ตอนที่ 357
เจอตัว
“ขอบคุณขอรับ”เถ้าแก่เจ้าของร้านอาหารยิ้มกว้างพลางส่งห่ออาหารห่อหนึ่งให้ชิงชิวที่กำลังเข้าเมืองมาเติมเสบียง เมื่อวานนี้ชิงชิวพึ่งข้ามชายแดนระหว่างอาณาจักรกู่กับอาณาจักรเฉินมาสำเร็จ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่ทหารของอาณาจักรกู่น้อยมาก มันแทบจะสามารถผ่านชายแดนมาได้โดยไม่ต้องใช้วิชาล่องหนเลยด้วยซ้ำ
“เถ้าแก่ ข้าอยากจะได้ม้าสักตัวท่านพอจะแนะนำได้หรือไม่”ชิงชิวถามพลางเอาเสบียงเข้าปาก
“อ่อ ได้สิๆ”เถ้าแก่ยิ้มพลางบอกทางให้ชิงชิวไปหาฟาร์มเลี้ยงม้าที่อยู่ทางตะวันตกของเมือง ในเขตของอาณาจักรเฉินไม่มีใบประกาศจับของชิงชิว ทำให้ชิงชิวสามารถเดินทางเข้าออกเมืองได้อย่างสบายใจ แน่นอนมันสามารถผ่านประเมืองได้สบาย ทำให้สามารถซื้อสัตว์ขี่สำหรับเดินทางได้แล้ว แบบนี้มันจะเดินทางไปถึงสถานีแรกของรถไฟเร็วขึ้น
“เจ้ามาจากอาณาจักรกู่งั้นเหรอ”เจ้าของฟาร์มม้าถามพลางพาม้าตัวหนึ่งเดินออกมาให้ชิงชิวชมดู
“ขอรับ ทำไมท่านทราบได้ล่ะขอรับ”ชิงชิวเลิกคิ้วสงสัย หรือเพราะเสื้อผ้าที่มันใส่เป็นการตัดเย็บแบบอาณาจักรกู่กัน
“ช่วงนี้ในอาณาจักรกู่มีปัญหา ก็เลยมีคนจากอาณาจักรกู่หลบหนีเข้ามาเยอะ เจ้าเองก็เป็นหนึ่งในนั้นสินะ”เจ้าของฟาร์มม้าถามพลางส่งสายจูงม้าให้ชิงชิว
“ก็ คงใช่ขอรับ…”ชิงชิวคิดพลางตอบออกไป จะว่ามันหนีจากอาณาจักรกู่มามันก็จริงล่ะนะ
“แล้ว…มีความผิดหรือเปล่าขอรับ”ชิงชิวถามพลางกระพริบตาปริบๆ
“ก็ไม่ผิดหรอก ตอนนี้อาณาจักรกู่กับเฉินก็ยังไม่ได้ตัดพันธมิตรกัน จนกว่าคำสั่งจะออกมาแน่นอนก็คงไม่มีใครห้ามหนีข้ามชายแดนมาหรอก”เจ้าของฟาร์มม้าตอบพลางส่ายหน้าเบาๆ สำหรับชาวเมืองธรรมดาแล้ว ยิ่งเป็นเมืองชายแดนระหว่างอาณาจักรกู่กับเฉินอีก บอกตามตรงว่าไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรเลย ได้ข่าวว่าอาณาจักรตนเองกำลังจะทรยศไปเข้าฝั่งอาณาจักรไป๋ แน่นอนว่าอาณาจักรกู่เดิมคงไม่พอใจแน่ๆ แม้ไม่ทราบว่าทำไมคนของอาณาจักรกู่ถึงหนีมาทางนี้ แต่หากอาณาจักรกู่ไม่พอใจและโจมตีขึ้นมาเมืองชายแดนแห่งนี้คงเดือดร้อนที่สุด
“เอาเถอะ ข้าจะรีบขายม้าให้หมดแล้วย้ายไปเมืองอื่นก็แล้วกัน”เจ้าของฟาร์มม้าว่าพลางตบบ่าชิงชิวเบาๆ ในเมื่อมันทำอะไรกับสภาพบ้านเมืองไม่ได้ก็มีแต่ต้องเอาตัวรอดไว้ก่อนล่ะนะ มันมีม้ามากมายพาครอบครัวหนีได้สบาย ขอแค่ขายม้าที่เหลืออยู่สะสมเงินแล้วไปตั้งรกรากใหม่ก็พอ
