชิงหลิงริมฝีปากสั่นเทา พยายามอดกลั้นน้ำตาเอาไว้ ลูกสาวบอกว่าอย่าร้องไห้ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ร้อง น้ำตาตก เธอก็คงจะปวดใจ
หลังจากผ่านความทอดถอนใจแล้ว พี่ชายหยวนชิงหลิงก็เริ่มศึกษากล่อง
ร่องแถบแนวตั้งของกล่องมีดินโคลน มีโคลนใบไม้เน่าเปื่อย ตรงกุญแจใส่รหัสก็มีเศษโคลนอุดอยู่เต็มไปหมด ราวกับว่าถูกฝังกลบเอาไว้นานมาก แต่ไม่มีทางรู้วันเวลาที่แน่ชัด
“ดูท่าแล้วคงจะอยู่บนเขามามากกว่าปีครึ่งแล้ว”ศาสตราจารย์หยวนกล่าว
พี่ชายหยวนชิงหลิงได้ล้วงเอาสิ่งของก้อนหนึ่งออกมาจากรอยแยก ใช้นิ้วบดขยี้สักครู่ “นี่เป็นดอกงิ้วมั้ง กลายเป็นโคลนไปหมดแล้ว”
แม่หยวนชิงหลิงนิ่งไปชั่วครู่ “ดอกงิ้ว แต่ดอกงิ้วบานเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ผลิ ตอนนี้ก็เข้าสู่หน้าหนาวแล้ว”
“เพราะฉะนั้น ที่ส่งมาก่อนหน้านี้ วันเวลาสามารถเทียบเคียงกันได้ แต่กล่องใบนี้กลับทิ้งระยะห่างมากกว่าครึ่งปี และอีกอย่างก็เป็นไปได้ว่าจะเป็นฤดูใบไม้ผลิของปีที่แล้ว”พี่ชายหยวนชิงหลิงพูด
“แล้วจะทำยังไง ถ้ากล่องใบนี้ไม่ได้อยู่ที่ภูเขาหลัวหยุน แต่ไปอยู่ที่อื่น แล้วเกิดปัญหาขึ้นจะรู้ได้ยังไง”แม่หยวนชิงหลิงพูดอย่างตื่นเต้น
พี่ชายหยวนชิงหลิงครุ่นคิดและพูดว่า “เอาอย่างนี้ ผมจะไปหาเพื่อนผมคนหนึ่ง เขาเป็นนักฟิสิกส์ วิจัยเกี่ยวกับกลศาสตร์ควอนตัม ผมจะไปดูว่าเขาพอจะมีปมเบาะแสอะไรหรือไม่ จากนั้นรอให้ซาลาเปามาแล้วค่อยให้เขากลับไปบอกกับน้อง ยังมี คนที่โพสต์ในติ๊กต๊อกคนนั้น ก็ต้องลองติดต่อดู”
หยวนชิงหลิงรอที่จะได้กลับไปโดยผ่านทะเลสาบจิ้ง ซาลาเปาก็เข้ามากอดนางเอาไว้ด้วยความดีใจ “ท่านตาได้รับกล่องแล้ว ได้รับแล้ว”
“ได้รับแล้ว”หยวนชิงหลิงดีใจมาก อุ้มตัวเข้าขึ้นมาเข้าไปในห้อง “เร็ว บอกข้ามาว่าได้รับอย่างไร ไปรับที่ไหน”
ซาลาเปาสมองไว ความจำก็ดีเยี่ยม คำพูดของพี่ชายหยวนชิงหลิง เขาจำได้ไม่ลืมสักตัวอักษรเดียว บอกเล่าให้หยวนชิงหลิงฟังทั้งหมด
หยวนชิงหลิงฟังจบแล้ว ก็รู้สึกประหลาดใจมาก ที่แท้ก็อยู่ที่ภูเขาหลัวหยุน
ภูเขาหลัวหยุนกับภูเขาเมฆขาวน่าจะมีระยะห่างกันเกือบจะหนึ่งร้อยกว่ากิโลเมตร อยู่ในตำแหน่งเส้นลองจิจูดยี่สิบสามองศาตะวันออกกับละติจูด114องศาเหนือ ส่วนภูเขาหลัวหยุนมีตำแหน่งละติจูด113องศาตะวันออก ละติจูด23องศาเหนือ
แต่มีความแตกต่างระหว่างเวลา แม้ว่าตอนนี้ยังไม่มีระยะเวลาที่ไปถึงอย่างแน่ชัด แต่ว่าจังหวะก็แตกต่างจากแรกเริ่มไม่มากนัก
“ยังมีเพื่อนของท่านลุงคนหนึ่งได้เอ่ยถึงสิ่งหนึ่งที่เรียกว่าทฤษฎีการส่งข้อมูลควอนตัม บอกว่าการรวมตัวกันของควอนตัมภายใต้สนามแม่เหล็กที่เหมาะสมจะทำมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดอุโมงค์เวลาขึ้น แต่ว่านี่เป็นแค่สมมติฐานเท่านั้น ต้องศึกษาอย่างละเอียดจึงจะรู้”ซาลาเปาพูด
การส่งข้อมูลควอนตัม หยวนชิงหลิงมีความรู้อยู่บ้าง ใช้เทคนิคในการรวมตัวของควอนตัม ต้องการส่งข้อมูลควอนตัมก็เหมือนกับการเดินทางข้ามเวลาที่นิยายวิทยาศาสตร์ได้เขียนเอาไว้ หายไปในสถานที่แห่งหนึ่งอย่างลึกลับ ไม่ต้องการพาหนะเพื่อนำพาไป แล้วก็ปรากฏตัวขึ้นในอีกสถานที่หนึ่งอย่างลึกลับในชั่วพริบตา
