“ตอนที่ 390 ให้ไม่ได้ เปรี้ยง!! ดาบของจักรพรรดิอาณาจักรอีมอร์ฟันใส่เกราะแมงมุมของไป๋จูเหวินเข้าอย่างจัง แต่ภาพตรงหน้ากลับทำให้จักรพรรดิอีมอร์งุนงงเป็นอย่างมาก อีกฝ่ายพลังต่ำกว่าตนหลายขั้นสมควรโดนฟันทีเดียวตายเสียด้วยซ้ำ แต่นอกจากรอยขีดข่วนที่แทบจะหายทันทีแล้วก็ไม่เกิดบาดแผลอะไรอีก ตูม!! ฝ่ามือเพลิงพิโรธของไป๋จูเหวินสวนกลับมาอย่างหนักหน่วงดูแล้วน่าตกตะลึงไม่ต่างจากพลังป้องกันเลย ไป๋จูเหวินนั้นมีเกราะที่แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าหยงเวยมีกระบวนท่าที่รุนแรงแทบไม่ต่างจากอสูรปักเป้า รวมทั้งมีความเร็วที่เป็นรองเพียงอู๋หมิงเท่านั้น แม้ระดับพลังจะไม่สูงเท่าคนอื่นๆแต่ความสามารถโดยรวมแล้วเหนือกว่าทีเดียว “องค์จักรพรรดิ”ทหารคนหนึ่งพูดขณะมองสภาพสงครามโดยรวม “อะไร”จักรพรรดิอีมอร์ถามพลางถอยออกมาดูเชิงไป๋จูเหวินก่อน “แบบนี้กองทัพเราจะแพ้นะขอรับ พวกเรารีบถอยแล้วรอโอกาสหน้าเถอะขอรับ”ทหารคนนั้นเสนอพลางรับการโจมตีของอสูรที่บุกเข้ามาถึงตัว จริงๆแล้วสงครามนี้จบลงตั้งแต่อสูรกิ้งก่ารอดกลับมารายงานได้แล้ว ไป๋จูเหวินจึงส่งอู๋หมิงไปจัดการขุนพลที่ใช้เรเปียร์และบุกทะลวงไปด้านหลังเพื่อเปิดทางให้กองทัพของขุนพลกิ้งก่า ให้หยงเวยเข้าปะทะกับแม่ทัพขวาที่มีระดับใกล้เคียงกัน เรียกได้ว่าไป๋จูเหวินใช้ข้อมูลที่ได้มาจากอสูรกิ้งก่าเพื่อส่งคนไปจัดการคนที่สามารถจัดการได้นั่นเอง หากส่งหยงเวยไปจัดการขุนพลที่ใช้เรเปียร์ก็คงเสียเวลามากและเสียกำลังหลักอย่างหยงเวยไป และการส่งนางพญาผีเสื้อไปสู้ตัวต่อตัวก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก นางมีทักษะในด้านการโจมตีวงกว้างเป็นส่วนใหญ่ ไม่อย่างนั้นคงรับมือกับท่านน้าราชสีห์ไม่ได้ลำบากขนาดนั้นหรอก “สู้ต่อไป”จักรพรรดิอีมอร์สั่งพลางกำด้ามดาบแน่น มันปล่อยพลังวิญญาณออกมาจนรอบข้างสั่นสะเทือน แต่ถึงอย่างนั้นไป๋จูเหวินก็ไม่ได้หวาดกลัวแต่อย่างไร เปรี้ยง!!! ฝ่ามืออัสนีข้ามฟ้าส่งตัวไป๋จูเหวินเข้าไปโจมตีใส่จักรพรรดิอีมอร์ในพริบตา ก่อนที่ไป๋จูเหวินจะส่งพลังของฝ่ามือเพลิงพิโรธต่อทันที ตูม!!! ยังไม่ทันได้ปล่อยฝ่ามือเพลิงพิโรธ อีกฝ่ายก็ง้างดาบปล่อยคลื่นดาบออกมาใส่ไป๋จูเหวินเสียก่อน แต่ไป๋จูเหวินก็หลบฉากออกมาได้ก่อนจะกระแทกฝ่ามือเพลิงพิโรธใส่ท้องของจักรพรรดิอีมอร์ในทันที ตูม!! ฝ่ามือของไป๋จูเหวินผลักร่างของจักรพรรดิอีมอร์ออกไปได้หลายก้าว แต่ถึงอย่างนั้นก็สร้างความเสียหายให้จักรพรรดิอีมอร์ได้ไม่มาก “ไม่เห็นจะรู้สึกเลย”จักรพรรดิอีมอร์ว่าพลางมองร่างของตนเอง