ตอนที่ 361
เรื่องวุ่นวายในเมืองเล็ก
“เฮ้อ โชคดีจริงๆที่องค์จักรพรรดิไม่ได้ตามมาด้วยจริงๆ”ชิงชิวถอนหายใจพลางนั่งลงที่ท่าน้ำที่มันชอบมาสมัยยังอยู่ที่บ้าน ขืนให้องค์จักรพรรดิมาเห็นพวกป้าๆแถวบ้านผลัดกันชมลูกหลานตัวเองแบบนั้นคงน่าอายพิลึก
จ๋อม…ชิงชิวโยนเบ็ดตกปลาลงไปในน้ำพลางเริ่มฝึกวิชาซ่อนพลังวิญญาณและพลังอสูรของตนต่อ ยามนี้ชิงชิวใส่ใจเรื่องนี้มากกว่าการฝึกวิชาเทวะปราบมารเสียอีก อาจจะเพราะใช้วิชาล่องหนหายตัวเพื่อเอาตัวรอดมาหลายครั้งแล้วก็เป็นได้
วิชาซ่อนพลังวิญญาณนั้นแรกฝึกจะง่ายดาย ไม่นานก็สามารถลดพลังวิญญาณที่หลุดรอดออกมาได้ แต่เมื่อเริ่มฝึกไปจะยิ่งยาก เพราะสิ่งที่ยากต่อจากนั้นคือการกดพลังวิญญาณลงเรื่อยๆจนคนรอบข้างไม่สามารถสัมผัสได้จนผู้ใช้เหมือนคนธรรมดาไม่มีผิด แต่แค่นั้นยังไม่พอ หากอยากจะเอามาใช้กับการต่อสู้จริงๆ จำเป็นต้องซ่อนเอาไว้แม้แต่ยามใช้พลังวิญญาณต่อสู้อย่างสุดกำลังก็ต้องซ่อนพลังวิญญาณเอาไว้จนหมด ปกติแล้วในขั้นตอนสุดท้ายไม่มีใครทำกัน เพราะหากเริ่มต่อสู้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอีก มือสังหารเกือบทั้งหมดก็เลยฝึกเพียงซ่อนตัวตนเอาไว้ก่อนลงมือเท่านั้น
แต่ชิงชิวไม่ใช่ ด้วยความสามารถที่มันได้มาจากอสูรแมงมุม หากมันสามารสู้ไปด้วยซ่อนพลังไปด้วยได้ ขอเพียงไม่ใช่ผู้ใช้เนตรจิตหรือผู้มีความสามารถพิเศษอย่างองค์จักรพรรดิกับองค์หญิงรับรองว่ามันจะต้องสู้ได้อย่างแน่นอน
“พี่ชิว ท่านทำอะไรอยู่เหรอ”ปลายังไม่ทันกินเบ็ด เสียงหญิงสาวคนหนึ่งก็ดังขึ้นที่ด้านหลังชิงชิวเสียก่อน ท่าน้ำตรงนี้พวกผู้หญิงในหมู่บ้านมักจะมาตักน้ำหรือมาซักผ้าบ่อยๆ ไม่แปลกที่จะมีใครมาเจอชิงชิวเข้า แต่คนที่มากลับแปลกไปเสียหน่อย
“หลิงอัน…”ชิงชิวพูดพลางเก็บเบ็ดขึ้นมา ท่าทางการตกปลาของมันวันนี้จะเป็นหมันไปเสียแล้ว
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะพี่ชิว”หลิงอันว่าพลางยิ้มหวานส่งมาทางชิงชิว บอกตามตรงชิงชิวไม่ยินดีกับรอยยิ้มของหลิงอันเท่าไหร่ แม้นางจะเป็นสาวงามอันดับหนึ่งในย่านที่ชิงชิวอยู่ แต่ก่อนหน้านี้นางไม่เคยสนใจชิงชิวกับครอบครัวเลย ชิงชิวสมัยก่อนก็ตกปลาอยู่ตรงนี้บ่อยๆ ไม่เคยเห็นนางมาทำงานบ้านตรงนี้เลยเพราะบ้านของนางมีญาติพี่น้องเยอะมากทำให้งานส่วนใหญ่ไม่ได้ตกมาถึงตัวหลิงอันเท่าไหร่
“อืม ไม่ได้เจอกันนานเลย อะไรๆก็เปลี่ยนไปหมดจริงๆ”ชิงชิวยิ้มพลางวางเบ็ดตกปลาเอาไว้ที่ท่าน้ำ ในเมืองอะไรๆก็เปลี่ยนไปหมดจริงๆ แม้แต่หนิงอันเองยังมาที่ท่าน้ำได้ หากจะให้เดาก็น่าจะฝีมือป้าๆแถวบ้านชิงชิวนี่แหละ
