บุตรอสูรบรรพกาล – บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 301 แอบแฝง

ตอนที่ 301

 

แอบแฝง

 

“ฝ่ามือเพลิงพิฆาต3…..ครั้ง” ราชสีห์เพลิงสะท้านวาบเมื่อได้ฟังจากเหม่ยหลินว่าไป๋จูเหวินทําอะไรลงไปบ้าง

 

“แล้วก็ยังมีอีก 1 ครั้งที่ยังไม่ได้ใช้ออกไปเจ้าค่ะ” เหม่ยหลินอธิบายด้วยท่าที่เป็นกังวล ทันทีที่เรื่องจบลงเหม่ยหลินก็พยายามรักษาบาดแผลของหลินหลินเพื่อให้นางสามารถเดินทางมายังเขตอสูรผาไร้กันให้ไวที่สุด

 

“บ้าบินเกินไปแล้ว” ราชสีห์เพลิงกัดฟันกรอดพลางมองร่างของไป๋จูเหวินนิ่ง ฝ่ามือเพลิงพิฆาตเป็นกระบวนท่าที่ทุ่มแรงทั้งร่างลงไปเพื่อใช้ออกมา แม้แต่ราชสีห์เพลิงเองก็ยังเก็บไว้เป็นไม้ตายใช้ได้เพียงครั้งเดียวก็เสียพลังทั้งหมดแล้วแท้ๆ แต่ไป๋จูเหวินกลับใช้ออกมา 3 ครั้ง แม้ฝ่ามือแรกจะใช้พลังปกติ แต่อีก 2 ฝ่ามือได้ยินจากเหม่ยหลินว่าไป๋จูเหวินใช้เวลาไม่กี่วินาที่รวบรวมพลังและใช้ต่อ นั่นทําให้ราชสีห์เพลิงกังวลมาก

 

“คู่ต่อสู้เป็นระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 2.และ1”มังกรธรณีพูดพลางสัมผัสร่างของไป๋จูเหวินเบาๆ

 

“ข้าว่าจูเอ๋อทําถูกแล้ว คู่ต่อสู้แบบนั้นต่อให้พวกเรารุมก็อาจจะลําบากก็ได้”มังกรธรณีว่าพลางถอนหายใจออกมา อสูรแม้จะอยู่ได้เนิ่นนานยิ่งกว่ามนุษย์ แต่การเลื่อนระดับพลังค่อนข้างเชื่องช้า พวกมันเองกว่าจะขึ้นมาระดับนี้ได้ก็ต้องใช้เวลานับพันๆปี ไม่นึกเลยว่า มารจะใช้เวลาเพียง 5 ปีเท่านั้นในการเลื่อนจากระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 1 ไปเป็นขั้นที่ 2 หากมีมารที่อายุยืนยาวกว่าอสูรละก็….

 

“ไม่ต้องห่วง จูเอ๋อใช้พลังมากเกินไปเท่านั้น รอให้ร่างกายซ่อมแซมตนเองและฟื้นพลังกลับมาก็คงตื่น” มังกรธรณีตอบพลางปล่อยมือออกจากไป๋จูเหวิน

 

“ค่อยยังชั่ว” เหม่ยหลินทรุดเข้านั่งลงกับพื้นด้วยความโล่งอก นึกว่าไป๋จูเหวินจะเป็นอะไรไปเสียแล้ว

 

“ท่านแม่ ท่านพ่อปลอดภัยหรือเปล่าเจ้าคะ”ไป๋หลินถามพลาง เข้ามาหาเหม่ยหลินด้วยสีหน้ากังวล

 

“ไม่เป็นไรแล้วจ่ะ ให้พ่อเจ้าพักก่อนเถอะ”เหม่ยหลินลูบหัวของไป๋หลินเบาๆพลางจูบลงไปที่หน้าผากของนาง การปะทะกับราคะครั้งนี้หนักมาก แม้จะหยุดพวกมารเอาไว้ได้ แต่ก็เสียยอดฝีมือไปมากมาย รวมถึงอาวุโสเทียนหมิงที่เป็นดั่งญาติผู้ใหญ่ของพวกนางด้วย

 