เพราะพลังห่างกันเกินไปทำให้ฝ่ามือเพลิงพิโรธทำร้ายร่างกายของจักรพรรดิอีมอร์ได้ไม่มากนัก เพียงแต่ไป๋จูเหวินไม่คิดว่าคนระดับนี้จะมาแพ้เพราะฝ่ามือเพลิงพิโรธอยู่แล้ว “องค์จักรพรรดิ”ขุนพลคนหนึ่งเห็นจักรพรรดิของตนกำลังต่อสู้อยู่ก็พุ่งเข้ามาช่วยทันทีเพียงแต่ตรงนั้นไม่ได้มีแค่ไป๋จูเหวินเท่านั้น เปรี้ยง!! กระบี่ของเหม่ยหลินพุ่งเข้ามาชนโล่ของชายคนนั้นอย่างจังจนชายคนนั้นถอยกรูดออกไป “ยัยผู้หญิงนี่”ชายที่ถือโล่และดาบใหญ่พูดพลางพยายามฝืนแรงของเหม่ยหลินเอาไว้ไม่ยอมถอยไปไกลนัก วูบ!!..ดาบใหญ่ในมือของชายคนนั้นพุ่งวาบเข้าใส่เหม่ยหลินทันทีที่ตั้งตัวได้ แต่เหม่ยหลินเคยชินกับปฏิกิริยาของไป๋จูเหวินที่เร็วกว่านี้มากดี อย่าว่าแต่อู๋หมิงเองยังโจมตีได้ไวกว่านี้เป็นพันๆเท่านางไม่มีวันโดนการโจมตีแค่นี้เล่นงานแน่ๆ เปรี้ยง!! ฝ่ามือของเหม่ยหลินกระแทกเข้าที่กลางอกของชายคนนั้นเข้าอย่างจัง แต่อีกฝ่ายกลับรู้สึกเบาโหวงราวกับไม่โดนอะไรเลย “อะไรกัน ก็แค่แรงของผู้หญิง”ชายคนนั้นว่าพลางกระชับโล่ในมือซ้ายให้แน่น เพียงแต่.. เคร๊ง! อยู่ๆโล่ของชายคนนั้นก็ตกลงพื้นเสียอย่างนั้นราวกับตัวมันไม่มีแรงจะถือโล่อยู่เลย เปรี้ยง!! เปรี้ยง!! เปรี้ยง!! เพลงกระบี่ราชวงศ์ชินกับฝ่ามือปักษาโรมรันของเหม่ยหลินตรงเข้าเล่นงานอีกอีกฝ่ายทันที กระบี่และฝ่ามือของเหม่ยหลินเมื่อเทียบกับของบุตรสาวแล้วอาจจะไม่รุนแรงและดุดันเท่า แต่ความสอดคล้องและความต่อเนื่องของกระบวนท่านั้นเหม่ยหลินยังเหนือกว่ามาก และอีกอย่างคือเหม่ยหลินอยู่ระดับบรรพกาลอยู่แล้ว กำลังของนางจึงเหนือกว่าไป๋หลินมาก ต่อให้กระบวนท่าไม่ใช่กระบวนท่าเน้นกำลังก็สร้างความเสียหายรุนแรงให้อีกฝ่ายอย่างมาก “…….”ชายที่โดนเหม่ยหลินเล่นงานล้มลงนอนกับพื้นเพียงอึดใจเดียวเท่านั้น ระดับขุนพลธรรมดาไม่ได้สร้างความลำบากให้เหม่ยหลินเลยแม้แต่น้อย แต่เดิมเหม่ยหลินรับหน้าที่ช่วยเหลือไป๋จูเหวินบุกทะลวงเข้าไปหาองคตักรพรรดิอีมอร์ แต่อีกฝ่ายออกมาหาเองแถมยังดูท่าตัวนางจะไม่ต้องช่วยสามีสู้อีกต่างหาก “องค์จักรพรรดิ ไม่ไหวแล้วขอรับ พวกเราต้องถอยแล้ว”ทหารฝั่งอีมอร์รายงาน เพียงสงครามครั้งนี้ครั้งเดียวก็เสียขุนพลไปเป็นจำนวนมาก ความได้เปรียบด้านกำลังฝีมือที่มีมาแต่แรกยามนี้หมดสิ้นแล้ว ต่อให้องค์จักรพรรดิอีมอร์สามารถล้มไป๋จูเหวินลงตรงนี้ได้ก็ไร้ความหมาย เพราะอีกไม่นานยอดฝีมือของฝั่งไป๋จูเหวินก็จะมารุมจักรพรรดิอีมอร์จนแพ้อยู่ดี “ข้าบอกให้สู้ต่อ”จักรพรรดิอีมอร์ว่าพลางจ้องมองกองทัพของไป๋จูเหวินด้วยท่าทีเดือดดาน