“ขะ ขอรับ”ชิงชิวไม่ทราบจะตอบรับอย่างไรดี เพราะมันไม่ทราบเรื่องอะไรเลย ตอนนี้หน้าที่ของมันคือกลับไปอาณาจักรไป๋ให้ไวที่สุดเท่านั้น
หลังจากได้ม้ามา ชิงชิวก็เดินทางได้ไวขึ้นมาก แม้จะต้องพักผ่อนตอนกลางคืนเพื่อให้ม้าฟื้นกำลัง แต่ก็เร็วกว่าเดินเท้าตลอดวันมาก
“…….”ระหว่างเดินทางชิงชิวกลับได้กลิ่นบางอย่าง มันกำลังแอบตามชิงชิวมา แต่กลับสัมผัสพลังวิญญาณไม่ได้เลย แถมยังไม่มีพลังอสูรอีกต่างหาก
ชิงชิวหยุดม้าก่อนจะกระโดดวูบเข้าไปในป่าเพื่อดูว่ากลิ่นนั่นจะตามมาหรือไม่ แต่เมื่อเปลี่ยนทิศทางกลิ่นที่ว่าก็ตามมาติดๆ ทำให้ในหัวชิงชิวตอนนี้เต็มไปด้วยคำว่านักล่าหรือนักลอบสังหารขึ้นมาในหัวทันที หรือว่าพวกนักล่าค่าหัวจะตามมันมาจากอาณาจักรกู่แล้วกำลังจะตามจับมันกลับไป
ฟุบ…ร่างของชายคนหนึ่งพุ่งเข้ามาขวางหน้าชิงชิวเอาไว้ทำให้ชิงชิวใช้วิชาล่องหนหายตัวไปทันที
“โอ้”ชายตรงหน้าชิงชิวส่งเสียงอุทานออกมาด้วยความตกใจ ร่างของชิงชิวหายวับไปต่อหน้าต่อตาทำเอามันตกใจมากทีเดียว หากไม่ใช่เพราะชิงชิวยังเหลือสัมผัสพลังวิญญาณเอาไว้ตรงหน้ามันละก็ มันคงคิดว่าชิงชิวใช้ความเร็วสูงมากหลบรอดสายตามันไปแล้วเสียอีก
หมับ! ชายตรงหน้าชิงชิวจับไหล่ชิงชิวเอาไว้ก่อนจะกดร่างของชิงชิวลงกับพื้นแล้วเอาตัวเองมานั่งทับบนหลังของชิงชิวเอาไว้ไม่ให้ไปไหน
“เป็นความสามารถที่น่าสนใจดี”ชายคนนั้นว่าพลางหัวเราะออกมา
“ว่าแต่เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้าตามเจ้ามา นึกว่าในโลกนี้นอกจากไป๋จูเหวินแล้วจะไม่มีใครสัมผัสถึงข้าได้อีกแล้วเสียอีก”ชายคนนั้นยิ้มออกมาอย่างชื่นชม พลางมองร่างของชิงชิวที่อยู่ใต้ตัวมัน แม้แต่ตอนนี้มันก็ยังมองไม่เห็นร่างของชิงชิวเลย หากไม่ใช่เพราะมือสัมผัสอยู่มันคงเหมือนกำลังนั่งอยู่บนอากาศเลย
“ไม่ต้องกลัว ข้าไม่ได้มาทำร้ายเจ้าหรอกชิงชิว”เห็นชิงชิวระแวงตนไม่เลิกชายหนุ่มก็พูดออกมาด้วยท่าทีสบายๆ
“ทะ ท่านเป็นใคร”ชิงชิวถามพลางปลดความสามารถล่องหนไปเพราะหากใช้มันต่อไปก็เท่านั้น
“ข้าหรือ….ข้านั้นคือชายที่ท่องไปทั่วล่าเพื่อเสือกเรื่องชาวบ้านยังไงล่ะ”ชายหนุ่มหัวเราะร่วนพลางปล่อยชิงชิวให้เป็นอิสระ
