ตอนที่ 395
คนที่ไม่อยากให้รู้
พรึบ…ในที่สุดเหล่าอสูรบินที่พาพวกไป๋จูเหวินเดินทางกลับมาจากอาณาจักรไชน์ก็ร่อนลงมายังพื้นที่ในวังหลวงของอาณาจักรไป๋เสียที การเดินทางคราวนี้นอกจาจะพบศึกที่หนักหนาเอาเรื่องยังได้อวยพรสหายของไป๋จูเหวินอย่างเพิร์ลและรูบี้อีกต่างหาก
“องค์จักรพรรดิขอรับ”ทันทีที่ไป๋จูเหวินลงมาจากหลังของน้าไก่ฟ้าขุนนางคนหนึ่งก็เดินเข้ามาทันที
“มีอะไร”ไป๋จูเหวินถามพลางจับมือของเหม่ยหลินที่กระโดดตามลงมาเอาไว้ แม้อีกฝ่ายจะไม่มีทางตกลงมาบาดเจ็บอยู่แล้ว แต่การแสดงความเป็นห่วงเล็กๆน้อยๆแบบนี้ก็เป็นสิ่งที่ไป๋จูเหวินทำประจำ
“จักรพรรดิอินมารอพบตั้งแต่เมื่อ 3 วันก่อนแล้วขอรับ”ขุนนางคนนั้นตอบพลางเช็ดเหงื่อที่หน้าของตนเอง หลังจากทราบว่าไป๋จูเหวินไปทำสงครามที่ต่างแดนและกำลังจะกลับมาจักรพรรดิอาณาจักรอินก็รีบเดินทางมาหมายจะต้อนรับและกล่าวชื่นชมการกระทำของไป๋จูเหวินอยู่ก่อนแล้ว
“เดินทางเหนื่อยจังเลย ข้าขอไปพักก่อนนะเจ้าคะ”ไป๋หลินได้ยินว่าจักรพรรดิอินมาก็หาเรื่องเลี่ยงทันที
“นั่นสิขอรับ”ชินอี้เองก็มีท่าทีไม่อยากพบเช่นกัน มันแทบจะเดินตามไป๋หลินไปทันทีเลยก็ว่าได้
“เอาเถอะ พวกเจ้าไปพักผ่อนก็ได้”ไป๋จูเหวินยิ้มบางๆพลางมองท่าทีของบุตรสาวบุตรชายอย่างรู้ทันแน่นอนว่าจักรพรรดิอินต้องพาบุตรสาวและบุตรชายมาด้วย ซึ่งมันก็พยายามจะยัดเยียดบุตรสาวบุตรชายของมันให้ไป๋หลินกับชินอี้เสียเหลือเกิน มันจึงไม่แปลกใจกับท่าทีของทั้งสองเลย เพียงแต่ถึงจะหนีไปตอนนี้ก็คงไม่รอดอยู่ดี
“องค์หญิง ข้าขอตัวสักครู่นะขอรับ”ชิงชิวว่าพลางเดินแยกออกไป มันได้ขอไป๋หลินเอาไว้ตั้งแต่ก่อนมาถึงวังหลวงแล้วว่ามันจะแยกไปหาน้องชายมันก่อนหลังจากกลับมาแล้ว แน่นอนว่าไป๋หลินไม่ได้ห้ามแต่ขอให้ชิงชิวพาชิงจื่อมาหาบ้างเท่านั้น
.
.
.
