หยู่เหวินเห้ารู้สึกจนใจอย่างแท้จริง “สองคนนี้ ……ช่างเป็นคนที่นิสัยใจคอเหมือนกันอยู่ด้วยกันได้จริงๆ ต่างก็ต่ำช้าเหมือนกัน ”
“เรื่องเหล่านี้ ถ้าข้าตอบโต้ ไม่เท่ากับว่าข้าทำตัวต่ำเมื่อพวกเขาหรอกหรือ แต่ถ้าหากไม่ตอบโต้ ในใจข้าก็เหมือนกลืนกินแมลงวันเข้าไป อึดอัดจะตายแล้ว”อ๋องฉีเอ่ยด้วยเสียงลมหายใจแรง
“ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา วันหน้าถ้ามาหา ก็ปิดประตูซะ”หยู่เหวินเห้าก็รู้สึกว่าพวกเขาสองสามีภรรยาต่างก็เป็นเหมือนหญิงใจหยาบไม่มีเหตุผล แหย่ไม่ได้ แต่หลบหน้าได้
“ไม่สนก็ไม่ได้แล้ว วันวันเอาแต่ทำลายชื่อเสียงของราชวงศ์เรา”อ๋องฉีขมวดคิ้วขึ้นมา “พี่ห้า ท่านลองดูสิว่าใครที่สามารถทำให้พวกเขาทำตัวสำรวมได้บ้าง คงไม่ถึงกับเรื่องเล็กเหล่านี้ก็ต้องไปรบกวนโสวฝู่อยู่เสมอกระมัง”
“จัดการกับพวกไร้เหตุผล……”หยู่เหวินเห้าครุ่นคิด “มีตัวเลือกที่เหมาะสมอยู่คนหนึ่ง”
“ใคร”อ๋องฉีถาม
“พี่สะใภ้หกของเจ้า”
อ๋องฉีร้องอ๋อออกมาเสียงหนึ่ง “ใช่ พูดถึงเรื่องอันธพาล ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของนางได้เลยจริงๆ อีกอย่างเรื่องเหล่านี้พวกเราไปโต้แย้ง สุดท้ายก็เสียภาพลักษณ์ของตนเอง แต่พี่สะใภ้หกไม่เป็นเช่นนั้น”
เมื่อพูดเรื่องนี้กับหรงเยว่ หรงเยว่ก็เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดขึ้นว่า “พูดตามความจริง ข้าทนพวกเขามานานมากแล้ว อยากจะไปสั่งสอนตั้งนานแล้ว เรื่องนี้มอบให้ข้า รับประกันว่าวันหน้าพวกเขาต้องทำตัวเรียบร้อยแน่”
วันรุ่งขึ้นหรงเยว่ก็เดินทางไปด้วยตนเองตั้งแต่เช้า เข้าประตูไปก็ด่า แล้วก็ทุบทำลายข้าวของ แรกเริ่มฉู่หมิงหยางยังสามารถใช้ความดื้อรั้นต่อต้านได้ชั่วครู่ แต่ว่าสุดท้ายก็ถูกหรงเยว่ด่าจนแทบจะโงหัวไม่ขึ้น เรื่องของนางกับฉู่หมิงชุ่ย ก็ถูกขุดออกมาแฉทีละเรื่อง คืนความบริสุทธิ์ให้กับหยวนหย่งอี้
หรงเยว่จัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว ก็กลับไปยังสำนักเหลิ่งหลั่งเพื่อคัดเลือกคน ให้พวกเขาไปช่วยดูทางด้านฮูหยินเหยาสักหน่อย เพราะว่าหญิงชายใจสุนัขสองคนนี้ไม่กล้าไปหาเรื่องคนอื่น ก็ไม่ได้หมายความว่าจะอยู่อย่างสงบ เป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจจะไปหาเรื่องคนที่อ่อนแอกว่า ตอนนี้คนที่อ่อนแอกว่าสามารถรังแกได้ ก็มีแต่ฮูหยินเหยา
