หยวนชิงหลิงเห็นด้วยอย่างยิ่ง มองดูเจ้าห้า ตื่นเต้นมากที่จะได้กลับไป ช่วยเจ้าห้าเอาของขวัญแบกไว้บนหลังแล้วก็ออกเดินทาง
สายเชือกเตาปาฉายแสงสลัวๆ มีพลังบางอย่างเริ่มแทรกซึมอย่างช้าๆ บังคับให้พวกเข้าก้าวไปข้างหน้า ทันใดนั้น ตรงหน้ามืดมิด ร่างกายลอบขึ้น หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นมาอย่างตกใจว่า “เจ้าหยวน เจ้าอยู่ไหม?”
“ข้าอยู่” เสียงของหยวนชิงหลิงก็ค่อนข้างตื่นตระหนก ตรงหน้ามองอะไรไม่เห็นเลย หวือหวา แสงจ้าสาดเข้ามา จนไม่สามารถลืมตา แสงผ่านเข้าไปในม่านตาได้ เข้าไปในดวงตาที่ปิดสนิทได้ หลังจากผ่านแสงจ้าแล้ว ก็เห็นเป็นภาพที่มีสีสัน หยู่เหวินเห้ามั่นคงมาได้แล้ว รู้สึกแปลกประหลาดอย่างมาก จึงพูดขึ้นว่า “โอ้สวรรค์ ไม่ลืมตาก็สามารถมองเห็นสี นี่พวกเราบินอยู่หรือ? ทำไมถึงทำเช่นนี้ได้? ไทเฮาหลงเป็นเทวดาหรือ?”
“นางใช้จิตควบคุมส่งพวกเราข้ามผ่านกาลเวลา” หัวใจหยวนชิงหลิงเต้นรุนแรง แทบจะเต้นมาถึงคอมาถึงตา ร่างกายก็สันเทาอยู่เล็กน้อย
“ข้ารู้ อันนี้ข้ารู้ พวกเด็กๆเราก็ทำเป็น ซาลาเปา เจ้าก็ทำเช่นนี้ได้ใช่ไหม?” น้ำเสียงของหยู่เหวินเห้าแฝงไปด้วยความตื่นเต้น
ซาลาเปาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเกียจคร้านว่า “ท่านพ่อ อย่ากระต่ายตื่นตูมขนาดนั้นได้ไหม? เหมือนไม่ได้เห็นโลกภายนอกมาก่อน นี่นับว่าอะไร? ยิ่งกว่านี้ก็ยังมี”
หยู่เหวินเห้านิ่งเงียบ ความตื่นเต้นดีใจถูกซาลาเปาราดด้วยน้ำเย็น คนอื่นต่างพูดว่าคนเป็นพ่อรอเมื่อลูกโตแล้ว ก็จะค่อยๆถูกลูกล้ำหน้า อวดบารมีความเป็นพ่อไม่ได้อีกแล้ว
ลูกของเขายังไม่โตเลย ก็รังเกียจเห็นพ่อของตนเองไม่มีความรู้แล้ว บารมีความเป็นพ่อของเขา ได้ใช้แค่ไม่กี่ปี
หยวนชิงหลิงฟังสองพ่อลูกคุยกัน ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะอยู่ในใจ เจ้าห้าเอ้ย
แสงค่อยๆหายไป ข้างหูได้ยินเสียงของไทเฮาหลงพูดขึ้นว่า “ใกล้ถึงแล้ว หลังจากลงถึงพื้นแล้วค่อยลืมตา”
หยู่เหวินเห้าตื่นตระหนกตกใจอย่างที่สุด พร้อมพูดขึ้นว่า “สามารถได้ยินเสียงของไทเฮาด้วย”
“แน่นอนอยู่แล้ว นี่เป็นจิตของนาง ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของนาง จะไม่ได้ยินเสียงได้อย่างไร?” ซาลาเปาพูดขึ้นอีกครั้ง
ออกมาจากห้วงกาลเวลาแล้ว เท้ารู้สึกสบายขึ้นมาในทันใด หยู่เหวินเห้ารีบลืมตาขึ้น สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าเป็นป่าไม้ ไม่มีคน
“เจ้าหยวน บ้านเกิดของเจ้า เปลี่ยวขนาดนี้เลยหรือ? แม้แต่บ้านก็ไม่มี” หลังจากหยู่เหวินเห้ายื่นแฝดสองให้หยวนชิงหลิง แล้วก็แกะเชือกให้กับทุกคน สายเชือกเตาปาก็หายลับไป
หยวนชิงหลิงสูดหายใจเข้าลึกๆ มองดูรอบๆ น้ำตาค่อยๆเอ่อล้น ที่นี่เป็นป่าชายเลนที่ห่างจากบ้านไม่ไกล เมื่อก่อนพวกนางทั้งครอบครัวเคยมาปิกนิกที่นี่