“เด็กใหม่ วันนี้องค์จักรพรรดิกลับมาแล้ว เจ้าไปจัดหอตำราให้เข้าที่ซะ”ขุนนางชั้นผู้น้อยที่ทำหน้าที่เฝ้าหอตำราสั่งพลางเอนหลังนอนอยู่ที่เก้าอี้ของหอตำราอย่างสบายใจ
“ขอรับ”ชิงจื่อตอบพลางเดินไปหยิบตำราที่ยังไม่ได้จัดขึ้นชั้นมาจำแนกหมวดหมู่และนำไปจัดเรียงให้เรียบร้อย
“พี่ชิงจื่อ ท่านช่วยอธิบายเนื้อหาตรงนี้ให้ข้าฟังได้หรือเปล่า”ชิงจื่อนั่งจัดตำราไปได้ไม่นานจินจื่อก็เดินเข้ามาในหอตำราทำเอาขุนนางเฝ้าหอตำรารีบลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีสุภาพทันที
“ขอรับ แต่ขอข้าจัดการตำรากองนี้ก่อนนะขอรับ”ชิงจื่อว่าพลางยกตั้งตำราที่จัดไว้แล้วไปเรียงในชั้น
“เจ้าบ้า องค์หญิงขอร้องเจ้าแล้วยังไม่ทำตามอีกหรือไง”ขุนนางเฝ้าหอตำราว่าพลางตรงเข้ามาหาชิงจื่อแล้วแย่งเอาตำราในมือไปจัดเองทันที ทำให้ชิงจื่อได้แต่หันมาช่วยจินจื่ออ่านตำรา
“องค์หญิง วันนี้เสด็จพ่อกับเสด็จแม่ขององค์หญิงกลับมาแล้วไม่ใช่หรือขอรับ ทำไมยังมานั่งอ่านตำราอีกล่ะ”ชิจื่อถามพลางนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามจินจื่อ นางเป็นเด็กสาวผู้มีเส้นผมสีทองยาวสลวยกับดวงตาสีม่วงกลมโตดูแล้วเหมือนตุ๊กตาจากอาณาจักรไชน์ไม่มีผิด หากไม่ใช่เพราะนางเป็นอสูรชิงจื่อคงคิดว่านางเป็นคนจากไชน์ไปแล้วแน่ๆ
“ท่านแม่บอกว่าจะมาหาข้าที่นี่”ได้ยินคำตอบของจินจื่อชิงจื่อก็ยิ้มบางๆออกมาพลางเริ่มถามนางว่านางสงสัยอะไรตรงไหนบ้าง การสอนหนังสือให้จินจื่อนั้นทำให้ชิงจื่อเองก็ได้ความรู้เพิ่มมามากทีเดียว เพราะการตอบคำถามนางแต่ละครั้งมันต้องคิดอยู่หลายตลบทีเดียว
“เจ้ามาทำงานอยู่ตรงนี้เอง”ไม่นานชิงชิวที่ขอตัวมาหาชิงจื่อตั้งแต่กลับมาถึงก็ตามมาจนพบว่าชิงจื่ออยู่ที่หอตำราใกล้ๆวังทองคำนี่เอง
“พี่ชิว/พี่ชิว”เสียงของชิงจื่อและจินจื่อต่างพูดออกมาพร้อมกัน แน่นอนว่าจินจื่อที่อยู่ในวังหลวงย่อมรู้จักชิงชิวอยู่แล้ว
