บัลลังก์หมอยาเซียน – ตอนที่ 977 ข้าไม่ใช่

การรับปากของแม่นมฉินอยู่เหนือความคาดหมาย อย่างไรเสียนางไปก็ดีกว่าให้หมันเอ๋อไป และนางก็คุ้นเคยกับเจียงเป่ยมาก
แต่เจียงเป่ยเป็นดั่งฝันร้ายสำหรับนาง การให้ตัวเองเข้าถ้ำเสือเพื่อช่วยคนที่ไม่เกี่ยวข้องนั้น ที่จริงก็ไม่ยุติธรรมกับนางจริงๆ แต่นางทำเพื่อหมันเอ๋อ นางกล่าวไว้ ว่าที่นางมีชีวิตอยู่เพื่อหมันเอ๋อทั้งนั้น
ความหวาดกลัวต่อเจียงเป่ยแสดงออกมาให้เห็นจากดวงตาแม่นมฉินชัด นาทีที่นางหันตัวไป ก็พูดพึมพำ “ชาตินี้ ข้าคงไม่ได้ยินนางเรียกแม่อีกแล้ว”
เมื่อเห็นแผ่นหลังเศร้าสลดที่ค่อยๆ ห่างไปไกล หยวนชิงหลิงก็รู้สึกขมขื่นนัก
จากนั้นนางก็ไปบอกกับเจ้าห้า เจ้าห้าย่อมดีใจอยู่แล้ว หยวนชิงหลิงว่าอีก “เจ้าว่า…บอกฐานะของแม่นมฉินให้หมันเอ๋อรู้ดีไหม?”
“แบบนี้…” หยู่เหวินเห้าคิดแล้วก็ไม่ค่อยเห็นด้วย “ถ้าหมันเอ๋อรู้ นางอาจตามแม่นมฉินไปด้วยก็ได้ แล้วถ้านางเกิดอะไรขึ้น แผนการของเราก็ต้องสูญเปล่า”
หยวนชิงหลิงถอนหายใจเบา “การใหญ่อะไรที่จริงข้าก็ไม่ได้ให้เห็นความสำคัญมากขนาดนั้น แต่ข้ารู้ว่าพวกเจ้าทนลำบากเตรียมการไว้หลายเรื่อง ก็เพื่อปราบจลาจลให้สงบ เอาหนานเจียงกลับคืนมา แต่ที่พวกเราจะปิดบังปล่อยให้แม่นมฉินไปเสี่ยง ก็ไม่ยุติธรรมกับแม่นมฉินกับหมันเอ๋อเหมือนกัน นางมีสิทธิ์รู้”
ตอนนี้หยู่เหวินเห้ายอมรับความคิดเหล่านี้ได้แล้ว แต่เรื่องเกี่ยวพันถึงส่วนรวม เขายังรู้สึกว่าค่อนข้างเสี่ยง ดังนั้นจึงเอ่ย “พวกเราได้แต่พยายามคุ้มครองความปลอดภัยของแม่นมฉิน ให้นางกลับมาอย่างราบรื่น”
หยวนชิงหลิงมองเขา “แล้วถ้าทำไม่ได้ล่ะ? ถ้าแม่นมฉินตายอยู่ที่เจียงเป่ย? อีกหน่อยถ้าหมันเอ๋อรู้ความจริงจะรับได้ยังไง? นางต้องรู้สึกผิดและเสียใจตลอดชีวิตแน่ ข้าเชื่อว่าหมันเอ๋ออยากมีญาติมาตลอด นางโดดเดี่ยวมานานมากแล้ว ”
หยู่เหวินเห้าเอ่ย “นี่ก็ช่วยไม่ได้”
“นี่ไม่ใช่ข้ออ้าง สำหรับพวกเรา นี่อาจเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ แต่การที่พวกเราสละคนในครอบครัวหรือความสุขของคนอื่นมาทำให้งานใหญ่สำเร็จ กระทั่งไม่ถามความคิดเห็นของเจ้าตัวเนี่ย จะเย็นชาเอาแต่ตัวเองมากไปหรือเปล่า?”
หยู่เหวินเห้าขมวดคิ้ว “เจ้าหยวน เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงส่วนรวม จะทำให้ความพยายามของคนมากมายต้องสูญเปล่า แล้วถ้าทำตามแผนแบบราบรื่นไม่ได้ จนถึงขั้นต้องเปิดสงครามก็จะมีคนตายเยอะมากขึ้นนะ”