ฝ่ายไป่จูเหวินเองก็เสียอสูรและทหารระดับยอดฝีมือไปเป็นจำนวนมาก แต่ถึงอย่างนั้นเหล่าอสูรบรรพกาลและยอดฝีมือระดับเจ้าสวรรค์แต่ละคนไม่มีใครพลาดท่าเลย ทำให้ฝั่งไป๋จูเหวินสามารถตีกองทัพของอีมอร์จนถอยไปได้ ที่สถาณการณ์เป็นเช่นนี้ไม่ได้เกินความคาดหมายของไป๋จูเหวินนัก หลังจากได้ทราบว่าพวกขุนพลของอีมอร์นั้นใช้เลือดของอสูรตนหนึ่งเพื่อเพิ่มพลังของพวกตน ระดับวิชาของจักรพรรดิอีมอร์นั้นอยู่ระดับใกล้เคียงวิชาดาบของหยุนฟางเท่านั้น หากเปลี่ยนไป๋จูเหวินเป็นอู๋หมิงละก็มันคงสามารถรับมือวิชาดาบนี้ได้อย่างง่ายดายแน่ๆแถมการสั่งการและการรบก็ไม่ได้รัดกุมนัก ทั้งๆที่ฝ่ายตนเองโดนล้วงข้อมูลไปแล้วแท้ๆ แต่กลับยังบุกมาโดยไม่สนใจว่าข้อมูลอะไรของตนเองรั่วไหลออกมาเลย ทำให้ไป๋จูเหวินสามารถจับคู่คนของตนกับฝั่งอีมอร์ได้อย่างราบรื่น “ไม่ไหวแล้วขอรับ พวกมันโถมเข้ามาแล้ว”ทหารอีกคนหนึ่งพูดพลางหันหลังเตรียมจะก้าวหนี “อย่าหนี หากใครสามารถจัดการขุนพลของอีกฝ่ายได้ ข้าจะมอบเลือดของซาราให้ผู้นั้น”ได้ยินเช่นนั้น เหล่าทหารก็ชะงักเท้าไปทันที มีบ้างทีถึงกับกัดฟันหันดาบมาทางกองทัพของไป๋จูเหวินอย่างไม่คิดชีวิตเลยทีเดียว “ซารา…หมายถึงเจ้านี่สินะ”ขุนพลกิ้งก่าพูดพลางเผยร่างตนเองออกมาให้จักรพรรดิอีมอร์เห็น “…..นั่นมัน”จักรพรรดิอีมอร์เบิกตากว้างด้วยความตกใจพลางชี้มาทางอสูรที่ขุนพลกิ้งก่าอุ้มเอาไว้ในอก “เอาคืนมา”จักรพรรดิอีมอร์คำรามพลางควงดาบเข้ามาใส่ขุนพลกิ้งก่า เปรี้ยง!! ก่อนจะเข้าไปถึงตัวขุนพลกิ้งก่าร่างของมันก็โดนฝ่ามือเพลิงพิโรธของไป๋จูเหวินหยุดเอาไว้ก่อน “น่าเสียดายนะที่องค์จักรพรรดิของพวกเจ้าไม่สามารถมอบเลือดของซาราให้พวกเจ้าได้อีกแล้ว”พอได้ยินไป๋จูเหวินพูดเช่นนั้นพร้อมกับได้เห็นซาราที่อยู่ในมือของอสูรกิ้งก่า เหล่าทหารที่กัดฟันสู้จนถึงเมื่อครู่ก็หันหลังหนีทันที ตูม!!! กระสุนวายุของอสูรปักเป้ากระแทกร่างของขุนพลซ้ายตกลงมานอนสิ้นใจกับพื้นห่างออกไปจากจุดที่ไป๋จูเหวินและจักรพรดิอีมอร์สู้กันอยู่ไม่ไกลนัก แถมอสูรปักเป้ายังทำท่าจะพองตัวขึ้นเพื่อยิงกระสุนวายุนัดต่อไปแล้วอีกต่างหาก ทำให้เหล่าทหารที่เห็นการโจมตีของอสูรปักเป้าตั้งแต่ครั้งแรกหนีกันเอาเป็นเอาตายมากกว่าเดิม “มันจบแล้วจักรพรรดิอีมอร์”ไป๋จูเหวินว่าพลางเดินเข้าไปหาจักรพรรดิอีมอร์ด้วยท่าทีนิ่งเฉย การต่อสู้ของไป๋จูเหวินและจักรพรรดิอีมอร์ไม่จำเป็นต้องตัดสินอีกต่อไปแล้วเพราะผลการรบได้สรุปผลออกมาแล้วนั่นเอง “ไม่ ถึงจะเหลือเพียงข้าคนเดียว