เมื่อหยวนชิงหลิงเห็นความมั่นใจในดวงตานางแล้วก็ประหลาดใจเล็กน้อย “เรื่องสมัยก่อนเจ้าก็ลืมไปเกือบหมด แล้วทำไมเจ้าถึงมั่นใจว่าตัวเองไม่ใช่ลูกของอ๋องหนานเจียงล่ะ?”
ใบหน้าหมันเอ๋อสับสนเล็กน้อย “ข้าน้อยมั่นใจเพคะ พอข้าน้อยได้ฟังเรื่องนี้แล้วก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ เป็นไม่ได้แน่นอนเพคะ เพราะข้าน้อยมีบ้าน ตั้งแต่เกิดจนโตก็อยู่ที่บ้านเกิด เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นลูกอ๋องหนานเจียงเพคะ”
ประโยคสุดท้ายนี้ แววตานางเต็มไปด้วยความมั่นใจ
เมื่อหยวนชิงหลิงได้ยินคำพูดพวกนี้แล้วก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
หมันเอ๋อคุกเข่าลง “พระชายาเพคะ ข้าน้อยต้องไปเจียงเป่ยให้ได้ ท่านอย่างขัดขวางข้าน้อยเลยนะเพคะ ข้าน้อยรับรองว่าจะมีชีวิตกลับมาแน่”
หยวนชิงหลิงยื่นมือดึงนางขึ้นมา “เจ้าไม่ต้องไป แม่นมฉินรับปากจะไปแล้ว นางเป็นคนเจียงเป่ย นางคุ้นทางดี”
“แต่นางทำลายค่ายกลเข้าเขตหมอผีไม่ได้นี่เพคะ”
“นางทำได้ เพราะนางเคยเป็นสาวหมอผีของเจียงเป่ย แต่ตอนหลังแต่งงานกับอ๋องหนานเจียง ให้กำเนิดลูกสาวคนหนึ่ง และลูกสาวนางคนนั้นก็คือเจ้า” ไม่ว่านางจะเชื่อหรือไม่ เรื่องนี้หยวนชิงหลิงก็ต้องเล่าให้นางฟังโดยบริบูรณ์
เมื่อนั้นหมันเอ๋อก็ยิ่งรู้สึกตลกขบขัน “เป็นไปไม่ได้ที่สาวหมอผีจะแต่งกับอ๋องหนานเจียงนะเพคะ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะแต่งกับคนหนานเจียงด้วย หนานเจียงกับเจียงเป่ยเป็นศัตรูกันทุกสมัย พวกเขาไม่แต่งกันหรอกเพคะ”
เมื่อหยวนชิงหลิงเห็นท่าทางนางไม่เชื่อสักนิดแล้วจึงเอ่ย “หมันเอ๋อ เจ้าอยู่กับข้ามานาน ถ้าเจ้าไปข้าก็จะรู้สึกไม่คุ้นเคย เจ้าอย่าไปเลย ให้พวกเขาไปเถอะ เรื่องนี้ไม่มีเจ้าพวกเขาก็ทำกันได้ เชื่อข้า”
“ไม่เพคะ! ข้าน้อยยืนยันที่จะไป” หมันเอ๋อเอามือกดศีรษะ ปลายนิ้วราวกับจะฝังเข้าไป ดวงตาเผยความสับสน “ข้าน้อยต้องไปให้ได้เพคะ เพราะในหัวมีการร้องเรียกจากเจียงเป่ย”
“การร้องเรียกจากเจียงเป่ย? หมายความว่ายังไง?” หยวนชิงหลิงตะลึง
“ข้าน้อยก็ไม่รู้เหมือนกันเพคะ” หมันเอ๋อหดหู่เล็กน้อย “ที่จริงช่วงนี้เป็นแบบนี้ตลอดเลยเพคะ ตั้งแต่ท่านสะกดจิตข้าน้อยแล้ว ข้าน้อยก็รู้สึกว่ามีคนเรียกตลอดเลย
แต่คิดยังไงก็คิดสาเหตุไม่ออก ข้าน้อยก็เลยสงสัยมาก อยากไปหาความจริง ข้าน้อยคิดว่าถ้าไปเจียงเป่ยต้องไขข้อข้องใจได้แน่เพคะ”
หยวนชิงหลิงหน้าขรึม หรือว่าคนที่ลงอาคมนางจะเป็นคนเจียงเป่ย?