“ค่ะท่านแม่”ไป๋หลินว่าพลางเดินออกมาจากห้องพักของไป๋จูเหวิน ซึ่งพวกท่านน้าเองก็ออกมาเช่นกัน ที่ไป๋จูเหวินมีความสามารถทําให้ตัวเองคลั่งแบบนี้น่าจะมาจากสายเลือดของอสูรแมงมุม นับว่าโชคดีมากที่ร่างกายของไป๋จูเหวินเองก็สามารถรับมือผลของสถานะคลั่งได้ เรียกได้ว่าแก่นอสูรของอสูรแมงมุมเตรียมพร้อมให้ร่างกายของไป๋จูเหวินพร้อมกับความสามารถนี้มาแต่แรกแล้ว

 

“ไป๋หลิน ถ้าเจ้ามีอาการแปลกๆก็บอกแม่นะ”เหม่ยหลินว่าพลางลูบหัวบุตรสาวอย่างอ่อนโยน

 

“เจ้าค่ะท่านแม่”ไป๋หลินตอบพลางพยักหน้าเข้าใจ นางโดนเฟิงมี่จับตัวไป แต่เพิ่งมีก็ไม่ได้ทําอะไรนางเลย แถมยังฝากพัดหยกขาวเอาไว้ให้ไป๋หลินอีกต่างหาก แต่ถึงจะรับมาแต่ไป๋หลินก็ยังไม่มีความรู้สึกอะไรเป็นพิเศษเลย

 

เปรี้ยง!! อยู่ๆสายฟ้าสายหนึ่งก็ฟาดลงมาที่หน้าวังของมังกรธรณี ปกติผู้มาพร้อมสายฟ้าเช่นนี้มักจะเป็นน้าพยัคฆ์ แต่คราวนี้คนที่ลงมากลับไม่ใช่

 

“อู๋หมิง?” เหม่ยหลินที่พึ่งเดินออกมาถามพลางมองไปทางอู๋หมิงด้วยสีหน้าประหลาดใจ อู๋หมิงไม่เคยมาที่นี่ แถมอู๋หมิงน่าจะยังไม่รู้ความลับเรื่องเขตอสูรไม่ใช่หรือ

 

“ขอโทษด้วย ข้ามีเรื่องด่วนจริงๆเลยไปถามพ่อของเจ้าว่าเจ้าอยู่ที่ไหน” อู๋หมิงว่าพลางเริ่มรวบรวมพลังใหม่ มันใช้พลังธาตุสายฟ้าเดินทางมาให้ไวที่สุดทําเอาพลังของมันลดไปมากทีเดียว

 

“มีเรื่องอะไรงั้นหรือ ทําไมท่านดูรีบร้อนขนาดนี้” เหม่ยหลินถามพลางมองท่าทีแปลกๆของอู๋หมิง

 

“พัดหยกขาวที่เจ้าเอามาให้ข้า ในนั้นไม่มีจิตมารอยู่” อู๋หมิงเริ่มอธิบายออกมา

 

“ไม่มี?”เหม่ยหลินงุนงงขึ้นมาทันที นางก็ไม่ได้โดนพวกมารล่อลวงแต่อย่างไรแล้วจิตมารของราคะไปอยู่ที่ไหนกัน

 

“ก่อนเจ้าจะเอาพัดหยกขาวมาให้ข้า มีใครถือหรือเปล่า”อู๋หมิง ถามด้วยท่าที่กังวล อาวุธมารเป็นสิ่งน่ากลัว เพียงสัมผัสก็แทบจะกลายเป็นมารได้ในทันที

 

“ไม่ พัดนี่ข้าไม่เคยให้ใครถือเลยจนเอามาให้เจ้า นอกจาก…”เหม่ยหลินชะงักค้างพลางหันไปมองบุตรสาวของตนเอง

 

“คะ?”ไป๋หลินเอียงคอสงสัย ทําไมพวกท่านแม่กับท่านอาอู๋หมิงถึงหันมามองนางเป็นตาเดียว

 

“ไป๋หลิน เจ้าได้จับพัดหยกขาวหรือเปล่า”อู๋หมิงถามพลางนําพัดหยกขาวออกมา

 

“เจ้าค่ะ”ไป๋หลินตอบออกมาตามตรง เฟิงมี่ยัดใส่มือนางเอง นางก็เลยเอามันไปให้แม่ ส่วนเหม่ยหลินก็เอาไปให้อู๋หมิงอีกที

 

“แล้วเจ้ามีอาการแปลกๆหรือเปล่า”อู๋หมิงถามด้วยท่าที่กังวล มันสัมผัสพลังมารจากตัวไป๋หลินไม่ได้ จากเหม่ยหลินเองก็ไม่มีเช่นกัน แต่คนที่จับอาวุธของราคะหลังจากเฟิงมี่ตายก็มีเพียง 3 คนนี้เท่านั้น