ข้าก็จะต้องยึดทุกอย่างมาให้ได้”จักรพรรดิอีมอร์คำรามก่อนจะโจมตีเข้ามาใส่ไป๋จูเหวินในทันที เปรี้ยง!! ไป๋จูเหวินปล่อยพลังลมปราณมังกรออกมาก่อนจะใช้ฝ่ามือเพลิงผลาญคร้อยสำนึกโจมตีสวนกลับไปจนคลื่นดาบของจักรพรรดิอีมอร์สลายหายไปในพริบตา เปรี้ยง!! ไป๋จูเหวินใช้ฝ่ามืออัสนีข้ามฟ้าข้าไปด้านหลัง ก่อนจะง้างฝ่ามือทั้งสองข้างกระแทกเข้าปี่ศีรษะของจักรพรรดิอีมอร์ด้วยท่าอัสนีคู่ดับฟ้าทำให้การมองเห็นของจักรพรรดิอีมอร์เลือนรางไปทันที พริบตานั้นไป๋จูเหวินก็ใช้ฝ่าปักษาสะบัดปีก ต่อด้วยปักษาโรมรันอีกหลายสิบฝ่ามือจนร่างของจักรพรรดิอีมอร์แทบจะยืนอยู่ไม่ไหว ตูม!! ดาบของจักรพรรดิอีมอร์ปล่อยคลื่นดาบออกมาหมายจะโจมตีไป๋จูเหวิน มองๆแล้วเหมือนตอนอสูรกิ้งก่าพยายามจะโจมตีตนเองให้ได้สักครั้งก่อนหน้านี้ไม่มีผิด “บัดซบ”จักรพรรดิอีมอร์มองคลื่นดาบของตนที่ฟันใส่ร่างของไป๋จูเหวินเข้าอย่างจังแต่กลับไร้ผล เมื่อพลังลมปราณมังกรถูกใช้ออกมาแล้วร่างกายของไป๋จูเหวินก็แข็งแกร่งขึ้นจนการโจมตีของจักรพรรดิอีมอร์ไม่สามารโจมตีเข้าอีกแล้ว “ตาย ตายซะ”จักรพรรดิอีมอร์ว่าพลางฟันดาบใส่ไป๋จูเหวินไปอีกหลายครั้ง แต่ไม่ว่าจะออกแรงฟันอีกกี่ครั้งก็ยังไม่สามารถเจาะเกราะของไป๋จูเหวินได้แม้แต่น้อย “ถือเป็นการคารวะก็แล้วกันนะ”ไป๋จูเหวินพูดพลางมองจักรพรรดิอีมอร์ที่กำลังพยายามโจมตีตนเองอย่างไร้ความหมาย ที่มันปล่อยให้อีกฝ่ายโจมตีแบบนี้ก็เพราะมันต้องการรวบรวมพลังนั่นเอง ตูม!! ฝ่ามือเพลิงพิฆาตที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียวของไป๋จูเหวินตรงเข้าใส่จักรพรรดิอีมอร์อย่างรุนแรงพร้อมกวาดเอาพื้นสนามรบบริเวณนั้นหายไปทั้งแถบ รวมทั้งพวกทหารที่ยังหนีไม่ทันจำนวนหนึ่งด้วย ตูม!!! ไป๋จูเหวินปล่อยฝ่ามือไปไม่ถึงสามวินาที อสูรปักเป้าก็ยิงกระสุนวายุตามลงมากวาดเอาเหล่าทหารที่กำลังหนีหายไปอีกกองใหญ่ ทำเอาตอนนี้แทบไม่เหลือทหารของฝั่งอีมอร์อีกแล้ว “หวา นึกถึงยัยนั่นขึ้นมาเลย”นางพญาผีเสื้อมองไป๋จูเหวินแล้วทำหน้าแหยๆออกมา ความรู้สึกโจมตีไปเท่าไหร่ก็ไร้ผล แต่พอโดนโจมตีกลับดันทำเอาตัวเองเกือบตายนี่เหมือนตอนนางสู้กับอสูรแมงมุมไม่มีผิด “ท่านพี่”เหม่ยหลินเห็นไป๋จูเหวินใช้ท่าฝ่ามือเพลิงพิฆาตออกไปก็เข้ามาหาทันที เพราะนางทราบดีว่าท่านั้นใช้พลังของไป๋จูเหวินไปมากแค่ไหน “ไม่เป็นไร”ไป๋จูเหวินว่าพลางยิ้มรับอย่างอ่อนโยน เพราะพลังของไป๋จูเหวินเพิ่มขึ้นมามากกว่าตอนสู้กับมารราคะหลายเท่าแล้ว แค่ปล่อยฝ่ามือเพลิงพิฆาตรอบเดียวไม่ทำให้หมดแรงไปหรอก