“ท่าน..อะไรนะ”ชิงชิวขมวดคิ้วพลางมองชายตรงหน้างงๆ
“พอดีช่วงนี้มันมีข่าวน่าสนใจล่ะนะ ข้าก็เลยทนไม่ได้อยากจะเห็นต้นเหตุของสงครามเสียหน่อย”ชายหนุ่มหัวเราะพลางชี้มาทางชิงชิว
“ต้นเหตุของอะไรนะขอรับ”ชิงชิวยิ่งงงหนักเข้าไปอีก ทำเอาชายหนุ่มตรงหน้าชิงชิวปวดหัวขึ้นมาทันที
“นี่เจ้าไม่รู้เรื่องอะไรเลยสินะ”ชายหนุ่มว่าพลางหยิบเอากระดาษพู่กันออกมาเขียนอะไรบางอย่าง
“ตอนนี้อาณาจักรไป๋กับกู่กำลังทำสงครามกันเพื่อชิงตัวเจ้ากลับไป”ชายหนุ่มเล่าเสียงเรียบราบกับไม่ได้สนใจอะไรนัก แน่ล่ะมันไม่ได้เป็นคนร่วมสงครามด้วยนี่
“สงคราม ท่านว่าอะไรนะ”ชิงชิวงงหนักเข้าไปใหญ่ เพราะมันหนีมาก็ไม่ได้ข่าวคราวอะไรจากไหนอีกเลย
“ก็เจ้าถูกองค์ชายกู่หานจับตัวมาใช่ไหม ไป๋จูเหวินก็เลยส่งกองทัพมาโจมตีอาณาจักรกู่เพื่อเอาตัวเจ้าคืนไง”ชายหนุ่มตอบซ้ำเพื่อให้ชิงชิวเข้าใจเสียที
“ถึงขนาดทำสงครามเลยหรือขอรับ แค่บ่าวรับใช้คนเดียว…”ชิงชิวอึ้งไปไม่คิดว่าไป๋จูเหวินจะทำถึงขนาดนั้น
“ก็สมกับเป็นมันดี แล้วเจ้าก็ไม่ใช่บ่าวรับใช้ไม่ใช่หรือ ได้ยินว่าเจ้าเป็นคนสนิทขององค์หญิงไป๋หลิน มีพรสวรรค์เข้ากองทัพตั้งแต่ยังเด็ก แถมยังได้รับสืบทอดตำราเทวะปราบมารจากจอมมารหยงเวยอีกต่างหาก อืม…ดูเหมือนจะได้วิชาจากไป่จูเหวินมาด้วยสินะ แต่ความสามารถอะไรกันที่ทำให้สัมผัสตัวข้าได้ แถมยังความสามารถล่องหนหายตัวนั่นอีก”ชายหนุ่มทำสีหน้าครุ่นคิด มันไม่ชอบเลยเวลาข่าวที่มันได้ล่าช้าแบบนี้
“อืม ไหนดูสิ….ชิงชิว องครักษ์ส่วนตัวของไป๋หลิน….ความสามารพิเศษ จมูกไว….นี่เจ้าดมกลิ่นข้าเอางั้นเหรอ”ชายหนุ่มทำหน้าเหวอพลางหยิบเสื้อผ้าของตนเองขึ้นมาดม
“ดูเหมือนไป๋จูเหวินจะส่งอสูรตนหนึ่งไปช่วยเจ้าด้วย ท่าทางความสามารถที่เพิ่มมานี่คงเพราะเจ้ากลืนแก่นอสูรของอสูรตนนั้นเข้าไปสินะ ท่าทางการหนีออกมาจะลำบากทีเดียว”เห็นชายหนุ่มตรงหน้าพึมพำอยู่คนเดียวชิงชิวก็ถึงกับขนลุก มันเป็นใครทำไมถึงทราบเรื่องมากมายเช่นนี้ แล้วไอ้ตำราที่เอาออกมานั่นมันอะไร ทำไมถึงรู้รายละเอียดของมันดีนัก
“เจ้านี่ไม่เลวเลย กว่าจะหาตัวได้นี่นานเอาเรื่อง”ชายตรงหน้าว่าพลางเก็บตำราในมือไป
“ท่านตามหาข้าทำไมหรือขอรับ”ชิงชิวถามพลางถอยห่างชายตรงหน้าไปนิดหน่อย บอกตามตรงมันเริ่มระแวงชายตรงหน้าแล้ว
