จิ้งถิงมองดูหยู่เหวินเห้า ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหน้ากัน ก็รู้ว่าเขาเป็นคนที่มีความสามารถคนหนึ่ง เพียงแต่คิดไม่ถึงว่า แม้แต่ทางด้านการมีลูกก็มีความสามารถขนาดนี้ ไม่ธรรมดาจริงๆ
จิ้งถิงมองดูหยวนชิงหลิง ยิ้มหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “จวิ้นจู่ก็คิดถึงพระชายารัชทายาท แต่คิดว่าตอนนี้นางไม่กล้าสู้หน้าพระชายารัชทายาท”
หยวนชิงหลิงอึ้ง พร้อมถามขึ้นว่า “ทำไมถึงไม่กล้าสู้หน้าข้า?”
จิ้งถิงหัวเราะเสียงดัง พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ช้าพระชายารัชทายาทก็จะรู้เอง”
หยวนชิงหลิงสงสัยอย่างมาก จวิ้นจู่เป็นคนอารมณ์ดี ทำอะไรก็เปิดเผยตรงไปตรงมา ทำไมถึงไม่กล้าสู้หน้านาง?
ทุกคนพากันเดินทางต่อ หยู่เหวินเห้าไม่ได้นั่งบนรถม้า แต่ขี่ม้าไปพร้อมกับจิ้งถิงอยู่ทางด้านหน้า
จิ้งถิงบอกกับหยู่เหวินเห้าว่า “เมื่อวาน หงเย่มาถึงเมืองหลวงแล้ว”
หยู่เหวินเห้าแปลกใจอย่างมาก พร้อมพูดขึ้นว่า “เขาก็มาแล้วหรือ? ไม่ใช่สิ ตอนที่ข้าออกมาจากเมืองหลวง เจ้านี่ยังอยู่โรงเตี๊ยมเป่ยถังอยู่เลย”
“เขามาตัวคนเดียว พวกเจ้ามากันทั้งครอบครัว เขาจะต้องมาถึงเร็วกว่าพวกเจ้าอยู่แล้ว คนคนนี้ก่อเรื่องอะไรในเป่ยถังหรือ?”
หยู่เหวินเห้าคิดถึงหงเย่ พร้อมพูดขึ้นอย่างโกรธโมโหว่า “จับตาดูเขาไว้ ภายนอกดูเหมือนสงบ แต่ลับหลังใครจะไปรู้ว่าคิดอะไรอยู่?”
“หงเย่คนนี้ดูลึกซึ้งจนคาดเดาไม่ถูกจริงๆ ดูแล้วเหมือนมีความทะเยอทะยานอย่างมาก แต่เมื่อดูอย่างละเอียดแล้วก็ไม่เหมือน ไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร” จิ้งถิงคอยระมัดระวังคนคนนี้อย่างมาก เหมือนเรื่องใหญ่คับฟ้า เขาก็มักสามารถผ่านไปได้อย่างสบาย
ตอนนั้นตอนที่อยู่แคว้นต้าเยว่ คิดว่าจะสามารถล้มเขาได้ กลับคิดไม่ถึงว่าหลังจากที่เขาพ่ายแพ้ ก็ดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังสามารถพาทหารและม้าไปซ่อนได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็โผล่มาที่หนานเจียงอย่างกะทันหัน ต่อมาก็ถูกแต่งตั้งให้เป็นจวิ้นอ๋องของแคว้นต้าโจว ราวกับว่าโลกทั้งใบเป็นกระดานหมากรุกที่เขาตั้งไว้ มักมีทางออกเสมอ
“เจ้านี่มาทำอะไรที่แคว้นต้าโจวกันแน่? หรือจะมาเพื่อเจ้าหยวน?” หยู่เหวินเห้าพึมพำ
“เพื่อพระชายารัชทายาท? ทำไมถึงพูดเช่นนี้?” จิ้งถิงเอียงมองดูเขา พร้อมถามขึ้น
หยู่เหวินเห้าเล่าเรื่องที่หงเย่รู้สึกต่อหยวนชิงหลิง พูดขึ้นอย่างเศร้าสร้อยว่า “ไม่เคยเห็นใครที่หยิ่งยโสขนาดนี้มาก่อน ต่อหน้าข้าก็กล้าพูดว่าจะแย่งภรรยาของข้า เจ้าว่าหากเขาคิดที่จะแย่งจริง ช่วงนี้ก็ไม่เห็นเขาเคลื่อนไหวอะไร แม้กระทั่งมาทำความดีเอาหน้าก็ไม่มี”
“ดังนั้นเจ้าจึงไว้วางใจหรือ” จิ้งถิงเคยรู้จักหงเย่ ดังนั้นจึงค่อนข้างรู้การกระทำของเขาบ้าง จึงพูดขึ้นว่า “ด้วยอุปนิสัยส่วนตัวของหงเย่ เรื่องทำความดีเพื่อเอาหน้า เขาไม่มีทางทำ การได้มาด้วยวิธีเอาใจ สำหรับเขานั้นถือเป็นวิธีสุดท้าย”
หยู่เหวินเห้าหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไม? นึกว่าไม่เอาใจเจ้าหยวนของข้า แล้วจะได้ไปกอดในอ้อมแขนของเขาอย่างเชื่อฟัง…..” เขาขมวดคิ้ว รู้ว่าตนเองพูดพลาดไป “…..เพย คำพูดนี้ทำไมฟังดูแล้วแปลกๆ? ข้าเพยเพยเพย”
จิ้งถิงพูดขึ้นว่า “ที่จริง เขาพูดว่าจะแย่งพระชายารัชทายาทไป ข้าเห็นว่าไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริง อาจจะเพื่อปิดบังเรื่องอย่างอื่น”
“เจ้าคิดเช่นนี้?”