ตอนที่ 390
ให้ไม่ได้
เปรี้ยง!! ดาบของจักรพรรดิอาณาจักรอีมอร์ฟันใส่เกราะแมงมุมของไป๋จูเหวินเข้าอย่างจัง แต่ภาพตรงหน้ากลับทำให้จักรพรรดิอีมอร์งุนงงเป็นอย่างมาก อีกฝ่ายพลังต่ำกว่าตนหลายขั้นสมควรโดนฟันทีเดียวตายเสียด้วยซ้ำ แต่นอกจากรอยขีดข่วนที่แทบจะหายทันทีแล้วก็ไม่เกิดบาดแผลอะไรอีก
ตูม!! ฝ่ามือเพลิงพิโรธของไป๋จูเหวินสวนกลับมาอย่างหนักหน่วงดูแล้วน่าตกตะลึงไม่ต่างจากพลังป้องกันเลย ไป๋จูเหวินนั้นมีเกราะที่แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าหยงเวยมีกระบวนท่าที่รุนแรงแทบไม่ต่างจากอสูรปักเป้า รวมทั้งมีความเร็วที่เป็นรองเพียงอู๋หมิงเท่านั้น แม้ระดับพลังจะไม่สูงเท่าคนอื่นๆแต่ความสามารถโดยรวมแล้วเหนือกว่าทีเดียว
“องค์จักรพรรดิ”ทหารคนหนึ่งพูดขณะมองสภาพสงครามโดยรวม
“อะไร”จักรพรรดิอีมอร์ถามพลางถอยออกมาดูเชิงไป๋จูเหวินก่อน
“แบบนี้กองทัพเราจะแพ้นะขอรับ พวกเรารีบถอยแล้วรอโอกาสหน้าเถอะขอรับ”ทหารคนนั้นเสนอพลางรับการโจมตีของอสูรที่บุกเข้ามาถึงตัว จริงๆแล้วสงครามนี้จบลงตั้งแต่อสูรกิ้งก่ารอดกลับมารายงานได้แล้ว ไป๋จูเหวินจึงส่งอู๋หมิงไปจัดการขุนพลที่ใช้เรเปียร์และบุกทะลวงไปด้านหลังเพื่อเปิดทางให้กองทัพของขุนพลกิ้งก่า ให้หยงเวยเข้าปะทะกับแม่ทัพขวาที่มีระดับใกล้เคียงกัน
เรียกได้ว่าไป๋จูเหวินใช้ข้อมูลที่ได้มาจากอสูรกิ้งก่าเพื่อส่งคนไปจัดการคนที่สามารถจัดการได้นั่นเอง หากส่งหยงเวยไปจัดการขุนพลที่ใช้เรเปียร์ก็คงเสียเวลามากและเสียกำลังหลักอย่างหยงเวยไป และการส่งนางพญาผีเสื้อไปสู้ตัวต่อตัวก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก นางมีทักษะในด้านการโจมตีวงกว้างเป็นส่วนใหญ่ ไม่อย่างนั้นคงรับมือกับท่านน้าราชสีห์ไม่ได้ลำบากขนาดนั้นหรอก
“สู้ต่อไป”จักรพรรดิอีมอร์สั่งพลางกำด้ามดาบแน่น มันปล่อยพลังวิญญาณออกมาจนรอบข้างสั่นสะเทือน แต่ถึงอย่างนั้นไป๋จูเหวินก็ไม่ได้หวาดกลัวแต่อย่างไร
เปรี้ยง!!! ฝ่ามืออัสนีข้ามฟ้าส่งตัวไป๋จูเหวินเข้าไปโจมตีใส่จักรพรรดิอีมอร์ในพริบตา ก่อนที่ไป๋จูเหวินจะส่งพลังของฝ่ามือเพลิงพิโรธต่อทันที
ตูม!!! ยังไม่ทันได้ปล่อยฝ่ามือเพลิงพิโรธ อีกฝ่ายก็ง้างดาบปล่อยคลื่นดาบออกมาใส่ไป๋จูเหวินเสียก่อน แต่ไป๋จูเหวินก็หลบฉากออกมาได้ก่อนจะกระแทกฝ่ามือเพลิงพิโรธใส่ท้องของจักรพรรดิอีมอร์ในทันที
ตูม!! ฝ่ามือของไป๋จูเหวินผลักร่างของจักรพรรดิอีมอร์ออกไปได้หลายก้าว แต่ถึงอย่างนั้นก็สร้างความเสียหายให้จักรพรรดิอีมอร์ได้ไม่มาก