 

“ข้าสบายดี”ไป๋หลินตอบด้วยท่าทางใสซื่อ นางไม่ได้รู้สึกแปลก แต่อย่างไรเลยตั้งแต่กลับมาจากอาณาจักรโฮ

 

“งั้นเหรอ”อู็หมิงมีท่าที่ครุ่นคิดทันที พลังวิญญาณในร่างของไป๋หลินก็ยังปกติ แถมพลังอสูรก็ไม่ได้หายไปไหน อู๋หมิงที่ฝึกวิชาตรวจสอบพลังมารมาแล้วก็ยังจับสัมผัสอะไรไม่ได้ แต่เพราะแบบนั้นมันก็ยังยังมืดแปดด้านอยู่ว่ามารราคะหายไปไหนกันแน่

 

“อู๋หมิง เจ้าจะบอกว่าไป๋หลินอาจจะโดนราคะเข้าครอบงํางั้นเหรอ” เหม่ยหลินถามพลางมองไปทางลูกสาวตนเองอย่างเป็นห่วง

 

“มีโอกาสที่มันจะยังไม่แสดงผลออกมา แต่ข้าว่าราคะอาจจะเข้าไปอยู่ในร่างของไป๋หลินก็ได้”อู๋หมิงตอบพลางถอนหายใจออกมาด้วยท่าที่หดหู่ พวกเด็กๆในวัดของหยงเว่ยก็โดนฝังวิชามารเช่นกัน แต่พวกนั้นก็เสียพลังวิญญาณไปและกลับกลายเป็นพลังมารแทน แต่ทําไมไปหลินถึงไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย

 

“แบบนี้จะทํายังไงดี”เหม่ยหลินถามพลางมองอู่หมิงด้วยท่าทีกังวล

 

“ข้ายังตรวจสอบได้ไม่ลึกพอ ให้ข้าพาไป๋หลินไปหาหยงเว่ยเถอะ” อู๋หมิงเสนอพลางมองไปทางเหล่าอสูรของไป๋จูเหวิน พวกนางยังนั่งเฝ้าอยู่ข้างนอกไม่ได้ไปไหน เท่านี้อู๋หมิงก็ทราบแล้วว่าอาการของไป๋จูเหวินยังไม่ดีขึ้น

 

“ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปด้วย” เหม่ยหลินพูดจบก็หันหลังกลับไปหาพวกน้าๆของไป๋จูเหวินเพื่อเล่าเรื่องที่อู๋หมิงนํามาบอกให้ฟัง

 

“ว่าไงนะ”ไก่ฟ้าหงอนทองแทบจะออกมากลายร่างทันทีที่ทราบข่าว

 

“เร็วเข้าหลินเอ๋อ ไม่ต้องห่วงพ่อของเข้า น้าจะดูแลเอง” มังกรธรณีว่าพลางพาร่างของไป๋หลินขึ้นมานั่งบนร่างของไก่ฟ้าหงอนทอง ก่อนที่ตัวเองจะกลับลงไป ทําให้ไก่ฟ้าหงอนทองที่พวกไป๋หลินขึ้นมาขี่บนหลังจนครบแล้วรีบพุ่งตัวออกไปทันที

 

.

 

.

 

“แล้ว เจ้ามาทําอะไรในนี้” อสูรแมงมุมถามพลางมองร่างของมารราคะที่คุกเข่าอยู่กับพื้นเบื้องหน้าพวกนาง

 

“ขะ ข้าเป็นมารเจ้าค่ะ”ราคะตอบพลางเงยหน้าดูหญิงสาวทั้งสองที่อยู่ภายในจิตใต้สํานึกของไป๋หลิน นางเองก็เหมือนกับไป๋จูเหวิน ได้รับสืบทอดพลังต่อจากทั้งหวังเฉียนและอสูรแมงมุมเช่นกัน ทําให้ในจิตใต้สํานึกมีเศษเสี้ยวพลังของพวกนางอาศัยอยู่เช่นกัน ทําให้การเข้ามาในจิตใต้สํานึกของมารราคะได้รับการต้อนรับอย่างดี

 