เดินตรงไปประมาณไม่กี่ร้อยเมตร ก็จะเป็นถนน ด้านข้างมีร้านค้าเรียงราย สามารถยืมโทรศัพท์โทรให้พี่ชายมารับ
นางพูดขึ้นว่า “พวกเราเดินไปข้างหน้า พวกเด็กๆ ดูแลพ่อของเจ้าให้ดี”
“ข้ายังต้องดูแลหรือ?” หยู่เหวินเห้าหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ไปเถอะ”
เขารับแฝดสองมาอุ้มต่อ ด้านหลังแบกของขวัญที่เตรียมจะมอบให้กับครอบครัวภรรยา เดินตามหยวนชิงหลิงไปข้างหน้า พร้อมพูดขึ้นว่า “ถนนนี้สร้างได้อย่างเรียบจริงๆ นี่ใช้อะไรทำหรือ? สีดำๆ”
เดินไปข้างหน้าอีกนิด ก็มองเห็นตึกสูง หยู่เหวินเห้ามองดูพร้อมพูดขึ้นว่า “อะไร? ทำไมถึงมีหอคอยไปทั่ว? สูงมาก ทำไมถึงได้สร้างหอคอยสูงเยอะขนาดนั้น?”
สักพักก็เห็นบนท้องถนน มีรถจราจรไปมา
“พวกนั้นเป็นรถม้าอะไร? วิ่งได้เร็วมากขนาดนั้น ใช้อะไรลากรถหรือ?”
หยวนชิงหลิงไม่มีเวลาสนใจคำพูดของเขา ค่อยๆมองเห็นคนแล้ว ดีที่เป็นฤดูหนาว คนที่นี่นุ่งห่มไม่น้อยชิ้น ไม่เช่นนั้นจะต้องได้ยินเขาบ่นตายแน่
มีคนมองดูพวกเขา เพราะสวมเสื้อผ้าแปลก มีคนแอบยกมือถือขึ้นมา หยวนชิงหลิงยิ้มพร้อมพูดว่า “ไม่ต้องถ่าย ไม่ต้องถ่าย พวกเราเพิ่งถ่ายละครเสร็จกลับมา”
“ถ่ายละครเรื่องอะไรหรือ? แฝดสามหรือ? สวยมากเลย”
“นักแสดงชายคนนี้เป็นใครหรือ? หล่อมากเลย โอ้พระเจ้า หุ่นดีรูปงามมา”
“นี่ถ่ายละครแนวโบราณหรือ? สามารถบอกได้ไหมว่ากำลังถ่ายเรื่องอะไรอยู่?”
หยู่เหวินเห้ารู้ว่าในมือของพวกเขาถืออะไรไว้ เรียกว่ามือถือ สามารถบันทึกคนเข้าไปได้ ในใจของเขาค่อนข้างตื่นตระหนกตกใจ ดีที่ซาลาเปาดูแลอย่างดี ใช้ยิ้มเป็นคำตอบ แล้วก็ดึงแขนเสื้อของเขาเดินไปข้างหน้า
เดิมหยวนชิงหลิงอยากหาร้านสะดวกซื้อเพื่อโทรศัพท์ แต่มีคนมากมายใช้มือถือถ่ายรูปพวกเขา จึงหยุดแล้วถามหนุ่มหล่อคนหนึ่งว่า “คนหล่อ สามารถยืมมือถือให้ข้าโทรศัพท์ได้ไหม? พวกเราเพิ่งถ่ายละครลงมาจากบนเขา ไม่ได้เอามือถือมาด้วย รถก็เสีย พวกเราจะโทรหาบริษัทให้มารับ”
“ได้ ได้” หนุ่มหล่อคนนั้นมองดูหยวนชิงหลิงอย่างนิ่งอึ้ง
หยู่เหวินเห้าเห็นเขาจ้องมองดูเจ้าหยวน คิ้วหนาขมวดขึ้นมา กำลังจะดุคนอื่น ซาลาเปาดึงเขาไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “ที่นี่เป็นแบบนี้ เวลาคุยกันต้องมองอีกฝ่าย ถือเป็นมารยาท”
“ใช่หรือ? หยู่เหวินเห้ามองดูผู้ชายคนนั้นอย่างสงสัย
หยวนชิงหลิงโทรหาพี่ชาย เบอร์โทรของคนที่บ้าน ฝังอยู่ในใจไม่เคยได้โทรออกมานานมากแล้ว วินาทีที่โทรออก ในใจของนางเต้นสั่นไหว
“ฮัลโหล?” มีคนรับสายแล้ว ได้ยินเสียงของพี่ชาย ดวงตาหยวนชิงหลิงแดงขึ้นมาทันที สะอึกสะอื้น พูดอะไรไม่ออก
“ใครครับ?” ปลายสายค่อนข้างหงุดหงิดแล้ว อาจจะคิดว่าเป็นพนักงานโทรมาขายของ กำลังจะกดวางสาย กลับได้ยินเสียงที่อ่อนโยนพูดขึ้นว่า “พี่ชาย”
ทางนั้นเงียบไปสักพัก ค่อยได้ยินเสียงที่แฝงไปด้วยความสะอึกสะอื้นว่า “ใคร? ใครกำลังล้อเล่น?”