“ไม่เห็นจะรู้สึกเลย”จักรพรรดิอีมอร์ว่าพลางมองร่างของตนเอง เพราะพลังห่างกันเกินไปทำให้ฝ่ามือเพลิงพิโรธทำร้ายร่างกายของจักรพรรดิอีมอร์ได้ไม่มากนัก เพียงแต่ไป๋จูเหวินไม่คิดว่าคนระดับนี้จะมาแพ้เพราะฝ่ามือเพลิงพิโรธอยู่แล้ว
“องค์จักรพรรดิ”ขุนพลคนหนึ่งเห็นจักรพรรดิของตนกำลังต่อสู้อยู่ก็พุ่งเข้ามาช่วยทันทีเพียงแต่ตรงนั้นไม่ได้มีแค่ไป๋จูเหวินเท่านั้น
เปรี้ยง!! กระบี่ของเหม่ยหลินพุ่งเข้ามาชนโล่ของชายคนนั้นอย่างจังจนชายคนนั้นถอยกรูดออกไป
“ยัยผู้หญิงนี่”ชายที่ถือโล่และดาบใหญ่พูดพลางพยายามฝืนแรงของเหม่ยหลินเอาไว้ไม่ยอมถอยไปไกลนัก
วูบ!!..ดาบใหญ่ในมือของชายคนนั้นพุ่งวาบเข้าใส่เหม่ยหลินทันทีที่ตั้งตัวได้ แต่เหม่ยหลินเคยชินกับปฏิกิริยาของไป๋จูเหวินที่เร็วกว่านี้มากดี อย่าว่าแต่อู๋หมิงเองยังโจมตีได้ไวกว่านี้เป็นพันๆเท่านางไม่มีวันโดนการโจมตีแค่นี้เล่นงานแน่ๆ
เปรี้ยง!! ฝ่ามือของเหม่ยหลินกระแทกเข้าที่กลางอกของชายคนนั้นเข้าอย่างจัง แต่อีกฝ่ายกลับรู้สึกเบาโหวงราวกับไม่โดนอะไรเลย
“อะไรกัน ก็แค่แรงของผู้หญิง”ชายคนนั้นว่าพลางกระชับโล่ในมือซ้ายให้แน่น เพียงแต่..
เคร๊ง! อยู่ๆโล่ของชายคนนั้นก็ตกลงพื้นเสียอย่างนั้นราวกับตัวมันไม่มีแรงจะถือโล่อยู่เลย
เปรี้ยง!! เปรี้ยง!! เปรี้ยง!! เพลงกระบี่ราชวงศ์ชินกับฝ่ามือปักษาโรมรันของเหม่ยหลินตรงเข้าเล่นงานอีกอีกฝ่ายทันที กระบี่และฝ่ามือของเหม่ยหลินเมื่อเทียบกับของบุตรสาวแล้วอาจจะไม่รุนแรงและดุดันเท่า แต่ความสอดคล้องและความต่อเนื่องของกระบวนท่านั้นเหม่ยหลินยังเหนือกว่ามาก และอีกอย่างคือเหม่ยหลินอยู่ระดับบรรพกาลอยู่แล้ว กำลังของนางจึงเหนือกว่าไป๋หลินมาก ต่อให้กระบวนท่าไม่ใช่กระบวนท่าเน้นกำลังก็สร้างความเสียหายรุนแรงให้อีกฝ่ายอย่างมาก
“…….”ชายที่โดนเหม่ยหลินเล่นงานล้มลงนอนกับพื้นเพียงอึดใจเดียวเท่านั้น ระดับขุนพลธรรมดาไม่ได้สร้างความลำบากให้เหม่ยหลินเลยแม้แต่น้อย แต่เดิมเหม่ยหลินรับหน้าที่ช่วยเหลือไป๋จูเหวินบุกทะลวงเข้าไปหาองคตักรพรรดิอีมอร์ แต่อีกฝ่ายออกมาหาเองแถมยังดูท่าตัวนางจะไม่ต้องช่วยสามีสู้อีกต่างหาก
“องค์จักรพรรดิ ไม่ไหวแล้วขอรับ พวกเราต้องถอยแล้ว”ทหารฝั่งอีมอร์รายงาน เพียงสงครามครั้งนี้ครั้งเดียวก็เสียขุนพลไปเป็นจำนวนมาก ความได้เปรียบด้านกำลังฝีมือที่มีมาแต่แรกยามนี้หมดสิ้นแล้ว ต่อให้องค์จักรพรรดิอีมอร์สามารถล้มไป๋จูเหวินลงตรงนี้ได้ก็ไร้ความหมาย เพราะอีกไม่นานยอดฝีมือของฝั่งไป๋จูเหวินก็จะมารุมจักรพรรดิอีมอร์จนแพ้อยู่ดี