“องค์หญิงจินจื่อ ท่านเองก็อยู่ที่นี่หรือขอรับ”ชิงชิวถามพลางเดินเข้าไปหาองค์หญิงก่อน แม้จะตั้งใจมาหาน้องชายแต่การให้เกียรติเชื้อพระวงศ์ก่อนถือเป็นเรื่องควรกระทำ
“เจ้าค่ะ ข้ามารอท่านแม่อยู่ที่นี่”จินจื่อยิ้มพลางตอบคำถามชิงชิวด้วยท่าทีดีใจ การที่ชิงชิวมาอยู่ที่นี่นั่นหมายความว่าแม่ของนางเองก็กลับมาแล้วเช่นกัน
“ท่านชิงชิวยินดีต้อรับขอรับ”ขุนนางเฝ้าหอตำรารีบเดินออกมาจากชั้นตำราก่อนจะประสานมือคารวะชิงชิวทันที ว่ากันตามยศแล้วชิงชิวที่เป็นองครักษ์ส่วนพระองค์นั้นอยู่ลำดับสูงกว่าขุนนางชั้นผู้น้อยอย่างมันมาก
“หวังว่าน้องชายข้าจะไม่มารบกวนท่านมากนะขอรับ”ชิงชิวว่าพลางยิ้มให้อีกฝ่าย
“มะ ไม่รบกวนเลยขอรับ”ขุนนางเฝ้าหอตำราว่าพลางมองไปทางชิงจื่อ ถึงจะแซ่ชิงเหมือนกันแต่ใครจะไปคิดเล่าว่าชิงจื่อจะเป็นน้องชายของชิงชิวที่มีตำแหน่งเป็นองครักษ์ส่วนพระองค์ขององค์หญิงไป๋หลินได้ หากใช้เส้นสายของชิงชิวเพียงเอ่ยคำเดียวชิงจื่อสมควรได้เข้ามาทำงานเป็นขุนนางชั้นกลางหรือสูงได้เลยเสียด้วยซ้ำ
“จินจื่อ…”อยู่ๆเสียงร้องโวยวายก็ดังมาจากหน้าหอตำรา คนที่มานั้นแทบไม่ต้องเดาเลย ในเมื่อจินจื่ออยู่ที่นี่คนที่แจ้นมาหาก่อนก็ต้องเป็นท่านไก่ฟ้าอย่างแน่นอน
“ท่านพ่อ…”จินจื่อมองร่างอ้วนๆของไก่ฟ้าหงอนทองด้วยท่าทีดีใจ ก่อนที่ไก่ฟ้าหงอนทองจะวิ่งวางเข้ามาหาบุตรสาวพลางดึงเข้าไปหอมเข้าไปกอดเสียเต็มที่
“ท่านพ่อพอแล้ว หนวดท่านพ่อมันจั๊กจี้”จินจื่อหัวเราะออกมาหลังจากหนวดของไก่ฟ้าหงอนทองจิ้มใบหน้าของจินจื่อเบาๆ
“ไม่ได้ พ่อไม่ได้เจอเจ้าตั้งหลายวัน มีใครรังแกเจ้าหรือเปล่า น้าเมฆาดูแลเจ้าดีไหม เหลยหู่กับอวิ๋นหู่ดีกับเจ้าหรือเปล่า”คำถามเป็นชุดๆของไก่ฟ้าหงอนทองทำเอาจินจื่อได้แต่กระพริบตาปริบๆ
“ท่านพี่ จินจื่อไม่เป็นอะไรหรอกน่า”จื่อหนิงที่ตามมาถึงเห็นภาพที่คิดเอาไว้อยู่แล้วก็ได้แต่ยิ้มบางๆออกมาพลางบอกให้ไก่ฟ้าหงอนทองออกมาจากจินจื่อเสียที ไม่ว่าจะตอนไป๋จูเหวินหรือบุตรสาวตัวเองไก่ฟ้าหงอนทองก็ขี้เป็นห่วงเกินไปเสมอ