“แล้วทําไมมารอย่างเจ้าถึงเข้ามาในจิตใต้สํานึกของหลานพวกเรา” หวังเฉียนามพลางจ้องราคะนิ่ง แม้จะทําให้ผู้ฝึกฝนวิชามารเพิ่มพูนพลังอย่างรวดเร็ว แต่ตัวมารนั้นไม่มีพลังอะไรเลย ทําให้นางไม่มีทางต่อกรผู้อยู่มาก่อนทั้งสองนางได้

 

“นางถืออาวุธมารตอนนายเก่าข้าตาย ข้าก็เลยต้องเข้ามาในร่างของนาง..”ราคะตอบด้วยท่าคุกเข่าในจิตใต้สํานึกของไป๋หลินช่างน่ากลัวจริงๆ

 

“เจ้าก็เลยจะเปลี่ยนหลานของข้าเป็นมารสินะ” หวังเฉียนว่า พลางเดินเข้ามาหาราคะ

 

“มะ ไม่เจ้าค่ะ ตัวข้าไม่มีจุดประสงค์จะทําเลย ข้าเลิกล้มความต้องการของตนเองไปนานมากแล้วเจ้าค่ะ”ได้ยินเช่นนั้นหวังเฉียนก็ชะงักเท้าลง

 

“ไม่ใช่ว่าทันทีที่มารเข้าร่าง ไป๋หลินต้องกลายเป็นมารแล้วงั้นหรือ นี่นางยังไม่แม้แต่จะมีพลังมารเสียด้วยซ้ํา” หวังเฉียนถามออกมาด้วยความสงสัย ปกติหากรับเอาพลังมารเข้ามามันจะทําลายพลังวิญญาณทิ้งและเริ่มฝึกฝนพลังมารแทนไม่ใช่หรือ

 

“เรื่องนั้นข้าเองก็ไม่ทราบเช่นกันเจ้าค่ะ ปกติมันไม่เป็นแบบนี้”ราคะว่าพลางสํารวจในร่างของไป๋หลินอย่างประหลาดใจ พลังมารแทบไม่มีผลอะไรกับไป๋หลินเลย แต่นางก็เข้ามาอยู่ในนี้แล้ว แสดงว่าไปหลินรับพลังมารเข้าไปแล้วแน่ๆ หรือจะเป็นเพราะ พลังทั้ง 2 สายของไป๋หลินกดเอาพลังมารเอาไว้ทําให้พลังมารแทบจะไม่เล็ดลอดออกมาเลย

 

“เด็กคนนี้เกิดมาแปลกประหลาดตั้งแต่แรก พวกข้าเองก็ยังไม่ทราบทั้งหมดว่านางเป็นเช่นไร” อสูรแมงมุมพูดออกมาเบาๆ ไป๋หลินที่เป็นบุตรของมนุษย์กลับมีพลังอสูรตั้งแต่เด็ก แถมยังมีความสามารถของอสูรแมงมุมอยู่อีกต่างหาก นับว่าเป็นตัวตนที่แปลกและไม่เคยมีใครพบเห็นมาก่อน การที่พลังมารทําอะไรนางไม่ได้ก็อาจจะมาจากความแปลกของนางด้วย

 

“ไหนๆเราก็ไล่เจ้าออกไปไม่ได้” อสูรแมงมุมว่าพลางเดินเข้ามา หามารราคะที่คุกเข่าอยู่

 

“เช่นนั้นก็เอาพลังของเจ้ามาเป็นพลังให้หลานสาวของเราเสีย” อสูรแมงมุมพูดจบห้องที่แต่เดิมถูกแบ่งเป็น 2 ส่วนก็เริ่มขยายออกช้าๆ ก่อนที่พลังมารในร่างของไป๋หลินจะเริ่มมีการเคลื่อนไหว แม้จะเพียงเล็กน้อยแต่พลังมารในร่างของนางก็เริ่มเติบโตขึ้นแล้ว

 

“…เดี๋ยวสิ ทําไมที่ของข้ามีแค่นี้ล่ะ”ราคะถามพลางมองห้องที่ถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน พื้นที่ของราคะแทบจะมีเพียงส่วนเล็กๆเท่านั้น

 

“เจ้าเป็นเด็กใหม่ก็อดทนเอาหน่อยแล้วกัน” อสูรแมงมุมว่าพลางหัวเราะเบาๆ แต่ไม่ทราบทําไมราคะถึงรู้สึกเหมือนกําลังโดนแกล้งอยู่เลย

Related

Comment

Options

not work with dark mode
Reset