“ข้าบอกให้สู้ต่อ”จักรพรรดิอีมอร์ว่าพลางจ้องมองกองทัพของไป๋จูเหวินด้วยท่าทีเดือดดาน ฝ่ายไป่จูเหวินเองก็เสียอสูรและทหารระดับยอดฝีมือไปเป็นจำนวนมาก แต่ถึงอย่างนั้นเหล่าอสูรบรรพกาลและยอดฝีมือระดับเจ้าสวรรค์แต่ละคนไม่มีใครพลาดท่าเลย ทำให้ฝั่งไป๋จูเหวินสามารถตีกองทัพของอีมอร์จนถอยไปได้
ที่สถาณการณ์เป็นเช่นนี้ไม่ได้เกินความคาดหมายของไป๋จูเหวินนัก หลังจากได้ทราบว่าพวกขุนพลของอีมอร์นั้นใช้เลือดของอสูรตนหนึ่งเพื่อเพิ่มพลังของพวกตน ระดับวิชาของจักรพรรดิอีมอร์นั้นอยู่ระดับใกล้เคียงวิชาดาบของหยุนฟางเท่านั้น หากเปลี่ยนไป๋จูเหวินเป็นอู๋หมิงละก็มันคงสามารถรับมือวิชาดาบนี้ได้อย่างง่ายดายแน่ๆแถมการสั่งการและการรบก็ไม่ได้รัดกุมนัก ทั้งๆที่ฝ่ายตนเองโดนล้วงข้อมูลไปแล้วแท้ๆ แต่กลับยังบุกมาโดยไม่สนใจว่าข้อมูลอะไรของตนเองรั่วไหลออกมาเลย ทำให้ไป๋จูเหวินสามารถจับคู่คนของตนกับฝั่งอีมอร์ได้อย่างราบรื่น
“ไม่ไหวแล้วขอรับ พวกมันโถมเข้ามาแล้ว”ทหารอีกคนหนึ่งพูดพลางหันหลังเตรียมจะก้าวหนี
“อย่าหนี หากใครสามารถจัดการขุนพลของอีกฝ่ายได้ ข้าจะมอบเลือดของซาราให้ผู้นั้น”ได้ยินเช่นนั้น เหล่าทหารก็ชะงักเท้าไปทันที มีบ้างทีถึงกับกัดฟันหันดาบมาทางกองทัพของไป๋จูเหวินอย่างไม่คิดชีวิตเลยทีเดียว
“ซารา…หมายถึงเจ้านี่สินะ”ขุนพลกิ้งก่าพูดพลางเผยร่างตนเองออกมาให้จักรพรรดิอีมอร์เห็น
“…..นั่นมัน”จักรพรรดิอีมอร์เบิกตากว้างด้วยความตกใจพลางชี้มาทางอสูรที่ขุนพลกิ้งก่าอุ้มเอาไว้ในอก
“เอาคืนมา”จักรพรรดิอีมอร์คำรามพลางควงดาบเข้ามาใส่ขุนพลกิ้งก่า
เปรี้ยง!! ก่อนจะเข้าไปถึงตัวขุนพลกิ้งก่าร่างของมันก็โดนฝ่ามือเพลิงพิโรธของไป๋จูเหวินหยุดเอาไว้ก่อน
“น่าเสียดายนะที่องค์จักรพรรดิของพวกเจ้าไม่สามารถมอบเลือดของซาราให้พวกเจ้าได้อีกแล้ว”พอได้ยินไป๋จูเหวินพูดเช่นนั้นพร้อมกับได้เห็นซาราที่อยู่ในมือของอสูรกิ้งก่า เหล่าทหารที่กัดฟันสู้จนถึงเมื่อครู่ก็หันหลังหนีทันที
ตูม!!! กระสุนวายุของอสูรปักเป้ากระแทกร่างของขุนพลซ้ายตกลงมานอนสิ้นใจกับพื้นห่างออกไปจากจุดที่ไป๋จูเหวินและจักรพรดิอีมอร์สู้กันอยู่ไม่ไกลนัก แถมอสูรปักเป้ายังทำท่าจะพองตัวขึ้นเพื่อยิงกระสุนวายุนัดต่อไปแล้วอีกต่างหาก ทำให้เหล่าทหารที่เห็นการโจมตีของอสูรปักเป้าตั้งแต่ครั้งแรกหนีกันเอาเป็นเอาตายมากกว่าเดิม
“มันจบแล้วจักรพรรดิอีมอร์”ไป๋จูเหวินว่าพลางเดินเข้าไปหาจักรพรรดิอีมอร์ด้วยท่าทีนิ่งเฉย การต่อสู้ของไป๋จูเหวินและจักรพรรดิอีมอร์ไม่จำเป็นต้องตัดสินอีกต่อไปแล้วเพราะผลการรบได้สรุปผลออกมาแล้วนั่นเอง