ก่อนจะทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง หยวนชิงหลิงคิดว่าจะให้หมันเอ๋อไปเจียงเป่ยง่ายๆ ไม่ได้ อันตรายเกินไป
ตกตอนเย็นหมันเอ๋อก็ไปจวนอ๋องชุน ขอร้องให้อ๋องชุนพานางไปด้วย แต่อีกฝ่ายไม่เห็นด้วย เพราะพี่ห้าไม่อนุญาต
หมันเอ๋อนขอร้องอยู่นานแต่ก็ไม่เป็นผล ดังนั้นจึงไปหาแม่นมฉิน ของให้นางช่วย ไม่ว่าอย่างไรนางก็จะไปเจียงเป่ยให้ได้
เมื่อแม่นมฉินได้ยินนางพูดแล้ว ดวงตาก็เจ็บปวดรวดร้าว “เจ้าไปไม่ได้! เชื่อพระชายาของเจ้าเถอะ ห้ามไปเจียงเป่ยเด็ดขาด!”
“ทำไมล่ะคะ?” หมันเอ๋อมองนาง แล้วนึกถึงเรื่องที่หยวนชิงหลิงเล่า รีบแก้ต่างโดยพลัน “จริงสิ ท่านอา มีเรื่องหนึ่ง บางทีพระชายาอาจเข้าใจผิด พระชายาบอกว่าท่านเป็นแม่ข้า แล้วท่านก็เป็นสาวหมอผีของเจียงเป่ยด้วย ข้าไม่รู้ว่าทำไมพระชายาถึงเข้าใจผิด ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ท่านอธิบายให้พระชายาหน่อยได้ไหมคะ”
แม่นมฉินมองนาง กลั้นหยดน้ำตาที่จะร่วงริน พูดเสียงค่อย “วางใจเถอะ ข้าจะพูดให้พระชายาเจ้าเข้าใจเอง ว่าข้าไม่ใช่สาวหมอผีอะไรนั่น แล้วเจ้าก็ไม่ใช่ลูกสาวของอ๋องหนานเจียงด้วย”
ดังนั้นคืนก่อนวันเดินทางแม่นมฉินจึงมาจวนอ๋องฉู่ ครั้งนี้ท่าทีนางไม่แข็งกร้าวมาก แต่มาคุกเข่าขอร้องหยวนชิงหลิง พูดด้วยความระทมใจ
“พระชายาก็เป็นแม่คนแล้ว น่าจะรู้ว่าความปลอดภัยของลูกสำคัญที่สุด อย่าให้นางรู้เลยเพคะ ปิดไปทั้งอย่างนี้เถอะ รู้แล้วก็ไม่เป็นผลดีกับนาง มีแต่จะทำให้นางตกอยู่ในทะเลเพลิง ถือว่าหม่อมฉันขอร้องล่ะ”
หยวนชิงหลิงเข้าใจความรู้สึกนี้ ดึงนางขึ้นมานั่งแล้วกล่าว “ข้าใคร่ครวญแล้ว คิดว่าหมันเอ๋อมีสิทธิ์รู้เรื่องนี้ แต่แปลกมาก นางไม่เชื่อเลย แต่นางยังบอกว่ามีคนเจียงเป่ยกำลังเรียกนางอยู่ มันเป็นเพราะอะไร? ท่านรู้ไหม?”
ดวงตาแม่นมฉินตะลึงงัน อยู่นานถึงถอนหายใจ “เดิมหม่อมฉันก็เคยคาดว่าจะเป็นไปได้ แต่ยังไงก็ไม่อยากเชื่อ ไม่แค่นาง แต่หม่อมฉันก็ได้ยินเสียงร้องเรียกจากเจียงเป่ยด้วยเหมือนกันเพคะ”
หยวนชิงหลิงตะลึง “นี่มันเพราะอะไร?”
แม่นมฉินเอ่ย “หม่อมฉันเป็นสาวหมอผีของเจียงเป่ย ดังนั้นหม่อมฉันจึงถูกลงอาคมสาวหมอผีมานานแล้ว และอาคมสาวหมอผีนี้ก็ลงตอนที่อยู่หน้าแท่นเทพเจ้า ไม่ว่าหม่อมฉันจะไปที่ไหน ทำอะไร แค่เรียกหาหม่อมฉันก็จะอยู่ไม่เป็นสุข ทรมานมากเพคะ”
หลังจากถูกลักพาตัวออกหนานเจียงแล้ว หมันเอ๋อน่าจะถูกพากลับเจียงเป่ย หมอผีต้องการให้นางมาแทนที่หม่อมฉัน ก็เลยลงอาคมสาวหมอผีกับนาง แต่เรื่องที่ตอนหลังนางหนีออกมาได้ยังไงนั้น หม่อมฉันไม่รู้เพคะ”
“แต่เมื่อก่อนหมันเอ๋อไม่เป็นอย่างนี้นี่”
แม่นมฉินคิดแล้วจึงเอ่ย “วิชาปลูกชีวีเพคะ”
“ปลูกชีวี?”