“อย่างน้อย เขาพูดเช่นนี้ ก็สามารถทำให้เจ้ากระวนกระวาย อย่างน้อยตอนนี้ เจ้าคิดเพียงอย่างเดียวว่า เขาจะทำอะไรกับพระชายารัชทายาท แล้วละเลยอย่างอื่น”
หยู่เหวินเห้าครุ่นคิด ดูเหมือนจะเป็นเช่นนี้จริงๆ แต่ไม่ถูก ตอนนี้เขาก็ตามมายังแคว้นต้าโจวแล้วไม่ใช่หรือ? หากไม่ใช่เพื่อเจ้าหยวน แล้วจะมาเพื่ออะไร? ตอนที่เขาออกมาจากเมืองหลวง เขายังอยู่ที่โรงเตี๊ยมอย่างสบายใจอยู่เลย ตอนนี้กลับมาถึงแคว้นต้าโจวก่อนเขาเสียอีก
เพื่ออะไรหรือ?
“ไม่พูดถึงเขาแล้ว ช่วงนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? เจ้าไปเฝ้ากระบี่มังกร งั้นพี่สะใภ้จิ่นหนิงล่ะ? ก็ไปพร้อมกับเจ้าหรือ?” หยู่เหวินเห้าถามขึ้น
“นางไปเมืองเม่าพร้อมกับข้า แต่งานในเมืองหลวงก็ไม่สามารถปล่อยวางได้ทั้งหมด ยังต้องไปมาทั้งสองด้าน ต่อไปค่อยว่ากัน “เดิมข้าไม่ค่อยเชื่อ แต่ฉินเทียนอ๋องสำเร็จราชการแทนพระองค์ให้ความสำคัญมาก เน้นย้ำหนักหนาว่ากระบี่มังกรจะสูญหายไปไม่ได้ ข้าทำได้เพียงเฝ้าไว้ตามพระราชโองการ”
หยู่เหวินเห้ารู้สึกเสียดาย พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าเป็นแม่ทัพไร้เทียมทาน กลับไปเฝ้าดาบเล่มหนึ่ง ไม่เป็นการใช้คนไม่เหมาะกับงาน หรือ?”
“เสียดายไม่เสียดาย ต่อไปก็รู้เอง” จิ้งถิงเป็นคนสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์และพอใจในสภาพดังกล่าว โดยเฉพาะตอนนี้ประเทศสงบสุข ต่อให้ใช้เขาไปทำนา เขาก็ยินดี
เดินทางมาถึงเมืองหลวง พระอาทิตย์ก็ตกดินแล้ว หน้าประตูเมืองมีเหล่าอ๋องชิน กับเลขานุการเจ้ากรมพิธีการ นำขบวนรอรับทุกคน สองข้างทาง ยังยืนเรียงเต็มไปด้วยประชาชน ล้วนกำลังร้องไชโยต้อนรับ เฉลิมฉลองการแลกเปลี่ยนการเยือนที่เป็นมิตรระหว่างสองประเทศ
แคว้นต้าโจวจัดเตรียมพระที่นั่งไว้ให้กับขบวนองค์ชายรัชทายาท แต่แม่ทัพใหญ่จิ้งถิงกลับพูดขึ้นว่า “ไม่ต้อง ให้พักอยู่ที่จวนแม่ทัพใหญ่”
ดูเป็นการรับรองที่ไม่ค่อยดี แต่องค์ชายรัชทายาทกลับยินดีเป็นอย่างยิ่ง ในเมื่อองค์ชายรัชทายาทชอบพักอยู่ในจวนแม่ทัพใหญ่ ทุกคนก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยินดีต้อนรับพาขบวนใหญ่กลับไป
หยวนชิงหลิงเปิดม่าน ยื่นมือทักทายประชาชนสองข้างทาง กลุ่มประชาชนตะโกนร้องเสียงดัง เสียงตะโกนดังวุ่นวาย ฟังดูแล้วก็ไม่เหมือนเป็นความจริง แต่ความกระตือรือร้นกับความตื่นเต้นนั้น เหมือนกับเกินกว่าที่จะเป็นการต้อนรับพระชายารัชทายาทของประเทศมิตรภาพ
อะซี่ฟังอยู่สักพัก แล้วพูดขึ้นว่า “พี่หยวน ทำไมข้าถึงได้ยินพวกเขาตะโกนพูดว่าชอบห้าหยวน?”