“พี่ชิวเองก็เปลี่ยนไปนะ ประมานว่าดูดีขึ้น”หลิงอันยิ้มพลางเดินเข้ามาใกล้ชิงชิวมากกว่าเดิม แต่น่าเสียดายที่ชิงชิวมองกระจกในวังบ่อยก็เลยทราบว่ามันไม่ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเลย ตรงกันข้ามตัวชิงชิวกลับมองหนิงอันด้วยความรู้สึกไม่เหมือนเดิม ก่อนหน้านี้มันมองนางเหมือนดอกฟ้า ได้เพียงมองอยู่ห่างๆและนางก็ไม่เคยคิดจะเหลียวแลมองมันเลยเสียด้วยซ้ำ ยามนี้ชิงชิวกลับรู้สึกว่านางช่างหน้าตาธรรมดาเสียเหลือเกิน ไม่ต้องไปเทียบกังองค์หญิงหรือมเหสีให้เสียเกียรติแต่อย่างไร แค่สาวรับใช้ในวังบางนางยังงดงามกว่าหนิงอันเป็นไหนๆ
“ตอนนี้พี่ชิวเป็น 1 ใน 2 คนที่ระสบความสำเร็จมากที่สุดของชุมชนเราเลยนะ”หนิงอันว่าพลางยิ้มบางๆ
“2 คน?”ชิงชิวเลิกคิ้วสงสัย ตัวมันที่เข้าไปทำงานในวังได้และหาเงินมาปลดหนี้และสร้างบ้านให้แม่ได้นั้นนับว่าประสบความสำเร็จ เรื่องนี้มันเข้าใจได้ แต่อีกคนนี่ใครกัน หรือมันตั้งใจฟังพวกป้าๆไม่มากพอก็เลยไม่ทราบ
“ท่านพึ่งกลับมาก็เลยอาจจะยังไม่ทราบ แต่พี่อวิ๋นอี้เองก็ได้เข้าไปทำงานในวังเหมือนกัน”ได้ยินหนิงอันพูด ชิงชิวก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย หวิ๋นอี้อายุมากกว่าชิงชิว 3 หรือ 4 ปีนี่ล่ะ เพียงแต่มันเข้าไปทำงานในวังตอนไหนกันหรือจะเป็นช่วงที่มันโดนจับตัวไปก็เลยไม่ได้พบมันกัน ?
“จริงเหรอ แปลกจริงๆข้าไม่ได้เจอมันเลย”ชิงชิวว่าพลางทำสีหน้าครุ่นคิด
“พวกท่านอาจจะทำงานคนละตำแหน่งก็ได้ พี่อี้ท่านเข้าสอบได้เป็นจอหงวน อีกไม่นานก็จะเข้ารับตำแหน่งราชการด้วยนะ”ได้ยินเช่นนั้นชิงชิวก็ยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่ การสอบไม่ใช่ว่ามี 3 ปีครั้งหรือ แล้วอวิ๋นอี้ไปสอบตอนไหนกันถึงได้เป็นจอหงวนได้?
“ยังไม่ได้เข้าวังสินะ มิน่าล่ะข้าถึงยังไม่เคยเจอ”ชิงชิวว่าพลางกลืนน้ำลายลงคอ การสอบระดับวังหลวงจะจัดขึ้นในปีหน้า นั่นหมายความว่าสอบครั้งล่าสุดก็เมื่อ 2 ปีก่อน เป็นไปไม่ได้เลยที่อวิ๋นอี้จะไปสอบได้อันดับจอหงวนมา แถมการสอบครั้งสุดท้ายจะเป็นการถามตอบระหว่างบัณฑิต 3 อันดับแรกกับองค์จักรพรรดิโดยตรง หากมีสอบจริงชิงชิวที่เป็นองครักษ์ประจำตัวไป๋หลินก็ควรจะอยู่ที่นั่นด้วยสิ
“พี่ชิว อีกไม่นานพี่อี้ก็จะเข้าไปทำงานในวังเหมือนท่านแล้ว หวังว่าท่านจะช่วยเหลือพี่อี้ด้วยนะ”หนิงอันว่าพลางยิ้มอย่างอ่อนโยน เห็นแบบนี้ชิงชิวก็ได้แต่ตบปากรับคำไปทั้งๆอย่างนั้น มันไม่รู้หรอกว่าอวิ๋นอี้ไปโม้ว่าอย่างไร แต่หากมันไม่ได้มีผลอะไรมาถึงตัวชิงชิวก็อีกเรื่อง
“โอ้ ชิงชิว มาตกปลาเหรอจะ”ระหว่างคุยกับหลิงอัน หญิงวัยกลางคนกลุ่มหนึ่งที่แบกตะกล้าผ้าก็เดินเข้ามาหาพวกมัน
“ขอรับ”ชิงชิวยิ้มรับพลางถอยออกมานิดหน่อย
“ได้ข่าวว่าเจ้ากลับมา พวกป้าก็ดีใจกันมากเลย ว่างๆแวะไปเยี่ยมหลานสาวป้าหน่อยสิจะ”ป้าคนแรกพูดพลางยิ้มกว้าง ทำเอาชิงชิวสะดุ้งวาบ เมื่อวานมันโดนพวกป้าๆข้างบ้านแนะนำหลานสาวให้มันยกใหญ่ ไม่เว้นแม้แต่หนิงอันเองก็โดนยกมาเป็นประเด็น