“ไม่เป็นไรแน่นะ”ไก่ฟ้าหงอนทองถามพลางมองจินจื่อด้วยท่าทีสงสัย
“เจ้าค่ะ สองวันมานี้ได้พี่ชิงจื่อช่วยสอนหนังสือข้าสนุกมากเลย”จินจื่อยิ้มพลางมองไปทางชิงจื่อ แม้การเรียนอาจจะเป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับบางคน แต่จินจื่อไม่ใช่แบบนั้น นางสนุกกับการถามคำถามชิงจื่อมากทีเดียว เพราะคำตอบของชิงจื่อนั้นแปลกกว่าคนอื่นมาก เวลานางถามพวกขุนนางมักจะได้คำตอบตามตำราเป๊ะๆ แต่ชิงจื่อจะตอบคำถามออกมาได้แปลกกว่าคนอื่นๆ เหมือนมันเอาความคิดของตนเองมาร่วมในการตอบมากกว่าจะลอกมาจากตำรานั่นเอง
“ชิงจื่อ…”ไก่ฟ้าหงอนทองว่าพลางหันไปมองชิงจื่อ
“ชิงชิว นั่นน้องของเจ้างั้นหรือ”จื่อหนิงถามพลางมองไปทางชิงชิว นางเองก็ได้ยินมาแล้วว่าน้องชายของชิงชิวจะเข้ามาทำงานในวังหลวง แถมชิงชิวยังอยู่ที่นี่แสดงว่ามันรีบมาหาน้องของมันอย่างแน่นอน
“ขอรับ มันเป็นน้องชายร่วมสายเลือดของข้าเอง”ชิงชิวตอบพลางยิ้มอย่างอ่อนโยน
“ถ้างั้นก็ไว้ใจได้”ไก่ฟ้าหงอนทองพยักหน้าพลางเดินไปหาชิงจื่อทันที อาจจะเพราะชิงชิวทำงานอย่างซื่อสัตย์มาตลอดและยังสนิทสนมกับพวกน้าๆของไป๋จูเหวินและพวกขุนพลมากแล้วด้วยทำให้น้องชายของชิงชิวก็เหมือนน้องชายของสหายคนหนึ่ง เรียกได้ว่าไม่ใช่คนแปลกหน้าอะไร
“…..”ชิงจื่อมองภาพตรงหน้าโดยไม่ทราบว่าจะพูดอะไรดี ทำไมพี่ชายของมันถึงดูสนิทสนมกับพวกเชื้อพระวงศ์นักล่ะ ไก่ฟ้าหงอนทองที่อยู่ตรงหน้าคือบิดาของจินจื่อ สมควรมีฐานะเป็นน้าขององค์จักรพรรดิ ทำไมถึงได้พูดคุยกับชิงชิวอย่างกับสหายไปได้ แถมหัวหน้าของมันยังดูจะเกรงใจพี่ชายของมันมากทีเดียว
“จริงสิข้าขอยืมตัวชิงจื่อไปสักครู่ได้หรือไม่”ชิงชิวถามพลางมองมาทางขุนนางเฝ้าหอตำรา
“ได้อยู่แล้วขอรับ”ขุนนางเฝ้าหอตำราตอบทันที มีหรือมันจะกล้าขัดใจชิงชิว
“พี่ชิว ท่านจะไปไหนกัน”ชิงจื่อถามพลางมองชิงชิวที่ทำท่าเหมือนจะพามันไปที่อื่น
“มีคนอยากรู้จักเจ้านะสิ”ชิงชิวตอบพลางยิ้มออกมา ก็ไป๋หลินบอกว่าให้พาน้องชายไปพบนางด้วยนี่นะ
.
.
.