แม้ว่าฮูหยินเหยาก็มีวิธีการที่จะจัดการกับพวกเขา แต่ว่าตอนนี้นางได้ใช้ชีวิตอย่างสงบเงียบ ทางที่ดีที่สุดคืออย่าเข้าไปยุ่งกับของสกปรกสองก้อนนี้จะดีกว่า ฉะนั้น จึงให้ฮุ่ยเทียนไปช่วยสอดส่องดูแล ถ้าหากสองคนนี้กล้าเข้าใกล้บ้านของฮูหยินเหยา ก็ให้โยนออกไปโดยไม่ต้องสนใจอะไรทั้งสิ้น นางจะรับผิดชอบผลที่ตามมาเอง
เกรงว่าฮูหยินเหยาจะระแวงในตัวฮุ่ยเทียน จึงไม่ให้ฮุ่ยเทียนเข้าไปอยู่ในบ้าน แต่จะเช่าบ้านอยู่ข้างๆบ้านของนาง เกิดเรื่องอะไรขึ้นจะได้รับรู้ทันที
หรงเยว่เอาแต่ใจ เรื่องที่นางจัดการเรียบร้อยแล้วไม่ยอมให้ใครปฏิเสธทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้ วันรุ่งขึ้นฮุ่ยเทียนจึงย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านข้างๆ ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นการปกป้องอย่างลับๆ ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้บอกให้ฮูหยินเหยารู้ เกรงว่านางจะคิดมาก
และโชคดีที่หรงเยว่มีการวางแผนจัดการเช่นนี้ เป็นดังที่คิดเอาไว้ผ่านไปไม่กี่วัน หยู่เหวินจุนมาหาฮูหยินเหยาถึงบ้านจริงๆ
เขามาตัวคนเดียว เข้าบ้านไปก็ทุบทำลายข้าวของ ยังทุบตีสาวรับใช้ด้วย ข่มขู่ให้ฮูหยินเหยาเอาเงินออกมาให้ ไม่เช่นนั้นจะนำลูกสาวสองคนกลับไป
ฮูหยินส่งตัวเมิ่งเยว่กับเมิ่งซิงไป ก็เพราะป้องกันเขาที่จะมาไม้นี้ ฉะนั้น ตอนที่ได้ยินหยู่เหวินจุนพูดคำนี้ นางก็พูดเสียงเรียบๆว่า“ลูกสาวทั้งสองคน คนหนึ่งอยู่ที่โรงเรียนแพทย์ คนหนึ่งที่อยู่บ้านตระกูลถง เจ้าไปเอาตัวได้เลย”
หยู่เหวินจุนย่อมไม่กล้าไป แต่จะให้ปล่อยฮูหยินเหยาไปง่ายๆได้อย่างไร เขาเอ่ยด้วยเสียงดุร้ายว่า “ข้ารู้ว่าเจ้ายังมีเงินที่ซ่อนเอาไว้ รีบไปเอามา ข้ามีเรื่องใหญ่ต้องทำ”
ฮูหยินเหยาอุ้มลูกสุนัขเอาไว้ พูดว่า “ขอเตือนองค์ชายใหญ่หันหลังกลับจะพบฝั่ง เรื่องใหญ่ที่ปากท่านว่า ชาตินี้คงไม่มีทางทำสำเร็จได้ ผู้คนเหล่านั้นที่ว่าช่วยท่านได้ ล้วนหลอกลวงเงินทองของท่านเท่านั้น ”
หยู่เหวินจุนพูดอย่างโมโห “นางหญิงสารพิษ ถ้าหากไม่ใช่เพราะเจ้าทำร้ายข้าวันนั้น ข้าจะมีชีวิตดังเช่นวันนี้ได้อย่างไร เป็นสามีภรรยากันมา ข้าไม่เข้าใจจริงๆว่าข้าปฏิบัติต่อเจ้าไม่ดีตรงไหน เจ้าจึงได้โหดเหี้ยมอำมหิตกับข้าถึงเพียงนี้”