“ข้า…ข้าจะไปเยี่ยมที่สำนักสักหน่อย ขอตัวก่อนนะขอรับ”ชิงชิวว่าพลางเผ่นออกมาจากกลุ่มป้าๆทันที ท่าทางการพักผ่อนยามเช้าของชิงชิวจะเป็นไปไม่ได้เสียแล้ว
ตุบ…ร่างของชิงชิวทะยานลงมาที่หน้าประตูสำนักที่ตั้งอยู่ในเมืองเดียวกันกับที่ชุมชนของชิงชิวอาศัยอยู่ สำนักนี้คือจุดเริ่มต้นของทุกอย่างสำหรับชิงชิว ตั้งแต่องค์จักรพรรดิแนะนำให้เหล่าสำนักต่างๆมาตั้งถิ่นฐานใหม่ที่ทางเหนือ ชิงชิวก็เป็นกลุ่มแรกๆที่สมัครเข้าฝึกฝนเลยก็ว่าได้
“โอ้ชิงชิว มาพอดีเลย”ชายคนหนึ่งพูดพลางเดินเข้ามาหาชิงชิวด้วยท่าทีเบิกบานใจ
“ท่านเจ้าสำนัก ยินดีที่ได้พบขอรับ”ชิงชิวประสานมือคารวะพลางก้มหัวลงอย่างนอบน้อม
“เกือบจะสัมผัสพลังไม่ได้เลย นี่เจ้าไปเรียนวิชาซ่อนพลังวิญญาณมางั้นหรือ”เจ้าสำนักถามพลางเลิกคิ้วสงสัย วิชาพวกนี้มีเพียงกลุ่มมือลอบสังหารเท่านั้นที่มีใช้ ทำเอาสีหน้าของท่านเจ้าสำนักมีท่าทีกังวลขึ้นมา
“เปล่าหรอกขอรับ ข้าได้วิชามาจากท่านอาวุโสท่านหนึ่ง แต่ท่านไม่ใช่มือลอบสังหารหรอกขอรับ”ชิงชิวตอบพลางยิ้มเจื่อนๆ หลังจากนั้นมันก็ได้ถามจากไป๋หลินแล้วว่าไช่จินคือใคร หลังจากทราบว่าท่านคือผู้เขียนตำราจัดอันดับจอมยุทธแล้วชิงชิวก็ถึงกับขาอ่อน ยุคสมัยนี้ตำราจัดอันดับเป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆและประชาชนทั่วไปมาก สมัยก่อนชิงชิวยังเอาตำราจัดอันดับมาให้ท่านอสูรที่มาสอนหนังสืออ่านชื่อให้ พลางเล่นเป็นคนนั้นๆกับเพื่อนๆเลย
“อ่อ อย่างนี้นี่เอง”เจ้าสำนักว่าพลางถอนหายใจออกมา
“ท่านเจ้าสำนัก เหมือนท่านจะไม่ประหลาดใจเลยนะขอรับที่ข้ามาเยี่ยม”ชิงชิวถามพลางเดินตามเจ้าสำนักเข้าไปในสำนักอย่างคุ้นเคย ช่วงสายเช่นนี้มีศิษย์มากมายกำลังฝึกฝนอยู่ที่ลานฝึก เป็นภาพที่ชิงชิวคุ้นตาจริงๆ
“ศิษย์พี่ของเจ้ามาบอกข้าตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เห็นว่าเจอเจ้าที่สถานีรถไฟ”ได้ยินที่เจ้าสำนักพูดชิงชิวก็นึกอ๋อทันที ก็จริง เมื่อวานมันเจอศิษย์พี่ที่สถานี ท่าทางมันคงมาบอกเจ้าสำนักเองอย่างไม่ต้องสงสัย
“ว่าแต่เจ้าเถอะ เข้าเมืองหลวงก็ได้ดิบได้ดีเชียวนะ ข้าล่ะภูมิใจจริงๆ”เจ้าสำนักว่าพลางเดนิไปที่โต๊ะตัวหนึ่ง มันหยิบตำราเล่มหนึ่งขึ้นมาพลางเอามันมาให้ชิงชิวดู
“ตำราจัดอันดับจอมยุทธ?”ชิงชิวเลิกคิ้ว มันพึ่งนึกถึงไช่จินไปเมื่อครู่ แต่ตอนนี้เจ้าสำนักกลับยื่นตำราจัดอันดับจอมยุทธให้ชิงชิวเสียอย่างนั้น
“ลองอ่าหน้าที่ข้าพับไว้สิ”เจ้าสำนักว่าพลางยิ้มกว้าง
“ขอรับ?”ชิงชิวเห็นท่าทีแปลกๆของเจ้าสำนักแล้วก็ได้แต่กระพริบตาปริบๆ ในหน้าที่ท่านพับเอาไว้มีอะไรงั้นหรือ?