แม่นมฉินอธิบาย “ปลูกชีวีเป็นเวทหมอผีอย่างหนึ่งของหนานเจียง สามารถใช้ความทรงจำของอีกคนหนึ่งกลบความทรงจำของนาง ขอเพียงกดทับไวได้ อาคมสาวหมอผีก็จะไม่เป็นผล
แต่วิชาปลูกชีวีต้องให้หนอนพิษเข้าไปอยู่ในร่างกาย เมื่อหนอนพิษอยู่ในร่างกายนานเกินไปก็จะค่อยๆ ตาย แล้วนางก็จะได้ยินเสียงเรียก และจะนึกความทรงจำได้บ้าง หรืออาจปรากฏอยู่ในความฝัน พอหนอนพิษทั้งหมดตายแล้ว ความทรงจำวัยเด็กก็จะกลับคืนมาหมด
ถึงตอนนั้นนางจะขัดขืนการเรียกไม่ได้อีก ต้องกลับไปเจียงเป่ย ไม่เช่นนั้นนางก็จะเหมือนตายทั้งเป็นเพคะ”
“อย่างนั้นเชียวหรือ?” หยวนชิงหลิงนึกถึงครั้งที่หมันเอ๋อกระโดดลงทะเลสาบ คงเพราะได้ยังเสียงเรียกนั่น แต่เวทหมอผีพวกนี้ใช้หลักอะไรมาควบคุมสติของคนกันนะ?
วิชาพิษกู่ใช้แมลงพิษเป็นหลัก ยุคปัจจุบันมีนักวิจัยไวรัสวิทยาคิดว่าวิชาพิษกู่เดิมก็เป็นไวรัสชนิดหนึ่ง เพียงแต่ไวรัสชนิดนี้กลับสามารถควบคุมจิตใต้สำนึก สมองของคนได้ นี่มันไม่ใช่หลักการเดียวกับยาที่นางเคยวิจัยเมื่อก่อนหน้านี้หรือ?
ถ้าเป็นยุคปัจจุบัน หยวนชิงหลิงต้องทุ่มเทค้นคว้าสักยก แต่ตอนนี้นางห่วงแต่หมันเอ๋อ “อาคมสาวหมอผีนี้แก้ได้ไหม?”
“ได้เพคะ!” แม่นมฉินมองนาง ดวงตาเต็มไปด้วยความหวัง “ต้องหาคนตระกูลหลง คนตระกูลหลงแก้ได้เพคะ!”
“คนตระกูลหลง?” คนตระกูลหลงอีกแล้ว หยวนชิงหลิงไม่รู้จริงๆ ว่าตระกูลหลงเป็นใครกันแน่ “ตระกูลหลงที่เจ้าว่านี่ใช่ตระกูลหลงของเป่ยถังไหม?”
“ไม่ใช่เพคะ! ตระกูลหลงแห่งต้าโจว ไทเฮาหลงแห่งต้าโจวก็คือคนของตระกูลหลง ขอแค่หาพระนางพบ ขอแค่พระนางยอมช่วย อาคมสาวหมอผีของหมันเอ๋อก็จะแก้ได้เพคะ”
แม่นมฉินมองนางอย่างเป็นมิตรและจริงใจ “หากท่านเอ็นดูหมันเอ๋อจริง ก็โปรดตามหาไทเฮาหลงด้วยเพคะ ขอให้พระนางช่วยหมันเอ๋อ”
“ไทเฮาหลงหรือ!” หยวนชิงหลิงเข้าใจทันที ไทเฮาท่านนี้มหัศจรรย์มาก ก่อนหน้านี้ก็อยากไปคารวะนางมาตลอด เลื่อมใสมานาน แต่ก็ไม่มีวาสนาได้พบสักที
แถมตอนที่ตั้งท้องเจ้าแฝดสามอยู่ ยังได้ยาของอีกฝ่ายมาถึงระงับอาการทั้งหลายได้ การขอบคุณต่อหน้านั้นก็จำเป็น
และถ้าไทเฮาหลงสามารถช่วยหมันเอ๋อแก้อาคมสาวหมอผีนี้ได้จริง ยิ่งต้องไปสักหน่อย