แต่ว่าการส่งข้อมูลควอนตัมในตอนนี้จำกัดเพียงแค่การส่งข้อมูลข่าวสารเท่านั้น การส่งสิ่งของไปยังห้วงเวลาอื่น ยังไม่สามารถหาข้อพิสูจน์ได้
ตอนนี้ดูแล้วสถานการณ์จะยิ่งซับซ้อนมากยิ่งขึ้น และไม่อยู่ในขอบเขตสาขาอาชีพของนาง หยวนชิงหลิงกลุ้มใจมาก มองไปทางเจ้าห้า เจ้าห้าสีหน้าเต็มไปด้วยความมึนงง ศัพท์นั้นฟังเข้าใจ แต่ไม่รู้ความหมาย ฉะนั้นเขาก็แต่มองหยวนชิงหลิง รอให้หยวนชิงหลิงให้ความรู้
ครั้งนี้หยวนชิงหลิงไร้หนทางจะให้ความรู้แล้ว อีกอย่าง นี่ก็เป็นแค่การสมมติฐานเท่านั้น แน่นอนว่า การสมมติฐานนี้ก็ไม่ได้อยู่บนหลักที่ไม่มีอยู่จริง อย่างน้อย เมื่ออยู่ในสภาวะสนามแม่เหล็กที่เหมาะสมทำให้เกิดการบิดเบือนในอวกาศหรืออุโมงค์เวลาก็เคยมีคนพูดถึงมาก่อน ไร้การสนับสนุนโดยการทดลองแต่มีการสนับสนุนจากทางทฤษฎี
แต่ว่าไม่ว่าจะอย่างไร คนที่บ้านสามารถดูวิดีโอได้ ทำให้หยวนชิงหลิงรู้สึกดีใจมาก
ตอนนี้นางไม่สามารถส่งสิ่งของกลับไปได้อีกแล้ว แต่ว่า คนที่บ้านสามารถส่งให้นางได้ การส่งแบบย้อนกลับทำได้ แสดงว่าช่องทางทั้งสามแม้ว่าจะกำลังค่อยๆปรับตัว แต่ก็ไม่ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงทำให้พินาศไป
ร่องน้ำเล็กที่ทะเลสาบจิ้งไม่ได้ถูกปิดกั้น เพราะว่าเหล่านักพรตบนภูเขาก็ยังต้องกินข้าว รอให้ความแห้งแล้งสิ้นสุดลงแล้ว ก็น่าจะสามารถอุดกั้นร่องน้ำนี้ได้
ก่อนหน้านี้ที่เจ้าห้าเคยให้คนออกไปตรวจสอบเรื่องราวทั้งหมดที่เกี่ยวกับหงเย่ สำนักเหลิ่งหลั่งก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง ได้สืบข่าวกลับมาแล้ว อีกทั้งท่านชายสี่เหลิ่งยังมาด้วยตนเอง
เดิมทีการคาดเดาถึงที่มาที่ไปของหงเย่ ยังมีช่องทางของข่าวคราวน้อยมาก มีทั้งข่าวจริงและข่าวปลอมปะปนกัน
แต่ครั้งนี้ คนของสำนักเหลิ่งหลั่งยังหาเพื่อนบ้านที่เคยเห็นพวกเขาสองแม่ลูกมาก่อนจนเจอตัว วาดภาพภาพหนึ่งกลับมาด้วย
ขณะที่ภาพวาดค่อยๆถูกเปิดออก หยู่เหวินเห้ามองไปแวบหนึ่ง ก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันที “ทำไมจึงได้มีหน้าตาคล้ายยายหยวนนัก”
หยวนชิงหลิงมองไปที่รูปคนในภาพวาด รู้สึกคุ้นตาอยู่บ้าง จึงยกมือขึ้นลูบใบหน้าตัวเองอย่างเผลอตัว
ท่านชายสี่เหลิ่งพูดว่า “ถ้าหากบอกว่าคล้าย ก็นับว่าคล้ายเป็นอย่างยิ่ง เค้าโครงหน้าตานั้นเหมือน แต่ถ้าสังเกตดูอย่างละเอียดแล้วก็ยังแตกต่างกันมาก ”
หยู่เหวินเห้ายังคงอยู่ในความตกตะลึง หันหน้าไปมองหยวนชิงหลิง “ไม่ใช่ใบหน้านี้ของเจ้า เจ้ารีบไปเอารูปถ่ายครอบครัวที่ท่านพ่อตาให้มา เหมือนเจ้าคนเดิมมาก”
“จริงหรือ ”หยวนชิงหลิงก็รู้สึกตะลึงอยู่บ้าง รูปครอบครัวอยู่ในห้อง นางรีบไปเอาออกมาเปรียบเทียบทันที อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตะลึงจนพูดไม่ออก เหมือนมากจริงๆ คล้ายกว่าหน้าใบนี้เสียอีก ถ้าหากไม่ใช่เพราะทรงผม แทบจะเหมือนกันทั้งหมดแล้ว
ใต้หล้านี้ มีคนที่คล้ายกันมากถึงสองคนเชียวหรือ หยวนชิงหลิงทำหน้าไม่ถูกจริงๆ