ชะงักไปชั่วครู่ น้ำเสียงของเขาก็อ่อนลง
“ตอนนี้เจ้ามีเส้นสาย มีเงิน เจ้าสามารถช่วยเหลือข้าได้ เห็นแก่ลูกสาวทั้งสองคน ถ้าหากข้าได้ดี พวกนางก็จะมีลาภยศด้วย”
“ข้าแค่หวังให้พวกนางมีความสุขสงบตลอดชีวิต จะมีลาภยศหรือไม่ ไม่สนใจ”ฮูหยินเหยาเอ่ยเสียงแข็งเย็นชา
หยู่เหวินจุนจ้องมองนาง ในใจลึกๆรู้ดีว่าโมโหไปก็ไร้ประโยชน์ จึงแสดงท่าทีอ่อนลงไปอีก“ข้ารู้ว่าข้าเคยทำเรื่องที่เป็นการทำร้ายเจ้ามาก่อน เคยทำให้เจ้าผิดหวัง
แต่ว่าตอนนี้ข้าสำนึกผิดไปแล้ว ข้าจะหย่ากับฉู่หมิงหยาง และจะทำดีต่อเจ้าเพียงคนเดียว ในเมื่อตอนนี้เสด็จพ่อได้คืนตำแหน่งในราชวงศ์ให้ข้าแล้ว ข้าก็มีความหวัง
หรือว่าเจ้าพอใจจะเป็นฮูหยินเหยาไปตลอดชีวิตหรืออ่อนโยนแต่เย็นชา “พระชายาจี้คนก่อนได้วายชีพไปแล้ว ตอนนี้ข้าไม่มีความหวังเช่นนี้แล้ว อยากจะมีชีวิตอย่างสงบสุขเท่านั้น เชิญองค์ชายใหญ่กลับไปเถอะ ไม่ต้องมาที่นี่อีก สำหรับตัวข้า ท่านไม่มีทางหาความหวังใดๆจากข้าได้”
“เจ้า……”หยู่เหวินเห้าเห็นนางไม่ยอมรับทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง ก็อดไม่ได้ที่จะกราดเกรี้ยวขึ้นมา เงื้อมือขึ้นจะตีลงไป ลูกสุนัขในอ้อมกอดของฮูหยินเหยาก็กระโจนไปบนร่างเขาอย่างกะทันหัน กัดไปหนึ่งที
หยู่เหวินจุนยิ่งรู้สึกโมโห แตะลูกสุนัขตัวนั้นออกไป “เจ้าหมาชั่ว”
ฮูหยินเหยารู้สึกสงสารลูกสุนัข รีบเข้าไปอุ้มมันขึ้นมา ทนไม่ได้และเอ่ยขึ้นด้วยความเศร้าระคนโมโห “ท่านพอได้แล้ว ถ้ายังทำเช่นนี้ข้าจะไม่เกรงใจแล้ว”
หยู่เหวินจุนเอ่ยอย่างชั่วร้ายว่า “ไม่เกรงใจ ไปฟ้องร้องกับเจ้าห้าซิ ไปตามเขามาช่วยเจ้า ดูสิว่าข้าจะกลัวหรือไม่”
ดาบยาวเล่มหนึ่งค่อยๆยื่นเขามาจากทางด้านหลังของเขาพาดไว้บนลำคอ สัมผัสที่เย็นเยือกทำให้เขาตัวสั่นสะท้านขึ้นมา “ใคร”
ฮูหยินเหยาตกใจสะดุ้งเฮือก เห็นเพียงชายหนุ่มหน้าตาเย็นชาคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ กำลังใช้ดาบจี้ไปที่หยู่เหวินจุน
“ไสหัวไป”ฮุ่ยเทียนพูดเสียงเย็น เก็บดาบกลับไป
หยู่เหวินจุนหันหน้าไปมองทันที เห็นเพียงชายหนุ่มแปลกหน้าคนหนึ่งที่ไม่รู้จัก มองฮูหยินเหยาอย่างตกใจระคนสงสัยแวบหนึ่ง แล้วก็มองไปยังฮุ่ยเทียน
ทันใดนั้นก็ราวกับเข้าใจขึ้นมาทันทีและเกิดความรู้สึกโมโหขึ้นมา สีหน้าแดงก่ำไปหมด “หญิงสารเลว เจ้ากล้าซ่อนชู้เอาไว้หรือ เจ้าช่างบังอาจนัก”