“ไม่ ถึงจะเหลือเพียงข้าคนเดียว ข้าก็จะต้องยึดทุกอย่างมาให้ได้”จักรพรรดิอีมอร์คำรามก่อนจะโจมตีเข้ามาใส่ไป๋จูเหวินในทันที
เปรี้ยง!! ไป๋จูเหวินปล่อยพลังลมปราณมังกรออกมาก่อนจะใช้ฝ่ามือเพลิงผลาญคร้อยสำนึกโจมตีสวนกลับไปจนคลื่นดาบของจักรพรรดิอีมอร์สลายหายไปในพริบตา
เปรี้ยง!! ไป๋จูเหวินใช้ฝ่ามืออัสนีข้ามฟ้าข้าไปด้านหลัง ก่อนจะง้างฝ่ามือทั้งสองข้างกระแทกเข้าปี่ศีรษะของจักรพรรดิอีมอร์ด้วยท่าอัสนีคู่ดับฟ้าทำให้การมองเห็นของจักรพรรดิอีมอร์เลือนรางไปทันที พริบตานั้นไป๋จูเหวินก็ใช้ฝ่าปักษาสะบัดปีก ต่อด้วยปักษาโรมรันอีกหลายสิบฝ่ามือจนร่างของจักรพรรดิอีมอร์แทบจะยืนอยู่ไม่ไหว
ตูม!! ดาบของจักรพรรดิอีมอร์ปล่อยคลื่นดาบออกมาหมายจะโจมตีไป๋จูเหวิน มองๆแล้วเหมือนตอนอสูรกิ้งก่าพยายามจะโจมตีตนเองให้ได้สักครั้งก่อนหน้านี้ไม่มีผิด
“บัดซบ”จักรพรรดิอีมอร์มองคลื่นดาบของตนที่ฟันใส่ร่างของไป๋จูเหวินเข้าอย่างจังแต่กลับไร้ผล เมื่อพลังลมปราณมังกรถูกใช้ออกมาแล้วร่างกายของไป๋จูเหวินก็แข็งแกร่งขึ้นจนการโจมตีของจักรพรรดิอีมอร์ไม่สามารโจมตีเข้าอีกแล้ว
“ตาย ตายซะ”จักรพรรดิอีมอร์ว่าพลางฟันดาบใส่ไป๋จูเหวินไปอีกหลายครั้ง แต่ไม่ว่าจะออกแรงฟันอีกกี่ครั้งก็ยังไม่สามารถเจาะเกราะของไป๋จูเหวินได้แม้แต่น้อย
“ถือเป็นการคารวะก็แล้วกันนะ”ไป๋จูเหวินพูดพลางมองจักรพรรดิอีมอร์ที่กำลังพยายามโจมตีตนเองอย่างไร้ความหมาย ที่มันปล่อยให้อีกฝ่ายโจมตีแบบนี้ก็เพราะมันต้องการรวบรวมพลังนั่นเอง
ตูม!! ฝ่ามือเพลิงพิฆาตที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียวของไป๋จูเหวินตรงเข้าใส่จักรพรรดิอีมอร์อย่างรุนแรงพร้อมกวาดเอาพื้นสนามรบบริเวณนั้นหายไปทั้งแถบ รวมทั้งพวกทหารที่ยังหนีไม่ทันจำนวนหนึ่งด้วย
ตูม!!! ไป๋จูเหวินปล่อยฝ่ามือไปไม่ถึงสามวินาที อสูรปักเป้าก็ยิงกระสุนวายุตามลงมากวาดเอาเหล่าทหารที่กำลังหนีหายไปอีกกองใหญ่ ทำเอาตอนนี้แทบไม่เหลือทหารของฝั่งอีมอร์อีกแล้ว
“หวา นึกถึงยัยนั่นขึ้นมาเลย”นางพญาผีเสื้อมองไป๋จูเหวินแล้วทำหน้าแหยๆออกมา ความรู้สึกโจมตีไปเท่าไหร่ก็ไร้ผล แต่พอโดนโจมตีกลับดันทำเอาตัวเองเกือบตายนี่เหมือนตอนนางสู้กับอสูรแมงมุมไม่มีผิด
“ท่านพี่”เหม่ยหลินเห็นไป๋จูเหวินใช้ท่าฝ่ามือเพลิงพิฆาตออกไปก็เข้ามาหาทันที เพราะนางทราบดีว่าท่านั้นใช้พลังของไป๋จูเหวินไปมากแค่ไหน
“ไม่เป็นไร”ไป๋จูเหวินว่าพลางยิ้มรับอย่างอ่อนโยน เพราะพลังของไป๋จูเหวินเพิ่มขึ้นมามากกว่าตอนสู้กับมารราคะหลายเท่าแล้ว แค่ปล่อยฝ่ามือเพลิงพิฆาตรอบเดียวไม่ทำให้หมดแรงไปหรอก”