“งั้นถ้าพวกเจ้าทำตามแผนได้ราบรื่น เจียงเป่ยเกิดสงครามภายในกับหนานเจียง พอพวกเขาต่อสู้กันขึ้นมาแล้วจะไม่มีใครตายเหรอ? คนหนานเจียงก็เป็นประชาชนของเป่ยถังเหมือนกันนะ”
หยู่เหวินเห้าชะงัก ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดถึงจุดนี้ ทำการใหญ่วางกลยุทธ์ในกระโจม ย่อมต้องใช้วิธีที่ง่ายและสะดวกที่สุดอยู่แล้ว
หากหนานเจียงก่อสงครามเอง ราชสำนักก็ไม่จำเป็นต้องใช้ทหารสักนาย แต่หากหนานเจียงแพ้ให้เจียงเป่ย ถึงตอนนั้นราชสำนักก็ใช้กำลังทหารสยบพวกเขาได้โดยง่าย ดังนั้นเขาจึงไม่ผิดที่วางแผนแบบนี้
แม้คิดว่าเจ้าหยวนจะใช้อารมณ์ในการทำงาน แต่หากขจัดทุกอย่างออกไปหมดก็ไม่ยุติธรรมกับหมันเอ๋อและแม่นมฉินมาก
เขาสับสนพักหนึ่งเหมือนกัน ว่าทุกอย่างที่ทำเมื่อก่อนหน้านี้ถูกต้องหรือไม่
เขาเงียบ หยวนชิงหลิงก็ไม่พูด เพียงแต่อึดอัดในหัวใจเล็กน้อย
กำหนดวันเดินทางแล้ว เป็นเช้าวันมะรืน
หยู่เหวินเห้าจัดการกำลังคนที่ไปกับหยู่เหวิยเทียนเรียบร้อย หลังจากลู่หยวนทำงานกลับมารู้เรื่องนี้แล้วจึงเสนอตัวไปด้วย เขาเคยเป็นสายสืบอยู่ที่เซียนเปย วรยุทธ์ล้ำเลิศ ทั้งยังค่อนข้างระวังรอบคอบ ดังนั้นหยู่เหวินเห้าจึงอนุญาต
ทางตระกูลชุยก็ส่งคนไปด้วยเช่นกัน คนตระกูลชุยมีเส้นสายมาก จะหายอดฝีมือสักสองสามคนนั้นไม่ยากเลย
ท่านชายสี่ก็บอกว่าส่งคนช่วยได้ แต่พอหยู่เหวินเห้าอุ้มหมาป่าหิมะไปเจรจาแล้ว สุดท้ายก็ให้ท่านชายสี่ออกกำลังทรัพย์ ไม่ต้องส่งคน
ส่วนเสี้ยวหงเฉิง ตั้งแต่ผ่านเรื่องหลินเซียวมาแล้วก็ไร้กำลังใจ อาจเป็นเพราะเสียใจมากเกิน อยากไปผจญภัยเพื่อลืมความเจ็บปวดและความแค้นฝังกระดูกพวกนั้น ดังนั้นเขาจึงถึงกับขอพาคนไปด้วย

เพราะมีคนมากมายร่วมด้วย หยวนชิงหลิงจึงเพลาใจลง
แต่ตอนนี้นางกำลังพบกับปัญหาน่าหนักใจ นั่นก็คือจะบอกหมันเอ๋อเรื่องความสัมพันธ์ของแม่นมฉินดีหรือไม่
แต่หลังจากนางพินิจไตร่ตรองและหารือกับอะซี่แล้ว ความคิดของอะซี่ก็เหมือนกับเจ้าห้า คิดว่าต้องเห็นการใหญ่เป็นสำคัญ
ตอนหลังนางจึงไปพูดคุยกับคุณย่าอีก
เมื่อคุณย่าได้ฟังแล้วก็กุมมือนาง พูดเสียงเบา “หลิงเอ๋อ ถึงจะบอกว่าความเป็นตายของแผ่นดิน ทุกคนมีส่วน แต่ความเป็นตายของแผ่นดินนั้นเพื่ออะไรกัน?
แคว้นเกิดขึ้นได้จากการรวมตัวของทุกคน ไม่ว่าใครก็มองข้ามไม่ได้ ที่เราพูดกันอยู่ตอนนี้ก็ไม่ใช่ความสุข แต่เป็นสัมพันธ์เครือญาติของมนุษย์
หมันเอ๋อน่าสงสารมาก พ่อนางตายตั้งแต่เล็ก ระหกระเหินเร่ร่อนมาหลายปี กว่าจะได้เจอแม่ที่แท้จริง ถ้าแม่นมฉินตายไปจะโหดร้ายกับนางขนาดไหน?
มหายุคอาจต้องเสียสละคนบางคน แต่ผู้ที่กุมอำนาจต้องพยายามให้ผู้อื่นมีสิทธิ์ที่จะเลือก หากเจ้าบอกหมันเอ๋อ ไม่ว่านางเลือกที่จะไปหรือจะให้ความร่วมมือหรือไม่ก็ฝืนใจนางไม่ได้
อีกอย่าง เจ้าจะให้คนอื่นเสียสละก็ย่อมได้ แต่ต้องทำให้เขารู้ชัด ที่ข้าพูดอาจเป็นความใจอ่อนของอิสตรี เจ้าก็ลองคิดดูเองแล้วกัน”