ฮูหยินเหยายังคงมีท่าทีสงบนิ่ง แต่ว่าท้ายที่สุดแล้วคำพูดที่ทำลายชื่อเสียงผู้หญิงเหล่านี้ก็ทำให้นางรู้สึกอับอายปนกับความโมโห
“ท่านพูดเหลวไหลอะไร ข้าไม่รู้จักเขา”
“ไม่รู้จัก ผู้ชายที่ไม่รู้จักสามารถเข้าออกบ้านเจ้าได้ตามสบายหรือ”หยู่เหวินจุนโมโหจนเลือดลมพลุ่งพล่าน โมโหจนไม่อาจยับยั้งได้
“พูด พวกเจ้ามั่วสุมกันนางแค่ไหนแล้ว เจ้ายังเสพสุขความเมตตาจากเสด็จพ่ออยู่ เจ้ายังเป็นสะใภ้ของราชวงศ์ ยังบังอาจทำเรื่องต่ำช้าเช่นนี้ เจ้ามันไร้ยางอายจริงๆ”
ฮูหยินเหยาได้ยินคำพูดเหยียดหยามเหล่านี้ ก็ตัวสั่นสะท้านไปหมด เดินเข้าไปตบที่หน้าของหยู่เหวินจุนหนึ่งที “ใครให้ท่านพูดจาเหลวไหล”
หยู่เหวินจุนโต้กลับโดยการตบหน้าคืนทันที ฮุ่ยเทียนหักมือของเขาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก คว้าคอเสื้อของเขาลากตัวออกไปทิ้งไปบนพื้นข้างนอก พูดด้วยเสียงเย็นว่า “ถ้ายังกล้ามาอีก ข้าจะสับขาสองข้างของเจ้า”
หยู่เหวินจุนมองแววตาที่เย็นชาโหดร้ายของเขา รอบกายไอสังหารแผ่ออกมา หัวใจรู้สึกเย็นวูบ คนเช่นนี้แค่ดูก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนที่จะยั่วยุได้
เขายืนขึ้นมา พูดเสียงดุดันว่า “พวกเจ้าอย่าได้ใจไป ข้าไม่มีทางปล่อยพวกเจ้าไปแน่“
ทิ้งคำพูดดุดันเอาไว้ แล้วก็จากไปอย่างรวดเร็ว
ฮุ่ยเทียนสีหน้าไร้อารมณ์ หมุนตัวเข้าไป ฮูหยินเหยาอุ้มลูกสุนัขเอาไว้มองเขาอย่างระแวง “เจ้าเป็นใคร”
ฮุ่ยเทียนไม่มองนาง เจ้าไปในห้องประคองโต๊ะเก้าอี้ที่ถูกหยู่เหวินจุนทุบทำลายจนล้มระเนระนาด ฮูหยินเหยาตามเข้าไป “ไม่ต้องให้เจ้าช่วย บ้านข้าไม่ต้อนรับคนแปลกหน้า เชิญท่านกลับเดี๋ยวนี้……”
“หุบปาก”ฮุ่ยเทียนตะคอกเสียงหนึ่ง แววตาเย็นชาดุดัน ทำเอาฮูหยินเหยาตกใจจนนิ่งอึ้งไป
หลังจากเขาเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว ก็หมุนตัวเดินออกไป ตอนที่เดินผ่านร่างของฮูหยินเหยา ก็เหลือบมองด้วยสายตาเย็นชาแวบหนึ่ง
“ถ้าหากเขายังมาอีก ร้องเรียกข้าข้ามกำแพงไป ข้าอยู่ข้างๆนี้”
ฮูหยินเหยาเห็นความเย็นชาในแววตาเขา หัวใจก็รู้สึกกลัวอย่างไม่รู้ตัว “ไม่ต้อง ข้าสามารถรับมือ……”
“วันหน้าไม่ต้องให้ท่านรับมือ ข้ามาเพื่อปกป้องท่าน”ฮุ่ยเทียนพูดจบก็กระโดดเบาๆ ข้ามกำแพงไปยังอีกฝั่งหนึ่ง