“พี่ชาย น้องเอง น้องกลับมาแล้ว น้องอยู่ที่ป่าชายเลน พี่มารับน้องด้วย” หยวนชิงหลิงพูดจนจบอย่างรวดเร็ว มีคนมองอยู่มากมายขนาดนี้ กลัวจะร้องไห้ออกมา
“รอพี่นะ” โทรศัพท์ถูกตัดวางสายแล้ว
ทางด้านพี่ชายหยวนหลังจากวางสายแล้ว ก็รีบหยิบกุญแจรถแล้วออกไป ลางานกับหัวหน้า มาถึงที่จอดรถแล้วเปิดวีแชท หากลุ่มครอบครัวรักใคร่ซึ่งกันและกัน แล้วก็ส่งข้อความไปว่า “พ่อแม่ รีบกลับบ้าน น้องสาวกลับมาแล้ว ผมกำลังจะไปรับ”
เขาขึ้นรถ มือที่จับพวงมาลัยอยู่นั้นสั่นเทา ขับออกมาจากที่จอดรถ น้ำตาไหลลงจนตาพล่ามัว มือของเขาจับพวงมาลัยไว้ แล้วก็คิดถึงเมื่อสี่ปีก่อน เขาก็กำลังทำงานอยู่ในโรงพยาบาล ได้รับโทรศัพท์จากสถาบันวิจัยของน้องสาว บอกว่าเกิดเรื่องกับน้องสาวจนเสียชีวิตแล้ว แล้วเขาก็รีบไปลางานอย่างเร่งร้อนเช่นนี้ จากนั้นก็ขับรถพร้อมทั้งร้องไห้กลับไป
ตอนนั้น เป็นความเจ็บปวดลึกไปจนถึงขั้วหัวใจ
กลุ่มครอบครัวรักใคร่ซึ่งกันและกันระเบิดแล้ว ทั้งข้อความเสียงทางวิดีโอคอลต่างโทรเข้ามา เขาพูดพร้อมทั้งน้ำตาว่า “น้องสาวโทรศัพท์หาผม บอกว่าตอนนี้อยู่ที่ป่าชายเลน พวกท่านรีบกลับบ้าน ผมจะไปรับน้องสาวกลับบ้าน”
ทางด้านแม่ร้องไห้จนพูดไม่ออก
เมื่อวางสายแล้ว พี่ชายหยวนขับรถตรงไปยังป่าชายเลน อดทนไว้ที่จะไม่ขับฝ่าไฟแดง แต่ใจนั้นบินลอยไปแต่แรกแล้ว
ระยะทางรถวิ่งครึ่งชั่วโมง เขามาถึงโดยใช้เวลาสิบแปดนาที รถเลี้ยวเข้าถนนในป่าชายเลน หาที่จอดรถแล้วก็จอดรถ จากนั้นก็มุ่งหน้าวิ่งไปตามถนนป่าชายเลน
เครื่องแต่งกายโบราณที่เด่นชัดมาก สามีภรรยาคู่หนึ่งกับลูกสามคน ในมืออุ้มไว้สองคน นั่งรออยู่บนม้านั่งบนถนนชายเลน
เขาค่อยๆเดินไป น้ำตาร่วงไหล เห็นผู้หญิงคนนั้นจับชายกระโปรงแล้วก็วิ่งร้องไห้มา ในใจของเขาเจ็บปวด อ้าแขนทั้งคู่ แล้วก็กอดนางไว้แน่น กลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้อีกต่อไป
“พี่ชาย น้องกลับมาแล้ว” หยวนชิงหลิงเจ็บปวดใจ ไม่สนใจว่าจะมีคนอยู่ด้วยเยอะ ร้องไห้ออกมาอย่างเต็มที่