“…..”ชิงชิวเปิดตำราหน้าที่พับเอาไว้ก็ถึงกับอึ้งไป ที่หัวกระดาษเขียนเอาไว้ว่า อันดับจอมยุทธรุ่นใหม่แห่งอาณาจักรไป๋ โดยในตาราง 100 อันดับแรกมีชื่อของมันเขียนเอาไว้ แถมไม่ได้อยู่อันดับต่ำๆแม้แต่น้อย ยามนี้ในตารางจัดอันดับของไช่จิน ชิงชิวอยู่อันดับที่ 65 แม้จะไม่สูงมากแต่สำหรับชิงชิวแล้วเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมาก แต่ก่อนชิงชิวไม่ติด 100 อันดันเลยเสียด้วยซ้ำ แต่ในตำราเล่มนี้กลับอยู่อันดับ 65 ทำเอาชิงชิวต้องขยี้ตาหลายๆครั้งพลางพลิกเปิดด้านปกดูวันที่วางขายของตำราจัดอันดับดีๆ ปรากฏว่ามันคือตำราจัดอันดับเล่มใหม่ล่าสุดเลยทีเดียว นั่นคืออันดับปัจจุบันของชิงชิวตอนนี้คืออันดับ 65 นั่นเอง
“เจ้านั่นนะเหรอชิงชิว”ชายหนุ่มถือกระบี่คนหนึ่งเดินเข้ามาในสำนัก ทำเอาชิงชิวหันไปมองเจ้าสำนักงงๆ ปกติคนนอกห้ามเข้าสำนัก นั่นหมายความว่าชายคนนี้เป็นแขกหรือไม่ก็ศิษย์ใหม่ของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายสินะ
“มันเป็นแขกของเจ้า”เจ้าสำนักว่าพลางผายมือไปทางชายที่ถือกระบี่
“แขกของข้า ท่านหมายความว่ายังไงขอรับเจ้าสำนัก”ชิงชิวงงไปทันที ทำไมแขกของมันถืงมาอยู่ในสำนักได้?
“ข้าคือถงอี้หลง เดิมทีอยู่อันดับ 65 ของจอมยุทธหน้าใหม่ วันนี้มาขอพิสูจน์ว่าเจ้าเหมาะสมกับอันดับของข้าหรือไม่”ถงอี้หลงพูดพลางชักกระบี่ชี้มาทางชิงชิว
“หะ…”ชิงชิวอึ้งไปพลางมองไปทางเจ้าสำนัก
“ตั้งแต่ตำราเล่มใหม่ออก มันก็เดินทางมาท้าสู้เจ้าที่สำนัก แต่เพราะเจ้าไม่อยู่มันก็เลยดื้อดึงไม่ยอมกลับเสียที ยังไงเจ้าก็ทำให้มันสมหวังหน่อยนะ”เจ้าสำนักว่าพลางตบบ่าชิงชิวเบาๆ ทำเอาชิงชิวกลืนน้ำลายลงคออย่างอยากลำบาก แต่ก่อนชิงชิวได้แต่มองอันดับยอดฝีมือพวกนี้จากตำแหน่งล่างเท่านั้น วันนี้เจอคนใน 100 อันดับจอมยุทธหน้าใหม่มาท้าสู้ต่อหน้า ชิงชิวไม่ทราบจะรับมืออย่างไรดี