“อ่อ ข้าชอบเสือกเรื่องชาวบ้านเขาเฉยๆ แต่ตอนนี้คงต้องพาเจ้ากลับอาณาจักรไป๋ก่อน”ชายหนุ่มว่าพลางกวักมือเรียกชิงชิวให้เดินกลับไปที่ม้าของมัน
“แต่ ตอนนี้องค์จักรพรรดิเดินทางไปอาณาจักรกู่อยู่ไม่ใช่หรือขอรับ เรารีบไปหาท่านที่นั่นไม่ดีกว่าหรือ”ชิงชิวถาม หากตอนนี้จักรพรรดิไป๋กำลังบุกอาณาจักรกู่อยู่ก็เท่ากับว่าท่านอยู่ที่อาณาจักรกู่ไม่ใช่หรือไง
“ตอนนี้ไป๋จูเหวินคงไปถึงเมืองหลวงอาณาจักรกู่แล้ว เราเดินทางไปอาณาจักรไป๋แล้วใช้รถไฟเดินทางเข้าเมืองหลวงน่าจะเร็วกว่า พอถึงที่นั่นค่อยส่งจดหมายไปบอกไป๋จูเหวินก็พอ”ชายหนุ่มว่าพลางกระโดดขึ้นม้าของชิงชิวไป ก่อนจะบอกให้ชิงชิวขึ้นมาซ้อนท้ายมัน
“แบบนั้นเร็วกว่าหรือขอรับ”ชิงชิวถามพลางขึ้นไปซ้อนท้ายชายหนุ่มก่อนจะเริ่มเดินทางต่อไป
“ก็ไม่เร็วกว่าหรอก บอกตามตรงว่าคงใช้เวลาพอๆกัน แต่เจ้าจะกลับไปอาณาจักรกู่ทั้งๆที่ประกาศจับติดอยู่เต็มเมืองงั้นเหรอ”ชายหนุ่มถามพลางมองมาทางชิงชิวด้วยท่าทียิ้มๆ
“ก็…ไม่ขอรับ”ชิงชิวตอบ หากมันโดนพวกนักล่าค่าหัวโจมตีระหว่างทาง แบบนั้นมันก็ไม่ได้ไปแจ้งข่าวกับไป๋จูเหวินพอดีกัน
“แล้วตกลง ท่านเป็นใครกันแน่”ชิงชิวถามพลางมองชายตรงหน้างงๆ มันพูดถึงองค์จักรพรรดิราวกับสนิทสนมกันดี แต่มันไม่เคยเห็นชายคนนี้มาก่อนเลย และที่น่ากลัวที่สุดก็คงเป็นข้อมูลที่มันมี แม้แต่คนอย่างชิงชิวยังมีข้อมูลเสียละเอียดยิบ
“อ่อ ข้าชื่อไช่จิน”ชายหนุ่มตอบ แต่ถึงจะบอกชื่อชิงชิวก็ยังไม่รู้จักอยู่ดี
“…ขอรับ”ชิงชิวตอบรับด้วยท่าทีงุนงงเหมือนเดิม
“จริงสิ ระหว่างเดินทางข้าจะคุมม้าให้เอง เจ้าเอาไอ้นี้ไปอ่านเล่นซะ”ไช่จินว่าพลางส่งตำราเล่มหนึ่งให้ชิงชิว
“นี่มันอะไรหรือขอรับ”ชิงชิวถามพลางขมวดคิ้วงงๆ
“วิชาซ่อนปิดซ่อนพลังวิญญาณยังไงล่ะ”ไช่จินตอบพลางยิ้มบางๆ
“วิชาปิดซ่อนพลังวิญญาณ? แต่นั่นมันของกลุ่มนักลอบสังหารไม่ใช่หรือขอรับ”ชิงชิวถามด้วยท่าทีตกใจ หรือชายตรงหน้ามันจะเป็นมือสังหารกัน
“ความสามารถของเจ้ามันน่าเสียดายหากเจ้ายังปล่อยพลังวิญญาณออกมาโต้งๆแบบนั้น เอาไปฝึกซะ”ไช่จินว่าพลางควบม้าต่อไปด้วยท่าทีสบายใจ มันเหมือนชิงชิวที่พึ่งทราบข่าวสงคราม มันได้รับข่าวสารอยู่ตลอดเวลา และบอกตามตรงมันไม่คิดว่าอาณาจักรกู่จะทำอะไรกองทัพอสูรของไป๋จูเหวินได้หรอก
.