“ไป๋หลิน แม่เข้าไปนะลูก”เหม่ยหลินพูดพลางเปิดประตูห้องของไป๋หลินออกช้าๆ
“ท่านแม่ มีอะไรหรือเจ้าคะ”ไป๋หลินถามขณะนั่งอยู่บนเตียงโดยที่ข้างๆมีไป๋ไป่กำลังนั่งทำความสะอาดปีกของตนเองอยู่
“เย็นนี้องค์จักรพรรดิอินจะอยู่ร่วมมื้อเย็นด้วย”ได้ยินที่เหม่ยหลินบอกไป๋หลินก็มีท่าทีเหนื่อยใจทันที
“แม่เข้าใจว่าลูกไม่ชอบององค์ชายอินสิง แต่ในฐานะองค์หญิงเจ้าก็ต้องไปต้อนรับแขกนะ”เหม่ยหลินว่าพลางยิ้มบางๆเมื่อเห็นท่าทีของบุตรสาว
“ท่านแม่ ทำไมองค์ชายถึงดื้อด้านนักล่ะ ข้าปฏิเสธไปตั้งหลายครั้งแล้วนะ”ไป๋หลินถอนหายใจพลางนอนแผ่ลงบนเตียง
“ก็ลูกสาวแม่งดงามขนาดนี้ ไม่แปลกหรอกที่เหล่าชายหนุ่มจะพยายามเพื่อได้หัวใจเจ้า”เหม่ยหลินตอบพลางยิ้มหวานออกมา ไป๋หลินได้ความงามของมารดามาเต็มๆมีหรือจะไม่งดงามได้
“แต่ข้าเบื่อนี่นา ข้าไม่ได้ชอบองค์ชายอินสิงเสียหน่อย”ไป๋หลินถอนหายใจพลางมองไปทางมารดาของตนเอง
“มันก็มีวิธีที่จะทำให้พวกองค์ชายตัดใจอยู่นะ”เหม่ยหลินว่าพลางยิ้มบางๆ
“วิธีอะไรเจ้าคะ”ไป๋หลินทำตาโตมองมาทางมารดาตนเองอย่างคาดหวัง
“เจ้าก็เปิดเผยเรื่องของเจ้ากับชิงชิวเสียก็หมดเรื่อง หากเจ้ามีเจ้าของแล้วพวกองค์ชายก็ไม่เข้ามายุ่งหรอกนะ”ได้ยินที่มารดาพูด ไป๋หลินก็พลันหน้าแดงวาบทันที
“ท่านแม่รู้…”ไป๋หลินว่าพลางก้มหน้าลงเหมือนจะซ่อนใบหน้าแดงระเรื่อของตนเองให้พ้นสายตาเหม่ยหลินเสียอย่างนั้น
“เจ้าควรถามว่ามีใครไม่รู้บ้างดีกว่า”เหม่ยหลินหัวเราะพลางมองบุตรสาวที่ทำท่าเอียงอายออกมา ตั้งแต่เข้าช่วงฝึกวิชาเทพประสานชิงชิวกับไป๋หลินก็เริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้นจนเกินเลยความรู้สึกระหว่างองครักษ์กับองค์หญิง แน่นอนว่าไป๋จูเหวินเองก็ไม่ได้คิดจะห้ามความสัมพันธ์นี้แต่อย่างไร ตรงกันข้ามไป๋จูเหวินบอกว่าหากเป็นชิงชิวก็ไว้ใจได้เสียด้วยซ้ำ ตอนนี้พวกน้าๆกับพวกขุนพลไม่มีใครมองชิงชิวเป็นองครักษ์ของไป๋หลินกันแล้ว
“โถ่ ท่านแม่…แล้วชินอี้ละเจ้าคะ”เหม่ยหลินถามด้วยท่าทีกังวล
“ชินอี้น่าจะยังไม่รู้นะ น้องยังเด็กอาจจะมองไม่ออก”เหม่ยหลินตอบพลางทำหน้าสงสัยออกมา ทำไมไป๋หลินถึงไม่อยากให้ชินอี้รู้กัน
“ค่อยยังชั่ว”เหม่ยหลินถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่นางยังไม่บอกเรื่องของนางกับชิงชิวให้เสด็จพ่อได้ทราบเพราะนางยังไม่อยากให้ชินอี้ได้รู้ต่างหาก ช่วงหลังมานี่ชินอี้ติดไป๋หลินมาก แม้จะไม่ถึงกับอยู่ด้วยกันตลอดแต่มันก็ไม่ยอมให้ผู้ชายเข้ามายุ่งกับตนเลย อย่างพวกองค์ชายที่ตามจีบไป๋หลินก็เช่นกัน พวกมันโดนชินอี้ขวางเอาไว้จนไปกันไม่เป็นมาหลายคนแล้ว ไป๋หลินกลัวว่าหากชินอี้ทราบเรื่องของนางกับชิงชิวมันจะไม่ยอมให้ตนกับชิงชิวได้คบหากันจริงๆ