“ห้าหยวน? ไม่ได้พูดว่าดินแดนอันอุดมสมบูรณ์หรือ?” หยวนชิงหลิงนิ่งไปสักพัก ฟังดูดีๆแล้ว เป็นคำว่าชอบห้าหยวนจริงๆ
อะซี่มองดูใบหน้าที่เร่าร้อนภายนอก พร้อมพูดขึ้นอย่างสงสัยว่า “ห้าหยวนหมายถึง เจ้ากับองค์ชายรัชทายาทหรือ? ยังมี พี่หยวนท่านดูสิ ในมือของพวกแม่นางพวกนั้นถือพัดใบกลมไว้ รูปภาพที่วาดติดไว้คือ ภาพที่แกะสลักไว้บนหวีที่องค์ชายรัชทายาทมอบให้เจ้าไม่ใช่หรือ? เฮ้ย? ทำไมยังมีอักษรห้าหยวนด้วยล่ะ?”
แคว้นต้าโจวกับเป่ยถังมีวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงกัน เมื่อหลายร้อยปีก่อน ทั้งสองประเทศเป็นเพียงสองแห่งของจักรพรรดิฉิน ดังนั้นภาษาอักษรจึงมีความเชื่อมโยงกัน
หยวนชิงหลิงมองดูดีดีแล้วก็เห็นเป็นความจริง จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “นี่เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
“หวีห้าหยวน เป่ยถังเราก็มี แต่ไม่มีพัดใบกลมห้าหยวน ยังมี ท่านรีบดู บนผ้าเช็ดหน้านั่นก็ดูเหมือนมีเหมือนกัน” อะซี่รีบพูดขึ้น
หยวนชิงหลิงหยิบหวีออกมา เทียบกับภาพบนพัดใบกลมไกลๆ เหมือนกันมากจริงๆ จึงพูดขึ้นว่า “หวีของข้านี้ ใครเคยเอาออกไปหรือ? คนภายนอกก็ไม่มีใครเคยเห็นนี่ เป็นเรื่องบังเอิญหรือ?”
“ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ” อะซี่เอามือปิดปากพร้อมหัวเราะพูดขึ้นว่า “หวีห้าหยวนที่องค์ชายรัชทายาทมอบให้เจ้า มีความหมายแฝงว่าสามีภรรยาปรองดองตราบชั่วนิรันดร์ ในเมืองหลวงเป่ยถังต่างพูดร่ำลือกันไปทั่ว พ่อค้าจึงจ้างบ่าวใช้ในจวน หลังจากแอบดูหวีของเจ้าแล้ว ก็ทำการคัดลอกออกไป เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าแคว้นต้าโจวก็มี แม้แต่ผ้าเช็ดหน้าก็มี”
หยวนชิงหลิงไม่รู้จะร้องหรือหัวเราะดี
รถม้ามาถึงจวนแม่ทัพใหญ่ มีการรอต้อนรับอยู่หน้าประตูอย่างอลังการ จิ่นหนิงจวิ้นจู่พาคนในจวนรอต้อนรับอยู่หน้าประตูจวน
“พระชายารัชทายาท ไม่เจอกันตั้งนาน เจ้ายังคงดูดีสง่างาม” จิ่นหนิงจวิ้นจู่เดินมาจับมือหยวนชิงหลิงไว้ พร้อมพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น
หยวนชิงหลิงก็ดีใจมาก พร้อมพูดขึ้นว่า “จวิ้นจู่ เจ้ายังองอาจไม่เปลี่ยนแปลง ดูดียิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ”
“โถวเอ๋อ มาทำความเคารพองค์ชายรัชทายาทกับพระชายารัชทายาท” จิ่นหนิงพูดกับลูกชายที่อยู่ด้านข้าง
หัวกลมๆโตๆ นัยน์ตาสีเข้มเป็นประกายด้วยความอยากรู้ อายุน้อยนิด หน้าผากกว้าง คางหนาและโค้งมน น่ารักอย่างที่สุด เดินหน้ามาแล้วก็คุกเข่าลง พร้อมพูดขึ้นอย่างเสียงดังฟังชัดว่า “ต้าโถวคาราวะพ่อตาแม่ยาย”
เมื่อพูดประโยคนี้ออกมา หยวนชิงหลิงกับหยู่เหวินเห้าต่างก็อึ้ง จิ่นหนิงจวิ้นจู่ฟาดตีพร้อมพูดขึ้นว่า “พ่อตาแม่ยายอะไร?”
ต้าโถวถูกตี กลับยังคงพูดขึ้นอย่างเสียงดังฟังชัด ด้วยน้ำเสียงน่าสงสารว่า “ท่านแม่ เจ้าเป็นคนพูดเองว่าต่อไปภรรยาของข้าก็คือลูกสาวของพวกเขา แล้วจะไม่ควรเรียกว่าพ่อตาแม่ยายหรือ?”
แล้วเขาก็ยื่นมองดู พร้อมพูดขึ้นว่า “ภรรยาของข้ามาหรือยัง?”
เมื่อทุกคนได้ยินแล้ว ต่างก็หัวเราะเสียงดังลั่น