.
“นี่มันบ้าอะไรกัน”องค์จักรพรรดิอาณาจักรกู่มองกองทัพอสูรของไป๋จูเหวินที่กำลังเดินทางเข้ามาใกล้เมืองหลวงด้วยใบหน้าซีดเผือด ยามนี้กองทัพของมันมียอดฝีมืออยู่ 150 คนและทหารอีกนับแสนนาย แต่กำลังเท่านี้ไม่ทำให้มันรู้สึกว่าจะชนะได้เลย
“ท่านพ่อ นั่นท่านอาวุโสไม่ใช่หรือ”องค์ชายใหญ่ว่าพลางชี้ไปที่บนหลังของหลินหลิน
“อะไรกัน”จักรพรรดิใจหายวาบ บนหลังของหลินหลินปรากฏร่างอาวุโสแห่งอาณาจักรกู่นั่งอยู่ด้วยท่าทีสงบเสงี่ยมเจี๋ยมเจี้ยมเป็นอย่างมาก ไม่เหลือท่าทีหยิ่งผยองแต่เดิมเลยแม้แต่น้อย มันกำลังนั่งจ๋อยอยู่ด้านหลังไป๋ไป่โดยทำอะไรกับกองทัพที่กำลังบุกเข้าไปหาเมืองหลวงของอาณาจักรตนเองไม่ได้เลย
“แม้แต่ท่ายังโดนจับไปงั้นหรือ”องค์จักรพรรดิใจหายวาบเมื่อเห็นคนที่ตนยังไม่กล้าขัดใจไปนั่งคุกเข่าอยู่กับฝ่ายตรงข้าม
“ไม่ใช่ขอรับ ท่านไม่ได้โดนจับ”องค์ชายกู่หานตอบพลางเพ่งมองร่างของอาวุโสอาณาจักรกู่ดีๆ
“หมายความว่ายังไงไม่ได้โดนจับ”องค์จักรพรรดิถามพลางมองไปที่อาวุโสแห่งอาณาจักรกู่ดีๆ ยามนี้มันไม่ได้คุกเข่าอีกต่อไปแล้ว แต่กำลังลุกขึ้นยืน
“ข้าไม่บังคับให้เจ้าทำหรอกนะ”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองไปทางอาวุโสแห่งอาณาจักรกู่นิ่ง
“ไม่ขอรับ เพื่อแสดงความจริงใจของข้าแล้ว…”อาวุโสแห่งอาณาจักรกู่ว่าพลางปล่อยพลังวิญญาณออกมาพลางมองไปทางกองทัพของอาณาจักรกู่ หลังจากมันก้มหัวขอชีวิตกับไป๋ไป่ มันก็ก้มกราบจักรพรรดิไป๋เพื่อขอโอกาส สุดท้ายมันก็ยอมเข้าร่วมกับกองทัพของอาณาจักรไป๋แต่โดยดี แม้จะเป็นอาวุโสของอาณาจักรกู้ แต่มันไม่เหมือนอาวุโสเทียนหมิงที่ยอมทำเพื่ออาณาจักรตนเองโดยไร้เงื่อนไข เพียงแค่ลงมาช่วยเหลืองานก็ต้องคิดเงินแล้ว มันไม่ได้ผูกพันกับอาณาจักรกู่ขนาดนั้น หากเพื่อเอาชีวิตรอดมันย่อมสามารถโจมตีอาณาจักรกู่ได้ไม่ยาก