หยวนชิงหลิงพยักหน้านิ่ง ใช่! ให้หมันเอ๋อเสียสละได้ แต่ต้องให้นางทำด้วยความสมัครใจ การปิดบังเรื่องนี้อาจทำให้พวกนางเกิดความบาดหมางกันก็ได้
ดังนั้นเมื่อกลับถึงตำหนักเซี่ยวเยว่ นางจึงเรียกให้หมันเอ๋อเข้ามาและปิดประตู
หมันเอ๋อนึกว่าหยวนชิงหลิงรู้เรื่องที่นางจะไปเจียงเป่ยแล้ว จึงรีบพูดอธิบาย “พระชายาเพคะ ข้าน้อยแค่อยากช่วยบ้างเท่านั้น จวิ้นจู่จิ้งเหอตกอยู่ในมือหมอผี ต้องมีจุดจบน่าอนาถแน่เพคะ”
หยวนชิงหลิงดึงนางขึ้นมานั่ง พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “หมันเอ๋อ ข้าจะบอกเจ้าเรื่องหนึ่ง เจ้าต้องอดทนฟังข้านะ”
พอหมันเอ๋อเห็นสีหน้าหยวนชิงหลิงคร่ำเคร่งแล้วก็นั่งอย่างระวังกิริยา “เรื่องอะไรเพคะ?”
หยวนชิงหลิงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “หมันเอ๋อ มีบางเรื่องที่ข้ารู้มานานแล้ว แต่ไม่เคยบอกเจ้า หวังว่าเจ้าจะไม่โทษข้านะ”
“จะโทษพระชายาได้ยังไงเพคะ? ข้าน้อยจะไม่โทษพระชายาเด็ดขาด เพราะท่านเก็บข้าน้อยมา ข้าน้อยถึงมีข้าวกิน” หมันเอ๋อรอยยิ้มเด๋อๆ ด๋าๆ
หยวนชิงหลิงเห็นความใสซื่อไร้เดียงสาของหมันเอ๋อแล้วก็กุมมือนางเอ่ย “ที่ข้าจะพูดเป็นเรื่องชาติกำเนิดของเจ้า พ่อของเจ้าก็คืออ๋องหนานเจียง และแม่ของเจ้าก็คือแม่นอมฉินในตำหนักอ๋องซุน”
หมันเอ๋อตะลึง แล้วหลุดหัวเราะออกมา “พระชายา ท่านล้อข้าน้อยเล่นหรือเพคะ? ข้าน้อยจะเป็นลูกสาวของอ๋องหนานเจียงได้ยังไง? อีกอย่าง แม่นมฉินก็แก่ขนาดนั้นแล้ว นางจะเป็นแม่ข้าน้อยได้ยังไงเพคะ?”
“จริงแท้แน่นอน! เจ้าบอกว่าเจ้าเคยฝันถึงไฟไหม้ครั้งใหญ่ เห็นว่ามีคนล้มเลือดนองอยู่ที่บันได คนนั้นก็คือพ่อของเจ้านั่นแหละ หรือก็คืออ๋องหนานเจียง ตอนที่เขาถูกสังหารเจ้าก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย เจ้าเห็น!” เมื่อหยวนชิงหลิงพูดออกมาก็รู้สึกทรมานใจมาก
รอยยิ้มของหมันเอ๋อค่อยๆ เลือนหายไป พูดพึมพำ “เป็นไปไม่ได้ อ๋องหนานเจียงจะเป็นพอข้าน้อยได้ยังไง? ข้าน้อยไม่มีพ่อแม่ ถึงพ่อแม่จะตายแล้ว แต่คนในหมู่บ้านก็รู้จักพวกเขา ข้าน้อยโตอยู่ในหมู่บ้าน ข้าน้อยจำเรื่องพวกนี้ได้”
“เจ้าเคยอยู่ในหมู่บ้าน หลังจากเจ้าถูกคนพาไปแล้วก็ปกปิดฐานะอยู่ในหมู่บ้าน ข้าไม่รู้ว่าทำไมเจ้าถึงเสียความทรงจำ แต่การเสียความทรงจำอาจเพื่อปกป้องเจ้า ทำไมแม่นมฉินถึงตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้พบเจ้าล่ะ? ก็เพราะว่านางรู้”
“นางเข้าใจผิดแล้ว!” หมันเอ๋อไม่เชื่อ ส่ายหน้า “พระชายา ถึงข้าน้อยจะจำไม่ได้มาก แต่จำได้แน่ชัดว่าตัวเองไม่ใช่ลูกสาวของอ๋องหนานเจียงแน่นอนเพคะ!”

บัลลังก์หมอยากเซียน

บัลลังก์หมอยากเซียน

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: "เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง"หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: "ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น"อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: "เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่" หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: "ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ"

Comment

Options

not work with dark mode
Reset